Department of Transport
เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมในการควบคุมกำกับ ดูแลระบบกรมการขนส่งทางถนน ให้มีคุณภาพและปลอดภัย
กรมการขนส่งทางบก แนะ!!! เจ้าของรถหากแผ่นป้ายทะเบียนรถหลุดหาย สามารถ
ยื่นคำขอรับแผ่นป้ายทะเบียนรถทดแทนได้ ณ สำนักงานขนส่งที่รถนั้นอยู่ในความรับผิดชอบ
พร้อมเตือนห้ามทำแผ่นป้ายทะเบียนรถขึ้นเอง หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายนของทุกปีประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน มีผลทำให้ฝนตกหนักและน้ำท่วมหลายพื้นที่ในประเทศไทย ส่งผลให้ผู้ใช้รถใช้ถนนหลายรายต้องประสบกับปัญหาแผ่นป้ายทะเบียนรถหลุดหายระหว่างทาง รวมถึงจากสาเหตุอื่นๆ เช่น อุบัติเหตุทำให้ป้ายหลุด หรือตัวยึดป้ายนั้นเกิดสนิมและทำให้ตัวป้ายหลุดออกไปเอง กรมการขนส่งทางบกจึงแนะนำว่าให้เจ้าของรถควรตรวจสอบการยึดติดแผ่นป้ายทะเบียนรถทั้งด้านหน้าและท้ายรถให้มีความมั่นคงแน่นหนา เพื่อป้องกันการหลุดหายระหว่างการขับรถ อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าของรถที่ทำแผ่นป้ายทะเบียนรถหล่นหาย สามารถขอรับแผ่นป้ายทะเบียนรถทดแทนได้ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งความ โดยติดต่อยื่นคำขอ ณ สำนักงานขนส่งที่รถนั้นอยู่ในความรับผิดชอบ
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีที่เจ้าของรถเป็นบุคคลธรรมดาใช้หลักฐานดังต่อไปนี้
1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถฉบับจริง
2. บัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริงของเจ้าของรถ
หากกรณีที่เจ้าของรถไม่สามารถมาดำเนินการได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทน และต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจมาแสดง
กรณีเป็นนิติบุคคล ต้องมีหลักฐานดังต่อไปนี้
1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถฉบับจริง
2. หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลไม่เกิน 1 ปี
3. หนังสือมอบอำนาจ
4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการที่มีอำนาจลงนามทุกคน
5. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
กรณีรถที่ติดไฟแนนซ์ ต้องมีหลักฐานดังต่อไปนี้
1. ใบคู่มือจดทะเบียนรถฉบับจริง
2. หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลไม่เกิน 1 ปี (ไฟแนนซ์)
3. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการที่มีอำนาจลงนามทุกคน
4. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้เช่าซื้อ
5. หนังสือมอบอำนาจ (ไฟแนนซ์) พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
สำหรับการขอแผ่นป้ายทะเบียนรถทดแทนมีค่าธรรมเนียมแผ่นป้าย แผ่นละ 100 บาท ค่าคำขอ 5 บาท ทั้งนี้ รถที่จดทะเบียนในพื้นที่กรุงเทพมหานครจะได้รับแผ่นป้ายทะเบียนรถภายใน 5 วันทำการ และรถที่จดทะเบียนในพื้นที่ต่างจังหวัดจะได้รับแผ่นป้ายทะเบียนรถภายใน 10 วันทำการโดยระหว่างนี้สามารถใช้ใบเสร็จรับเงินแทนแผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นการชั่วคราวได้
ทั้งนี้ ทันทีที่พบว่าป้ายทะเบียนรถหล่นหายเจ้าของรถควรรีบดำเนินการขอรับแผ่นป้ายทะเบียนรถทดแทนทันที ห้ามทำแผ่นป้ายทะเบียนรถขึ้นเองโดยเด็ดขาด เนื่องจากมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522ฐานใช้แผ่นป้ายทะเบียนมีลักษณะไม่ถูกต้องตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทจึงขอให้เจ้าของรถระมัดระวังการใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดทุกแห่ง หรือโทรสายด่วน 1584
กรมการขนส่งทางบก เผย!!! ยอดการชำระภาษีรถยนต์ผ่านช่องทางต่างๆ ประจำปีงบประมาณ 2567 ในส่วนกลาง ระหว่างเดือน ต.ค. 66 – พ.ค. 67 แนะ!!! รถยนต์อายุการใช้งานเกิน 7 ปี รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานเกิน 5 ปี สามารถนำรถเข้าตรวจสภาพก่อนชำระภาษีออนไลน์ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว
นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบก มีช่องทางในการให้บริการประชาชนสำหรับการชำระภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์หลายช่องทาง โดยมีช่องทาง การชำระภาษีออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีความสะดวก และไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง อยู่ที่ไหนก็สามารถชำระภาษีได้ สำหรับยอดผู้ชำระภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระหว่างเดือน ต.ค. 66 - พ.ค. 67 กรมการขนส่งทางบกสามารถจัดเก็บภาษีรถในส่วนกลาง(สำนักงานขนส่งกรุงเทพพื้นที่ 1 – 5 ) ได้จำนวนทั้งสิ้น 4,451,342 คัน รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 6,012,370,467.73 บาท โดยแบ่งออกเป็นผู้ใช้บริการชำระภาษีรถออนไลน์บนแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax จำนวน 83,797 คัน เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th จำนวน 598,650 คัน เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำนวน 107,450 คัน และผ่านโทรศัพท์มือถือ (True move) 7,570 คัน ในส่วนการใช้บริการรับชำระภาษีรถประจำปี ณ สำนักงานขนส่งพื้นที่ 1 – 5 มีผู้ใช้บริการจำนวน 3,061,951 คัน การใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) จำนวน 516,259 คัน Shop Thru for Tax จำนวน 4,784 คัน ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 4,240 คัน ชำระผ่านศูนย์บริการร่วมคมนาคม 48,284 คัน ตู้ Kiosk จำนวน 18,355 คัน และผ่านธนาคารจำนวน 1 คันสำหรับผู้ที่ชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เรียบร้อยแล้ว สามารถเลือกให้จัดส่งเครื่องหมายการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ ซึ่งจะได้รับภายใน 5 วันทำการนับจากวันชำระเงิน หรือเลือกพิมพ์เครื่องหมายการเสียภาษีด้วยตนเองที่ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ภายในสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 ก็ได้ และในระหว่างที่รอรับเอกสาร ระบบจะแสดงหลักฐานการชำระภาษีรถประจำปีชั่วคราว เพื่อให้เจ้าของรถสามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงการชำระภาษีจนกว่าจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีจากกรมการขนส่งทางบก
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า กรมการขนส่งทางบกแนะนำผู้ที่ต้องการชำระภาษีรถประจำปีสามารถชำระล่วงหน้าได้ก่อนครบอายุภาษี 90 วัน ทั้งนี้ รถยนต์อายุการใช้งานเกิน 7 ปี รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานเกิน 5 ปี รวมถึงรถที่ค้างชำระภาษีเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี สามารถนำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สถานตรวจสภาพรถเอกชนก่อนชำระภาษีล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามเกี่ยวกับการชำระภาษีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์สามารถโทรสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง
วันนี้ (19 มิ.ย.67) ณ ห้องประชุม 108 ชั้น 1 อาคารศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการขนส่งทางถนน (อาคาร 10)
นางสิริรัตน์ วีรวิศาล รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ต้อนรับคณะผู้แทนจากบริษัท China Merchants Testing Vehicle Technology Research Institute (CMVR) ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมและหารือกรมการขนส่งทางบกเกี่ยวกับยานยนต์พลังงานใหม่และความปลอดภัยยานยนต์ โดยมีนายชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมยานยนต์ พร้อมทั้งผู้แทนจากกรมการขนส่งทางบกร่วมต้อนรับ โดยบริษัท CMVR เป็นรัฐวิสาหกิจแนวหน้าของจีนที่มีศูนย์วิจัยพัฒนารวมทั้งห้องปฏิบัติการที่สามารถให้บริการวิจัยนวัตกรรมด้ายยานยนต์และทดสอบความปลอดภัยของยานยนต์
ในการนี้กรมการขนส่งทางบกได้นำเสนอภาพรวมการดำเนินงานของกรมการขนส่งทางบก รวมทั้งกระบวนการรับรองแบบส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของรถ (Vehicle Type Approval) และแนวโน้มสถิติการจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และในการประชุมดังกล่าวยังได้มีการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นด้านการควบคุม กำกับ ดูแล เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ยานยนต์ไร้คนขับ การตรวจสภาพรถยนต์ การจัดตั้งศูนย์ทดสอบและวิจัยนวัตกรรมด้านยานยนต์ในไทย รวมทั้งความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในอนาคตอีกด้วย
กรมการขนส่งทางบก ชวนเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนน ผ่านนิทรรศการครบรอบ 20 ปี กปถ. พลังขับเคลื่อนสู่ถนนปลอดภัยทั่วไทยอย่างยั่งยืน Driven sustainable road safety across Thailand วันที่ 20 – 22 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การค้าสามย่าน มิตรทาวน์ ชั้น 1
