เม่าจิ๋ว เล่าข่าว

BTCUSD สงสัยอยากอายน้ำสระผม
Head and Shoulders (H&S)

#เม่าจิ๋วเล่าข่าว

📊ทรรศนะทองคำประจำวันที่ 28 ธันวาคม 2566

ทองคำแรงไม่หยุด ขึ้นทำจุดสูงสุดอีกครั้งในรอบเพียงหนึ่งเดือน ขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 2085 ได้สำเร็จและได้ถูกเทขายทำกำไรระยะสั้นออกมาช่วงเวลาตี 1 ตามเวลาประเทศไทย

ซึ่งคาดว่ามาจากปัจจัยของดัชนีภาคการผลิตของรัฐริชมอนด์ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการ์ซึ่งเป็นตัวเลขที่รวมการจ้างงาน ยอดคำสั่งซื้อ รวมไปถึงการขนส่งทางเรือ ทำให้กดดันค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง และจากการที่นักลงทุนมองเรื่องการลดดอกเบี้ยในปีหน้าของเฟด รวมไปถึงนโยบายการเงินที่อาจจะเปลี่ยนแปลงของธนาคารกลางญี่ปุ่น ทั้งนี้เมื่อคืนยังมีการประกาศตัวเลขประมูลพันธบัตรที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้สัญญาทองคำลดลงเมื่อเทียบกับสกุลเงิน ทำให้เกิดความน่าสนใจจากนักลงทุนมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ทองคำดูดีทั้งระยะสั้นและระยะยาวหากสามารถปิดเหนือ 2,070 ได้ในสัปดาห์นี้ เพราะจะเป็นสัญญาณในการเข้าซื้อที่ค่อนข้างดี โดยมีเป้าหมายสำคัญที่ 2,090-2,100 เลยทีเดียว

จังหวะเข้าซื้อที่น่าสนใจในวันนี้คือ 2,065-70 SL 2,062 เป้าหมายทำกำไร 2,090-2,100 และแน่นอนว่า 2 จุดทำกำไรนี้น่าสนใจอย่างมากในการเปิด Short เพื่อทำกำไรระยะสั้นสลับเปิด Long เพื่อทำกำไรใน TF 1H-4H และตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ยังมีแนวโน้มเป็นบวกกับทองคำอีกด้วย

แนวรับ 2,065-50
แนวต้าน 2,090-2,100

*** ทรรศนะเป็นเพียงการรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อการระดมทุนหรือชักชวนการลงทุนแต่อย่างใด เป็นเพียงข้อมูลโดยทั่วไปในตลาดเท่านั้น การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน

เปิดพอร์ต>>> https://portal.qrsfx.com/register/000667
#เม่าจิ๋วเล่าข่าว

" ในวันที่ทองคำไม่เป็นใจ
ก็ยังมี GBPJPY มาฮีลใจ 🥰"
มีทรรศนะให้เทรดทุกวัน
สนใจเปิดพอร์ตการลงทุนคลิ้ก >>> https://portal.qrsfx.com/register/000667
#เม่าจิ๋วเล่าข่าว

ในวันที่นั่งทับมือ
"ล่าสุดมือชาเรียบร้อย"

สนใจเปิดพอร์ตการลงทุนคลิ้ก >>> https://portal.qrsfx.com/register/000667
#เม่าจิ๋วเล่าข่าว

📊การลงทุนของครัวเรือนญี่ปุ่นผลักดันการเติบโตของสินทรัพย์ถึง 80%

🇯🇵 การลงทุนภาคครัวเรือนญี่ปุ่นเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เช่น หุ้นและพันธบัตร เนื่องจากตลาดหุ้นในประเทศและสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น และค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากความต้องการเงินสดที่มีมายาวนาน

🇯🇵 สินทรัพย์การลงทุน ได้แก่ หุ้น กองทรัสต์เพื่อการลงทุน พันธบัตร และหลักทรัพย์ต่างประเทศ คิดเป็น 82% ของสินทรัพย์ทางการเงินของครัวเรือนโดยรวมที่เพิ่มขึ้น 100 ล้านล้านเยน (700,000 ล้านดอลลาร์) ตั้งแต่ปีจนถึงเดือนกันยายนตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น หมวดหมู่นี้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 427 ล้านล้านเยน คิดเป็น 20.2% ของสินทรัพย์ทางการเงินของครัวเรือน ซึ่งเป็นส่วนแบ่งที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2550 ก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลก ครึ่งหนึ่งของกำไร 160 ล้านล้านเยนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียว

🇯🇵 นักลงทุนเข้าสู่การพุ่งขึ้นของหุ้นญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ค่าเฉลี่ยหุ้น Nikkei เพิ่มขึ้น 27% ในปีนี้ ใกล้จุดสูงสุดหลังเศรษฐกิจตกต่ำ และดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 24% ในปีนี้เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งปิดสถิติใหม่ สิ่งนี้เกิดขึ้นนอกเหนือจากการแข็งค่าของเงินเยนที่อ่อนค่าซึ่งส่งผลให้การลงทุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก และS&P 500 เพิ่มขึ้น 35% ในปีนี้ในรูปเงินเยน ซึ่งแซงหน้าดัชนีที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์ ตามข้อมูลของ London Stock Exchange Group ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงช่วยยกระดับหุ้นของผู้ส่งออกญี่ปุ่นเช่นกัน

🇯🇵 จุดสำคัญเกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของนักลงทุนรายย่อย ด้วยวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2551 บุคคลจำนวนมากประสบความสูญเสียอย่างหนักในการถือครองหุ้นของตน ค่าเฉลี่ย Nikkei แตะจุดต่ำสุดหลังฟองสบู่ในเดือนมีนาคม 2552 แต่ตลาดได้พลิกผันนับตั้งแต่การถือกำเนิดของ Abenomics ในปลายปี 2555

“ตอนนี้คนในช่วงอายุ 30 หรือน้อยกว่านั้นไม่มีอาการวิตกกับการลงทุนในหุ้นมากนัก” สึโยชิ อุเอโนะ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสถาบันวิจัย NLI กล่าว

การวิเคราะห์โดย Takuya Hoshino จากสถาบันวิจัย Dai-ichi Life พบว่าการนำเงินเข้าฝากธนาคารของครัวเรือนลดลง 440 พันล้านเยนในช่วงสามเดือนถึงเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยอิงจากค่าเฉลี่ยต่อเนื่องสี่ไตรมาส การไหลเข้าของกองทุนเพื่อการลงทุนของภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 2.50 แสนล้านเยน

“มีการเคลื่อนไหวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการออมไปสู่การลงทุน” โฮชิโนะกล่าว การระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในหลายครัวเรือนอาจจำกัดการเข้าถึงผลประโยชน์จากการชุมนุมของหุ้น เงินสดและเงินฝากคิดเป็น 52.5% ของสินทรัพย์ทางการเงินของครัวเรือนในญี่ปุ่น เทียบกับ 12.5% ในสหรัฐฯ และ 35.5% ในยูโรโซน ตามรายงานของ SMBC Nikko Securities

การไว้วางใจในเงินสดและเงินฝากนั้นสมเหตุสมผลในช่วงปีที่มีภาวะเงินฝืด เนื่องจากมูลค่าที่แท้จริงของเงินเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่ตรงกันข้ามกำลังเกิดขึ้นกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่า 2% อย่างต่อเนื่อง และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากใกล้ศูนย์ ส่งผลให้ภาคครัวเรือนมีแรงผลักดันไปสู่การลงทุน

🇯🇵 แนวโน้มดังกล่าวอาจเร่งตัวขึ้นด้วยการเปิดตัวโครงการการลงทุนปลอดภาษีใหม่ในต้นปีหน้า “ ยังมีพื้นที่สำหรับการถือครองหุ้นและกองทรัสต์เพื่อการลงทุนที่จะเติบโตในหมู่นักลงทุนรายย่อย ” Hidenori Suezawa จาก SMBC Nikko Securities กล่าว

🇯🇵 สินทรัพย์สกุลเงินต่างประเทศของภาคครัวเรือนเติบโตขึ้นเช่นกันท่ามกลางค่าเงินเยนที่อ่อนค่า
ไดสุเกะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ตลาดของธนาคารมิซูโฮ คาดการณ์ว่าเงินฝาก ทรัสต์ และหลักทรัพย์ที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศเติบโตขึ้น 13% ในปีนี้ โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 74.2 ล้านล้านเยน ณ สิ้นเดือนกันยายน จากข้อมูลของ BOJ

