Rimkhong

Rimkhong

เรากลับมาแล้ว พร้อมส่งคะ

เปิดใจผู้ป่วยกินน้ำมันกัญชา รักษาโรคมะเร็งจนหาย 14/09/2022

💚

เปิดใจผู้ป่วยกินน้ำมันกัญชา รักษาโรคมะเร็งจนหาย หลังไทยปลดล็อกกัญชาพ้นยาเสพติด และเปิดให้ประชาชนปลูก เพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาสุขภาพแต่กลับเห็นข่าว....

12/09/2022

ตัวผู้ไงล่ะ🤣

12/09/2022
09/09/2022

กรมวิทย์ฯ เผยสารสกัดช่อดอกกัญชามีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ เตรียมทดสอบความปลอดภัยในสัตว์ทดลองหรือระดับคลินิก

ผลการทดลองพบว่าสารสกัดกัญชาที่มี THC 1 ส่วน ต่อ CBD 6 ส่วน มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านม (MCF-7) เซลล์มะเร็งไต (A-498) และเซลล์มะเร็งตับ (HepG2) ได้ดี

สารสกัดกัญชาที่มี THC 10 ส่วน ต่อ CBD 1 ส่วน มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งปอด (A-549) เซลล์มะเร็งลำไส้ (Caco-2) เซลล์มะเร็งสมอง (A-172) และมะเร็งตับอ่อน (PANC-1) ได้ดี เมื่อเทียบกับยาด็อกโซรูบิซิน (doxorubicin)

ส่วนสารสกัดที่มีสัดส่วน THC 2 ส่วน ต่อ CBD 1 ส่วน มีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งแบบไม่มีความจำเพาะ และพบว่าสารสกัดดังกล่าวยังมีฤทธิ์ที่ดีในการสมานรอยแผลในเซลล์ปอดเพาะเลี้ยงในหลอดทดลอง

https://www3.dmsc.moph.go.th/post-view/1372

06/08/2022

"กัญชา" #รักษามะเร็งปอดได้อย่างไร
กัญชากับมะเร็ง จัดว่าเป็นของแสลงซึ่งกันและกัน มีกัญชาที่ไหน เท่ากับไม่มีมะเร็งที่นั่น
ซึ่งเมื่อก่อนเราก็คงไม่เชื่อ จนปัจจุบันในต่างประเทศมีการศึกษาในเรื่องกัญชากับมะเร็งมานานนับสิบๆปี (ไหนว่าคือยาเสพติด มันไปศึกษาวิจัยกันได้อย่างไร สำหรับไทยเรา แทบไม่เหลือองค์ความรู้แล้ว ในสูตรตำรับยาแผนไทย ก็โดนตัดกัญชาออกไป เหลือแต่สมุนไพรตัวอื่นๆ)
ปัจจุบันเราอธิบายในเชิงการแพทย์ได้แล้ว จากการศึกษาวิจัย จนหาคำตอบได้ว่า กัญชารักษามะเร็งปอดได้อย่างไร ดังนี้
1. กัญชา ทำให้โปรแกรมอัตโนมัติของร่างกาย ที่ทำให้เซลล์แปลกปลอมมีการตายหรือเสื่อม ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Apoptosis หรือ Programmed cell death)
อธิบายให้เข้าใจง่าย ก็คือว่า เซลล์ในร่างกายมีอายุขัยของมัน เมื่อถึงเวลาตาย ก็ต้องตาย และให้เซลล์ใหม่เกิดขึ้นมาทดแทน แต่ถ้าโปรแกรมนี้ไม่ทำงาน ก็จะมีเซลล์แก่หรือเสื่อมคงอยู่ในร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์มะเร็ง ก็จะทำให้เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในร่างกาย
กัญชาไปทำให้โปรแกรมนี้ ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เซลล์มะเร็งฝ่อลงได้
2. กัญชา ยับยั้งเซลล์มะเร็งปอด ไม่ให้มีการลามไปยังอวัยวะอื่นๆในร่างกาย (Metastasis)
ปกติมะเร็งจะมีการลามไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายได้ เช่น มะเร็งปอด มักจะลามไปยังสมอง ทำให้มะเร็งมีความรุนแรงมากขึ้น การรักษายุ่งยากขึ้น
กัญชาไปทำให้กระบวนการลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆหยุดทำงานผ่านหลายๆกลไกได้
3. กัญชา ยับยั้งการสร้างเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็ง (Angiogenesis)
เซลล์มะเร็ง ก็เหมือนเซลล์อื่นๆในร่างกายที่ต้องการสารอาหารไปทำให้พวกมันเติบโตขึ้น ซึ่งสารอาหารก็ต้องผ่านมาทางเส้นเลือด ดังนั้น มะเร็งจึงมีกลไกการสร้างเส้นเลือดขึ้นมาเพื่อนำอาหารไปหล่อเลี้ยงนั้นเอง
ซึ่งกัญชา ทำให้กระบวนการสร้างเส้นเลือดหยุดชะงักลงได้ ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงของมะเร็ง เพื่อไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายได้นั่นเอง
4. กัญชา ยับยั้งไม่ให้เซลล์มะเร็งมีการเพิ่มจำนวนมากขึ้น (Preventing cancer proliferation)
เซลล์มะเร็งปกติแล้ว ก็จะมีการโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะของการเป็นมะเร็ง ซึ่งการเพิ่มจำนวนและปริมาณ ก็จะนำไปสู่ความรุนแรงที่มากขึ้น และรักษายากขึ้น
จากการศึกษาวิจัยพบว่า กัญชาสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนมะเร็งได้ผ่านกลไกต่างๆช่วยกัน
ฉะนั้น กัญชากับมะเร็งปอด จึงพบว่า มีกลไกเข้าไปทำลายเซลล์ได้อย่างครอบคลุม คือ ทั้งไม่ให้เติบโต ทั้งไม่ให้ลุกลาม ทั้งตัดเสบียงอาหาร และ กระตุ้นให้ฆ่าตัวตายเอง
ภก.พงษ์ศักดิ์ สง่าศรี
https://www.facebook.com/pharmacistphongsak

