Daily Stocks
การลงทุนมีความเสี่ยง และขึ้นอยู่ในแต่ละเวลาแต่ละวัน
บล.กรุงศรี พัฒนสิน ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ซึ่งเมื่อวานนี้ได้เปิดตัวธุรกิจค้าส่งอาหารภายใต้แบรนด์ Go Wholesale ซึ่งฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นกลาง ต่อการเปิดตัวของธุรกิจดังกล่าว เนื่องจากไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายของตลาด โดย CRC เคยเปิดแผนเตรียมขยายธุรกิจใหม่ด้านอาหารตั้งแต่ต้นปีแล้ว โดยการเปิดสาขา Go wholesale ในปีนี้ไม่กระทบต่องบลงทุนของบริษัท และประมาณการผลการดำเนินงานในปีนี้ของฝ่ายวิจัยอย่างมีนัยสำคัญ
ฝ่ายวิจัยมองในเชิงปัจจัยพื้นฐาน คาดว่าในช่วง 3 ปีแรกจะเกิด downside มากกว่า upside ต่อประมาณการกำไรของฝ่ายวิจัย แม้ประเมินการขยายตลาดไปกลุ่มธุรกิจค้าส่งของ CRC จะมีข้อดีที่ถือเป็นการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ และ CRC มี synergies จากเครือที่คาดมีโอกาสได้รับคำสั่งซื้อมาจากธุรกิจเครือที่ดำเนินด้านโรงแรมและกลุ่มร้านอาหาร
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยมีความกังวลต่อแนวโน้มการแข่งขันในธุรกิจที่จะเข้มข้นขึ้น ภายใต้แผนการขยายสาขาของบริษัทที่เป็นเชิงรุก ดังนั้นฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักในช่วง 3-4 ปีแรกของธุรกิจนี้น่าจะสร้าง downside มากกว่า upside หลังได้ข้อมูลจากบริษัทที่ชัดเจนขึ้น
ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำซื้อลงทุนหุ้น CRC ให้ราคาเป้าหมายของปี 2567 ที่ 46 บาทต่อหุ้น โดยให้น้ำหนักการเติบโตกำไรในปีหน้าจะเด่นขึ้นอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรเป็น 9.9 พันล้านบาท เติบโต 21% หลังธุรกิจในเวียดนามฟื้นเต็มตัว เริ่มรับรู้รายได้สาขาหรือ format ใหม่และผลบวกจากต้นทุนค่าไฟขาลงเต็มปี
ด้านบล.โกลเบล็ก มีมุมมองบวกต่อการขยายธุรกิจค้าส่งของ CRC ที่จะทำให้ครอบคลุมทั้งตลาดค้าปลีกและค้าส่ง ซึ่งเป็นความท้าทายในขณะที่คู่แข่งรายใหญ่อย่างแม็คโครมีความแข็งแกร่งและมีความได้เปรียบในฐานะ first mover แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลัง คาดจะดีกว่าครึ่งปีแรก และมีโอกาสสูงสุดในไตรมาส 4/66 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น
บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS แนะนำหุ้น 3 ธีมที่น่าสะสม โดยคาดว่าจะเห็น Fund Flow ทั้งในและต่างประเทศทยอยกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นได้ในระยะถัดไปได้ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการทยอย
สะสมหุ้น อีกทั้งยังมีตัวเลือกการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น โดย 3 ธีมดังกล่าว ได้แก่
1. หุ้นอิงเศรษฐกิจจีน SCGP, PTTGC, IVL
2. หุ้นอิงนโยบายรัฐบาลใหม่ BJC, CRC, CPAXT, BEM, ADVANC, TRUE, AOT, ERW
3. หุ้น Laggard ราคาน้ำมัน PTTEP, TOP, SPRC
ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส ระบุว่า ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยมากที่สุดกว่า1.35 แสนล้านบาท ตามมาด้วยพอร์ตโบรกเกอร์ขายสุทธิ 592 ล้านบาท ต่างกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิ 5.55 หมื่นล้านบาท และนักลงทุนในประเทศที่ซื้อสุทธิสูงสุด 8.03 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังขายตราสารหนี้ไทยไปกว่า 1.26 แสนกว่าล้านบาท