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า “กรมการขนส่งทางบก ได้จัดตั้งกองทุน เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) เพื่อดำเนินการจัดหารายได้จากการประมูลหมายเลขทะเบียนรถเลขสวย สำหรับเป็นทุนสนับสนุนและส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้ถนนและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันเกิดจากการใช้รถใช้ถนนตลอดระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมี 20 ปี กองทุนฯ ได้มีการจัดสรรเงินตามที่กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ไว้ ซึ่งประกอบด้วย พันธกิจ 4 ด้าน คือ สนับสนุนและส่งเสริมโครงการหรือแผนงานทางด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของกรมการขนส่งทางบก, สนับสนุนค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการอันเนื่องมาจากการประสบภัยที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนน, สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาวิจัยด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนและเผยแพร่องค์ความรู้ต่อสาธารณชน รวมถึงสนับสนุนและส่งเสริมการจัดประมูลหมายเลขทะเบียนรถ และการบริหารงานตามพันธกิจของกองทุนฯ
ในโอกาสครบรอบการดำเนินงาน 20 ปี จึงได้กำหนดจัดงานเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภารกิจ วิสัยทัศน์ และ ผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ระหว่างวันที่ 20 – 22 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การค้า สามย่านมิตรทาวน์ โดยภายในงานจะประกอบด้วย การจัดนิทรรศการครบรอบ 20 ปี กปถ. พลังขับเคลื่อนสู่ถนนปลอดภัยทั่วไทยอย่างยั่งยืน Driven sustainable road safety across Thailand บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งภายในนิทรรศการจะมีกิจกรรมต่างๆ อาทิ ภารกิจและผลงานพันธกิจทั้ง 4 ด้านของกองทุนฯ ในการขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนน The History of License Plates จุดโชว์ป้ายทะเบียนรถที่มีมูลค่าสูง The Vibrant World of License Plates สัมผัสเรื่องราวและสีสีนในป้าย ของ 77 จังหวัด ผลงานการดำเนินโครงการและงานศึกษาวิจัยเพื่อความปลอดภัยที่ได้รับการสนับสนุน จากกองทุนฯ ตัวอย่างโครงการที่นำไปสู่การปฏิบัติงานที่ได้ผลลัพธ์จริง Our Support Mission รอยยิ้มแห่งการให้เป็นการสนับสนุนสร้างชีวิตใหม่ให้ผู้พิการที่ประสบภัยทางถนน กว่า 18,314 ท่าน Safety Riding Game Zone เรียนรู้การขับขี่ปลอดภัย กับ กปถ. และ Honda พร้อมลุ้นรับของที่ระลึก หมวกกันน็อค เสื้อแจ็คเก็ต และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 21 มิถุนายน 2567 กองทุนฯ จะจัดงานสัมมนาเชิงวิชาการ ณ ห้องประชุมสามย่านมิตรทาวน์ ชั้น 5 โดยได้เชิญวิทยากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านความปลอดภัย มาบอกเล่าเรื่องราวการทำงานตลอดระยะเวลา 20 ปี พร้อมการเสวนาด้านความปลอดภัยของรถจักรยานยนต์ และ รถรับ-ส่งนักเรียน เพื่อให้ความรู้และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้ทางถนนกับประชาชนอันเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมายหลักของประเทศไทยที่ให้มีอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนต่ำกว่า 12 คนต่อประชากร 1 แสนคน ในปี พ.ศ. 2570 ตามแผนแม่บทด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศต่อไป
20 ปี กปถ. สู่เป้าหมายระดับชาติ เพื่อความยั่งยืนระดับโลกมุ่งลดจำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนนให้เหลือ 12 คนต่อประชากรแสนคน ในปี 2570
วันที่ 21 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การค้าสามย่าน มิตรทาวน์ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงาน 20 ปี กปถ. พลังขับเคลื่อนสู่ถนนปลอดภัยทั่วไทยอย่างยั่งยืน ในชื่อ Driven sustainable road safety across Thailand เน้นการทำงานเชิงรุก โปร่งใส ร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย “คมนาคม เพื่อความปลอดภัย ในการเดินทางของประชาชน” และลดอัตราเสียชีวิตบนท้องถนนตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก
นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ประธานในพิธีฯ กล่าวว่า “กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) โดยกรมการขนส่งทางบก ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส ปรากฏผลงานที่สร้างประโยชน์ต่อประชาชนตลอด 20 ปี และเป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงคมนาคม ด้าน “คมนาคม เพื่อความปลอดภัย ในการเดินทางของประชาชน” และสนับสนุนเป้าหมายหลักของประเทศในการลดอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนน
จากรายงาน Global Status Report on Road Safety ขององค์การอนามัยโลก พบว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุและอัตราการเสียชีวิตของคนไทยในรอบ 10 ปี ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จากอัตราผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ที่ 38.1 คน ต่อประชากร 1 แสนคน ใน พ.ศ. 2556 ลดลงอยู่ที่ 25 คนต่อประชากร 1 แสนคน ใน พ.ศ. 2566 อยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก อย่างไรก็ตาม ความสูญเสียของประเทศยังคงอยู่ในลำดับต้นๆ ของโลกประเทศไทย จึงมีเป้าหมายการลดจำนวนผู้เสียชีวิต ให้เหลือเท่ากับ 12 คนต่อประชากรแสนคน หรือ 8,478 คน ในปี 2570 เป็นไปตามเป้าหมายและตัวชี้วัดภายใต้แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์แห่งชาติ ประเด็นโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และดิจิทัล อีกทั้งเป็นเป้าหมายของแผนแม่บทด้านความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทยและนโยบายรัฐบาลเพื่อให้ประชาชนมีความสุขในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ความปลอดภัย การให้บริการที่เป็นมาตรฐานสากลและ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”
นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า “กรมการขนส่งทางได้จัดตั้งกองทุนเพื่อความปลอดภัย ในการใช้รถใช้ถนน เพื่อเป็นทุนสนับสนุนและส่งเสริมด้านความปลอดภัยในการใช้ถนน และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยบนท้องถนน ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมา 20 ปี กปถ. ได้จัดการประมูลไปแล้วทั้งสิ้น 533,286 หมายเลข ได้มีการจัดสรรเงินงบประมาณ ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ไว้โดยได้สนับสนุนทุนจัดซื้ออุปกรณ์ให้ผู้พิการไปแล้วทั้งสิ้น 18,314 ราย สนับสนุนทุนโครงการด้านการศึกษาวิจัย เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน 109 โครงการ สนับสนุนโครงการด้านการดำเนินการ ลดอุบัติเหตุทางถนน 1,703 โครงการ
ก้าวต่อไปจากนี้ กปถ. ยังคงทำงานเชิงรุกและบริหารจัดการกองทุนอย่างเป็นธรรมโปร่งใส เป็นมิตรและเป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างและร่วมมือกับภาคีเครือข่ายตั้งแต่ “ต้นน้ำ” ในการขับเคลื่อนในส่วนของแผนงาน และโครงการศึกษาวิจัยเพื่อป้องกันในทุกปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุไปจนถึง “ปลายน้ำ ” การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการใช้รถใช้ถนนทาง กปถ. จัดสรรเงินเป็นค่าอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้พิการที่ประสบภัยอย่างทั่วถึงทั้งประเทศและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและข้อมูลเพิ่มประสิทธิภาพในแผนปฏิบัติราชการ เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ทั้ง 4 พันธกิจหลักของ กองทุนฯ ให้เป็นผลสำเร็จ”
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า “กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ได้เป็นส่วนหนึ่ง ในการขับเคลื่อนความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนของประเทศ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติด้านความปลอดภัย ในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุลงครึ่งหนึ่งภายใน พ.ศ. 2573 ซึ่งกำหนดแผนปฏิบัติการทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2564-2573 (Second Decade of Action Road Safety 2021-2030) และการก้าวย่างไปสู่ปีที่ 21 ด้วยวิสัยทัศน์มุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของประเทศ ให้ลดลงตามเป้าหมายและสร้างความเสมอภาค ให้กับผู้พิการที่ประสบภัยจากการ ใช้รถใช้ถนนด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ผู้พิการเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
#20ปีกปถ.