06/08/2022

#กัญชากับโรคเกาต์ ....." #รากกัญชามีCBD" #ช่วยรักษาโรคเกาต์

โรคเกาต์ (Gout) เป็นโรคปวดข้อเรื้อรังชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยโรคหนึ่ง (พบได้ประมาณ 2-4 คน ใน 1,000 คน) จัดเป็นโรคของผู้ใหญ่ในวัยตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป โดยอายุ 40-60 ปี จะพบโรคนี้ได้ประมาณ 2% และอายุ 60 ปีขึ้นไป จะพบได้ประมาณ 4% สังเกตได้ว่ายิ่งอายุมากขึ้นโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ก็มากขึ้นตามไปด้วย มักพบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 9-10 เท่า ส่วนในผู้หญิงจะพบได้น้อย หรือถ้าพบก็มักจะเป็นผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว (มักเริ่มเป็นเมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป) โดยทั่วไปมักเกิดกับข้อเพียงข้อเดียว ในบางครั้งอาจเกิดกับหลายข้อได้พร้อม ๆ กันก็ได้ แต่ข้อที่พบได้บ่อยมากที่สุดคือ นิ้วหัวแม่เท้า

สาเหตุของโรคเกาต์ โรคเกาต์เป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายมีกรดยูริกในเลือดสูงอยู่เป็นเวลานานจนเกิดการตกผลึกของยูเรตตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่น ข้อ (ทำให้เกิดข้ออักเสบ) ไต (ทำให้เกิดนิ่วในไตและไตวาย) ส่วนสาเหตุที่ทำให้กรดยูริกในเลือดสูงก็เนื่องมาจาก ร่างกายสร้างกรดยูริกมากกว่าปริมาณที่ขับออก (นอกจากกรดยูริกในเลือดสูงจะเป็นผลมาจากการที่ร่างกายขาดยีนในการสลายกรดยูริกแล้ว

ยังพบว่าอาจเป็นผลมาจากอาหารที่รับประทานเข้าไป โดยเฉพาะอาหารที่มีสารพิวรีนสูง และจากขบวนการสลายสารพิวรีนในร่างกาย โดยการสลายโปรตีนและได้สารพิวรีนออกมา ซึ่งกรดยูริกในร่างกายส่วนใหญ่จะเกิดจากกระบวนการนี้) หรือเกิดจากการที่ร่างกายสร้างกรดยูริกเป็นปกติแต่ปริมาณที่ขับออกจากร่างกายมีน้อยกว่า (กรดยูริกที่สร้างขึ้นจะมีการขับออกจากร่างกายได้ 2 ทางหลัก คือ ขับออกทางระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจะขับออกได้ประมาณ 1 ใน 3 และส่วนที่เหลือจะขับออกทางไตได้ประมาณ 2 ใน 3 ของปริมาณกรดยูริกที่ร่างกายสร้างได้ในแต่ละวัน ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ประมาณ 90% จะมีความผิดปกติในการขับกรดยูริกออกทางไต)

ปี 2008 จากการศึกษาในหนูที่เป็นโรค Rheumatoid Arthritis (RA) แสดงให้เห็นว่า เมื่อหนูได้รับสารแคนนาบินอยด์ CBD ทำให้ลดการอักเสบไปได้ถึง 50% นอกจากนี้มีการศึกษาถึงการประมินสารสกัดกัญชาที่ไปช่วยเรื่องข้อต่ออักเสบ ความปวด มีประสิทธิผลได้แค่ไหนในคน นักวิจัยได้ค้นพบว่าสารแคนนาบินอยด์สามารถช่วยควบคุมความปวดโดยการส่งสัญญาณไปที่สมองจากข้อต่อที่อักเสบและปวดได้อย่างมีประสิทธิผล

จากการศึกษา ของ โรงพยาบาล Royal National Hospital เกี่ยวกับโรครูมาตอยด์ ( Rheumatic Diseases study ) โดยใช้กัญชารักษา ช่วยทำให้เพิ่มคุณภาพในการหลับ การเคลื่อนไหว ได้เป็นอย่างดี ทำให้ลดการปวดเมื่อพักอยู่กับที่ (Pain at rest )

สายพันธุ์กัญชาที่มีสารสกัด CBD สูง ๆ มีประโยชน์ในการรักษาอาการปวดและอักเสบจากโรคเกาต์ เนื่องจาก CBD ไปช่วยลดจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) ในร่างกาย เม็ดเลือดขาวเป็นสาเหตุของการนำไปสู่การอักเสบ.....

"ดร.สุชาติ มั่นคงพิทักษ์กุล"