และถ้าเทียบตลาดหุ้นไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน 5 ประเทศ พบว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเอเชียเหนือเป็นหลัก อย่าง ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ถูกซื้อสุทธิ 8.0 พันล้านเหรียญ (ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.3%) และตลาดหุ้นไต้หวันถูกซื้อสุทธิ3.7 พันล้านเหรียญ (ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.7%) ขณะทีตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ถูกขายสุทธิทั้งสิ้น เริ่มจากตลาดหุ้นอินโดนีเซียถูกขายสุทธิเล็กน้อย -47 ล้านเหรียญ (ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5%) ตามมาด้วยตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ถูกขายสุทธิ -265 ล้านเหรียญ(ปรับตัวลดลง -6.0%) และตลาดหุ้นไทยถูกต่างชาติขายสุทธิสูงสุดในภูมิภาค -3.9พันล้านเหรียญ (ปรับตัวลดลง -6.2%)
ปัจจัยที่กดดันต่างชาติขายหุ้นไทยหนักสุดในภูมิภาคมีอยู่ 3 ส่วนหลัก คือ
-กนง. มีการขึ้นดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่อง 7 ครั้งในรอบ 12 เดือน จาก 0.5% เป็น 2.25% ตามกลไกจะกดดันให้ตลาดหุ้นจะซื้อขายกันบน P/E ที่ถูกลง
-เศรษฐกิจไทย ขาดความต่อเนื่องในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเติบโตช้ากว่าที่คาด โดย GDP 1Q66 เติบโตเพียง 2.6%YoY และ GDP 2Q66 เหลือการเติบโตเพียง 1.8% เท่านั้น
- เกิดสุญญากาศทางการเมือง หรือใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนรัฐบาลนานเกินกว่า 100 วัน ส่งผลให้เกิดการชะลอการลงทุนชั่วคราว สะท้อนได้จากมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยในเดือน มิ.ย. และ ก.ค. ลดเหลือเพียง 4.4 หมื่นล้านบาท/วันเท่านั้น
หลังจากนี้ ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยมี Downside ที่ค่อยๆ แคบลง หลังผ่านปัจจัยลบต่างๆ มาพอสมควร และต่อจากนี้มีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวได้ดีขึ้น ด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- สัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติ อยู่ในระดับต่ำมากๆ แล้ว Dowside น่าจะจำกัด โดยข้อมูล ณ สิ้นเดือน ส.ค. ต่างชาติถือครองหุ้นไทยทางตรง 23.94% แต่ถ้าลบหุ้น DELTA ออกจะเหลือการถือครองเพียง 18.7% เท่านั้น
-ปัจจัยภายนอก 1). วัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้จบ หลังจาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วใน 1 ปี 7 เดือน จาก 0.25% มาเป็น 5.5% ซึ่งสูงกว่าเงินเฟ้อปัจจุบันที่ลดลงเหลือ 3.3% พอสมควร ส่งผลให้ตลาดคาด Fed น่าจะคงดอกเบี้ยไปจนถึงต้นปี 2567 ก่อนทยอยปรับลง 2). รัฐบาลจีนออกมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ หลังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า และภาคอสังหาฯมีหนี้สูง พร้อมผิดนัดชำระ ซึ่งประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนทั้งทางตรง และทางอ้อม
-ปัจจัยภายในประเทศ 1.) การเมืองมีพัฒนาการเชิงบวกมากเรื่อยๆ หลังผ่านระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่มาเกินกว่า 3 เดือนครึ่ง และน่าจะเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการลดราคาพลังงาน, ฟรีค่าธรรมเนียม VISA สำหรับนักท่องเที่ยว และความคาดหวังการแจกเงิน Digital 10,000 บาท ในระยะถัดไป 2.) หลังการเมืองคลี่คลายมูลค่าซื้อขายหุ้นไทยทยอยเพิ่มขึ้น ตามกลไกช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้นได้ 3.) แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องหลังจากนี้ โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไรช่วง 2H66 มีโอกาสเติบโตขึ้นได้19%HoH และเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 อีก 12.6%
ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด น่าจะช่วยหนุนให้เห็น Fund Flow ทั้งในและต่างประเทศทยอยกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นได้ในระยะถัดไปได้
บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ JKN แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทได้บรรลุข้อตกลงร่วมกับบริษัท ท็อปนิวส์ ดิจิทัล มีเดีย จำกัด หรือ Top News ในการร่วมผลิตรายการประเภทรายการข่าวสารและสาระระหว่างบริษัท เจเคเอ็น เบสท์ ไลฟ์ จำกัด หรือ JKNBL ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และ Top News เพื่อออกอากาศทางช่อง JKN18 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดผังรายการเพื่อจัดสรรช่วงเวลาการออกอากาศ โดยบริษัทจะได้รับค่าตอบแทนตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน โดยการเข้าทำรายการในครั้งนี้มีความสมเหตุสมผลเป็นประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท
ทั้งนี้ JKNBL ยังเป็นผู้ได้รับสิทธิในการประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ จาก กสทช. เช่นเดิม และมิได้ทำการขายสิทธิในการประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ตามที่ปรากฏในรายงานข่าวแต่อย่างใด
สำหรับการร่วมผลิตรายการในครั้งนี้นั้น จะสามารถเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้กับช่อง JKN18 เนื่องจากบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญทางด้านรายการบันเทิง และรายการข่าวด้านเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน ในขณะที่ Top Newsมีความเชี่ยวชาญในกลุ่มรายการข่าวสารและสาระ ในการเสนอข้อเท็จจริงในทุกๆด้าน การนําความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่ ายมาร่วมกันในครั้งนี้จะช่วยผลักดันความนิยมของผู้ชม รวมถึงขยายฐานผู้ชมช่อง JKN18 ให้มีจํานวนมากขึ้น สามารถเสริมสร้างให้ธุรกิจของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
ราคาหุ้น JKN เช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ที่ 1.37 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 17.09% มีมูลค่าการซื้อขาย 122.11 ล้านบาท
ปฏิทินหลักทรัพย์ รวบรวมจากบริษัทจดทะเบียน แจ้งขึ้นเครื่องหมาย XD ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 11-14 ก.ย. 2566 (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ก.ย.2566)
11 ก.ย.
SUSCO XD ปันผล 0.08 บาท (ปันผลพิเศษ) หุ้นละ 0.12 บาท
12 ก.ย.
BANPU XD ปันผล 0.25 บาท
BDMS XD ปันผล 0.35 บาท
HMPRO XD ปันผล 0.18 บาท
13 ก.ย.
EASTW XD ปันผล 0.05 บาท
KBANK XD ปันผล 0.50 บาท
SCB XD ปันผล 2.50 บาท
TIPH XD ปันผล 0.50 บาท
TPIPL XD ปันผล 0.03 บาท
TPIPP XD ปันผล 0.12 บาท
14 ก.ย.
EGCO XD ปันผล 3.25 บาท
บล.แลนด์ แอน เฮ้าส์ ส่องกลยุทธ์ลงทุน ระบุวันนี้ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยขับเคลื่อนราคาที่น่าสนใจติดตามหลายประเด็น คือ 1)การประชุม กนง.ช่วงปลายเดือนนี้ กนง. จะมีการปรับลดประมาณการ GDP ลง โดยคาดว่ามีโอกาสปรับลงในเกือบทุกหมวด ยกเว้นการใช้จ่ายในประเทศ และการท่องเที่ยวที่มีโอกาสคงประมาณการเดิมหรือปรับลดลงเล็กน้อย ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มดังกล่าว แนะสะสม AAV, BA, BEM, CPALL, CPN, CRC
