Mama&Baby Closeta

Hello 🍪

🌿New🌿
Brand: bunnybabe
Size : 9-12
ราคา : ❌sold out❌
สภาพ : 100%

่งต่อ


่งต่อ
่งต่อ


#เสื้อแบรนด์ #เสื้อผ้ามือสอง
#เสื้อผ้าเด็ก #เสื้อผ้าเด็กมือสอง

แม่เท่านั้นที่เข้าใจ
#แม๊

#เมื่อพ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟังเกิดอะไรขึ้นในสมองลูก
โดยหมอแพม จากเพจ หมอแพมชวนอ่าน
งานวิจัยที่ 1 เป็นงานวิจัยของ Dr. John S. Hutton
เพื่อจะตอบคำถาม ว่า ...
#สื่อแบบไหนที่กระตุ้นให้สมองเด็กเกิดการเชื่อมโยงด้านภาษาได้มากที่สุด
โดยทำการศึกษาในเด็กอายุ 4 ขวบ 27 คน
ให้เด็กแต่ละคน ฟังนิทานเรื่องเดียวกัน จาก 3 สื่อ
และถ่ายภาพสมองเด็ก
จากเครื่อง fMRI ขณะที่ได้ฟังแต่ละสื่อ
🎈 นิทานเป็นแบบ animation
ผลคือ animation มีข้อมูล ภาพ เสียง การเคลื่อนไหว แค่รับข้อมูลอย่างเดียว สมองเด็กก็ต้องทำงานหนักมากแล้ว เมื่อดูจาก fMRI สมองส่วนอื่น ถูกกระตุ้นอย่างมาก แต่ส่วนที่ควบคุมด้านการเรียนรู้ภาษากลับถูกกระตุ้นน้อย
เพราะสมองเอาพลังงานไปรับข้อมูลที่มากล้น รวดเร็ว จนเชื่อมโยงไม่ทัน เรียกว่า
🎈 นิทานเป็นเล่มให้แม่อ่าน
นิทานภาพ: สมองของตอนเด็กขณะได้ฟังนิทานภาพ สมองส่วนรับภาพรับเสียงถูกกระตุ้น และพบว่า สมองส่วนภาษาถูกกระตุ้นมากพอกัน
อธิบายได้ว่า เมื่อมีภาพ และมีเสียง ทำให้เด็กเข้าใจ เรียนรู้ และเชื่อมโยงภาษาได้ดี เรียกว่า
🎈 นิทานที่มีแต่เสียง
• audio: สมองเด็กตอนฟัง นิทานเสียงไม่มีภาพ สมองถูกกระตุ้นน้อย อาจเพราะมีเสียง แต่ศัพท์บางคำเด็กไม่เคยรู้จักมาก่อน เมื่อไม่มีภาพมาให้ดู ก็ไม่เกิดการเชื่อมโยง เรียกว่า
การศึกษานี้ ตอกย้ำว่า ...
ถ้าจะให้ลูกฟังนิทาน สิ่งที่ดีที่สุดคือ ...
ฟังจากนิทานภาพ และเสียงของพ่อแม่นะคะ
งานวิจัยที่ 2 ที่หมออยากจะเล่าให้ฟัง
เพื่อจะตอบคำถามว่า ...
#เด็กที่ได้อ่านต่างกันที่บ้านเมี่อมาฟังนิทานจากครูที่โรงเรียนสมองทำงานต่างกันหรือไม่
การศึกษานี้ทำในประเทศอังกฤษ
ในเด็ก 3-5 ปี 30 ราย
นักวิจัยเก็บข้อมูล ระดับการอ่านของที่บ้านเด็กแต่ละคน
(เวลาที่พ่อแม่อ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง
จำนวน ความหลากหลาย)
และแบ่งเด็กออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ...
กลุ่มที่มีสิ่งแวดล้อมในการอ่านที่บ้านสูง และ กลุ่มอ่านน้อย
เมื่อถ่ายภาพสมองเด็กด้วย fMRI
ตอนเด็กฟังนิทานจากครูที่โรงเรียน
พบว่า #สมองของเด็กกลุ่มสิ่งแวดล้อมอ่านสูง
ถูกกระตุ้น "มากกว่า" เด็กอีกกลุ่มอย่างชัดเจน
(ดูภาพประกอบได้ สีแดง
จะเกิดเมื่อบริเวณนั้นของสมองถูกกระตุ้น)
ซึ่งหมอแพมเคยเขียนถึงงานวิจัยนี้เอาไว้
ในบทความเรื่อง #ช่องว่างที่ไม่มีวันตามทัน
ลองเข้าไปอ่านในเพจหมอแพมนะคะ
ซึ่งก็สอดคล้องกลับที่หมอประเสริฐเคยกล่าวไว้
"การอ่านหนังสือ เป็นกิจกรรมที่ไม่มีวันไล่กันทัน"
เริ่มก่อนก็ได้ก่อน เริ่มช้าก็ยังดีกว่าไม่เริ่ม
และอีกอันนึงคือ การเล่านิทานปากเปล่าให้กับเด็ก
ที่คุณหมอประเสริฐเคยกล่าวไว้ คือ ...
ควรอ่านจากหนังสือจะดีกว่าการเล่าปากเปล่า
การอ่านจากหนังสือ ดีกว่าอ่านจากในหน้าจอ
ถ้าไม่งั้นก็ print ออกมาจากหน้าจอแล้วอ่านนะคะ
และการดูหน้าจอ ไม่ได้ช่วยพัฒนาภาษาของเด็ก
ตามงานวิจัยด้านบน รวมถึงวงการแพทย์
ก็ไม่แนะนำให้เด็กดูหน้าจอก่อน 2-3 ขวบด้วย
แม้กระทั่งพ้นจาก 3 ขวบ ก็ใช่ว่าจะให้ดูมากๆได้
ยังไงเด็กช่วงปฐมวัยต้องพัฒนาด้านอื่นอีกมาก
การดูหน้าจอ จะเป็นการดึงเวลา
ในการพัฒนาของเด็กไป
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่า..
ทำไมมิ้นท์สนับสนุนให้คุณพ่อคุณแม่
เริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่แรกเกิด
แน่นอนว่าไม่ใช่มิ้นท์แค่คนเดียวที่สนับสนุนในเรื่องนี้
คุณหมอนักอ่านทุกคน ก็สนับสนุนไม่ต่างกันค่ะ
มิ้นท์ขอยืนยัน ว่ามิ้นท์ทำแล้วเห็นผลดีงามมากค่ะ
มิ้นท์อ่านให้ลูกฟังมาจะ 8 ปีแล้ว
และก็จะอ่านต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าลูกจะโต
จนกว่าลูกจะไม่ให้อ่านแล้ว
เหมือนนมแม่เลย .. กินไปนานๆจนกว่าลูกจะเลิกเอง
ท้ายนี้ ขอให้รู้ว่า เราอ่านหนังสือให้ลูกฟัง
#เป้าหมายหลักคือสร้างสายสัมพันธ์
สมองที่ดีที่กล่าวในบทความนี้
เป็นผลพลอยได้ทั้งสิ้น 😊
ไม่ว่าลูกจะสนใจฟังหรือไม่
ให้อ่านต่อไปเรื่อยๆนะคะ
ใครอดทนได้มากกว่ากันคนนั้นชนะค่ะ
แค่อ่านให้สนุกก็พอค่ะ แล้วทุกอย่างจะได้มาเอง
#นมพ่อแบบเฮฟวี่

