Dr. Supanut Tiewtranon

เบาหวานควรดื่มน้ำมะพร้าว?
น้ำมะพร้าวเป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุที่หลายคนชื่นชอบ คนเป็นเบาหวานดื่มน้ำมะพร้าวได้ไหม? คำตอบคือใช่
ด้วยปริมาณน้ำตาลต่ำ น้ำมะพร้าวจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เครื่องดื่มนี้มีประโยชน์ดังต่อไปนี้:
ช่วยลดน้ำตาลในเลือด: น้ำมะพร้าวช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเนื่องจากมีโพแทสเซียม แมงกานีส แมกนีเซียม วิตามินซี แอล - อาร์จินีนในปริมาณสูง สารที่สามารถปรับปรุงความไวของเซลล์ต่ออินซูลิน
ยับยั้งความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันและป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน: จากการศึกษาบางชิ้น น้ำมะพร้าวสามารถปรับปรุงความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันได้อย่างมาก ซึ่งจะช่วยจำกัดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายในระบบหัวใจและหลอดเลือด เส้นประสาท ไต...
ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด: การดื่มน้ำมะพร้าวเป็นประจำมีผลในการลดคอเลสเตอรอล ไขมันในตับ และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด นอกจากนี้น้ำมะพร้าวยังช่วยควบคุมความดันโลหิต ป้องกันลิ่มเลือดไม่ให้ก่อตัว
อย่างไรก็ตาม เพื่อพิสูจน์ประโยชน์ของน้ำมะพร้าวสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ยังคงจำเป็นต้องมีการศึกษาขนาดใหญ่
- หมายเหตุสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานเมื่อดื่มน้ำมะพร้าว
คำถามที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถดื่มน้ำมะพร้าวได้หรือไม่ได้รับคำตอบแล้ว น้ำมะพร้าวมีประโยชน์มากมายสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ผู้ป่วยยังต้องสังเกตว่าน้ำมะพร้าวยังคงมีน้ำตาลไม่มากก็น้อย และผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำให้ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูงไม่ดื่มเครื่องดื่มนี้ หมายความว่าผู้ป่วยยังสามารถดื่มน้ำมะพร้าวได้ แต่ควรจำกัดไว้ อย่าดื่มมากเกินไป
ผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้เมื่อดื่มน้ำมะพร้าว:
ดื่มน้ำมะพร้าวบริสุทธิ์ไม่ใส่น้ำตาล ห้ามใช้น้ำมะพร้าวกระป๋องใส่สารให้ความหวาน
อย่ากินเนื้อมะพร้าวแห้งเพราะมันมีไขมันอิ่มตัวจำนวนมากซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ดื่มน้ำมะพร้าวให้ถูกเวลา ควรดื่มในตอนบ่ายเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
ผู้ป่วยเบาหวานขณะตั้งครรภ์ รูมาตอยด์ โรคไตเรื้อรัง ไม่ควรดื่มน้ำมะพร้าว
มะพร้าวแก่จะดีกว่าสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานมากกว่ามะพร้าวอ่อน
ขอแนะนำให้ดื่มน้ำมะพร้าวเพียง 250 มล. ต่อวันและแบ่งเป็นสองเครื่องดื่ม

คนเป็นเบาหวานกินบวบได้ไหม?
------------------------------------
ฟักทองช่วยเพิ่มการผลิตอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดในร่างกาย และมีสารประกอบ Trigonelline และกรดนิโคตินิกที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
ฟักทองมีแคลอรีต่ำและไม่มีไขมัน ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถใช้ในปริมาณที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามอย่ากินมากเกินไปเพราะฟักทองมีดัชนีน้ำตาลในเลือดสูงที่ 75 หากกินมากเกินไปดัชนีน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มขึ้นทำให้เกิดอันตรายอย่างมากต่อผู้ป่วย

เบาหวานควรกินมานากอนหรือไม่?
-------------------------------------------------- -- --
มะม่วงมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นมากมาย และยังช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหารเกือบทุกชนิด
🍋 มะม่วงมีแคลอรีน้ำตาลมากกว่า 90% มะม่วงมีส่วนช่วยให้น้ำตาลในเลือดสูงในผู้ป่วยเบาหวาน
อย่างไรก็ตาม การกินมะม่วงในปริมาณที่พอเหมาะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เนื่องจากมีสารอาหารที่สำคัญ รวมทั้งไฟเบอร์ รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นอื่นๆ
✅ ร่วมกับ Nutri Diabet อีก 2 แก้วต่อวัน เพื่อเสริมสารอาหารอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน

🗣 เลือกอย่างช้าๆ เสี่ยง 80% ของโรคเบาหวาน
ผลการศึกษาของญี่ปุ่นพบว่า ยิ่งคุณกินเร็วเท่าไหร่ สมองของคุณก็จะยิ่งลงทะเบียนสัญญาณว่าอิ่มท้องน้อยลงเท่านั้น ทำให้ร่างกายอยากกินมากขึ้น และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การรักษานิสัยนี้ไว้เป็นเวลานาน ผู้ป่วยเบาหวานมีแนวโน้มที่จะเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างกะทันหัน ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ต้อหิน หัวใจวาย เป็นต้น
การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าการเคี้ยวให้ช้าลงช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานได้ 80% โดย:
🔰 เคี้ยวช้าๆ – ช่วยป้องกันโรคอ้วน
การวิจัยโดยสมาคมโรคเบาหวานแห่งอเมริกา (American Diabetes Association) แสดงให้เห็นว่าแม้แต่คนอ้วนยังลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานได้มากถึง 70% หากลดน้ำหนักลง 5% ของน้ำหนักตัว การรับประทานอาหารอย่างรวดเร็วหมายถึงการบริโภคแคลอรีมากเกินความจำเป็น เพราะสมองจะใช้เวลาสักครู่เพื่อรับสัญญาณความอิ่มจากกระเพาะอาหาร สิ่งนี้จะทำให้คุณน้ำหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน ดังนั้น ตรงกันข้ามกับการกินอาหารเร็ว การเคี้ยวช้าๆ จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและย่อยได้ดีขึ้นมาก จึงหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวที่เกิดขึ้นได้
🔰 เคี้ยวช้าๆ ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
ความก้าวหน้าของโรคเบาหวานส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายหลังตอนกลางวัน นี่คือช่วงที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงที่สุด ทำลายหลอดเลือดและเส้นประสาท การรับประทานอาหารอย่างช้าๆ จะช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคแทรกซ้อน นอกจากนี้การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืนยังช่วยลดแรงกดบนกระเพาะ ป้องกันการย่อยอาหาร และเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญพลังงานให้กับร่างกาย
กล่าวโดยสรุป การรับประทานอาหารอย่างช้าๆ และเคี้ยวให้ละเอียดจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้ ดังนั้นวันนี้ควรฝึกนิสัยการกินช้าๆ เพื่อปกป้องสุขภาพของตัวเองและครอบครัว
----------
👉นอกจากนั้นยังต้องใส่ใจเรื่องโภชนาการ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ วันละ 30 นาที และใช้ Nutri Diabet Colostrum น้ำนมเหลือง Nutri Diabet แต่ละถ้วยให้สารอาหาร 47 ชนิดครบถ้วน นอกจากนี้ Nutri Diabet ยังเพิ่มรังนก โสม ฟีนูกรีกมาตรฐาน คอลอสตรัม นำเข้าจากนิวซีแลนด์ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ในระดับที่ปลอดภัย ลดภาวะแทรกซ้อนของอาการชาที่แขน ขา นอนหงาย และเพิ่มสุขภาพให้แข็งแรง

อย่าทิ้งส่วนประกอบของเบาหวานที่เท้าของคุณ
--------
❌ ข้อเท็จจริงที่ไม่น่าเชื่อว่า 50% ของผู้ป่วยเบาหวานมีอาการแทรกซ้อน ได้แก่ ชา แสบ แสบร้อนที่ผิวหนัง แผล/แผลหายช้า...
❌ สาเหตุของภาวะนี้เป็นเพราะน้ำตาลในเลือดสูงไปกระตุ้นกระบวนการออกซิเดชั่นที่ทำลายหลอดเลือดและระบบประสาท ผลที่ตามมา:
- ผู้ป่วยจะค่อยๆ สูญเสียความรู้สึกเจ็บ - ร้อน - เย็น และ "บังเอิญ" ละเลยรอยโรคเล็กๆ ที่เท้า เช่น รอยขีดข่วน
- การไหลเวียนของเลือดที่เท้าไม่ดี ประกอบกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ทำให้แผลและแผลเปื่อยหายช้า เกิดเนื้อร้ายได้ง่าย
❌ หากคุณหรือคนที่คุณรักเป็นเบาหวาน และมีสัญญาณเตือนดังต่อไปนี้:
- อาการชา แสบ แสบร้อนที่ฝ่าเท้า
- ลดความรู้สึกร้อนและเย็นลง
- แผลและแผลพุพองใช้เวลานานในการรักษา
☘️ Nutri Diabet Colostrum – ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน

⚠️ กฎ "3 อย่า 3 อย่า" ในอาหารเช้าช่วยให้น้ำตาลในเลือดคงที่
🌥 อาหารเช้าถือเป็นมื้อหลัก ให้พลังงานสำหรับวันใหม่หลังค่ำคืนอันยาวนาน อย่างไรก็ตาม หากการรับประทานอาหารเช้าของผู้ป่วยเบาหวานไม่สมเหตุสมผล ไม่เพียงแต่จะทำให้โรคดีขึ้น แต่ยังทำให้เกิดผลที่คาดเดาไม่ได้ เช่น น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือด...
👇นี่คือกฎ 3 กิน 3 ห้ามทานอาหารเช้า ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่
🔰3ควร
เพิ่มอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน:
ในผู้ป่วยเบาหวาน พลังงานสำรองจะลดลง ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าและขาดความมีชีวิตชีวา โปรตีนช่วยให้พลังงานแก่ร่างกายและในขณะเดียวกันก็ไม่เพิ่มน้ำตาลในเลือด ดังนั้นควรเพิ่มในตอนเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเมื่อยล้า
เช้าๆ ผู้ป่วยเบาหวานควรเสริมโปรตีนจากไข่ อกไก่ ปลา...
เพิ่มอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์:
ไฟเบอร์ป้องกันการดูดซึมน้ำตาลและในขณะเดียวกันก็ยืดเวลาการย่อยอาหารช่วยลดความหิว ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้นจะช่วยปรับปรุงสถานะน้ำตาลในเลือด เพิ่มความสามารถในการกักเก็บพลังงานของผู้ป่วย
✅ ใช้ Nutri Diabet Herbal Colostrum 1 แก้ว
น้ำนมเหลืองสมุนไพร Nutri Diabet ให้สารอาหาร 47 ชนิด และระบบผงน้ำตาลไอโซมอลต์ขั้นสูง เสริมด้วย Gymnema รังนก น้ำนมเหลือง น้ำเหลืองนำเข้าจากนิวซีแลนด์ Nutri Diabet เป็นอาหารเช้าที่สมบูรณ์แบบที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยเบาหวานควรใช้ Nutri Diabet Colostrum เช้า 1 ถ้วย ควบคุมน้ำตาลในเลือด ลดอาการชาที่แขนขา ปัสสาวะตอนกลางคืน กินอิ่ม นอนหลับลึก....
3 อย่า
❌งดอาหารเช้า:
ฮอร์โมน 𝙸𝚗𝚜𝚞𝚕𝚒𝚗 หลั่งมากที่สุดในตอนเช้า ดังนั้นการงดอาหารเช้าจะทำให้กลไกการหลั่งอินซูลินของร่างกายแย่ลง ทำให้โรคแย่ลง
นอกจากนี้ คนที่งดอาหารเช้ามักจะมีวิถีชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ คือ นอนดึก ตื่นสาย ไม่ออกกำลังกาย... ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพ
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการงดอาหารเช้าทำให้เกิดผลที่ไม่คาดคิดมากมาย ดังนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงต้องแน่ใจว่าได้รับประทานอาหารเช้าแบบวิทยาศาสตร์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรค
❌กินแป้งเยอะ
ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรจำกัดแป้งในตอนเช้า ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอย่างกะทันหัน โดยจำกัดกรดไขมันอิ่มตัวที่ขัดขวางการเผาผลาญ ไม่เพียงแต่อาหารเช้าเท่านั้น แต่อาหารมื้ออื่นๆ ยังต้องสร้างทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้มีปริมาณน้ำตาลที่เพียงพอและคงที่สำหรับกิจกรรมที่สำคัญทั้งหมดของร่างกาย
❌อาหารสำเร็จรูป
หลายคนกลัวที่จะเตรียมอาหารเช้าจึงมักใช้อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก ปลากระป๋อง เนื้อกระป๋อง ฯลฯ แม้จะสะดวก แต่อาหารเหล่านี้มีคอเลสเตอรอล เกลือ ฯลฯ อยู่มาก ซึ่งเพิ่มน้ำตาล ความดันโลหิตและเพิ่มขึ้น เสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตัน
--------------------------------------------------
☘️ Nutri Diabet Diabetic Colostrum – รองรับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน!

คำเตือนปัญหาทันตกรรมเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นโรคที่ทิ้งอาการแทรกซ้อนมากมายตามมาด้วยโรคต่างๆ อย่างไรก็ตาม มีผู้ป่วยจำนวนน้อยมากที่ให้ความสนใจกับภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานในฟัน ดังนั้นในบทความนี้ Nutri Diaet จะช่วยให้คุณเรียนรู้ปัญหาทางทันตกรรมที่มีรายละเอียดมากที่สุดในผู้ที่เป็นเบาหวาน
📌1. โรคฟันผุ
อาหารที่มีน้ำตาลและแป้งเป็นแหล่งวัตถุดิบที่อุดมสมบูรณ์สำหรับแบคทีเรียและเชื้อราที่จะขยายพันธุ์และพัฒนาในช่องปาก แม้ว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานส่วนใหญ่จะจำกัดการบริโภคน้ำตาลและแป้ง แต่น้ำตาลในน้ำลายในระดับสูงก็เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุของฟันผุ พื้นผิวของฟันสึกกร่อน ทำลายเคลือบฟันและทำให้เกิดรูในฟัน
📌2. โรคเหงือกอักเสบและปริทันต์อักเสบ
โรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์อักเสบมีความชุกในชุมชนสูงอยู่แล้ว แต่ในผู้ป่วยเบาหวาน อัตรานี้จะสูงขึ้นมากและมักจะรุนแรง กลไกการเกิดโรคเหงือกอักเสบในผู้ป่วยเบาหวานนั้นก็มีต้นกำเนิดจากคราบพลัคด้วยเช่นกัน หากตรวจไม่พบและแก้ไขเหงือกอักเสบตั้งแต่เนิ่นๆ จะนำไปสู่ภาวะที่ร้ายแรงกว่าที่เรียกว่าโรคปริทันต์อักเสบ โรคปริทันต์อักเสบทำให้เกิดผลกระทบมากมายต่อสุขภาพช่องปาก ทำลายเนื้อเยื่ออ่อน กระดูก และเอ็นที่รองรับฟัน เป็นต้น ที่ร้ายแรงที่สุดคือทำให้ 𝚋𝚎̣̂𝚗𝚑 ผู้ป่วยเบาหวาน ฟันหลุด เหงือกร่น กรณีรุนแรงอาจทำให้ฟันผุ อาจทำให้ฟันผุได้ การสูญเสีย (เรียกอีกอย่างว่าการสูญเสียฟันเบาหวาน)
📌3. ปากแห้ง
ปากแห้งเป็นภาวะปกติในผู้ป่วยเบาหวาน สาเหตุของปรากฏการณ์นี้เป็นเพราะการหลั่งน้ำลายในผู้ป่วยเบาหวานลดลงมากกว่าในคนปกติ ทำให้ขาดน้ำและปากแห้ง นี่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คนอ่อนแอต่อปัญหาทางทันตกรรม เช่น ฟันผุ กลิ่นปาก เหงือกอักเสบ เชื้อราในช่องปาก เป็นต้น
แล้วจะป้องกันภาวะแทรกซ้อนในช่องปากในผู้ป่วยเบาหวานได้อย่างไร?
สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน สาเหตุของโรคแทรกซ้อนในช่องปากคือน้ำตาลในเลือดสูง ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยเสมอ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน รวมถึงโรคทางทันตกรรม
- ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ทำความสะอาดพื้นผิวระหว่างฟันด้วยไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันหรือไหมขัดฟัน ใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่ม และยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีความจำเป็นต้องกำหนดเวลาไปโรงพยาบาลเป็นประจำเพื่อทำความสะอาดหินปูน
- นอกจากนี้ การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและนิสัยการใช้ชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกัน 𝚋𝚒𝚎̂́𝚗 ของช่องปากในผู้ป่วยเบาหวาน
ภาวะแทรกซ้อนทางทันตกรรมทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงมากมายต่อคุณภาพชีวิตในชีวิตประจำวัน การตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้นได้ ดังนั้นให้ดำเนินการวันนี้เพื่อปกป้องสุขภาพช่องปากของคุณ!