2)ติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐประจำเดือน ส.ค. ที่จะประกาศในวันพุธที่ 13 ก.ย. นี้ โดยนักวิชาการหลายสำนักคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 3.2% YoY สูงกว่ากรอบเป้าหมายที่ 2% ที่ FED ต้องการควบคุมไว้ค่อนข้างมาก กอปรกับนักลงทุนเริ่มกังวลว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และตัวเลขภาคแรงงานที่ชะลอลงน้อยกว่าคาด ส่งผลให้ Fed คงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงนานกว่าคาดการณ์เดิม เป็น sentiment เชิงบวกต่อ BBL, KTB, TLI
3)เบื้องต้นภาพตลาดยังดูมรทิศทางที่ไม่ชัดเจน จึงแนะนำให้หาจังหวะซื้อลงทุนในหุ้นรายตัวที่คาดมีโอกาสเติบโตดีในอนาคต เช่น ADVANC ที่จะอานิสงส์เชิงบวกจากการควบรวมกับ 3BB ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ internet บ้านให้โตราวเท่าตัว
4)ดัชนีค่าระวางเรือเทกอง BDI เมื่อคืนนี้ปิดที่ 1,141 จุด ปรับตัวขึ้นแรงถึง 5.55% เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มเดินเรือเทกอง แนะนำให้ซื้อเก็งกำไร PSL
Stock Thematics
หุ้น ADVANC ให้เป้าหมาย 250บ. แนะนำ “ซื้อ” กำไร Q2/66 เติบโตเด่น +13.9%YoY, +6.3%QoQ จากการแข่งขันด้านราคาลดลง ช่วยหนุนให้ ARPU ฟื้นตัวดี QoQ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการตลาด และเมื่อดีลควบรวมกับ 3BB เสร็จสิ้นจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้า และฐานรายได้ internet บ้าน รวมถึงเพิ่มฐานกำไรให้แก่ ADVANC ได้ทันที เนื่องจาก กองทุน JASIF ผ่านการอนุมัติการปรับลดค่าเช่า แลกกับการันตีต่ออายุการเช่าเพิ่มขึ้นอีก 6 ปี และจะช่วยเพิ่มมูลค่าแก่ราคาเป้าหมายของ ADVANC
หุ้น CPALL ให้เป้าหมาย 76บ. แนะนำ “ซื้อ” กำไร Q2/66 เติบโต +8%QoQ, +48%YoY โดดเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก จากกำไรของธุรกิจ 7-11 ที่เติบโตโดดเด่นราว 59% YoY มาช่วยหักล้างกำไรของ CPAXT ซึ่งเป็น บ.ย่อย ที่ลดลง 3.6% YoY เป็นผลให้นักวิเคราะห์ของเราปรับประมาณการกำไรปี 66-67 ขึ้น ทั้งนี้เรามองว่า CPAXT ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว จะกลับมาเติบโตใน 2H66 หลังออกหุ้นกู้สกุลเงินบาท มาชำระเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์แล้ว จะช่วยให้ CPAXT ประหยัดดอกเบี้ยจ่ายไตรมาสละ 300 ล้านบาท
หุ้น CPN ให้เป้าหมาย 81บ. แนะนำ “ซื้อ” รายงานกำไร Q2/66 โต +13.2%QoQ และ +33.5%YoY จากการให้ส่วนลดค่าเช่าที่ลดลงสู่ระดับปกติ หลังภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวพร้อมปรับค่าส่วนกลางขึ้น ชดเชยค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น และคาดว่า 2H66 จะยังคงดีต่อเนื่อง HoH และ YoY จากการเพิ่มรายได้ค่าเช่าส่วนลานกิจกรรม อีกทั้งจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีก 2 โครงการ และเปิดโรงแรมแห่งใหม่อีก 4 แห่ง
TSMC บริษัทผลิตชิปใหญ่สุดในโลก ได้เงินจากแบรนด์เทคโนโลยี ปีละ 2.6 ล้านล้านบาท
—
งานสัมมนา “ลงทุนนอก กับ ลงทุนแมน” รวมเรื่องต้องรู้ ลงทุนต่างประเทศ 8 ต.ค. 2566
“ถ้าชอบของถูก อย่าดูหุ้นจีน เพราะคุณจะอดใจไม่อยู่” นี่คือคำกล่าวของ คุณโจ ลูกอิสาน
- สิ่งที่ทำให้คุณโจ ลูกอิสาน เจ็บหนักในการลงทุนนอก คืออะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาบ้าง เราจะได้รู้กันใน Session 4 ของงานลงทุนนอกที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8 ต.ค.นี้