มาจัดบ้านค่ะ ปล่อยของทุกอย่างไปเลยค่ะ

“My home is messy but the way I am spending my time is the right way for me at this stage of my life. … I have kind of given up on that in a good way for me. Now I realize what is important to me is enjoying spending time with my children at home.” - Marie Kondo

“บ้านของชั้นรกในแบบที่ฉันอยากจะใช้เวลากับมัน ณ ตอนนี้ของชีวิต คือแบบว่า ฉันยอมแพ้กับมันในทางที่ดีนะ เพราะตอนนี้ฉันตระหนักแล้วว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับชั้นคือการดื่มด่ำการใช้เวลากับลูก ๆ ของชั้นที่บ้าน” - มาริเอะ คอนโดะ

นี่คือ บทสัมภาษณ์ของราชินีแห่งการจัดบ้าน มาริเอะ คอนโดะ ที่ให้ไว้กับนิตยสารเดอะวอชิงตันโพสต์ ในฐานะของความเป็นแม่

คงทราบดีว่า “การใช้เวลากับลูก” นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อย่างที่พ่อหมอบอกเสมอว่า “ลูกโตครั้งเดียว” ดังนั้นจงตักตวงเวลาที่ใช้กับเขาในวัยเด็กให้มากที่สุดโดยเฉพาะช่วงเวลาที่เขายังอยู่ตรงนั้นกับเรา ฟังเรา ให้เราพูดกอดบอกรัก อย่างไม่มีกำแพงแห่งพัฒนาการที่เรียกว่า “วัยรุ่น” เข้ามากั้นกลางระหว่างกัน เพราะเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เด็ก ๆ จะออกไปสร้างตัวตน เชื่อเพื่อน นับถือไอดอล ดารา นักร้อง นักแสดง นักกีฬา หรือคนที่เขาศรัทธานอกบ้านมากขึ้น … ตอนนั้นเรามีหน้าที่ที่จะทำให้บ้านนั้นยังคงน่าอยู่ น่ากลับ และอบอุ่นเฉกเช่นเดิม พร้อมกับความเข้าใจ การเป็นผู้ฟังที่ดี และการเป็นผู้ชี้แนะที่ดี (ไม่ใช่หัวหน้าหรือเจ้าชีวิตเขาอีกแล้ว) …

