ขวางสนามแอนฟิลด์

เมื่อ อลิซงได้รับบาดเจ็บ ต้องพักทั้งสิ้น 7 นัด

อาร์เน่อ จำเป็นต้อง สั่งนักเตะเข้าสนามซ้อมด่วน

เพื่อมอบหมายหน้าที่ผู้รักษาประตูมือหนึ่งแทนอลิซง

ซึ่งต้องใช้เวลาปรับตัวในระหว่างเบรคทีมชาติ

และคนที่ได้รับความไว้วางใจคนนั้น ได้แก่....

นี่คือ 1 ใน 7 ทีม ที่ชนะ ทั้ง 2 นัดเก็บ 6 คะแนน ในศึก UCL นี่คือทีมที่ลงเล่น ตั้งแต่เปิดฤดูกาล 9 นัด ชนะ 8 นัด และนี่คือทีมที่เปลี่ยนสต้าฟโค้ช แต่ตัวผู้เล่นเดิมๆ ทั้งหมด

1. มีคนบอกว่า ลิเวอร์พูลมักเข้าสู่เกมช้า เล่นเอื่อยในช่วงแรก เมื่อคืนนี้ นาทีที่ 2 กราฟเฟ่นแบร์ก พลิกตัวไม่จับบอล หนีแนวรับของโบโลญญ่า พุ่งไปข้างหน้า จนกระทั่งทีมสร้างโอกาสทำประตูครั้งแรกได้ แม้จะไม่เป็นประตู แต่นับจากนั้น ทุกอย่างดูคึกคัก และลิเวอร์พูลเริ่มเข้าสู่เกมนับตั้งแต่ตอนนั้น

2. ลิเวอร์พูลถูกยกให้เป็น 1 ใน เจ้าแห่งการเพรสแดนบน แต่เมื่อเจอการเพรสหน้าประตู ของโบโลญญ่า มีไปไม่ค่อยถูกเหมือนกันในหลายจังหวะ แต่..คู่แข่งแบบนี้แหล่ะที่ลิเวอร์พูลชอบนัก เพราะเมื่อแกะได้ นั่นหมายถึงพื้นที่ให้ใช้ความเร็วของซาล่าห์ ดิอาซ มีเพียบบบบบ

3. หลังจาก ความเจิดจ้าของกราฟเฟ่นแบร์ก ทำให้แสงเข้าตาจนบางทีเรามองไม่เห็น แมคอัลลิสเตอร์ ซักเท่าไหร่ ทั้งที่เค้าทำได้ดีมาโดยตลอด ทั้งเกมรุก และการเข้าถึงบอลเป็นคนแรกๆในเกมรับ ประตูแรกที่ทำได้ในวันนี้ ทำให้แมคอัลลิสเตอร์กลับมาอยู่ในแสงไฟอีกครั้ง ซึ่งเป็นจุดที่เค้าควรอยู่

4. เรื่องที่น่าเสียดายที่สุดในคืนนี้ คือ ถ้าจังหวะยิงคมกริบของนูนเญซไม่ล้ำหน้า น่าจะเป็นจุดที่เรียกความมั่นใจให้ นูนเญซ แบบเต็มพิกัด เสียดาย

5. หลายเกมที่ผ่านมา คำว่าคลีนชีต ที่อลิซงได้รับ ภาพที่เห็นอาจเกิดจากการช่วยกันของกองหลัง แต่ไม่ใช่สำหรับวันนี้ คลีนชีตของพ่อหมี และลิเวอร์พูลวันนี้ ส่วนสำคัญ เกิดจากพ่อหมีเองโดยแท้

6. ครึ่งแรก เราพบว่าการเพรสซิ่งของโบโลญญ่า สร้างปัญหาให้เรามากพอสมควร แต่หลังจากกลับจากห้องแต่งตัว ดูเหมือนปัญหานั้นจะหายไป เป็นเพราะใคร ถ้าไม่ใช่เพราะโค้ชและทีมงาน