ใน Session 4 นี้จะมีนักลงทุนมากประสบการณ์มาเล่าความผันผวนของหุ้นนอกให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นตลาดจีน เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา
- คุณโจ อนุรักษ์ บุญแสวง
- คุณมี่ ทิวา ชินธาดาพงศ์
- คุณแดม ชนาเมธ เฟื่องวรรธนะ
- คุณโจเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้มีหุ้นจีนราคาถูกมากมายอยู่เต็มตลาด เกิดอะไรขึ้นบ้างกับหุ้นจีน การถือหุ้นที่ราคาถูกแล้วหุ้นยังร่วงต่อมันเป็นอย่างไร คุณโจจะเล่าประสบการณ์ให้ฟังในงานนี้
- สอดคล้องกับคุณมี่ ที่เจ็บจากหุ้นจีนเหมือนกัน และยังโดนจากหุ้นเวียดนามด้วย คุณมี่จะมาเล่าให้ฟังว่าเขาเจออะไรมาบ้าง ตอนที่มันผันผวน มันกระทบกับจิตใจอย่างไร
- คุณแดมเคยออกงาน Black Swan จะมาเล่าให้ฟังว่าหลังจากออกงานในครั้งนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาบ้าง การที่หุ้นที่เราถือ แล้วไม่ขึ้นเหมือนชาวบ้าน มันเพราะอะไร
สำหรับ Session 4 มีชื่อว่า Turbulence เปรียบเสมือนการตกหลุมอากาศของเครื่องบิน ซึ่งถ้าเราเจอกับสภาวะนั้นในการลงทุนหุ้นนอก ก็คงจะไม่ดีนัก Session นี้ ผู้มีประสบการณ์ที่เคยตกหลุมมาแล้วจะมาเล่าให้เราฟังในงานลงทุนนอก สนใจดูรายละเอียด และซื้อบัตรงานลงทุนนอกที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8 ต.ค.นี้
เมื่อวานได้ฟังคำแถลงของคุณแอน รู้ได้ว่าคุณแอนเป็น ผู้บริหารที่มีความรู้ ไม่ได้อินโนเซนส์ รู้ศัพท์ด้านการเงิน แต่มีหลายอย่างน่าสงสัย
สิ่งที่เกิดขึ้นคุณแอนใช้คำว่า Liquidity Mismatch
พูดภาษาชาวบ้านก็คือขาดสภาพคล่องชั่วคราว มีรายจ่ายมากในตอนนี้ แต่ในอนาคตบริษัทจะมีรายได้เข้ามา แต่มีประเด็นที่น่าสงสัยในคำแถลงอยู่มากมาย ซึ่งลงทุนแมนให้ข้อคิดเห็น 3 ข้อสำหรับ JKN
ในช่วงที่ผ่านมาสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งของ JKN คือการลาออกของ CFO..
- ติดตาม ข้อคิดเห็นต่อหุ้น JKN ล่าสุด ได้ใน Blockdit Invest
อธิบายเหตุผลที่ JKN กำไรทุกปี แต่ทำไม ไม่มีตังค์จ่ายเงินกู้ /โดย ลงทุนแมน
วันนี้ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป หรือ JKN รายงานว่าไม่สามารถจ่ายคืนเงินกู้ 609 ล้านบาท ที่กำลังจะครบกำหนดชำระในวันพรุ่งนี้ได้ครบจำนวน
เรื่องดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วง -28% จนเกือบติดฟลอร์ มูลค่าหายไป 700 ล้านบาท ในวันเดียว
แต่รู้หรือไม่ว่า
หลายปีที่ผ่านมา บริษัท JKN มีกำไรติดต่อกันทุกปี
ผลประกอบการของ JKN
ปี 2562 รายได้ 1,711 ล้านบาท กำไร 253 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 1,683 ล้านบาท กำไร 312 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 1,806 ล้านบาท กำไร 179 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 2,670 ล้านบาท กำไร 608 ล้านบาท
แล้วทำไม JKN มีกำไรทุกปี แต่ไม่มีเงินมาจ่ายเงินกู้ ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN มีนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ เป็นทั้ง CEO และผู้ถือหุ้นใหญ่ อธิบายธุรกิจหลักของ JKN ง่าย ๆ ก็คือ
- ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากต่างประเทศ
- นำมาจำหน่ายและเผยแพร่ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ช่องทีวีดิจิทัล JKN18 หรือระบบวิดีโอออนดีมานด์
ประเทศที่ JKN ไปนำคอนเทนต์เข้ามา ก็เช่น เกาหลีใต้ อินเดีย จีน ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา
นอกจากนั้นก็ยังมี
- ธุรกิจให้บริการเวลาเพื่อโฆษณา ทางช่องโทรทัศน์
- ธุรกิจจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์