อิทธิพลของครอบครัวในวัยเด็กจึงสำคัญมาก

ตัดภาพมาที่พ่อแม่ … ที่หากมีสัก 10 ร่างแยกได้ก็คงดี 555 งานเยอะ กิจกรรมแยะ เงินก็ต้องหา ลูกก็ต้องเลี้ยง ซีรี่ส์ก็ต้องดู ของก็ต้องช้อป งานบ้านก็ต้องทำ … ‘การแบ่งเวลา’ คือ ‘โจทย์’ ที่พ่อแม่จะต้องจัดการ เพราะคนเรามักให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราเห็นว่าสำคัญเสมอ และเราจะมีเวลาให้กับมันเสมอ … คนที่ให้ความสำคัญกับเงินและงาน ก็จะมีเวลาทำงานและทอนเวลาอย่างอื่นลง คนที่ให้ความสำคัญกับลูกก็จะมีเวลาให้ลูก ให้ครอบครัวเสมอ … ความสมดุลคือสิ่งสำคัญ ไม่มีใครจัดสรรได้นอกจากตัวของเราเอง เช่น หลายคนบอกว่าไม่มีเวลาอ่านนิทานกับลูก คือ 5 นาที 10 นาทีต่อวันนั่งตรงนั้นอ่านนิทานกับเขาไม่ได้เชียวเหรอ แต่มีเวลาเอาไปทำอย่างอื่นได้แหะ อันนี้ก็แปลว่า เรายังไม่เห็นว่าการอ่านนิทานสำคัญ ง่าย ๆ แค่นั้นเอง (หรือจะไม่มีเวลาเลยจริง ๆ นะ ?)

บ้านที่มีเด็ก ทำให้สะอาดสุด ๆ คงยาก เพราะหากต้องการบ้านที่สะอาดเอี่ยมเหมือนบ้านตัวอย่าง เราน่าจะต้องใช้เวลาทำความสะอาดทั้งวันเลย ว่าไหมครับ … ดังนั้น บ้านไม่ต้องสะอาดมาก แต่มีความสุขเยอะ ก็ดีไปอีกแบบนะ

สิ่งที่ทำให้แปลกใจมากในบทสัมภาษณ์ของคุณมาริเอะ คอนโดะ ก็คือ เธอบอกว่าเธอยอมแพ้เรื่องการจัดบ้าน ยอมให้บ้านรกบ้างเมื่อเธอมีลูกคนที่ 3 … ตัดภาพมาที่บ้านของฉัน คือ ฉันยอมแพ้ตั้งแต่คนแรกแล้ว 555 สุขมาก ก็รกหน่อยเนาะ ใครมาบ้านทักเรื่องบ้านรก เชิญออกนะฮะ บอกไว้ก่อน 555

#หมอวินเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ

ปล. สั่งหนังสือของหมอวินทั้ง 5 เล่มได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำ หรือที่
อินบอกซ์ http://m.me/tamjaimorbooks
หรือ https://tamjaimorbooks.page365.net/
A. เลี้ยงลูกให้กินง่าย แก้ไขเด็กกินยาก * ((เล่มล่าสุด))
B. อย่าปล่อยให้พ่อแม่รังแกฉัน (การเลี้ยงลูกเชิงบวก)
C. เลี้ยงลูกทางสายกลาง (คู่มือการดูแลเด็กเล็ก)
D. เส้นทางสายนมแม่
E. เลี้ยงลูกให้ไกลโรค (ความรู้เรื่องสุขภาพ อาการ โรคและยาในเด็ก)