7. ประตู 2-0 นอกจากความสวยงามในการปั่นของซาล่าห์ อย่าลืมตบมือเบาๆ ให้เทร้นท์ ที่ขยันวิ่งอ้อมหลัง ทำให้เกมรับของโบโลญญ่าคนนึงวิ่งตามมา จนเกิดช่องว่างกลางประตู

สุดท้าย หลังเกมกับวูฟส์ และก่อนเกมเมื่อคืนนี้ อาร์เน่อ ให้สัมภาษณ์ว่า "ในฐานะทีม เมื่อเรามีคุณภาพมากขนาดนี้ เราไม่สามารถยอมรับความธรรมดาได้ คุณต้องเรียกร้องมาตรฐานสูงสุดจากตัวเองตลอดเวลา และในทุกวินาทีของการแข่งขัน"

อาร์เน่อทำอย่างที่พูดจริงๆ ผ่านไป 60 นาที คนที่ “ธรรมดา” ที่สุดในเกมวันนี้ ถูกเปลี่ยนตัวออกเป็นคนแรก ถึงตอนนี้ ผมคิดว่า อาร์เน่อ เป็นคนมีของ ตำแหน่งผู้จัดการคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ที่พาทีมชนะ 8 นัดจาก 9 นัดแรกที่คุมทีม น่าจะไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ไปกันต่อครับ

เกมรุกจะทำให้คุณชนะ

เกมรับก็ทำให้คุณชนะได้เช่นกัน

ในเกมลีคแต่ละเกม คุณไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟค คลีนชีต ไม่สำคัญเท่า 3 คะแนน

ทั้งซิตี้ ทั้งอาร์เซน่อล ต่างแสดงให้เห็นก่อน ตอนหกโมงครึ่ง และสามทุ่มแล้วว่า แต่ละเกมไม่ง่าย

เกมเยือน ของเราวันนี้ ก็เช่นกัน นักเตะดูล้าลงไปพอสมควร

ถ้าโกนาเต้ ไม่ผิดพลาดจังหวะนั้น วันนี้ยังงัยก็ แมนออฟเดอะแมชท์ ประตูขึ้นนำ และลูกเหยียดขาบล็อคท้ายเกม ลูกนั้น มันเข้าตาจริงๆ

ในขณะที่ฟานไดจ์ .... เห็นกันใช่มั้ย การจัดการจังหวะเสียเตะมุมได้หมด การอ่านทางจังหวะสวนกลับ หรือการเปิดบอลยาวทะแยงไปซาล่าห์ ยังคงทำได้เหมือนเดิม ทุกเกม ทุกเกม

6 นัด กับตำแหน่งจ่าฝูง ที่ไม่มีคำว่าชั่วคราวพ่วงท้ายอีกต่อไป

เว้นแต่ วิลล่าจะชนะอิปสวิช ด้วยผลต่าง 8 ประตู

จ่าฝูง ยอดเยี่ยมครับ

หมายเหตุ: อลิซง โกนหนวดโกนเคราทีไร ต้องมีงานเข้าทุกที 5555

ในแต่ละเกม เชื่อว่าคนที่ถูกแฟนบอลบ่น มากกกกกที่สุดคนนึง คงหนีไม่พ้น โมฮัมเหม็ด ซาล่าห์

ผมเองก็อาจเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น

ทำไมยิงเอง ทำไมยิงเบา ทำไมยิงออก ทำไมไม่เปิด เพื่อนว่างๆ ทำไม ทำไม

ยิ่งนัดแพ้ฟอเรสต์ยิ่งหนัก

เห็นหลายคอมเม้นท์ ถึงขั้นบอกว่า พอแล้ว ไม่ต้องต่อสัญญาแล้ว โมหมดแล้ว เลยจุดสูงสุดไปแล้ว

ตารางคะแนนไม่เคยโกหกใคร ตัวเลขและสถิติก็เช่นกัน

ดิอาซ 5 ประตู 1 แอสซิสต์
โจต้า 3 ประตู 1 แอสซิสต์
กัคโป 2 ประตู 1 แอสซิสต์
นูนเญซ 1 ประตู 1 แอสซิสต์
เคียซ่า 1 แอสซิสต์