#พลังขับเคลื่อนถนนปลอดภัยทั่วไทยอย่างยั่งยืน
กรมการขนส่งทางบก เผยสถิติการจองหมายเลขทะเบียนรถยนต์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2566 - 31 พฤษภาคม 2567 ย้ำ!!! ต้องยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน ThaID ก่อนจองทะเบียนรถฯ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ณ ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้พัฒนาระบบการจองหมายเลทะเบียนรถยนต์ผ่านระบอินเทอร์เน็ตที่เว็บไซต์ https://reserve.dlt.go.th/reserve/ โดยเปิดระบบให้มีการยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน ThaID ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัยทางด้านข้อมูลส่วนบุคคลมากขึ้น
โดยระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2566 - 31 พฤษภาคม 2567 มีสถิติการดำเนินการจองหมายเลขทะเบียนรถยนต์ผ่านระบบการยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน ThaID สำเร็จทั้งหมด 122,691 หมายเลข
แบ่งตามประเภทบุคคล
1. บุคคลทั่วไป จำนวน 113,464 ราย
2. นิติบุคล/ชาวต่างชาติ จำนวน 9,227 ราย
แบ่งตามประเภทรถ
1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง หรือ รถกระบะ 4 ประตู) จำนวน 115,720 คัน
2. รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รถตู้) จำนวน 2,287 คัน
3. รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถกระบะบรรทุก หรือ รถกระบะ 2 ประตู) จำนวน 4,684 คัน
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า สำหรับผู้ที่สนใจจองหมายเลขทะเบียนรถผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สามารถดำเนินการลงทะเบียนด้วยตนเอง โดยการถ่ายภาพบัตรประจำตัวประชาชนและภาพใบหน้าผ่านแอปพลิเคชัน ThaID ในโทรศัพท์มือถือของตนเอง กรณีนิติบุคคล/ชาวต่างชาติ สามารถให้ผู้แทนนิติบุคค หรือผู้แทนชาวต่างชาติลงทะเบียน ผ่านแอปพลิเคชัน ThaID ได้เช่นกัน หลังจากนั้นให้เข้าเว็บไซต์ https://reserve.dlt.go.th/reserve/ เลือกเมนู “จองหมายเลขทะเบียน” ระบบจะเข้าสู่หน้ายืนยันตัวตน ให้ทำการยืนยันตัวตนโดยสแกน QR code ผ่านแอปพลิเคชัน ThaID เมื่อยืนยันตัวตนแล้วก็สามารถจองทะเบียนรถได้ตามปกติ โดยรถ 1 คัน สามารถจองได้ 1 หมายเลขทะเบียนเท่านั้น เมื่อจองหมายเลขทะเบียนรถยนต์ได้แล้ว จะสามารถจองหมายเลขทะเบียนได้ใหม่อีกครั้งหลังจาก 3 เดือน นับจากวันที่จองเลขทะเบียน โดยอ้างอิงจากเลขบัตรประจำตัวประชาชน และรายละเอียดของรถที่จองหมายเลขทะเบียนได้
#รถยนต์เกียร์ออโต้ ควบคุมความเร็วด้วย 2 แป้น ประกอบด้วย แป้นเบรก ซึ่งจะอยู่ตำแหน่งกึ่งกลาง และแป้นคันเร่ง ซึ่งจะอยู่ตำแหน่งริมขวาสุด ต่ำกว่าแป้นเบรก
คำถามที่หลายคนสงสัย ❓ในเมื่อรถยนต์เกียร์ออโต้มี 2 แป้น เราควรใช้เท้าอย่างไร หากขับโดยใช้ 2 เท้า อันตรายจริงหรือไม่
เพื่อการขับขี่ที่ปลอดภัย แนะนำให้ใช้เท้าขวาควบคุมแป้นเบรกและแป้นคันเร่งเพียงข้างเดียว ส่วนเท้าซ้ายไว้ค้ำยันร่างกายเมื่อเบรกกะทันหัน
⚠️ การขับโดยใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรก ทำให้ท่านั่งผิดสรีระ ไม่มีจุดค้ำยัน เพราะต้องเกร็งทั้งสองเท้าเพื่อควบคุมความเร็ว