📌ที่มา : TOSHIHIRO SATO and AKIRA INUJIMA
📌เรียบเรียงและแปลโดย : เม่าจิ๋ว เล่าข่าว
สนใจเปิดพอร์ตการลงทุนคลิ้ก >>> https://portal.qrsfx.com/register/000667
#เม่าจิ๋วเล่าข่าว

📊วิธีการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในการซื้อขายฟอเร็กซ์
การก่อตัวของไหล่ขวาในรูปแบบ Head and Shoulders (H&S) กลับหัวเป็นส่วนสำคัญของการจดจำรูปแบบ รูปแบบ H&S แบบกลับหัวคือรูปแบบการกลับตัวที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในทิศทางของแนวโน้มที่เกิดขึ้น

🔵1. แนวโน้มขาลงเริ่มต้น: โดยทั่วไปรูปแบบ H&S กลับหัวจะเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงที่ยืดเยื้อยาวนาน ตลาดมีการทำจุดต่ำสุดและจุดสูงที่ต่ำลง

🔵2. การสร้างไหล่ซ้าย: รูปแบบเริ่มต้นด้วยจุดต่ำที่สำคัญ (หัว) ตามด้วยการเด้งหรือการเคลื่อนไหวขึ้นเล็กน้อยที่สร้างไหล่ซ้าย ไหล่ซ้ายอยู่ต่ำกว่าศีรษะ

🔵3. หัว : หลังไหล่ซ้ายมีส่วนล่างต่ำ (หัว) นี่เป็นจุดสำคัญซึ่งบ่งบอกถึงแรงกดดันในการขายที่เพิ่มขึ้น หลังจากการก่อตัวของหัว ราคาก็กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

🔵4. การสร้างไหล่ขวา: จากนั้นราคาจะเกิดการดึงกลับกลายเป็นไหล่ขวา โดยทั่วไปไหล่ขวาจะสูงกว่าศีรษะและมักมีแรงกดดันในการขายลดลง มันทำหน้าที่เป็นสัญญาณว่าผู้ขายกำลังสูญเสียความแข็งแกร่ง

🔵5. คอ: คอเป็นเส้นแนวโน้มที่เชื่อมระหว่างไหล่ซ้าย หัว และไหล่ขวา การก่อตัวได้รับการยืนยันเมื่อราคาทะลุเหนือเส้นคอนี้

🔵6. การยืนยันปริมาณ: การวิเคราะห์ปริมาณสามารถเสริมการยืนยันรูปแบบได้ ตามหลักการแล้ว ปริมาณจะลดลงเมื่อไหล่ขวาก่อตัว ซึ่งบ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาลงที่อ่อนลง

🔵7. รูปแบบที่สมบูรณ์: รูปแบบจะถือว่าสมบูรณ์เมื่อราคาทะลุเหนือเส้นคอ ซึ่งส่งสัญญาณถึงการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นจากแนวโน้มขาลงไปยังแนวโน้มขาขึ้น

✳️✳️✳️แม้ว่ารูปแบบ H&S แบบกลับหัวอาจเป็นตัวบ่งชี้การกลับตัวที่เชื่อถือได้ แต่ก็จำเป็นต้องรอการยืนยันก่อนตัดสินใจซื้อขาย การทะลุขึ้นลงของราคาที่ผิดพลาดสามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เทรดเดอร์ต้องรอให้ปิดเหนือเส้นคอบนกราฟรายวันหรือรายสัปดาห์เพื่อยืนยันความถูกต้องของรูปแบบก่อน

สนใจเปิดพอร์ตการลงทุนคลิ้ก >>> https://portal.qrsfx.com/register/000667
#เม่าจิ๋วเล่าข่าว

ทรรศนะทองคำประจำวันที่ 26 ธันวาคม 2566

***เป็นเพียงมุมมองจากการวิเคราะห์ตลาดเท่านั้นไม่ใช่การชักชวนหรือระดมทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน และต้องเข้าใจถึงความเสี่ยงในการลงทุน

#เม่าจิ๋วเล่าข่าว

📊10 เทคนิคการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาในการซื้อขาย Forex โดยการสังเกตและตีความรูปแบบกราฟราคาหรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ Analyzing price action.