ซาล่าห์ 4 ประตู 4 แอสซิสต์

บางที ที่โมอาจกำลังรู้สึกเหมือนบาโลเตลี่
Why always me? ทำไมกุโดนตลอด 555

หลังจากได้เห็นข่าวว่า ลิเวอร์พูลพร้อมปล่อยตัวนักเตะหลายคน ผมล่ะหวั่นใจ บางที เราอาจต้องเสีย วาตารุ เอ็นโด ไปในเวลาอันใกล้ เพราะเค้าไม่อยู่ในวิธีการเล่น ของ ลิเวอร์พูลยุค อาร์เน่อ

1. การที่ทีมต้องมีมิดฟิลด์ตัวรับ 2 คน โดยมีมิดฟิลด์ ตัวรุกอยู่ข้างหน้าเพียงคนเดียว วิธีเล่น วิธีคิดของนักเตะเบอร์ 6 ย่อมแตกต่างจากการมีมิดฟิลด์ตัวรับคนเดียว โดยมีเพื่อนที่พร้อมทำเกมรุกอยู่ข้างหน้า 2 คน ในยุคก่อนหน้านี้

2. มิดฟิลด์ เบอร์หก 2 คน ในรูปแบบการเล่น ที่อาร์เน่อต้องการ การตัดบอลได้เพียงอย่างเดียว ไม่พอ

3. 80 นาทีในสนาม เกมกับเวสต์แฮม เราจะเห็นได้ว่า จำนวนการช่วยตัดบอลของเอ็นโด ในฐานะเบอร์ 6 นั้นไม่น้อยเลย แต่..... จำนวนการส่งบอลไปข้างหน้า หรือการพลิกพาบอลขึ้นหน้านั้น กลับน้อยมากหากเทียบกับจำนวนบอลออกข้างหรือส่งคืนหลัง ซึ่งมันไม่ได้ผิด มันเป็น “สไตล์การเล่น” ของเอ็นโด และเราได้เค้ามา เพราะสไตล์นี้ ตอบโจทย์ในตอนนั้น

4. ในวันที่โจทย์เปลี่ยนไป เอ็นโด ที่อายุ 31 ปี เล่นฟุตบอลด้วยบทบาท และสไตล์นี้มาตลอด การจะให้ปรับเปลี่ยน อาจทำได้ยาก ดังนั้น การใช้งานเอ็นโด น่าจะเป็นมุมว่า ใครอยากได้มิดฟิลด์ ตัวตัดบอล แล้วออกบอลง่ายๆ ฝากให้ตัวรุกสร้างสรรเกม ก็เลือกเอ็นโด แต่ไม่น่าใช่เวลาในการพยายามปรับเปลี่ยน สไตล์การเล่นของนักฟุตบอลอายุ 31 แล้ว

ดังนั้น หากขายได้ ลิเวอร์พูลคงขาย แต่หากขายไม่ได้ เอ็นโดคงเป็นเพียงอะไหล่ หาใช่ฟันเฟืองสำคัญสำหรับการพาทีมไปข้างหน้าด้วยกันอีกแล้วในยุคนี้

เว้นซะแต่ว่า อาร์เน่อ จะมีคู่มือปรับวิธีการเล่นของนักเตะอายุเกิน 30 อยู่ในมือ

ผมชอบเอ็นโดนะครับ ชอบมาก ชอบแววตา ชอบการกัดฟันยาง ชอบพลังแฝงในสนาม ผมจึงอยากเห็นการเปลี่ยนสไตล์ มากกว่าอยากเห็นการโบกมือลา

นี่คือ ท่าแอสซิสต์ที่สวยที่สุด ที่พาเรากลับสู่เกม ในค่ำคืนที่ผ่านมา

เฟเดริโก เคียซ่า นับ 1 สำหรับการมีส่วนร่วมกับการทำประตู
นักเตะใหม่เพียงคนเดียว ของฤดูกาลนี้