#ขับรถยนต์เกียร์ออโต้สองเท้า หากเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้ผู้ขับขี่ตกใจ เผลอเหยียบคันเร่งและเบรกไปพร้อมๆ กัน จะส่งผลให้…
👉🏻 ควบคุมรถให้หยุดได้ไม่ทัน นำมาสู่การเกิดอุบัติเหตุ
👉🏻 ไฟเบรกจะขึ้นค้างตลอด ทำให้รถคันข้างหลังไม่รู้ว่าจะเบรกจริงๆ เมื่อไหร่ เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ
💡คำแนะนำ
• ผู้ที่เริ่มต้นหัดขับรถควรใช้เท้าขวาเท้าเดียวในการสลับเหยียบระหว่างคันเร่งและเบรก เพื่อจะได้ควบคุมความเร็วของรถได้อย่างปลอดภัย และป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ
=========
รอบรู้ทุกเรื่องการขับขี่
#ขับรถสองเท้า #อุบัติเหตุรถยนต์ #มือใหม่หัดขับ #ขับขี่ปลอดภัย #สำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก #กรมการขนส่งทางบก
วันนี้ (28 มิ.ย. 67) ณ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT)
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก , นางสิริรัตน์ วีรวิศาล รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และ คณะผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก ร่วมบันทึกเทป ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศร ราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมถวายความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย
กรมการขนส่งทางบกร่วมมือกับบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด จัดโครงการอบรมเสริมความรู้ให้แก่ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์🚗 รุ่นที่ 384 (ส่วนกลาง) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ระหว่างวันที่ 15-16 มิถุนายน 2567
โดยนายอดิเรก แตงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 เป็นประธานเปิดการอบรม วัตถุประสงค์การจัดอบรมในครั้งนี้เพื่อปลูกฝังให้ผู้ขับรถมีจิตสำนึกในการขับรถที่ถูกต้องตามกฏจราจรเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนและเพิ่มช่องทางให้บริการแก่ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ในวันหยุดราชการ(วันเสาร์-วันอาทิตย์)
กรมการขนส่งทางบก เปิดกิจกรรมการแข่งขัน “สุดยอดนายช่างขนส่ง ครั้งที่ 2” ภายใต้โครงการนายช่างตรวจสภาพรถต้นแบบ ประจำปี พ.ศ. 2567 สร้างความเชื่อมั่นประชาชนในการตรวจสภาพรถโดยกรมการขนส่งทางบกมีความถูกต้อง ได้มาตรฐาน มั่นคงแข็งแรงและมีความปลอดภัย
วันนี้ (22 มิถุนายน 2567) เวลา 14.00 น. ณ เซ็นเตอร์พ้อยท์ สตูดิโอ บางนา กรุงเทพมหานคร นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เปิดงานกิจกรรมการแข่งขัน “สุดยอดนายช่างขนส่ง ครั้งที่ 2” ภายใต้โครงการนายช่างตรวจสภาพรถต้นแบบ ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อแสดงศักยภาพด้านการตรวจสภาพรถ เสริมสร้างภาพลักษณ์ สร้างความเชื่อมั่นประชาชนในการตรวจสภาพรถโดยกรมการขนส่งทางบกได้มาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัย
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกมีภารกิจหลักในพัฒนาและส่งเสริมการใช้รถใช้ถนนให้มีความปลอดภัย ลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ โดยพันธกิจด้านหนึ่งคือ การควบคุมสภาพรถให้มีความมั่นคงแข็งแรง มีความปลอดภัย เป็นไปตามมาตรฐานผ่านกระบวนการ “ตรวจสภาพรถ” ดังนั้น นายช่างตรวจสภาพรถของกรมการขนส่งทางบกจึงถือเป็นกลไกสำคัญ ในการที่จะทำให้บรรลุภารกิจดังกล่าว ซึ่งนายช่างตรวจสภาพรถจะต้องมีความรู้ความสามารถและทักษะในการตรวจสภาพรถที่ถูกต้อง รวมทั้งต้องได้รับการอบรม พัฒนา ฝึกฝนการปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับสภาวะการณ์ของเทคโนโลยียานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาส
ให้นายช่างตรวจสภาพรถได้แสดงความสามารถและทักษะด้านการตรวจสภาพรถ ส่งเสริมการพัฒนาค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยียานยนต์ และค้นหานายช่างตรวจสภาพรถที่จะเป็น “ต้นแบบ” ที่ดี กรมการขนส่งทางบกจึงได้จัดกิจกรรมการแข่งขัน “สุดยอดนายช่างขนส่ง ครั้งที่ 2” ภายใต้โครงการนายช่างตรวจสภาพรถต้นแบบ ประจำปี พ.ศ. 2567 โดยมีนายช่างตรวจสภาพรถที่เป็นตัวแทนจากสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งสิ้น 160 คน แบ่งออกเป็นส่วนกลาง 4 ทีม ส่วนภูมิภาค 76 ทีม (แบ่งเป็นทีมละ 2 คน)
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยในรอบคัดเลือกจะเป็นการแข่งขันทักษะความรู้ด้านกฎระเบียบ วิธีการตรวจสภาพรถ โดยทำข้อสอบ 100 ข้อ ผ่านระบบ e-exam online
(เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม 2567) ซึ่งได้ทีมที่มีคะแนนสูงสุด จำนวน 10 ทีม ได้แก่ ทีมสำนักงานขนส่งจังหวัดระยอง เพชรบูรณ์ สุราษฎร์ธานี ชลบุรี กาญจนบุรี นครราชสีมา กระบี่ นราธิวาส นครศรีธรรมราช ยะลา จากนั้นทั้ง 10 ทีม ได้เข้ารับการทดสอบการตรวจสภาพรถจริง โดยใช้เครื่องตรวจสภาพรถ ณ ศูนย์ทดสอบยานยนต์ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี (เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567) เพื่อเก็บคะแนนสะสมนำมาประกอบกับการแข่งขันรอบสุดท้ายในวันนี้ (วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2567) ซึ่งจะเป็นการแข่งขันความแม่นยำในการตรวจสอบหาข้อบกพร่องของรถ และจบกิจกรรมสุดท้ายด้วยการแข่งขันด้านความรู้รอบตัว ทดสอบไหวพริบเกี่ยวกับทักษะเฉพาะในการตรวจสอบรถยนต์ การทายคุณลักษณะของรถ โดยทีมที่มีคะแนนรวมในทุกกิจกรรมสูงสุดจะได้รับรางวัล “สุดยอดนายช่างขนส่ง” ไปครอง
สำหรับการแข่งขัน “สุดยอดนายช่างขนส่ง” ในครั้งนี้ถือเป็นการแข่งขันครั้งที่ 2 และเชื่อมั่นว่า
จะมีการต่อยอดกิจกรรมดังกล่าวในอนาคต เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่า รถที่ผ่านการตรวจสภาพรถโดยนายช่างตรวจสภาพของกรมการขนส่งทางบกมีความถูกต้อง ได้มาตรฐาน มั่นคงแข็งแรง และมีความปลอดภัย สร้างวัฒนธรรมองค์กรการตรวจสภาพรถที่เข้มงวด อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างการพัฒนาองค์ความรู้
และทักษะให้แก่นายช่างตรวจสภาพรถ ส่งผลให้รถมีความปลอดภัยในการใช้งานในภาพรวมต่อไป
I may disagree with you on something, but I will defend your right to think and express this is my principle. I may object to everything you do but if I accomplish something useful I would welcome it.. this is my course. I may love you as a human being and disagree with you in opinion, so that does not spoil the affection between us. This is how I was and this is how I will be.
Website
Address
Bonarpara