กฎ 4 ข้อเพื่อป้องกัน “เบาหวาน” จากโรคในระยะแรก
----------------
ก่อนเบาหวานถ้าควบคุมไม่ดี ภายใน 6 เดือนถึง 3 ปีจะนำไปสู่โรคเบาหวาน ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กล่าวว่าการพัฒนา* ของโรคเบาหวานประเภท 2 อาจล่าช้าหรือป้องกันได้อย่างถาวร หากการรักษาเริ่มต้นขึ้นในช่วงก่อนเป็นเบาหวาน ในทางกลับกัน หากควบคุมไม่ดีภายใน 6 เดือนถึง 3 ปี จะนำไปสู่โรคเบาหวาน
👉 แล้วจะป้องกันเบาหวานได้ตั้งแต่เริ่มต้นอย่างไร? ต่อไปนี้คือกฎ 4 ข้อสำหรับสิ่งที่คุณต้องรู้และทำเพื่อวางแผนป้องกันโรคเบาหวานไม่ให้คืบหน้า:
🎯 กฎข้อที่ 1: ตรวจน้ำตาลในเลือดของคุณอย่างสม่ำเสมอ
การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำจะช่วยให้ผู้ป่วย* ทราบว่าน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถปรับอาหารและออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม แนะนำให้รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ในช่วง 4-6mmol/l
กฎข้อที่ 2: ใส่ใจกับการรับประทานอาหารของคุณ
- ควรกิน: รับคาร์โบไฮเดรตที่จำเป็นสำหรับร่างกายผ่านธัญพืชเต็มเมล็ดและอาหาร เช่น ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำ เหล่านี้เป็นอาหารที่มีค่า GI ต่ำซึ่งจะสนับสนุนการรักษาโรคเบาหวาน เพิ่มไฟเบอร์ เพราะมีผลในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของกลูโคส คอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์หลังอาหาร
- ควรหลีกเลี่ยง : อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ขนมปัง ข้าวขาว มันฝรั่ง คุกกี้ เค้ก ฟาสต์ฟู้ด อาหารที่มีไขมันไม่ดีต่อสุขภาพ...เป็นอาหารที่มีดัชนี GI สูง
- แยกอาหาร: เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ผู้ที่เป็นโรคก่อนเป็นเบาหวานควรแบ่งอาหารมื้อเล็ก ๆ วันละ 5-6 มื้อพร้อมของว่าง
กฎข้อที่ 3: เพิ่มการออกกำลังกาย
ในการศึกษาของฟินแลนด์ ผู้ที่เดิน 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์หรือประมาณ 35 นาทีต่อวัน ลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานได้มากถึง 80% เพราะเมื่อเราออกกำลังกาย ร่างกายของเราจะใช้อินซูลินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการเพิ่มจำนวนตัวรับอินซูลิน (ซึ่งช่วยเผาผลาญอินซูลิน) ในเซลล์ อินซูลินช่วยเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงานสำหรับกิจกรรมของร่างกาย
🎯 กฎข้อที่ 4: ผ่อนคลายทุกวัน
ความเครียดในระยะยาวอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ ในขณะนั้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น หายใจเร็วขึ้น ท้องจะไม่สบาย และระดับน้ำตาลในเลือดก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน หากเซลล์ของคุณดื้อต่ออินซูลิน น้ำตาลจะสะสมในเลือดของคุณ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างเรื้อรัง ดังนั้นให้ฝึกหายใจเข้าลึกๆ โยคะ หรือนั่งสมาธิวันละ 30 นาที เพื่อผ่อนคลาย

โรคเบาหวานสามารถรับประทานได้แตกต่างกันหรือไม่?
------------------------------------
🍈 ทุเรียนเป็นผลไม้ที่อร่อยมากๆ เป็นที่รักของใครหลายๆ คน อย่างไรก็ตาม คนเป็นเบาหวานต้องระวังให้มากเวลากินทุเรียน
❌ ทุเรียนมีดัชนีน้ำตาลในเลือดสูงถึง 70 ด้วยดัชนีนี้อาจทำให้น้ำตาลในเลือดและเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ซึ่งหมายความว่าหลังจากกินผลไม้นี้แล้ว ดัชนีน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
✔️ผู้ป่วยเบาหวานควรจำกัดการกินทุเรียนเพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ นอกจากนี้ ขอแนะนำให้ใช้ Nutri Diabet colostrum ทุกวันเพื่อช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่และป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน
--------------------------
🎁 ซื้อ Nutri Diabet ตอนนี้ - รับส่วนลดทันที

อาหารที่ไม่ควรให้เมื่อเป็นเบาหวานความดันสูง
------------------------------------
ต่อไปนี้คืออาหารบางอย่างที่คุณควรหลีกเลี่ยงหรือลดเมื่อคุณเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง:
❌ เกลือแกง : โซเดียมในเกลืออาจทำให้หลอดเลือดตีบ ทำให้ความดันโลหิตสูง การรับประทานเกลือมาก ๆ ทำให้ร่างกายกำจัดไขมันได้ยาก ทำให้ปริมาณไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น
อาหารที่มีไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัว: เพิ่มคอเลสเตอรอลในเลือด เพิ่มน้ำตาลในเลือด ทำให้คุณเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงมากขึ้น และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ
❌ เครื่องดื่มที่มีสารกระตุ้น: สารกระตุ้นสามารถทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น กระสับกระส่ายง่าย และเพิ่มความดันโลหิตได้

ผลกระทบ 5 อันดับแรกของโยเกิร์ตกับโรคเบาหวาน
------------------------------------
นี่คือ 5 ผลกระทบของโยเกิร์ตสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน🥛โยเกิร์ตอุดมไปด้วยโปรไบโอติก ซึ่งควบคุมการเผาผลาญกลูโคสและลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
🥛 โยเกิร์ตอาจลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานเนื่องจากดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำ (GI) และดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำ (GL)
🥛 โยเกิร์ตมีคุณสมบัติต้านการอักเสบซึ่งดีต่อโรคเบาหวาน
🥛 โยเกิร์ตมีความสามารถในการลดระดับคอเลสเตอรอลซึ่งดีสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวา
🥛โยเกิร์ตมีโปรไบโอติกซึ่งสามารถปรับปรุงระดับน้ำตาลในเลือดที่อดอาหารได้อย่างมีนัยสำคัญและลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระต่อโรคเบาหวาน
------------------------------------
เสริม Nutri Diabet ทุกวัน ให้น้ำตาลในเลือดคงที่ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เบาหวาน