🔥PlanToys x Amarin Baby & Kids Fair🔥
ช้อปสินค้าราคาพิเศษ พร้อมสนุกกับสนามเด็กเล่น Forest of Play และกิจกรรม Workshop
🎉 PlanToys x Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 23
📍 Zone เวที | Hall 98-99 ไบเทคบางนา
📅 1-4 ธ.ค. 2565
🛒 ช้อปของเล่นไม้ ลดราคาพิเศษสูงสุด 50%
ของเล่นไม้เสริมทักษะ เหมาะกับช่วงวัย
👶 เล่นสนุก เล่นฟรี สนามเด็กเล่น Forest of Play
รอบการเล่น 3 รอบ/จำกัดรอบละ 15 คน
⏰ 10.30-12.00 ⏰13.30-15.30 ⏰ 16.00-18.00
🔨 Workshop ประดิษฐ์ต้นไม้จากชิ้นส่วนของเล่น
📅 1 ธันวาคม 17.00-18.00
📅 2 ธันวาคม 17.00-18.00
📅 3 ธันวาคม 13.00-14.00
📅 4 ธันวาคม 13.00-14.00
🌐 สอบถาม-ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม
https://th.plantoys.com
📲 Line:
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
#ของเล่นเด็กปลอดภัย #ของเล่นเสริมพัฒนาการ #ของเล่นไม้ #ของเล่นเด็ก

"คุณหมอคะ ลูกดูไม่ค่อยมีสมาธิ อยู่ไม่นิ่งเลย ทำอย่างไรได้บ้างคะ" - คุณแม่ท่านหนึ่ง

เมื่อคำถามนี้ถูกเอ่ยขึ้นมาทีไร ... ส่วนใหญ่คำตอบของคำถามก็คือประโยคเดิม ๆ ที่พ่อหมอบอกบ่อย ๆ นั่นก็คือ #เขาเป็นเด็กปกติ ... ในใจมักแว่บขึ้นมาอย่างตลกร้ายว่า จะให้เด็กนิ่งแค่ไหนล่ะฮะ จะให้เขานั่งนิ่ง ๆ เหมือนโดนวางยาเลยหรือไร

เพราะยิ่งเล็ก สมาธิของเด็กที่จะใช้จดจ่อในการทำอะไรสักอย่างนั้นยิ่งสั้น มักมีคนบอกว่า ให้เอาอายุเป็นปี คูณด้วย 2 จะเป็นจำนวนนาทีที่เด็กคนหนึ่งจะสามารถจดจ่อใส่ใจกับอะไรสักอย่างได้ (ยกตัวอย่างว่า อายุ 2 ขวบก็อาจจดจ่อได้สัก 4 นาที) ... แต่ส่วนตัวไม่ค่อยอยากให้ไปใส่ใจมากกับระยะเวลา ไม่งั้นเดี๋ยวแม่ ๆ ไปซื้อนาฬิกาจับเวลาแล้วก็นอยด์อีก 555 รู้แหละ ... อย่ามาเถียงนะ หลายบ้านซื้อตาชั่งเด็กมาชั่งน้ำหนักลูก วันต่อวัน หลายบ้านมีปรอทวัดไข้ทุกชนิด ยิงหู ยิงหน้าผาก หนีบรักแร้ เอาให้ครบ มันไม่สบายจายยยย 555

Anyway, เวลาเราดูว่าเด็กมีสมาธิจดจ่อ เราก็ดูง่าย ๆ ว่าเขาสามารถจดจ่อใส่ใจกับสิ่งที่เขาสนใจได้หรือเปล่า ตัวต่อ วาดรูป พยายามปีนป่ายไปถึงจุดที่เขาต้องการไป นั่งฟังหนังสือนิทาน และอื่น ๆ ถ้าได้ก็จบครับ โดยจะยกเว้น ตอนดูหน้าจอนะ เพราะเมื่ออยู่ที่หน้าหน้าจอ เด็กจะนิ่งเหมือนถูกสะกดจิตแต่สมองนั้นพุ่งพล่านถูกกระตุ้นรัว ๆ แบบมึน ๆ

โดยเราพบว่า ... บางครั้งเด็กก็ไม่ค่อยนิ่งจริง ๆ นั่นแหละ โดยเป็นไม่นิ่งแบบไม่ผิดปกตินะ แต่เป็นการไม่นิ่งเพราะสิ่งรอบตัว 'ไม่เอื้อ' ที่จะทำให้เด็กสามารถจดจ่อใส่ใจอยู่กับกิจกรรมตรงหน้าได้นานนั่นเอง ...