59 นาที ในฐานะตัวจริงเกมแรก ที่พยายามมีส่วนร่วมกับเกมสูงมาก ทั้งเกมรุก เกมรับ

ลูกเปิดอาจจะยังไม่คม ไดร์ฟชู๊ตอาจจะไม่เด็ดขาด การลงมาตัดบอลอาจจะยังไม่เข้าตา แต่ลงมาประคองเกมรุกคู่แข่งแน่นอน

วันนี้ เราคงไม่ต้องการอะไรจากเค้ามากไปกว่านี้แล้ว

แต่ตัวเคียซ่า น่าจะยังต้องการเวลา เพื่อเดินหน้าต่อไปครับ

เกมกับ บอร์นมัธ ผมจับตามอง กราฟเฟ่นแบร์ก มากขึ้นไปกว่าทุกๆนัดที่ผ่านมาอีก

และเห็นว่า สิ่งที่ทำให้ กราฟเฟ่นแบร์ก กำลังทำผลงานได้ดีกับลิเวอร์พูล คือ...

เกมรับ สามารถตัดบอลได้หลายจังหวะ ไม่ว่าจะตัดแบบเพื่อให้เสียจังหวะ และเพื่อนเอาบอลไปครอง หรือตัดแบบได้บอลมาเล่นเองเลยก็ตาม และเมื่อได้ครองบอลแล้ว เสียบอลยากมาก คู่แข่งมาเอาบอลคืนยากมาก

นอกจากนั้นยังวิ่งลงสุดจนถึงในเขตโทษเสมอ เพราะมีความเร็วจากขายาวๆคู่นั้น และหลายครั้งสามารถบังบอลจากลูกเปิดสำคัญๆของคู่แข่งได้

เกมรุก มีความหลากหลาย เมื่อเพื่อนร่วมทีมส่งบอลมาให้
1. แตะบอล ก่อนจะค่อยๆม้วนหนี ซึ่งหนีได้แทบทุกครั้ง เพราะอย่างที่บอก เสียบอลยากมาก
2. แตะบอลก่อน 1 ครั้ง แล้วพุ่งไปในทิศทางที่มีพื้นที่ว่าง
3. กลับตัวพุ่งไปข้างหน้า โดยไม่ต้องแตะบอล

ถามว่า ถ้าเราเป็นกองหลัง เราจะจับมิดฟิลด์แบบนี้อย่างไร เราจะเดาถูกมั้ยว่า จังหวะนี้เค้าจะเลือกอะไรใน 3 อย่างนี้