🔵1. รูปแบบแท่งเทียน: ให้ความสนใจกับรูปแบบแท่งเทียน เช่น โดจิ รูปแบบการกลืนของแท่งเทียน และค้อน รูปแบบเหล่านี้สามารถบ่งบอกถึงการพลิกกลับที่อาจเกิดขึ้นหรือความต่อเนื่องของแนวโน้ม

🔵2. ระดับแนวรับและแนวต้าน: ระบุระดับแนวรับและแนวต้านที่สำคัญ นี่คือระดับราคาที่ในอดีตตลาดมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเคลื่อนตัวเหนือ (แนวต้าน) หรือต่ำกว่า (แนวรับ) การทะลุหรือการตีกลับที่ระดับเหล่านี้อาจมีความสำคัญต่อการตัดสินใจ

🔵3. การวิเคราะห์แนวโน้ม: กำหนดแนวโน้มที่เกิดขึ้นโดยการดูลำดับของจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นในแนวโน้มขาขึ้น หรือจุดสูงและจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าในแนวโน้มขาลง เส้นแนวโน้มสามารถช่วยเห็นภาพแนวโน้มเหล่านี้ได้

🔵4. รูปแบบแผนภูมิ: รู้จักรูปแบบแผนภูมิ เช่น สามเหลี่ยม ธง และหัวและไหล่ รูปแบบเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคาที่อาจเกิดขึ้น

🔵5. การแกว่งของราคา: วิเคราะห์การแกว่งของราคาและขนาด การทำความเข้าใจขนาดและระยะเวลาของการเคลื่อนไหวของราคาสามารถช่วยวัดความแข็งแกร่งของตลาดและการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้

🔵6. การวิเคราะห์ปริมาณ: พิจารณาปริมาณการซื้อขายควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวของราคา ปริมาณที่เพิ่มขึ้นระหว่างการเคลื่อนไหวของราคาสามารถยืนยันความแข็งแกร่งของการเคลื่อนไหวได้

🔵7. การวิเคราะห์หลายกรอบเวลา: ประเมินการเคลื่อนไหวของราคาในกรอบเวลาที่ต่างกัน การรวมข้อมูลจากกรอบเวลาต่างๆ ช่วยให้มีมุมมองที่ครอบคลุมมากขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด

🔵8. โครงสร้างตลาด: ตรวจสอบโครงสร้างตลาดโดยรวม รวมถึงแนวโน้มกรอบเวลาที่สูงขึ้นและระดับสำคัญ สิ่งนี้ช่วยในการปรับการซื้อขายของคุณให้สอดคล้องกับทิศทางของตลาดที่กว้างขึ้น

🔵9. ข่าวสารและกิจกรรม: ระวังเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและข่าวประชาสัมพันธ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสกุลเงิน การเปลี่ยนแปลงราคาอย่างฉับพลันมักเกิดขึ้นพร้อมกับข่าวสำคัญ

🔵10. การบริหารความเสี่ยง: ใช้หลักการบริหารความเสี่ยงที่ดี กำหนดจุดเข้าและออก กำหนดคำสั่งหยุดการขาดทุน และคำนวณขนาดตำแหน่งตามการยอมรับความเสี่ยงของคุณ

✳️✳️✳️การเรียนรู้การวิเคราะห์พฤติกรรมราคาต้องอาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์และเข้ากับความเข้าใจ เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับพื้นฐานของตลาดและการบริหารความเสี่ยงในการลงทุน

สนใจเปิดพอร์ตการลงทุนคลิ้ก >>> https://portal.qrsfx.com/register/000667

#เม่าจิ๋วเล่าข่าว

📊คาซูโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่าบริษัทต่างๆ เริ่มเปิดกว้างมากขึ้นในการขึ้นค่าจ้างและราคาในระหว่างการปราศรัยต่อสหพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren)

ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น คาซูโอะ อูเอดะ กล่าวเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 แนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางญี่ปุ่นนั้นค่อยๆ เพิ่มขึ้นและจะพิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบาย หากโอกาสในการบรรลุเป้าหมาย 2% เพิ่มขึ้น " อย่างเพียงพอและอย่างยั่งยืน "