และล่าสุดคือ ธุรกิจการบริหารจัดการลิขสิทธิ์นางงามจักรวาล หรือ Miss Universe ที่ JKN เพิ่งไปซื้อกิจการมาด้วยมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท
หากมาดูผลประกอบการของ JKN ที่ผ่านมา
ปี 2562 รายได้ 1,711 ล้านบาท กำไร 253 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 1,683 ล้านบาท กำไร 312 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 1,806 ล้านบาท กำไร 179 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 2,670 ล้านบาท กำไร 608 ล้านบาท
จะเห็นว่า บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างดี มีกำไรมาโดยตลอด แต่จริง ๆ แล้วมันอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่
ด้วยธรรมชาติของธุรกิจ JKN ที่เน้นขายคอนเทนต์ ทำให้ต้องมีการลงทุน เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ตลอด
สินทรัพย์ส่วนใหญ่ของ JKN อยู่ในรูปของสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน นั่นก็คือ ลิขสิทธิ์รายการ และเครื่องหมายการค้า
ซึ่งสินทรัพย์ตรงนี้ พอไปลงทุนซื้อมา ก็จะถูกนำไปทยอยหักออกเป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไร ขาดทุน ตามสัญญา เช่น 3 ปี, 5 ปี หรือ 10 ปี ไม่ได้ลงเต็มเป็นก้อนในปีเดียว
ดังนั้น หากเราจะดูธุรกิจประเภทนี้ให้ชัดขึ้น เราก็ต้องไปดูที่งบกระแสเงินสด ซึ่งบ่งบอกถึงเงินสดที่ไหลเข้าออกในกิจการจริง ๆ จะพบว่า กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน
ปี 2562 -974 ล้านบาท
ปี 2563 -2,020 ล้านบาท
ปี 2564 -2,259 ล้านบาท
ปี 2565 -2,847 ล้านบาท
เรามาทวนกำไรกันใหม่
ปี 2562 กำไร 253 ล้านบาท
ปี 2563 กำไร 312 ล้านบาท
ปี 2564 กำไร 179 ล้านบาท
ปี 2565 กำไร 608 ล้านบาท
จะเห็นว่าในแต่ละปี JKN แม้จะทำธุรกิจได้กำไรก็จริง แต่บริษัทก็ลงทุนหนักมาโดยตลอด ปีล่าสุดมีมูลค่าการลงทุน เกือบ 3,000 ล้านบาท คิดเป็น 5 เท่าของกำไรที่บริษัททำได้ ในปีเดียว
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงทำให้เงินไหลออกจากบริษัทตลอด จนส่งผลให้ ณ ไตรมาส 2 ปี 2566 JKN มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เหลืออยู่เพียง 113 ล้านบาท..
และถ้าถามว่า บริษัทเอาเงินจากที่ไหนมาลงทุนในระดับพันล้านบาททุกปี ? คำตอบก็คือ การเพิ่มทุน การออกหุ้นกู้ และการกู้เงินนั่นเอง..
ปัจจุบัน JKN มีหนี้อยู่ 7,399 ล้านบาท
เป็นหนี้สินหมุนเวียน 4,369 ล้านบาท
โดยมีหุ้นกู้ที่กำลังจะครบกำหนดชำระในวันที่ 1 ก.ย. 66 นี้ จำนวน 609 ล้านบาท ซึ่งก็ดูเหมือนว่าบริษัทหมุนเงินไม่ทัน จนต้องออกมารายงานว่า จะจ่ายได้เพียงบางส่วน นั่นเอง..
ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไม JKN ที่ดูเหมือนมีกำไรทุกปี แต่ไม่มีเงินจ่ายหนี้หุ้นกู้
ซึ่งเหตุการณ์นี้ ก็เป็นกรณีศึกษาที่ดี ว่าทำไมเราถึงต้องเข้าใจธรรมชาติการทำธุรกิจของบริษัท
เพราะถ้าหากเราดูแค่กำไรเพียงอย่างเดียว ก็อาจทำให้เราเข้าใจผิดในบางประการได้ เพราะแท้จริงแล้ว บริษัทยังต้องพึ่งพาเงินลงทุนที่สูง และเงินลงทุนเหล่านั้นยังไม่ถูกตัดเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมดในปีที่ลงทุนนั่นเอง
ดังนั้น บทเรียนของเรื่องนี้ก็น่าจะเป็น การรักษาสภาพคล่องของบริษัท
นอกจากเรื่องกำไรแล้ว กิจการจำเป็นต้องบริหารกระแสเงินสดให้สมดุล เพราะถ้าเราสนใจแต่กำไร โดยมีเงินไหลออกทุกปี ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเราหาแหล่งเงินจากภายนอกมาเติมไม่ทัน ปัญหาก็จะเกิดขึ้นตามมาในที่สุด..
