ทีมทนายเพื่อประชาชน

ทีมทนายเพื่อประชาชน

เพื่อประชาชน เข้าถึงกฏหมาย และรู้ถ?

TikTok · นานา เจ้น้อง 16/02/2024

เคสคดีมรดกตัวอย่าง

TikTok · นานา เจ้น้อง ถูกใจ 312 ครั้ง 19 ความคิดเห็น " #ศึกแย่งชิง #แย่งชิงมรดก #ลุยชนข่าว #มรดก #พินัยกรรม #เจ้าสัว ่าว #ข่าวtiktok ...

05/10/2022

👏🏻👏🏻👏🏻👏🏻

ผมได้มอบอำนาจให้นายทะเบียนของสภาทนายความไปดำเนินคดีแล้วครับ

17/09/2022
20/05/2022

ยินดีให้คำปรึกษาด้านกฎหมายค่ะ
⚖️❤️⚖️
ความสุขอยู่ที่การให้ ช่วยเหลือได้ไม่มาก แต่ก็ถือว่าได้ช่วยให้คำปรึกษา คำแนะนำค่ะ

23/02/2022

📣การฟ้องคดีซื้อขายออนไลน์ในศาลแพ่ง
ประชาชนผู้บริโภค สามารถลงทะเบียนและยื่นฟ้องผ่านระบบ e-filing แล้วนะคะ

20/02/2022

⚖️20 กุมภาพันธ์ ⚖️
"วันทนายความ"
"วันสถาปนาสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์"

ขอน้อมนำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ มาปฏิบัติเพื่อความเป็นธรรมและความเจริญของชาติบ้านเมือง ต่อไป
👩‍⚖️ ⚖️ 🧑‍⚖️ 🏠🏫🏛

07/02/2022

⚖️🧑‍⚖️
ทนายความที่ให้ความช่วยเหลือประชาชน
มีดังนี้
👩‍⚖️ทนายความอาสา คือ ทนายความที่สภาทนายความจัดหาให้

🧑‍⚖️ทนายความขอแรง คือ ทนายความที่ศาลตั้งให้จำเลยในคดีอาญา

👩‍⚖️ทนายความกองทุนยุติธรรม คือ ทนายความที่ขึ้นบัญชีทนายความกองทุนยุติธรรม

👨‍⚖️ทนายความในชั้นสอบสวนคดีอาญา คือ ทนายความที่ขึ้นบัญชีไว้กับสภาทนายความ

04/02/2022

📞☎️เตือนภัยเรื่องคอลเซนเตอร์ค่ะ
อย่าหลงเชื่อบุคลลที่กล่าวอ้างเป็นข้าราชการ ขอตรวจสอบเงินในบัญชี หรือการกระทำอื่นอันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
การดำเนินการของทางราชการมีระเบียบวิธีปฏิบัติกำหนดไว้ชัดเจน
ดังนั้น อย่าหลงเชื่อ มิจฉาชีพ ไม่ว่าด้วยพฤติกรรมใดๆ หากสงสัยให้แจ้ง 191 ค่ะ

Photos from ทีมทนายเพื่อประชาชน's post 18/01/2022

🧐ตอบข้อสงสัย❓❓❓

📋ประกันโควิดแบบ เจอ จ่าย จบ 📌
กรณีบริษัทประกันภัย ขอให้เพิกถอน คำสั่งนายทะเบียนที่ 38/2564 ลงวันที่ 16 กันยายน 64 เรื่อง ให้ยกเลิกเงื่อนไขการใช้สิทธิบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย โดยบริษัทในกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 สำหรับบริษัทประกันวินาศภัย

ใครซื้อประกันโควิดแบบ เจอ จ่าย จบ ไว้ลองศึกษาข้อมูลประเด็นถาม-ตอบ เพื่อคลายข้อสงสัยได้เลยค่ะค่ะ

🙏Cradit. สำนักงาน คปภ.

30/12/2021

➡️ได้รับมรดก ต้องรับผิดชอบในหนี้สินด้วยหรือไม่???
📌ทายาทต้องรับผิดในหนี้สินด้วย แต่ไม่เกินไปกว่าทรัพย์มรดกที่ตนได้รับมาเท่านั้น

📚ป.พ.พ. มาตรา 1600 ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ กองมรดกของผู้ตายได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย ตลอดทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
📚ป.พ.พ.มาตรา 1601 ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน

21/06/2021

การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีอำนาจในการตรวจค้น จับกุมนั้น ต้องกระทำตามกรอบของกฎหมาย ด้วยความระมัดระวัง ไม่เกินสมควรแก่เหตุ และต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนดำเนินการ อันเป็นกระบวนการตรวจสอบควบคุมภายในองค์กรเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย วันนี้แอดมินมีคดีตัวอย่างเกี่ยวกับกรณีการล่อซื้อและการตรวจค้นบุคคลที่ต้องสงสัยที่
มีลักษณะไม่ชอบด้วยกฎหมายมานำเสนอครับ
.... ข้อเท็จจริงในคดีไม่อยู่ว่า สิบตำรวจเอก ศ. ได้เข้าตรวจค้นนาย ว. ขณะลงจากรถ บริเวณหน้าสถานบริการแห่งหนึ่ง โดยใช้ปืนจ่อที่ศีรษะ แต่นาย ว. วิ่งหนี จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อข่มขู่ เมื่อสิบตำรวจเอก ศ. วิ่งตามไปทันได้สั่งให้ นาย ว. นอนคว่ำและใช้เท้าเหยียบที่แผ่นหลังของนาย ว. เพื่อทำการตรวจค้นร่างกาย แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด ๆ และได้ล้วงเอากระเป๋าของนาย ว. ติดตัวไปด้วย นาย ว. จึงไปแจ้งความและดำเนินคดีอาญากับสิบตำรวจเอก ศ. ฐานพยายามฆ่าและชิงทรัพย์ ต่อมา ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่อง จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย โดยสิบตำรวจเอก ศ. ให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวนว่า ตนได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อล่อซื้อยาเสพติดตามที่ได้รับแจ้งมาจากสายลับ แต่ในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวตนไม่ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนเนื่องจากเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน รวมทั้งไมได้ลงบันทึกประจำวันตามระเบียบของกรมตำรวจ ส่วนผู้บังคับบัญชาของสิบตำรวจเอก ศ. ได้ให้ข้อเท็จจริงต่อคณะกรรมการสอบสวนว่าได้มอบหมายให้สิบตำรวจเอก ศ. ปฏิบัติหน้าที่พนักงานวิทยุ หมวดจักรยานยนต์ และมอบหมายให้ปฏิบัติการชุดปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหน่วยตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แต่ไม่ได้มอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ชุดการข่าวหรือซุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแต่อย่างใด คณะกรรมการสอบสวนจึงมีมติว่า สิบตำรวจเอก ศ. กระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง เห็นควรไล่ออกจากราชการ ผู้บังคับการตำรวจตะเวนชายแดนจึงมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ
.... สิบตำรวจเอก ศ. ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ จึงยื่นอุทธรณ์ แต่ถูกยกอุทธรณ์ จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองโดย ยื่นฟ้องผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 4 (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1)และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) เพื่อขอให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ และเพิกถอนผลการพิจารณาอุทธรณ์ของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ รวมทั้งให้ตนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม โดยอ้างต่อศาลว่า ตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมมีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายอันเป็นอำนาจหน้าที่โดยทั่วไปของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้ว่าจะไม่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดโดยตรงก็ตาม อีกทั้งผลในทางอาญาศาลจังหวัดได้พิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่พอฟังได้ว่าตนพยายามฆ่าผู้เสียหายตามฟ้องและร่วมกับผู้อื่นชิงทรัพย์ผู้เสียหาย จึงเห็นว่าตนไม่ถือเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง การถูกลงโทษไล่ออกจากราชการจึงเป็นโทษที่หนักเกินไป
....ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้ว เห็นว่า แม้ผู้ฟ้องคดีจะได้รับรายงานจากสายลับว่าจะมีการล่อซื้อยาเสพติดก็ตาม แต่ก็มิใช่เป็นการกระทำผิดที่จะถือเป็นกรณีเร่งด่วน ซึ่งจะยกเว้นให้ผู้ฟ้องคดีดำเนินการโดยพลการโดยไม่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาและไม่แจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบได้ และการออกปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ได้จัดทำหลักฐานสำเนาภาพถ่ายเอกสาร หรือลงบันทึกประจำวันหมายเลขธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อเป็นหลักฐานก่อนออกปฏิบัติหน้าที่ เป็นการผิดวิสัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะทำการล่อซื้อยาเสพติด ซึ่งจะต้องเตรียมการวางแผนให้รอบคอบ เพื่อประโยชน์ในการรวบรมหลักฐานให้เพียงพอที่จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไปได้ ประกอบกับผู้ฟ้องคดีไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรมตำรวจ (ฉบับที่5) พ.ศ. 2539 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2537 ที่กำหนดให้ตำรวจต้องลงบันทึกประจำวันหรือรายงานประจำวันที่ตำรวจจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานในหน้าที่ กรณีจึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 77 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ที่บัญญัติให้ตำรวจต้องถือและปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราซการ จรรยาบรรณและวินัยของตำรวจโดยเคร่งครัด นอกจากนี้ พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดีที่ได้ใช้อาวุธปืนยิ่งขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่บุคคลผู้ต้องสงสัยพร้อมทั้งขู่บังคับให้นอนคว่ำลงแล้วเอาเท้าเหยียบบริเวณแผ่นหลังเพื่อทำการตรวจคันตัวแต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและไม่ปรากฏพฤติกรรมที่แสดงว่ามีการซื้อขายยาเสพติด เป็นการพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและยิงปืนข่มขู่ผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รัอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ผู้ฟ้องคดีเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นผู้รักษากฎหมายได้กระทำการโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายเสียเอง จึงเป็นการกระทำผิดวินัยตำรวจ และได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 79 วรรคหนึ่ง (5) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ซึ่งโทษที่ลงได้คือปลดออกหรือไล่ออก
.... ดังนั้น คำสั่งลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการและคำสั่งยกอุทธรณ์ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว

___________คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.๑๓๐๘/๒๕๖๐__________________
#ทีมทนายเพื่อประชาชน

13/06/2021

วันนี้แบ่งปันข้อกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่า
มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ
อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกาย ทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
#ทีมทนายเพื่อประชาชน

11/06/2021

เริ่มต้นทำในสิ่งที่ดี
เพื่อช่วยเหลือ
กันและกัน🥰🥰

Website