จากความศัทธาของลูกศิษย์ช่วยกันเผย?
ประวัติพระครูสิริบุญเขต (หลวงพ่อบุญมี จิตฺตธโม) เจ้าอาวาสวัดม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พระ เกจิอาจารย์ขมังเวทย์ ด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคลัวคลาด เมตตามหานิยม มหาอุต สิริมงคล โชคลาภ มีญาณสมาบัติแก่กล้า ปฏิปทาหน้าเลื่อมใส เป็นพระสุปฏิปัณโน ที่กราบได้อย่างสนิทใจ
ชาติภูมิ หลวงพ่อบุญมี มีนามเดิมว่า บุญมี ขอผึ้ง ถือกำเนิดเมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2470 เป็นบุตรคนใดในจำนวนทั้งหมด 6 คน
คือ 1.หลวงพ่อมี 2.นายเพี้ยน 3.นางบาง 4.นางเชิด 5.นายช่วย 6.นายชอบ ของโยมพ่อชั้น โยมแม่เจียก ณ บ้านม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง จบการศึกษา ป.4 ที่โรงเรียนม่วงคัน เมื่อจบการศึกษาแล้วได้มาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรมทำนา
อุปสมบท ครั้นอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดม่วงคัน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2491 โดยมีหลวงพ่อนุ่ม ธฺมมาราโม วัดนางในเป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทรง วัดศาลาดินเป็นพระธรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อชม ธมฺธีโร วัดนางในเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อบุญมีได้รับฉายาว่า จิตฺตธโม ครั้นอุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่วัดนางใน 4 พรรษา จำพรรษาอยู่วัดชีประขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อยู่กับหลวงพ่อซวง 2 พรรษา แล้วก็มาจำพรรษาอยู่วัดม่วงคัน ได้เดินทางไปมาหาสู่ วัดนางในและวัดชีปะขาวอยู่เสมอมา
การศึกษาพุทธาคม ไสยเวทย์มนต์คาถา หลวงพ่อบุญมี จิตฺตธโมนั้น เริ่มจากการเดินทางไปจำพรรษาอยู่วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ได้อยู่ใกล้ชิดปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อนุ่ม หลวงพ่อนุ่มเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในวิชาไสยศาสตร์คาถามาก ท่านเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากาหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ และสืบทอดวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อิ่มวัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี และสืบทอดวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าจากหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ซึ่งพระอาจารย์ที่หลวงพ่อนุ่มเล่าเรียนมา แต่ละองค์ล้วนแต่มีวัตถุมงคลที่มีค่านิยมหลักหมื่นต้น ๆ ถึงหลักแสน สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อนุ่ม เหรียญรุ่น1 เล่นหากันราคาหลายหมื่น เบี้ยแก้ เล่นหากันราคาสูงและหายากทั้งเหรียญและเบี้ยแก้มีประสบการณ์มาก หลวงพ่อนุ่มวัดนางในพระอาจารย์ของหลวงพ่อบุญมี วัดม่วงคันองค์นี้มีไสยเวทย์มนต์คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อได้แก่พระคาถาทำผงเรียกว่า "มนต์พระสงข์" ซึ่งเป็นสุดยอดเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ สิริมงคล โชคลาภ ใช้เรียกทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา เป็นที่ขึ้นชื่อและมีประสบการณ์ทันตาเห็น แม้ในครั้งยุคที่หลวงพ่อนุ่ม เวลาวัดมีงานปีและงานบุญ ท่านจะใช้แป้งเสกผงไปโรยบริเวณรอบวัด ตกกลางคืนผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศจนเบียดเสียดต้องดันกันเข้าบริเวณวัด ทุกครั้งไป เป็นที่ขึ้นชื่อว่าในอำเภอวิเศษไชยชาญไม่มีวัดไหนมีผู้คนมางานมากเท่าวัดนางใน หลวงพ่อบุญมีได้ขอศึกษาเรียนวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อนุ่มจนจบสิ้น
ในลำดับแรกท่านได้สอนวิชาทำสมถะกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ถ่ายวิชาจุพลังคุณ พระคาถาผงมนต์ พระสงข์ ทำเบี้ยแก้ มหาอุต คงกระพันชาตรี เมตตาค้าขาย ทำน้ำมนต์แก้คุณไสย ขับภูตผี ทำตะกรุด ทำผงปถมังอิธิเจ ตรีนิสงเห และผงมหาราช หน้าพระลักษณ์ เมื่อศึกษาจบสิ้นแล้ว ได้ลาพระอุปัชฌาย์ออกธุดงค์มุ่งสู่อำเภอพุทธบาทผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ขอนแก่น สกลนคร พระธาตุพนม จ.นครพนม สู่ประเทศลาว แล้วกลับมาทางนครราชสีมา เขาปักธงชัย จ.นครนายก ต่อไปวัดยางมณี อ.วิเศษไชยชาญ เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาสะกดสัตว์ร้ายจากท่านพระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) ท่านเชี่ยวชาญเรื่องวิชาป้องกันสัตว์ร้าย วิชาทำข้อกำไรแขน เชือกผูกเอว ผูกแขนป้องกันสัตว์ร้ายได้สารพัด เมื่อได้เรียนวิชาแล้วก็ลาหลวงพ่อชวน
จากวัดยางมณีไปกราบนมัสการหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว 2 พรรษา ได้ขอศึกษาไสยเวทย์พุทธาคมจากหลวงพ่อซวง หลวงพ่อซวงได้ถ่ายทอดให้จนหมดสิ้น หลวงพ่อซวงท่านเป็นศิษย์เอกหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์เช่นกัน มีพลังจิตสมาธิแก่กล้า ไสยเวทย์เข้มขลังพิสดาร เก่งทางมหาอุต อยุ่ยงคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาดเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวัตถุมงคลที่ ศักดิ์สิทธิ์ มีค่านิยมเล่นหากันสูงเป็นที่ยอมรับและรู้จักในวงการพระเครื่องทั่วเมืองไทย พระรูปเหมือนของท่านมีพุทธคุณมหาอุต อยู่คงกระพันชาตรีมากเล่นหากันหลักหมื่น พระลีลาก็เล่นกันหลักหมื่น ผ้ายันต์มีประสบการณ์รถตกจากสะพานลอยตีลังกาหลายตลบ รถหมุนมาตั้งในสภาพปกติไม่มีใครบาดเจ็บ รถก็ไม่ชำรุดเสียหาย วัตถุมงคลหลวงพ่อซวงถือเป็นสุดยอด เรียกหาต้องการกันมาก หลวงพ่อซวงได้สอนไสยเวทย์วิชาต่าง ๆให้หลวงพ่อบุญมี เช่น วิชาสมถะกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน อสุถะกรรมฐาน กสิณ 10 ทำน้ำมนต์ไล่ผี จับคูณไสย เสกมีดหมอ ทำตะกรุด ผ้ายันต์ ผ้ากระเจียด ผ้ายันต์หมาระงับดับทุกข์ภัย วิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาสะท้อน มหาอุต ลงแหวนพิรอดปลอดภัย ลงเขี้ยวงา
เมื่อจำพรรษาได้ 2 พรรษาก็ได้เดินทางมาจำพรรษาที่วัดม่วงคันในปี พ.ศ.2498 ซึ่งที่บ้านม่วงคันนี้เป็นถิ่นกำเนิดของหลวงพ่อบุญมี ตลอดระยะเวลาที่จำพรรษาอยู่ที่วัดม่วงคัน หลวงพ่อบุญมีท่านยังได้เดินทางไปมายังวัดนางในอยู่เสมอ ในครั้งที่หลวงพ่อนุ่มชรามาก หลวงพ่อบุญมีจะเดินทางไปดูแลรับใช้หลวงพ่อ จนถึงวาระสุดท้าย ท่านได้มรณภาพละสังขารไป ในช่วงที่หลวงพ่อบุญมีได้มาจำพรรษาที่วัดม่วงคันนั้น เป็นช่วงที่พระอธิการผลเป็นเจ้าอาวาสวัดม่วงคันสืบต่อจากพระอาจารย์เต๊ะ ซึ่งพระอาจารย์เต๊ะได้ลาสิกขาไป