ฉันควรกินแอปเปิ้ลแดงหรือแอปเปิ้ลเขียวกับโรคเบาหวานหรือไม่???
------------------------------------
แม้ว่าคุณอาจคิดว่าสีไม่ได้สร้างความแตกต่าง แต่ความจริงก็คือแอปเปิ้ลเขียวมีสารอาหารมากกว่าแอปเปิ้ลสีแดง
🍏 แอปเปิลเขียวมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (GI=39) และมีใยอาหารสูง คุณจึงวางใจได้ว่าการกินแอปเปิ้ลเขียวจะไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น แอปเปิ้ลเขียว มีประโยชน์อย่างยิ่งในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ผลไม้ชนิดนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและเป็นแหล่งของวิตามิน อุดมไปด้วยซี
กินแอปเปิ้ลโดยที่ผิวเป็นอาหารกลางวันเพราะผิวเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด - เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ตาม การกินแอปเปิ้ลจำนวนมากอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นได้ ดังนั้นให้กินแอปเปิ้ลลูกกลางแทนแอปเปิ้ลลูกใหญ่ คุณสามารถใช้ผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ เช่น แอปเปิ้ลเขียวและผลเบอร์รี่เพื่อทำสมูทตี้ได้
🥛นอกจากแอปเปิ้ลเขียวแล้ว นมเบาหวาน Nutri Diabet ยังเป็นเครื่องเคียงที่เหมาะสำหรับคุณอีกด้วย การใช้ Nutri Diabet ทุกวันช่วยให้คุณแก้ปัญหาความไม่สมดุลทางโภชนาการ เพิ่มความต้านทาน และป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

✨✨✨ ผลของผลไม้น้อยสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
------------------------------------
✅ปริมาณเส้นใยสูง: อุดมไปด้วยไฟเบอร์และไม่มีคอเลสเตอรอลหรือไขมันอิ่มตัว ในขณะเดียวกันก็มีผลในการลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน ปกป้องเซลล์ตับอ่อน และปรับปรุงการผลิตอินซูลินในร่างกาย
✅ต้านเบาหวาน: ฟีนอลในผลลิ้นจี่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านเบาหวาน และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง
✅ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน โรคหัวใจ: ลิ้นจี่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น วิตามินซี และมีแร่ธาตุในปริมาณที่ดี เช่น โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก และแมกนีเซียม
อย่างไรก็ตาม ดัชนีน้ำตาลในเลือดของลิ้นจี่ค่อนข้างสูง (GI = 57) คุณควรกินลิ้นจี่ในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลิ้นจี่มีปฏิกิริยากับยารักษาโรคเบาหวานหรืออินซูลินที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง

ผักยอดนิยม ผักที่คนเป็นเบาหวานไม่ควรกินมากเกินไป
------------------------------------
🌽 ป๊อปคอร์น
ข้าวโพดหวานเป็นผักที่มีค่า GI สูงและจัดอยู่ในกลุ่มผักประเภทแป้ง เป็นผักชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทาน เพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้
มันฝรั่ง
การรับประทานมันฝรั่งจำนวนมากและอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงที่ย่อยเร็วอื่นๆ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วนและโรคแทรกซ้อนของโรคหัวใจและหลอดเลือดของโรคเบาหวาน
🍌กล้วย
กล้วยมีค่า GI ปานกลาง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกำจัดผลไม้นี้ออกจากอาหารของผู้ป่วยเบาหวานโดยสิ้นเชิง เพียงแค่ควบคุมการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
🍊ส้ม
ส้มยังเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส้ม 100 กรัมมีน้ำตาลประมาณ 12-15 กรัม ดังนั้น ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรทราบด้วยว่าควรกินส้มตามการบริโภคคาร์โบไฮเดรตในแต่ละวันเท่านั้น
ยังดีกว่าคุณควรปรึกษาแพทย์ของคุณก่อนที่จะเลือกอาหารในอาหารผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายเมื่อรักษาเป็นเวลานาน
------------------------------------
🥛 นม Nutri Diabet เป็นวิธีการแก้ปัญหาทางโภชนาการที่ครอบคลุมที่แนะนำโดยนักโภชนาการชั้นนำและต่อมไร้ท่อ การใช้ Nutri Diabet วันละ 2 แก้ว ช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถเติมสารอาหาร เพิ่มภูมิต้านทาน และควบคุมเบาหวานได้ดี

เบาหวานกินองุ่นได้ไหม?
-----------------------------------
🍇 องุ่นเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีผลดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น ประกอบด้วยโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์และโปรโตพลาสซึมในร่างกายจากการก่อตัวของอนุมูลอิสระ
🍇 อย่างไรก็ตาม สำหรับโรคเบาหวาน ในทางกลับกัน องุ่นมีค่าดัชนีน้ำตาลสูงและไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หากผู้ป่วยโรคเบาหวานกินองุ่นมากเกินไปจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
🥛🥛 ขอแนะนำให้ใช้ Nutri Diabet วันละ 1-2 แก้ว เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่และป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน

ส้มโอ - เภสัชของโรคเบาหวานสีแดง
----------------------------------
เกรปฟรุตถือเป็น "ยาครอบจักรวาล" สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน เพราะนอกจากจะเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการตามปกติแล้ว ส้มโอยังส่งผลสำคัญต่อโรคเบาหวานอีกด้วย
นี่คือผลอัศจรรย์ของเกรปฟรุตที่ผู้ป่วยทุกคนควรรู้:
✔️ควบคุมน้ำตาลในเลือด
✔️ป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน
✔️ป้องกันความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดไม่ดี
-------------------------------------------------- ------
🥛 ใช้ Nutri Diabet มากขึ้นทุกวัน เพื่อรักษาเสถียรภาพ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน

น้ำเหลืองเบาหวาน
น้ำนมเหลืองช่วยให้น้ำตาลในเลือดคงที่
NUTRI DIABET - โซลูชันอันดับ 1 สำหรับการคงระดับน้ำตาลในเลือด, การป้องกันส่วนประกอบ
น้ำตาลในเลือดคงที่ colostrum Nutri Diabet เชื้อเพลิงนำเข้าจากนิวซีแลนด์
ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันหลอดเลือด และลดภาวะแทรกซ้อนของหัวใจและหลอดเลือด
อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็น ทดแทนมื้ออาหาร
ส่งเสริมสุขภาพ
เสริมสร้างความต้านทาน
ป้องกันโรคกระดูกพรุน ทำให้กระดูกแข็งแรง
กลุ่มเป้าหมาย: ใช้อายุมากกว่า 18 ปี
กระป๋อง : 400gram

1.ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
หากร่างกายขาดน้ำ จะส่งผลทำให้เลือดข้น และส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้ การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพออย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน จะช่วยดับกระหาย และทำให้โอกาสที่เราจะไปเลือกดื่มน้ำหวานลดกระหายน้อยลง แต่ถ้าหากร่างกายได้รับน้ำเปล่าอย่างเพียงพออยู่แล้ว การดื่มน้ำเปล่าเพิ่มก็ไม่ได้ส่งผลต่อการลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่จะทำให้เราอิ่มน้ำ และไม่ไปดื่มเครื่องดื่มอย่างอื่นแทนได้
2.ถ้าขาดชา กาแฟ ไม่ได้ ให้ชงเองคุมน้ำตาล หรือสั่งหวานน้อยให้ติดปาก
สำหรับผู้ที่ติดการดื่มชา หรือ กาแฟนั้น กรณีชงดื่มเอง ลองสำรวจตัวเองดูว่า เครื่องดื่มที่ตนเองดื่มเป็นประจำนั้น มีการเติมน้ำตาล นมข้นหวาน หรือน้ำผึ้งมากหรือไม่ หากมีปริมาณมากลองลดการเติมจากเดิมครึ่งนึง แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นไม่เติมเพิ่ม แต่ถ้าสั่งซื้อจากร้าน พึงระลึกว่าน้ำตาลในเลือดเราสูงอยู่ ควรสั่งให้ติดปากว่า ขอหวานน้อย หรือ ไม่เติมน้ำตาล/นมข้นหวานเพิ่ม
3.ก่อนซื้อเครื่องดื่ม อ่านฉลากโภชนาการสักนิด สะกิดตัวเองว่าน้ำตาลเกิน
การอ่านฉลากโภชนาการ จะทำให้เราได้รู้ข้อมูลว่าเครื่องดื่มที่เราดื่มอยู่นั้น มีพลังงาน น้ำตาลหรือโซเดียมมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่า จะเลือกกินเครื่องดื่มอะไรแบบไหนได้บ้าง ทางที่ดีก็ควรมองหาเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลที่น้อยที่สุด หรือมองหาเครื่องดื่มที่ได้รับเครื่องหมายทางเลือกสุขภาพ
4.กินให้ได้สัดส่วน 2:1:1 หรือจำง่ายๆ กินข้าวเท่ากับเนื้อ กินผักมากกว่าข้าว
จานอาหารสุขภาพ 2:1:1 สามารถดูได้ง่ายๆ จากการแบ่งจานอาหารออกเป็น 4 ส่วน โดย 2 ส่วนของจานเป็นผัก (หรือผักครึ่งจาน) 1 ส่วนของจานเป็นกลุ่มข้าวแป้ง และอีก 1 ส่วนของจานเป็นกลุ่มโปรตีน เช่น ปลา หมู ไก่ เต้าหู้ หรือไข่ การกินอาหารตามสัดส่วน 2:1:1 จะช่วยควบคุมให้เราไม่ได้รับอาหารกลุ่มข้าวแป้งในปริมาณที่มากเกินไป และยังช่วยเพิ่มใยอาหารจากผักได้อีกด้วย
5.มองหาข้าวไม่ขัดสี
ข้าวไม่ขัดสี เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ดี ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงเร็วมากนัก
6.กินผลไม้มื้อละ 1 กำปั้นมือ คือ สัดส่วนที่เหมาะสม
ผลไม้ เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตอย่างหนึ่ง ที่คนไทยหลายๆ คนมักกินมากเกินไป สำหรับคนที่มีปัญหาน้ำตาลในเลือดสูง สัดส่วนผลไม้ประมาณ 1 กำปั้น เป็นสัดส่วนที่พอเหมาะที่ทำให้ร่างกายไม่ได้รับน้ำตาลจากผลไม้มากจนเกินไป โดยผลไม้ที่แนะนำ ได้แก่ แอปเปิ้ลลูกเล็ก 1 ลูก ฝรั่งครึ่งลูก แก้วมังกรครึ่งลูก มะละกอ 4-6 ชิ้นคำ เป็นต้น
7.เพิ่มกิจกรรมทางกาย ทำง่ายๆ ด้วยการเดิน
การเพิ่มกิจกรรมทางกาย ถือว่าเป็นการเพิ่มการใช้พลังงาน ทำให้ร่างกายไม่สะสมพลังงานส่วนเกินที่ได้รับจากการรับประทานอาหารที่มากเกินไป ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานในอนาคตได้ โดยสามารถทำได้ง่ายๆ ได้จากการเดินที่เพิ่มขึ้น เช่น เพิ่มการเดินขึ้นบันได การเดินในระยะทางที่เพิ่มขึ้นแทนการนั่งมอเตอร์ไซค์ นอกจากนั้นยังสามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นได้แก่ ทำสวน ทำงานบ้าน ขุดดิน ต่อเนื่องอย่างน้อย 10 นาที
8.ออกกำลังกายให้ได้ทุกวัน ยืดอายุฉันให้แข็งแรง
การออกกำลังกาย เป็นกิจกรรมที่ช่วยทำให้ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูงสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยการออกกำลังกายระดับหนักปานกลาง วัดง่ายๆ ได้จากการพูด (Talk test) คือระดับที่เหนื่อยหอบนิดๆ สามารถพูดได้เป็นประโยคสั้นๆ สะสมให้ได้อย่างน้อย 150 นาที /สัปดาห์
9.เสริมกล้ามเนื้อ เล่นเวทวันละนิด สร้างความฟิตเพิ่มการเผาผลาญ
ลองออกกำลังกายแบบแรงต้าน เช่น การยกน้ำหนัก ออกกำลังกายด้วยยางยืด ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ โดยออกแรงกล้ามเนื้อของขา แขน หลัง และหน้าท้อง