“ ... หากวงจรอันดีงามระหว่างค่าจ้างและราคา ทวีความรุนแรงขึ้นและแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายราคาสินค้าและบริการของเราในลักษณะที่ยั่งยืนและมั่นคงเพิ่มขึ้นอย่างเพียงพอ เราก็มีแนวโน้มว่าจะพิจารณาเปลี่ยนแปลงนโยบาย” อูเอดะกล่าว โดยเสนอสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดจนถึงปัจจุบันเกี่ยวกับโอกาสที่จะยุติ ultra-easy monetary policy. และบริษัทต่างๆ เริ่มเปิดกว้างมากขึ้นในการเพิ่มค่าจ้างและราคา เขากล่าวในการปราศรัยต่อสหพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren)

คาซูโอะ อูเอดะ กล่าวว่า “ BOJ ไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงในการเปลี่ยนแปลงจุดยืนทางการเงินที่หลวมที่สุดของธนาคารกลางรายใหญ่ใดๆ เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจและตลาด เราจะตรวจสอบการพัฒนาเศรษฐกิจ รวมถึงพฤติกรรมการกำหนดค่าจ้างและราคาของบริษัทต่างๆ อย่างรอบคอบ และด้วยเหตุนี้จึงตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินในอนาคตในลักษณะที่เหมาะสม”

" ... เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเกินเป้าหมายมาเป็นเวลากว่าหนึ่งปี นักลงทุนในตลาดจำนวนมากจึงคาดหวังว่า BOJ จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจากแดนลบในปีหน้า โดยบางคนเดิมพันอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในช่วงต้นเดือนมกราคม 2024 ที่จะถึงนี้ "

📌ที่มา : TOKYO (Reuters) และ Nikkei Asia
📌เรียบเรียงและแปลโดย : เม่าจิ๋ว เล่าข่าว

#เม่าจิ๋วเล่าข่าว

📊อัตราเงินเฟ้อกำลังลดลง
เฟดยังกดดันเศรษฐกิจอยู่ แตกต่างจากยุโรปธนาคารกลางหลายแห่งกำลังคิดเรื่องปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่กำลังจะถึง กำกล่าวของคริสติน ลาการ์ด
🎙สรุป ECB เงินเฟ้อยังคงอยู่อีกนาน และยุโรปมีความใกล้ชิดกับยูเครน ความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์อาจจะมาในรูปแบบด้านพลังงาน หากมีความขัดแย้งเพิ่มขึ้น และต้องดูตลาดแรงงานเป็นหลัก เห็นได้จากความต้องการค่าจ้างงานที่สูงขึ้นส่งผลให้บริษัทต่างๆขึ้นราคาสินค้าด้วย เพราะฉะนั้น ECB เลยขอดูเรื่องตลาดแรงงานก่อนที่จะคิกปรับลดอัตราดอกเบี้ย

บทสัมภาษณ์จาก : The Thomson Reuters Trust Principles
แปลและเรียบเรียงโดย : เม่าจิ๋ว เล่าข่าว

#เม่าจิ๋วเล่าข่าว

📊อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ลดลงจะช่วยให้หุ้นมีความคึกคักและความหวังที่เศรษฐกิจจะผ่อนคลายลงจากนโนบายทางการเงินของเฟด ‼️

S&P 500 ทำราคาสูงสุดเป็นสถิติสถิติขณะที่ โจไบเดน ยกย่อง 'เหตุการณ์สำคัญ' ในการต่อสู้เพื่อระงับแรงกดดันเรื่องราคา ด้านอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ลดลงอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน ทำให้เกิดความหวังมากขึ้นว่า Federal Reserve ได้วางแผนการทางการเงินอย่างนุ่มนวลสำหรับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก และส่งหุ้นเข้าใกล้ระดับสูงสุดใหม่อีกครั้ง