ต่อ มาในปีพ.ศ.2486 พระอธิการผลก็ได้ลาสิกขา เนื่องจากสุขภาพสังขารไม่อำนวย ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ทำให้วัดม่วงคันวางเว้นขาดเจ้าอาวาสอยู่ 2 ปี ต่อมาในปีพ.ศ.2500 หลวงพ่อบุญมี จิตฺตธโม ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดม่วงคัน สืบต่อจากพระอธิการผล จวบถึงปัจจุบันนี้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ในปีพ.ศ.2513 แต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นเอกพิเศษในนามพระครูสิริบุญเขตในปีพ.ศ.2542 ขอหยิบยกประวัติพระอาจารย์เต๊ะ อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วงคันองค์แรกมากล่าวให้พอสังเขปในที่นี้ เพราะมีความเป็นมาที่มีความสำคับต่อวัดม่วงคันมาก แรกเริ่มเดิมทีของการสร้างวัดม่วงคันในที่แรกเป็นสำนักงานสงฆ์ในราวปีพ.ศ.2452 พุทธศาสนิกชนชาวบ้านม่วงคันและหมู่บ้านใกล้เคียงได้ร่วมกันสร้างสำนักงาน สงฆ์ม่วงคันขึ้น เพื่อสะดวกแก่การประกอบศาสนกิจและการกุศลต่างๆ ด้วย ยังไม่มีวัดอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้เลย เนื่องจากท้องที่ส่วนใหญ่ยังเป็นป่า มีประชาชนอยู่อาศัยยังไม่หนาแน่น การคมนาคมก็ไม่สะดวก
ในระยะแรก ๆ ต้องไปสืบเสาะนิมนต์พระสงฆ์มาจากในที่ห่างไกลมาอยู่จำพรรษา อยู่ไม่นานก็ลาสิกขาหรือกลับไปที่เดิมเสีย ในที่แรกสำนักงานสงฆ์มีสภาพ กุฏิเสาไม้ไผ่ ฝาขัดแตะหลังคามุงด้วยหญ้าคา (แฝก) ชาวบ้านจึงได้ไปนิมนต์พระภิกษุเต๊ะ ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดหลวงตำบลศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง มาจำพรรษา แต่งต้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดม่วงคันองค์แรก ในปีพ.ศ.2462 ตั้งแต่นั้นมาได้สร้างถาวรวัตถุของวัดเจริญขึ้นตามลำดับ เปลี่ยนจากเสาไม้ไผ่มาเป็นเรือนไม้ สร้างหอฉัน ศาส่าการเปรียบและหอสวดมนต์ พระอาจารย์เต๊ะ นอกจากเป็นพระนักพัฒนาแล้ว ยังใฝ่วิชาเรียนรู้ไสยเวทย์พุทธาคมเป็นศิษย์ได้สืบทอดไสยเวทย์พุทธาคมจาก หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.อยุธยา หลวงพ่อเข็ม วัดข่อย หลวงพ่อชื่น วัดกำแพง พระอาจารย์เต๊ะ อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วงคันได้นำเอาตำราไสยเวทย์คาถาอาคมต่างๆ หลายสำนักมาอยู่ที่วัดม่วงคัน รวมทั้งที่ท่านได้บันทึกมา ทำให้หลวงพ่อบุญมีได้ศึกษาเรียนรู้จากตำราไสยเวทย์ต่างๆ เหล่านี้ด้วย เช่น สูตรการทำผงพุทธคุณตามตำราหลวงพ่อปาน ทำผงอิธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห และผงหน้าพระลักษณ์อันเป็นยอดของผงวิเศษที่สมเด็จพระพุทธจารย์ (โต พรหมรังษี) วัดระฆังและหลวงปู่ภู วัดอินทร์ สมเด็จพระพุทธจารย์ (ทัต) สมเด็จปิลันทน์ วัดระฆัง