อาหารมื้อเล็กในอุดมคติสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
________________________________________________
🍔 อาหารแปรรูปมักขาดสารอาหารที่ร่างกายต้องการและมีคาร์โบไฮเดรตที่เผาผลาญเร็วเป็นจำนวนมาก ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อ่อนเพลีย ขาดพลังงาน พลังงาน สารอาหารไม่สมดุล
🥙 แล้วจะเตรียมขนมเบาหวานยังไงดี?
+ เลือกอาหารแคลอรี่ต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มน้ำหนักและโรคอ้วน
ส่วนผสมในจานควรมีไฟเบอร์ในปริมาณมาก
+ อาหารมีแหล่งกำเนิดที่ชัดเจน รับรองความปลอดภัยของอาหารและสุขอนามัย และมีอายุการเก็บรักษาที่เหมาะสม
🍓 คำแนะนำ: ผลไม้ (ส้มโอ, สตรอเบอร์รี่, ส้ม, เชอร์รี่, แอปเปิ้ล, ลูกแพร์, อะโวคาโด,...); โยเกิร์ตไม่มีน้ำตาล สลัด, ถั่ว (เมล็ดเจีย, เมล็ดฟักทอง, อัลมอนด์, วอลนัท, เม็ดมะม่วงหิมพานต์, ...)
🥛 นอกจากนี้ แทนที่จะเลือกอาหารที่มีสารอาหารที่ไม่รู้จัก คุณสามารถใช้ DiaSure หนึ่งแก้วเป็นของว่างในอุดมคติเพื่อเติมพลังงานโดยไม่ทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งกระทันหันเนื่องจากระบบย่อยอาหาร เผาผลาญช้า และดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำ
(*) การใช้ Nutridiabet เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการจัดการโรคเบาหวาน - หลักการของ "TRICAL BLOOD"
________________________
ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรี!
*จัดส่งฟรีทั่วประเทศ

Now it's easier to send Dr. Supanut Tiewtranon a message.