S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากข้อมูลของรัฐบาลกลางแสดงให้เห็นว่าราคาเพิ่มขึ้นช้ากว่าที่คาดในเดือนพฤศจิกายน ทำให้มาตรวัดส่วนแบ่งมาตรฐานของ Wall Street อยู่ภายใน 1% ของระดับสูงสุดตลอดกาลที่แตะระดับสูงสุดในเดือนมกราคม 2022 ดัชนีดังกล่าวพุ่งขึ้น 8 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติล่าสุดเมื่อปี 2017 และกำลังมุ่งหน้าสู่ปีที่ดีที่สุดอันดับสามในทศวรรษที่ผ่านมา หลังจากความผันผวนในรอบ 12 เดือน

“มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นว่าความหวาดกลัวเงินเฟ้อหลังการระบาดของโควิดสิ้นสุดลงแล้ว และเราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงอย่างมากในปีหน้า” แอนดรูว์ ฮันเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทวิจัยแคปิตอล อีโคโนมิกส์ กล่าว

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยกย่องรายงานของสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจเมื่อวันศุกร์ว่าเป็น “เหตุการณ์สำคัญ” ในความพยายามที่จะคืนอัตราเงินเฟ้อกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาด

“ในขณะที่เราเข้าสู่ช่วงวันหยุด ราคาสินค้าสำคัญต่างๆ ลดลงจากปีที่แล้ว เช่น น้ำมัน นม ของเล่น เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ ค่าเช่า และค่าโดยสารเครื่องบิน” ไบเดนกล่าว

การเปิดเผยของ BEA แสดงให้เห็นว่าดัชนีอัตราเงินเฟ้อ PCE ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นมาตรการที่นักเศรษฐศาสตร์ชื่นชอบ เนื่องจากไม่รวมราคาพลังงานและอาหารที่มีความผันผวน เพิ่มขึ้นเพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ ตัวเลขดังกล่าวทำให้อัตราเงินเฟ้อรายปีในช่วง 6 เดือนลดลงเหลือ 1.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการของเฟดที่ 2 เปอร์เซ็นต์

การลดลงครั้งล่าสุดของสิ่งที่เรียกว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ธนาคารกลางสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการส่งสัญญาณว่าจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าหลังจากที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ในปี 2023

“เมื่อเฟดเปลี่ยนทิศทาง นั่นทำให้นักลงทุนมีทัศนคติเชิงบวกอย่างแท้จริง” ทิม เมอร์เรย์ นักยุทธศาสตร์ตลาดทุนของ T Rowe Price กล่าว

ขณะนี้ตลาดฟิวเจอร์สกำลังกำหนดราคาในการเดิมพันว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 6 เท่าในปี 2024 ซึ่งจะทำให้อัตราเป้าหมายลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 22 ปีที่ 5.25% เหลือ 5.5%

บรรยากาศที่คึกคักในวอลล์สตรีท ประกอบกับอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ที่ต่ำ ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในขณะนี้คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยไม่รุนแรงมากนัก หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้เฟดต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงระดับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะก่อให้เกิดภาวะถดถอย

ข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราร้อยละ 4.9 ต่อปีในไตรมาสที่สาม โดยผู้กำหนดอัตราและนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการเติบโตจะชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อยในปี 2024

ตัวเลขดังกล่าวหมายความว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก โดยมีการเติบโตที่รวดเร็วและแรงกดดันด้านราคาที่ลดลงมากกว่าประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ เฟดได้รับการคาดหวังอย่างกว้างขวางว่าจะลดอัตราดอกเบี้ย นำหน้าธนาคารกลางยุโรปหรือธนาคารแห่งอังกฤษ เพื่อส่งเสริมโอกาสในการเลือกตั้งของไบเดน ชาวอเมริกันเริ่มมีความกังวลน้อยลงเกี่ยวกับเศรษฐกิจในขณะที่การแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2024 กำลังดำเนินอยู่

ผลสำรวจความคิดเห็นอย่างใกล้ชิดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งสูงขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ในเดือนที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มมากขึ้นในหมู่ประชาชนว่าภาวะเงินเฟ้อที่เลวร้ายที่สุดสำหรับคนรุ่นหนึ่งได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ขณะนี้ผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 55 คาดหวังว่ารายได้ของตนจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยอย่างรวดเร็วเท่ากับราคาในปีหน้า โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 49 ในเดือนตุลาคม

“ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นทั่วทั้งประชากร โดยเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้บริโภคทุกวัย รายได้ ระดับการศึกษา ความเกี่ยวข้องทางการเมือง และภูมิภาคของประเทศ” รายงานของรัฐมิชิแกน