ซึ่งเชื่อกันว่าได้ทำผงวิเศษสูตรนี้ผสมลงในเนื้อพระที่ท่านได้สร้างขึ้นมา ในปีพ.ศ.2471 พระอาจารย์เต๊ะได้ขอพระราชทานวิสูงดามสีมา อุโบสถ และได้รับพระราชทานในปีต่อมาในปีพ.ศ.2472 หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ได้รวบควมจตุปัจจัยจากพุทธศาสนิกชนและศิษย์ยานุศิษย์ของท่านมาร่วมสร้าง อุโบสถ หลังแรกของวัดม่วงคัน พร้อมเป็นประธานเททองหล่อพระประธานองค์แรก โดยได้ว่าจ้างนายไฮ้ เป็นช่างหล่อในเวลานั้นและหลวงพ่อปานได้ตั้งชื่อว่าหลวงพ่อศรีเป็นพุทธรูป ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวตำบลรำมะสักและตำบลใกล้เคียงนับถือสักการะบูชามาขอพร บนบานสิ่งใดมักจะได้ผลเสมอ ปัจจุบันอุโบสถได้ชำรุดทรุดโทรมไปมาก หลวงพ่อบุญมีได้ให้ทำการซ่อมแซมมุงกระเบื้องหลังคา ทำผนัง และพื้นอุโบสถขึ้นใหม่ หลวงพ่อบุญมีเป็นพระปฏิบัติและนักพัฒนา วัดม่วงคัน เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก พุทธศาสนิกชนชาวบ้านรำมะสัก ศรัทธาเลื่อมใสหลวงพ่อบุญมีดุจดังเทพเจ้าแห่งรำมะสัก อีกทั้งมีศิษย์ยานุศิษย์มากมายหลายจังหวัดเช่น อ่างทอง อยุธยา สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท ลพบุรี ชาวรำมะสักและตำบลใกล้เคียงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ดีมีสุข มีความสามัคคีกลมเกลียวน้ำหนึ่งใจเดียว
ถ้าหลวงพ่อบุฐมีมีงานขึ้นภายในวัดม่วงคัน บริเวณวัดจะล้นไปด้วยผู้คน ล้นออกไปถึงนอกบริเวณวัดทุกครั้งไป หลวงพ่อบุญมีได้วางผังพัฒนาถาวรวัตถุและสิ่งปลูกสร้างภายในวัดขึ้นใหม่เกือบ ทั้งหมด อันดับแรกประมาณปีพ.ศ.2515 ได้ทำการสร้างศาลาหอฉัน และกุฏิสงฆ์ในพื้นที่เดียวกันพร้อมห้องน้ำ ต่อมาในปีพ.ศ.2531 ทำการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นสำเร็จลุล่วงในปีพ.ศ.2540 และได้ทำการผูกพัทธสีมาในปีพ.ศ.2541 ในปีพ.ศ.2543 ทำการสร้างเมรุและศาลาธรรมสังเวช หลวงพ่อบุญมีได้พัฒนาวัด ดูแลงานก่อสร้าง ทำให้วัดม่วงคันยิ่งพัฒนาให้เจริญรุ่งเรืองไปอย่างรวดเร็ว จากเดิมสภาพวัดมีแต่ตอไม้รกรุงรัง เปลี่ยนมาเป็นแมกไม้ที่เป็นระเบียบงดงาม ร่มรื่น เต็มไปทั้งอาณาบริเวณวัด
เมื่อสร้างเมรุและศาลาธรรมสังเวชเสร็จเรียบร้อย ต่อมาในปีพ.ศ.2544 ได้ทำการสร้างซุ้มประตูวัดด้านทิศเหนือ ในปีพ.ศ.2546 ได้ทำถนนคอนกรีตภายในวัดและรั้ววัด พ.ศ.2547 สร้างซุ้มประตูด้านทิศตะวันออกและทำการบูรณะซ่อมแซมอุโบสถหลังเก่า ขณะนี้เสร็จแล้วและเมื่อปลายปีพ.ศ.2547 ชาวบ้านรำมะสักและหมู่บ้านใกล้เคียงได้ร่วมกันเททองหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เพื่อเป็นพุทธบูชากราบไหว้ได้ประดิษฐานในอุโบสถวัดม่วงคัน รูปเหมือนเท่าองค์จริงหลวงพ่อปานองค์นี้ได้ให้หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม วัดตาลกงเบิกพระเนตรและปลุกเสกโดยหลวงพ่ออุ้นและหลวงพ่อบุญมี นอกจากได้พัฒนาวัดในเนื้อที่ 19 ไร่แล้ว ยังจัดเนื้อที่สร้างโรงเรียนและอนามัยเพิ่มอีกรวมเนื้อที่ 18 ไร่ หลวงพ่อบุญมีเป็นประธานอุปถัมภ์โรงเรียนวัดม่วงคันมาโดยตลอด หลวงพ่อบุญมี ในด้านการปฏิบัตินั้นมีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีสมาธิแก่กล้า ถือมักน้อยสันโดษ มีปฏิปทาน่าเลื่อมใสบริสุทธิ์ผ่องแผ้วทั้งทางโลกและทางธรรม มีเมตตาบารมีสูง มีไสยเวทย์เข้มขลัง เป็นพระสุปฏิปัณโน สมเป็นสมณศักดิ์พุทธในพระพุทธศาสนาอีกรูปหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนศรัทธา เลื่อมใส กราบไหว้ด้วยความอิ่มใจเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตลอดไป มีแต่รุ่งเรือง ร่ำรวย และมีแต่สิ่งที่ดี ๆ จะมีสมชื่อขอเชิญพุทธศาสนิกชนมีเวลามีโอกาสเดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่อศรี และรูปเหมือนหลวงพ่อปาน รวมทั้งหลวงพ่อบุญมี จิตฺตธโม เจ้าอาวาสวัดม่วงคัน