เล่น 90 นาที มาทุกนัด อย่าเพิ่งเจ็บน้ะ อยู่ด้วยกันไปยาวๆ ก่อน

วันที่ชนะ อะไรก็ดูดีไปหมด ไม่ใช่นิยามของนัดนี้ แต่ควรเป็น "อะไรก็ดูดีไปหมด เราถึงชนะ" ต่างหากถึงจะถูก
1.ดิอาซ ในฤดูกาลนี้ ทำให้เรานึกไปถึงมาเน่ในช่วงพีคๆ ความเร็ว ท่วงท่า ความพริ้วไหว มันกลับมาเหมือนฤดูกาลแรกที่เราได้ดิอาซมาแล้ว การดูดบอลลง ม้วนตัวหลบเกป้า ในประตูแรก หรือ การสอดขึ้นมาตามตำแหน่ง แล้วซัดลอดขาผู้รักษาประตู ในลูกที่ 2 มันดีมากจริงๆ นั่นทำให้นึกย้อนไปในจังหวะซัดมุมแคบชนเสา ต้นเกม นัดที่แล้วกับฟอเรสต์ ถ้าลูกนั้นเข้าไป ผลการแข่งขันน่าจะต่างออกไปแน่นอน
2.พูดถึงดิอาซ จะไม่พูดถึง โกนาเต้ ก็จะยังงัยอยู่ แอสซิสต์ 60 หลา จากหน้ากรอบเขตโทษ บอกได้คำเดียว เวิร์ดคลาสสสสสส
3.หลายนัดที่ผ่านมา เราให้ความสำคัญกับเกมรุก จนดูเหมือนเราจะลืมใครบางคนไป กัปตันฟานไดจ์ นัดนี้ชัดสุดๆ เก็บหมดทั้งลูกกับพื้น ลูกที่ใช้ความเร็ว ไม่ต้องพูดถึงลูกกลางอากาศ พี่เก็บเรียบจริงๆ 6 นัด เสียประตูเดียว เชื่อว่าฟานไดจ์ คือปัจจัยสำคัญ
4.ถ้าใครได้ดูการถ่ายทอดสด มันจะมีจังหวะนึงในนาทีที่ 39 ซาล่าห์ได้บอลในพื้นที่ชำนาญการของตัวเอง และเลือกซัดเอง แต่เบาเข้ามือ เกป้า เชื่อมะ จังหวะนั้น ผมด่า ทั้งที่เกมนำอยู่ 3-0 "คนอื่นเค้าซัดกันตูมตาม นี่ก็เบาไร้ทิศทางอยู่นั่น" ทันใดนั้น ในสนาม ผมได้ ยินเสียง กองเชียร์ร้องเพลง "โม ซาล่าห์ โม ซาล่าห์ รันนิ่ง ดาวน์เดอะวิง" ผมรู้สึกอายมาก นี่คือความแตกต่างของกองเชียร์จริงๆ
5.สำหรับ 20 นาทีของ เคียซ่าในนัดนี้ คงต้องบอกว่า ยังต้องให้เวลา เค้าอีกซักหน่อย ท่าทางยังดูขัดๆ ขืนๆ น่าจะเป็นเรื่องของความฟิต ความเข้าใจแทคติค และการปรับตัวเข้ากับสไตล์ฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งก็เหมือนกับแนวทางของอาร์เน่ ค่อยๆให้เวลากับเค้า แต่แววตา ความมุ่งมั่น การช่วยไล่บอล และการวิ่งทำทาง สร้างจังหวะทำประตู ทำให้เรามีตัวเลือกที่ดีในแดนหน้าเพิ่มขึ้นแน่นอน
จริงๆยังมี เคลเลเฮอร์ซุปเปอร์เซฟ เทร้นท์แอสซิสต์ แมคก้าจังหวะเดียวซาล่าห์ รวมถึงกราฟเฟ่นแบร์ก ที่สุดยอดแล้วสุดยอดอีก อีกนะ
แต่สุดท้าย ขอจบโพสนี้ด้วย ดาร์วิน นูนเญซ จังหวะทำประตูได้ ระหว่างการถ่ายทอดสด ผมยังพูดกับตัวเองอยู่เลยว่า นูนเญซ เหมือนร้องไห้เหรอวะ และก็จริงๆ เมื่อเห็นภาพนิ่งจากสื่อต่างๆ สงสารน้องเป็นที่สุด นักฟุตบอลคนนึงจะต้องกดดันขนาดไหน ทุกข์ใจขนาดไหน ถึงแสดงออกมาหลังทำประตูด้วยการร้องไห้ในสนาม

ผมอยากให้น้ำตาครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นในชีวิตใหม่ของนูนเญซหลังจากนี้ ขอให้อาร์เน่ ปลุกเค้าจากฝันร้าย และทำให้แฟนบอลทุกคน รักเค้า และอยากเห็นเค้า ยิ้มหัวเราะและมีความสุขจากการทำประตู หลังจากนี้ต่อไป เพราะฟุตบอลควรสร้างความสุข และมิตรภาพให้กับทุกคน ทั้งนักเตะ สโมสร และแฟนบอล เหมือนที่ผมได้ความสุข และมิตรภาพดีๆ จากการทำเพจนี้ครับ
ผ่านไป 5 นัด ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง อย่าลืมประเด็นนี้กันนะครับ

#ขวางสนาม #ลิเวอร์พูล

ไรอัน กราฟเฟ่นแบร์ก เหมาะสมด้วยประการทั้งปวงสำหรับตำแหน่ง Man of the Match

แสงที่เปล่งออกมาทั้งในจังหวะเกมรุกและเกมรับ มันชัดเจนเกิน นี่คือจุดศูนย์กลางของฟุตบอลลิเวอร์พูลยุคอาร์เน่อ อย่างแท้จริง