References
-งบการเงินบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
-รายงานประจำปีบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
สนใจหุ้นสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้นะคะ
JKN ร่วงเกือบติดฟลอร์ เพราะไม่จ่ายเงินกู้ 600 ล้าน /โดย ลงทุนแมน
เช้าวันนี้ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ของแอน จักรพงษ์ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ว่าบริษัทไม่สามารถชำระหุ้นกู้ได้ตามกำหนด
นักลงทุนจึงเทขายหุ้น JKN หนักในเช้าวันนี้ จนราคาร่วงเกือบติดฟลอร์ หรือ -30% เป็นกรอบร่วงลงมากสุดใน 1 วัน ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดไว้
โดย มูลค่าเงินต้น และดอกเบี้ย รวมกันเป็นมูลค่า 609 ล้านบาท
ซึ่งบริษัทบอกว่าจะจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยคืน เพียงบางส่วน เป็นมูลค่า 156 ล้านบาท จึงมียอดคงเหลือที่ต้องจ่ายอีก 443 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
โดยหุ้นกู้ของ JKN ก็คือ JKN239A ครั้งที่ 2/2563 จะครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 1 ก.ย. 2566 ซึ่งบริษัทไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้
โดยบริษัทแจ้งว่า ที่ผ่านมาบริษัทพยายามเจรจากับผู้ร่วมทุนของบริษัท แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่บริษัทคาดหวัง และรับรองว่าบริษัทมีเจตนาที่จะชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดของหุ้นกู้นี้ต่อไป
หลังจากที่มีข่าวนี้ ทำให้ราคาหุ้น JKN ร่วงทันที 29% เกือบติดฟลอร์ คิดเป็นมูลค่าที่หายไปกว่า 700 ล้านบาท ภายในวันเดียว..
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คัด 3 หุ้นเด่น แนะนำเก็งกำไร ตามปัจจัยพื้นฐาน ได้แก่ GABLE ให้เป้า IAA Consensus 8.9 บาท โดย 1) ประเมินแนวรับ 5.0 บาท / แนวต้าน 5.10 – 5.25 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 5.6 บาท (Stop loss 4.86 บาท) 2) ประเมินรับ Sentiment บวกจากนโยบายด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาลใหม่ (เริ่มที่นโยบาย “เงินดิจิทัล”) โดยคาดอุปสงค์ด้านงานบริการ IT solution จะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องปรับตัวรับมือกับ Digital transformation และเพิ่มโอกาสหารายได้ผ่านช่องทางดิจิทัล 3) ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาตั้งแต่ IPO ล่าสุดราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัว แต่ Forward PE ยังต่ำเพียง 11.1 เท่า และ Dividend yield 4.4% ขณะที่คาดแนวโน้มกำไร 2H > 1H และ Earnings momentum จะเป็นบวกได้ต่อเนื่องในปีหน้า (Consensus คาดกำไรปี 2567 โต +21%)
*ราคาล่าสุดที่ 5.05 บาท
แนะนำหุ้น AOT* ให้เป้าพื้นฐาน 86 บาท โดย 1) ประเมินแนวรับ 72.75 บาท / แนวต้าน 74.0 – 75.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 76.5 บาท (Stop loss 71.5 บาท) 2) ประเมินรับ Sentiment บวกจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากภาครัฐฯ โดยประเด็นข่าวบวกล่าสุดคือ การเตรียมเว้นวีซ่า จีน+อินเดีย 3) ฝ่ายวิจัยฯประเมินผลการดำเนินงานเริ่ม Turnaround แล้ว และคาดจะกลับมาเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า เป็น 2.7 หมื่นล้านบาท และ Forward PE ปีหน้าจะลดลงเหลือเพียงราว +/-38 เท่า (จาก +/-73 เท่าในปีนี้)
*ราคาล่าสุดที่ 73.25 บาท
แนะนำหุ้น TOP* ให้เป้าพื้นฐาน 62 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 52.5 บาท / แนวต้าน 54 – 55 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาส ทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 58 บาท (Stop loss 51 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) ค่าการกลั่นที่ยังเดินหน้าบวกต่อเนื่อง สัปดาห์ล่าสุดค่าการกลั่นสิงคโปร์ +8% WoW เป็น 14.2 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล (อ่านเพิ่มเติมในบทวิเคราะห์ Commodity update ทุกวันอังคาร) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q จะฟื้นตัวเด่น QoQ ii) โอกาสที่พายุ Hurricane Idaliaจะเข้าสู่รัฐฟลอริดา สัปดาห์นี้และส่งผลต่อความกังวลต่ออุปทานน้ำมันระยะสั้น 3) PBV 0.77 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 1 เท่า