หนึ่ง ... #ออกแรงและเคลื่อนไหวไม่พอ ... วิ่งจ้ะ วิ่งไปให้พอ ใช้พลังงานให้พอ เมื่อใช้พอแล้วเด็กจะนิ่งขึ้นเองโดยปริยายครับ เพราะการออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวจะทำให้เกิดการหลั่งของสารเคมีในสมองหลายตัวที่ทำให้สมองสงบขึ้นและช่วยลดฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียดอย่างคอร์ติซอลได้อีกด้วยนะ ... จึงไม่ต้องแปลกใจที่ เด็กอนุบาลที่ถูกบังคับให้นั่งนิ่ง ๆ บนเก้าอี้และเน้นการเขียนอ่านทั้งที่วัยนี้ควรได้เคลื่อนไหวร่างกายนั้นอาจทำให้เด็กไม่นิ่งและวอกแว่กได้ง่ายนั่นเอง ยิ่งบังคับให้เด็กนั่งนิ่ง ๆ ก็จะพบว่ามีเด็กที่วุ่นวายในห้องเรียนแล้วครูที่ไม่เข้าใจเด็กก็จะบอกว่าเด็กคนนี้สมาธิสั้น ทั้งที่การเคลื่อนไหวร่างกายคือเรื่องปกติตามวัยที่ถูกริบรอนไป

สอง ... #การดูหน้าจอก่อนวัยอันควรและมากเกินไป ... อันนี้จบในตัวเอง หลายคนคงเผชิญความจริงนี้ด้วยตัวเองว่า ยิ่งให้ลูกดูหน้าจอ ลูกยิ่งมีปัญหาพัฒนาการโดยเฉพาะเรื่องของพฤติกรรม และภาษา สมาธิสั้นขึ้น เกิดภาวะออทิสติกเทียมได้

สาม ... #สิ่งแวดล้อมที่วุ่นวาย คนเยอะ ข้างของเครื่องใช้แยะ ของเล่นเยอะ อันนี้ก็น่าสนใจ อันนั้นก็น่าเล่น เด็กจึงเล่นอันนี้นิดอันนี้หน่อย สักพักมีเสียงรถบีบแตรแป๊น ! เด็กก็วิ่งไปหา แม่อ่านหนังสือ พ่อมาแหย่เด็ก (ทำไมคุ้น ๆ เหมือนเพิ่งถูกดุมา) ทำนั่นอยู่ ยายเข้ามาจี๋เอว กำลังจะทำอันนี้ ปู่ชวนไปเล่นน้ำ ... วุ่นวายไป๊ 555 ฟังแล้วยังรู้สึกหงุดหงิดเลย

สี่ ... อันนี้เรื่องอื่น ๆ แล้วล่ะฮะ อย่างเรื่องของ ' #อาหาร' ยิ่งกินอาหารที่หวานจัด อาหารแปรรูป มีสารเคมีอย่างคาเฟอีน หรือสารปนเปื้อนอื่น ๆ ให้เด็กกินก็อาจส่งผลต่อความจดจ่อใส่ใจได้ ภาษาชาวบ้านที่เราได้ยินบ่อยก็คือ กินขนมหวานแล้วดีดแหละฮะ #การนอนไม่พอ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เด็กไม่พร้อมที่จะเล่นและเรียนรู้

และแน่นอน ... อย่าลืมดูว่าจริง ๆ แล้วลูกมีโรคและปัญหาทางพฤติกรรมจริง ๆ หรือไม่ ... เพราะหากเป็นกลุ่มอาการออทิสซึม โรคสมาธิสั้น พัฒนาการล่าช้า ก็ต้องได้รับการดูแลรักษาด้วยแพทย์นะครับ แต่ก็ต้องบอกว่า ส่วนใหญ่ที่พ่อแม่ถามว่า ลูกไม่นิ่งดูสมาธิสั้นเนี่ย ก็คือ' เด็กปกติ' นี่แหละครับ

จงอย่าลืมว่า 'สมาธิ' ก็เหมือนกับการเล่นเวทฮะ มันต้องค่อย ๆ ฝึกให้คุ้นเคย อดทน จดจ่อใส่ใจ แล้วเด็กก็จะนิ่งขึ้น ๆ เมื่อเขาโตขึ้นได้นั่นเอง โดยคุณพ่อคุณแม่อาจช่วยให้ลูกนิ่งและมีสมาธิขึ้นได้ด้วยนะจ๊ะ

#หมอวินเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ

ปล. สั่งหนังสือของหมอวินทั้ง 5 เล่มได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำ หรือ
อินบอกซ์ http://m.me/tamjaimorbooks
หรือ https://tamjaimorbooks.page365.net/
A. เลี้ยงลูกให้กินง่าย แก้ไขเด็กกินยาก * ((เล่มล่าสุด))
B. อย่าปล่อยให้พ่อแม่รังแกฉัน (การเลี้ยงลูกเชิงบวก)
C. เลี้ยงลูกทางสายกลาง (คู่มือการดูแลเด็กเล็ก)
D. เส้นทางสายนมแม่
E. เลี้ยงลูกให้ไกลโรค (ความรู้เรื่องสุขภาพ อาการ โรคและยาในเด็ก)