Bakery Polly
ขนมเปี๊ยะใส้ลาวา อาหารว่าง ของว่าง?
- เบื้องหลังบทหนัง Knives Out: คดีฆาตกรรมที่มีหัวใจ
**มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ**
สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้เป็นวาระครบรอบ 1 ปีการเสียชีวิตของ คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ จึงพาให้หวนนึกถึงผลงานโดดเด่นเรื่องสุดท้ายของเขา ซึ่งก็คือ Knives Out (2019) ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามันเป็นแนวคิดการทำหนังฆาตกรรมที่สดใหม่ เพราะแทนที่จะเป็นแค่ “whodunit” อีกเรื่องที่รอเฉลยผู้ร้ายตัวจริงในตอนท้าย หนังเรื่องนี้กลับหลอกล่อและชักนำความคิดคนดูได้อย่างชาญฉลาดเกินความคาดหมาย
แม้ว่าตอนแรกหนังจะโฆษณาในฐานะ whodunit คอนเซปต์ที่ทำให้เข้าใจภาพรวมได้ง่าย แถมตัวผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน เองก็หลงใหลเนื้อเรื่องแนวนี้มาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะงานประพันธ์ของ อกาธา คริสตี้ กระนั้น อิทธิพลการเขียนบทเรื่องนี้จริงๆ ของจอห์นสันกลับได้มาจาก อัลเฟรด ฮิทช์ค็อก ซึ่งเป็นคนทำอะไรตรงข้ามกับ whodunit อย่างสิ้นเชิง
“ตอนที่ผมคิดจะทำ whodunit ผมได้คิดถึงมุมมองของฮิทช์ค็อกที่มีต่อ whodunit” จอห์นสันกล่าว “เขาบอกว่าหนังแนวนี้ต้องพึ่งพาอยู่แต่กับบิ๊กเซอร์ไพรส์เดียวในตอนจบ ซึ่งถือเป็นข้อด้อยในเชิงการเล่าเรื่อง คือการรวบรวมเงื่อนงำเพื่อรอเฉลยตอนจบนั้นยังไม่ถึงใจพอ ต่อให้ผมรักหนังแนวนี้มากก็เถอะ มันควรเป็นการขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาม้วนเดียวจบแบบจัดเต็ม”
ทีนี้ เขาจึงผสมผสาน whodunit ของอกาธาเข้ามาเป็นหน้าฉาก แล้วใส่เนื้อในด้วยแนวทางของฮิทช์ค็อกที่เรียกว่า “suspense” ซึ่งเน้นความระทึก แทนที่จะมัวทำให้ผู้ชมใส่ใจว่าคำตอบที่คิดไว้ถูกหรือผิด แนวทางนี้คือการโยนข้อมูลใส่ให้ตั้งแต่เนิ่น แล้วสร้างสถานการณ์ให้ต้องคอยติดตามดูอย่างใจจดใจจ่อว่าตัวละครจะทำอะไรต่อไป
“หนังเรื่องนี้จึงเปิดหัวด้วยบรรยากาศแบบ whodunit แต่มันเป็นการหลอกล่อให้เข้าใจผิด เพราะช่วงกลางจริงๆ กลายเป็นทริลเลอร์ ก่อนจะกลับมาเป็น whodunit อีกครั้งในตอนท้าย” จอห์นสันบรรยาย
นั่นคือวิธีคิดอันซับซ้อนและได้ผลชะงัด แต่ใช่ว่างานยากจะจบตรงนั้น ผู้กำกับยังต้องเขียนสคริปต์อันแยบยลตรงตามโครงสร้าง เขาต้องจำแนกเหตุการณ์ที่เรียงร้อยออกเป็นส่วนๆ เป็นชิ้นๆ คล้ายเป็นการวางอิฐบล็อคแต่ละก้อนอย่างแม่นยำ เชื่อมต่อกันสนิท