*ราคาล่าสุดที่ 52.75 บาท
🌳🥰อมตะร่วมสร้างโรงเรียนต้นแบบด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย
บ่ายวันนี้ (28.08.66) บมจ. อมตะ คอร์ปอเรชัน และ บจ. อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาโรงเรียนต้นแบบสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (Eco and Safety School Model) ให้แก่ โรงเรียนบ้านห้วยสาลิกา ต.หนองไม้แดง อ.เมือง จ.ชลบุรี ภายใต้การดำเนินงานของชมรม CSR อมตะซิตี้ ชลบุรี ซึ่งประกอบด้วยพันธมิตรภาคอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาคท้องถิ่นรวม 14 หน่วยงาน ได้แก่
1. การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
2. ชมรม CSR อมตะซิตี้ ชลบุรี
3. เทศบาลตำบลหนองไม้แดง
4. บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)
5. บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด
6. บริษัท คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด
7. บริษัท ทสึจิย่า (ประเทศไทย) จำกัด
8. บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 1 จำกัด
9. บริษัท สยาม เด็นโซ่ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด
10. บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ เอเซีย จำกัด
11. บริษัท ทีบีเคเค (ประเทศไทย) จำกัด
12. บริษัท โซนี่ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด
13. บริษัท ไทย ไดโซ แอโรโซล จำกัด
14. โรงเรียนบ้านห้วยสาลิกา
ณ อาคารอมตะ เซอร์วิสเซ็นเตอร์
โดยบันทึกความร่วมมือฉบับดังกล่าวทุกฝ่ายจะร่วมมือกันพัฒนาโรงเรียนบ้านห้วยสาลิกา ให้เป็น
🏘️ โรงเรียนต้นแบบสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (Eco & Safety School Model) ที่มีการพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบ (Whole School Approach) มีหลักสูตรการเรียนการสอนและโครงการสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างเศรษฐกิจชุมชนยั่งยืน มีการจัดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยที่เกิดการมีส่วนร่วมให้ครู นักเรียน ตัวแทนจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานปกครองท้องถิ่น ตัวแทนจากบริษัทเอกชน และเป็นโรงเรียนแบบอย่างในการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างรู้คุณค่า สามารถจัดการมลพิษได้อย่างถูกหลักสุขาภิบาล อีกทั้งเป็นต้นแบบในการดำเนินกิจกรรมที่ส่งเสริมด้านความปลอดภัย ทั้งความปลอดภัยบนท้องถนน ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน และความปลอดภัยด้านสุขภาพอนามัยที่ดีภายในสถานศึกษา ด้วย
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
วิดีโอทั้งหมด (แสดงผลทั้งหมด)
ประเภท
ติดต่อ ธุรกิจของเรา
เว็บไซต์
ที่อยู่
Bangkok
10310
Phanitchayakan Thonburi 26
Bangkok, 10600
CCE - since 1982 We offer the competitive prices of Wires & Lighting & Electrics appliances @CCE2525
158/1 ซ. รัชดาภิเษก 42 แยก 4-3 ถ. รัชดาภิเษก จันทร์เกษม จตุจักร
Bangkok, 10900
อพาร์ตเม้นท์ เปิดใหม่
221 Rama IX Soi 49, Suanluang
Bangkok, 10250
อพาร์ทเมนต์ให้เช่ารายเดือน ถนนพระรามเก้า เพียง 15 นาทีก่อนถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ
169/354 Kanjanapisek Road
Bangkok, 10250
Real Estate 🏡 Asset Investment 💰 Decorate&Home Improvement 🌃 📲+6698 586 8628
ซอย ประดิษฐมนูญธรรม แขวง คลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
Bangkok, 10310
เลขที่ 849 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก ?
ถนน ยานนาวา, ช่องนนทรี, ยานนาวา, กรุงเทพมหานคร
Bangkok, 10120
รับทำโปรเจคโครงการ บริการจัดหาสินค้าในประเทศและนำเข้าสินค้าต่างประเทศทุกชนิด
Bangkok
ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ จะอยู่เอง หรือลงทุน ก็อุ่นใจ ^_^