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ปรับตัวดีขึ้นบางส่วนเกิดจากการที่ราคาน้ำมันของสหรัฐฯ ลดลงอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ราคาเฉลี่ยตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 2021 ในขณะที่ตัวเลขดังกล่าวส่งผลต่อการลงทุนของวอลล์สตรีท นักเศรษฐศาสตร์ที่ Citi เตือนไม่ให้ตีความข้อมูลในแง่ดีมากเกินไป โดยกล่าวว่าราคายังคงเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปในภาคบริการ

“อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอ่อนตัวลงเนื่องจากการยุบตัวของเงินเฟ้อครั้งใหญ่ในสินค้า นั่นอาจทำให้การอ่านค่าลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ไม่ใช่วิธีที่ยั่งยืนในการคืนอัตราเงินเฟ้อให้เป็นไปตามเป้าหมาย” แอนดรูว์ ฮอลเลนฮอสต์ นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกล่าว นอกจากนี้เขายังเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจทำลายแนวโน้ม เช่น การหยุดชะงักของการค้าโลกที่ประสบปัญหาวิกฤติทะเลแดง ซึ่งกลุ่มกบฏฮูตีได้ยิงขีปนาวุธและโดรนใส่เรือพาณิชย์

สมาชิกเฟดที่มีอำนาจในการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของเฟดคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปีหน้า ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับอย่างรุนแรงสำหรับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางที่ใช้เวลาหลายเดือนยืนยันว่าพวกเขาจะไม่เริ่มผ่อนปรนนโยบายการเงินจนกว่าพวกเขาจะแน่ใจว่าอัตราเงินเฟ้อได้ถูกพิชิตแล้ว

📌ข้อมูลจาก Financial Time
📊เรียบเรียงโดย เม่าจิ๋ว เล่าข่าว

#เม่าจิ๋วเล่าข่าว

📊มุมมองการลงทุน 26 ธันวาคม 2566

📌 XAUUSD - GOLD 🇺🇸
มื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทองคำขึ้นไปเทสบริเวณ 2,070 $ แต่ไม่สามารถผ่านได้ทำให้ทองคำย่อตัวลงมาบริเวณ 2,050 $ ซึ่งเป็นโซนที่น่าจับตามองว่าจะสามารถยืนได้หรือไม่ในสัปดาห์สุดท้ายของปี 2023 นี้

วันอังคารที่ 26 ธันวาคม 2566 นี้ หากราคาไม่สามารถขยับตัวยืนเหรือ 2,060-70 ได้ อาจจะทำให้ทองคำพักฐานบริเวณ 2,020-30 $ ซึ่งเป็นโซนน่าสนใจในการเข้า BUY เพื่อเก็บสะสมเพื่อไปปิดทำกำไรบริเวณ 2,050-70 และ 2,090 ตามลำดับ

สัปดาห์นี้ข่าวไม่มาก วอลลุมน้อยเนื่องจากเข้าสู่ช่วงเทศกาลหยุดยาวของต่างประเทศ แนะนำเล่นสั้นย่อบายในกรอบ 2,050-2070$ ไปก่อน

แนวรับ 2,020-10
แนวต้าน 2070-83
___________________________________________

📌 USD/CAD 🇺🇸🇨🇦

วันศุกร์ที่ผ่านมา USDCAD ไม่สามารถทำราคาผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 1.32877 ได้ทำให้มีแรงเทขายออกมาตลาดทั้งวัน

และช่วงเวลา 23.00 น. ของคืนวันุกร์ได้มีประกาศตัวเลข ดุลงบประมาณ (ปีต่อปี)( ต.ค.) ซึ่งออกมา -15.13B ส่วนทางกับ GDP ที่ประกาศออกมาดีกว่าครั้งก่อน

ทำให้ USDCAD รีบาวด์ได้สำเร็จและมีโอกาศกลับตัวสูงหากสามารถผ่าน 1.3272-1.32877 และบริเวณ 1.32479- 1.32600 น่าสนใจในการเปิดราคา Buy เพื่อขึ้นไปทำกำไรบริเวณ 1.3309-1.3346

#เม่าจิ๋วเล่าข่าว