การเดินทางมีอยู่ 3 เส้นทางด้วยกันคือ เส้นทางที่ 1 จากตลาดอำเภอศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ที่ทางแยกบ้าน* มีป้ายบอกทางหลวงศรีประจันต์-แสวงหา เลี้ยวขวาตรงไปถึงวัดม่วงคันระยะทาง 12 กม. เส้นทางที่ 2 ขึ้นรถเมล์ที่วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ถึงวัดม่วงคัน และเส้นทางที่ 3 เริ่มต้นตลาดอำเภอโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เส้นทางสู่อำเภอศรีประจันต์ถึงวัดม่วงคันระยะทาง 18 กม. ทั้ง 3 เส้นทางจะมีป้ายบอกทุกเส้นทาง
วัตถุมงคลและประสบการณ์ เหรียญเสมารุ่น1 มีประสบการณ์ปืนยิงไม่ออก ได้เกิดเหตุยิงกันในวันงานยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดม่วงคัน มีวัยรุ่นไล่ยิงกันมาอีกฝ่ายวิ่งหนี อีกฝ่ายถือปืนวิ่งตาม คนวิ่งหนีเข้าไปในร้านค้าป้าหวุย เป็นร้านค้าอยู่หน้าวัดม่วงคัน หนีออกทางประตูหลังร้าน ในขณะเดียวกัน ลูกชายป้าหวุยเจ้าของร้านไม่รู้เรื่องได้เดินสวนออกมา วัยรุ่นที่ถือปืนตามมา คิดว่าเป็นพวกออกมาจะต่อสู้จึงได้ยิงด้วยปืน .38 ทันทีหลายครั้ง แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก ลูกป้าหวุยโดนยิงแต่กระสุนไม่ออกได้แขวนเหรียญเสมารุ่น1 หลวงพ่อบุญมีอยู่ในคอเหรียญเดียว ชื่อนายจิมมี่ แสงอำนาจเจริญ เป็นบุตรชายของป้าหวุย แสงอำนาจเจริญ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างงานผู้คนมากมายรู้กันทั้งตำบล และมีประสบการณ์อีกหลายครั้ง
ครั้งที่ 2 เกิดเรื่องยิงไม่ออกอีก เกิดในคืนวันงานผูกพัทธสีมาผังลูกนิมิต วัดม่วงคันในปีพ.ศ.2541 ตำรวจนอกเรื่องแบบ อดีตเป็นตำรวจอยู่ประจำสน.รำมะสักได้ย้ายไปอยู่สน.อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ได้มาเที่ยวงานวัด มากินอาหาร ดื่มสุราที่ร้านเบียร์สดหน้าวัดจนเมามาย ได้พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.รำมะสักที่คุ้นเคยรู้จักกัน อยู่ในชุดเครื่องแบบรักษาการอยู่ได้โซเซเข้าไปชักชวนมาร่วมดื่มสุราด้วย ตำรวจในชุดรักการอยู่บอกปฏิเสธว่า "มึงไม่รู้เรื่องหรือ กูกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่" เท่านั้นแหละ ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เมาสุราไม่พอใจ กระโดดเข้าชกต่อย เกิดการต่อสู้กัน ตำรวจนอกเครื่องแบบได้ชักปืนออกมาแล้วยิง แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก เหตุเกิดขึ้นในงานใกล้ปากประตูเข้าวัด มีผู้คนรู้เห็นมากมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงไม่ออก มีเหรียญเสมารุ่น1 หลวงพ่อบุญมี ห้อยคออยู่เหรียญเดียว และอีกประสบหนึ่งมีชาวบ้านห้อยแขวนเหรียญเสมารุ่น1 นี้อยุ่ในคอเหรียญเดียว ถูกรถชนกระเด็นไปหลายวา ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือแม้นเลือดออกแม้แต่หยดเดียว รอดชีวิตมาได้อย่างปฏิหารย์ เหรียญเสมารุ่น1 นี้ ออกแจกให้ชาวบ้านและศิษย์จำนวน 5,000 เหรียญออกในปีพ.ศ.2514 เป็นเนื้อทองแดง เนื้อเดียว ได้ปลุกเสกอธิฐานจิตโดยหลวงพ่อบุญมี องค์เดียว เหรียญรุ่น1 นี้ค่อนข้างหายาก ชาวบ้านต่างหวงแหน