เพราะทั้งนี้ทั้งนั้น จอห์นสันได้ฝากฝังหนังทั้งเรื่องไว้กับโครงสร้างที่เขาวาง การกล้าจะเฉลยปมไปเรื่อยๆ แต่ก็เป็นไปแบบกำหนดกรอบความคิดให้คนดูเดินตามเส้นทางที่ตนเองลากไว้ โดยในแต่ละองก์ที่มีเรื่องราวเป็นไป คนดูอาจสันนิษฐานได้เป็นคำตอบต่างๆ ก. /ข. /ค. เพื่อที่หนังจะชิงลงมือเผยความลับแล้วคนดูต้องเกิดข้อสันนิษฐานชุดใหม่ ง. /จ. /ฉ. เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ไม่ว่ายังไง ความคิดได้ถูกกำหนดทิศทางไว้หมด กระทั่งในท้ายที่สุด จอห์นสันจะได้เข้ามาตบไหล่เบาๆ พลางกระซิบว่าการพยายามไขความจริงเพื่อเอาชนะหนังนั้นไม่สำคัญเลยเมื่อเทียบกับการได้รู้สึกไปกับตัวละคร
“ผมตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะไม่ให้หนังพึ่งพาแค่การเฉลยในตอนจบ” เจ้าตัวอธิบาย “ผมหวังให้หนังเรื่องนี้ยังคงความบันเทิงไม่ว่าคนดูจะเดาทางถูกหรือไม่ นี่เป็นเป้าหมายสูงสุดของผมเลย และมันน่าพอใจมากเมื่อสุดท้ายแล้ว สิ่งที่ทำให้อิ่มเอมไม่ใช่การรู้ว่า ‘ใครคนฆ่า’ แต่เป็นความรู้สึกที่มีให้กับตัวเอกซึ่งติดตามกันมาตั้งแต่เริ่ม”
นี่เอง ปัจจัยสำคัญที่ย้ำเตือนว่า Knives Out ได้ช่วยยกระดับหนังฆาตกรรมซับซ้อนซ่อนเงื่อน เมื่อทุกอย่างกลับตาลปัตรจากความคาดหวังเดิมๆ ที่มีต่อ “whodunit” เมื่อคนดูพบว่าตัวเองต้องเห็นอกเห็นใจตัวละคร โดยเฉพาะฆาตกร ได้เห็นเรื่องราวที่แม้ลึกลับ ระทึกใจ วายป่วง อลหม่าน ตลกร้าย แต่ยังแทรกไว้ด้วยความเศร้า ความอบอุ่น ความมีหัวจิตหัวใจ
“เพราะคุณเป็นพยาบาลที่ดี” ประโยคนั้นที่ แดเนียล เครก ในบท เบอนัวต์ บล็องก์ กล่าวช่างสัมผัสได้ถึงความจริงใจ
และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะ ไรอัน จอห์นสัน ไม่ได้ตั้งใจจะทำหนังตลาด หรือหวังให้มันด่วนได้ขายเร็ว เขาทำจากความรักต่อสิ่งที่หลงใหลมาทั้งชีวิต แค่ทำมันจากใจ ที่เหลือก็ปล่อยให้พวกนักแสดงมือฉมังสำแดงฤทธิ์เดชกันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่าตัวเครก, เจมี่ ลี เคอร์ติส, โทนี่ คอลเลต์, ไมเคิล แชนนอน, คริส อีแวนส์, แอนา เด อาร์มาส และแน่นอน คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ ในบทคุณปู่ที่รักและห่วงใย
รับขนมสักชิ้นมั้ยคะ
ชิ้นเล็ก ใส้ธรรมดา ชิ้นละ 35 ใส้พิเศษ ชิ้นละ 50 บาท
ชิ้นใหญ่ ใส้ธรรมดา ชิ้นละ 250 ใส้พิเศษ ชิ้นละ 350 บาท
ชิ้นใหญ่ ไข่แดง
สด ใหม่ ทุกวัน
.ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี สั่งเป็นของว่างช่วงเบรค ค่า
สั่งขนมเปี๊ยะใส้ลาวา ไปทานกันมั้ยคะ
4 ชิ้น บรรจุในกล่อง
ราคา 200 บาท ฟรีค่าจัดส่งค่ะ