ตอนสไลด์จังหวะสุดท้าย ขวางการตบบอลเข้ากลาง ก่อนบอลจะถึงโมราต้า ในช่วงครึ่งหลัง เป็นคำตอบทุกอย่าง

แต่ภายใต้ตำแหน่ง Man of the Match ของกราฟเฟ่นแบร์ก โปรดอย่าลืมอีก 2 คน

โซโบสไล คนที่ทำหน้าที่เป็น กองหน้าตัวที่ 4 ในจังหวะเริ่มเพรสซิ่ง คนที่ลงครบ 90 นาทีทุกนัด คนที่อาร์เน่อบอกก่อนเกมนี้ว่า “นายต้องยิงประตูให้ทีมมากกว่านี้” และโซโบตอบว่า “ได้ครับบอส”

โคดี้ กัคโป การเคลื่อนที่ริมเส้นฝั่งซ้าย แทนดิอาซ ไม่รู้ผมคิดไปเองมั้ยว่า กัคโป ทำให้เกมรุกดูเป็นทีม มากขึ้น

เกมแรกของอาร์เน่อ บนเวที แชมเปี้ยนส์ลีค ผ่านไปด้วยดี แต่เชื่อว่าทางข้างหน้า ยังไม่ง่าย เพราะวันนี้นอกเหนือจากจังหวะได้ประตู ในเวลาที่นักเตะลิเวอร์พูลยังไม่เข้าสู่เกม มิลานก็แทบไม่แสดงพิษสงใดๆ

ไว้ตื่นมาดูลิเวอร์พูล ด้วยกันอีกในนัดต่อๆไปครับ

#ลิเวอร์พูล #ขวางสนาม

ตื่น!!!!!!!!

ผมเพิ่งบอกเมื่อโพสที่แล้ว ว่าอาร์เน่ ยังต้องเจออะไรหลายอย่าง ถ้าผ่านไปได้ เราถึงจะได้คำตอบที่ชัดเจนสำหรับฤดูกาลนี้

ไม่น่าเชื่อทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก วันนี้ เราได้คำตอบแล้วหลายอย่าง แต่เชื่อว่า วันบอลแพ้ เราไม่ค่อยอยากอ่านกันหรอก

เอาเป็นว่า ผมพูดถึงอย่างเดียวละกัน นั่นคือ

เราน่าจะได้คำตอบแล้วว่า ขุมกำลังสำรองที่เรามีอยู่ ไม่มีใคร เป็นความหวังให้เรา ที่จะเปลี่ยนเกมได้

การไม่ซื้อนักเตะเพิ่มเลย กำลังส่งผลตั้งแต่นัดที่ 4 ของฤดูกาล ทั้งที่ระยะทางเหลือหลังจากนี้ ยังอีกยาวไกล และทั้งๆที่ทีมยังไม่มีปัญหาบาดเจ็บเลยด้วยนะ

นูนเญซ ซิมิกาส โดยเฉพาะเคอร์ติส โจนส์ ยังไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเข้าทำ และผลการแข่งขันได้

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า "ผมคงต้องหาเวลาดูเทปการแข่งขันของ ลิเวอร์พูล ของอาร์เน่แล้ว เพราะผมแทบไม่รู้จักวิธีการเล่นของเค้าเลย"

ไม่รู้ตอนนี้ เป๊ป เปลี่ยนใจรึยัง แต่ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ถูกปลุกให้ตื่นจากฝันละ ตื่นๆ

มีอีกหลายอย่าง ที่ ลิเวอร์พูล ของอาร์เน่ สLOTต์ ยังต้องพิสูจน์ และต้องผ่านไปให้ได้
1. การลงเล่น สัปดาห์ละ 2 นัด และต้องเริ่มหมุนเวียนนักเตะ ไม่สามารถใช้ 11 ตัวจริงชุดเดิมติดๆกันได้อีก ซึ่งมันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

2. นักเตะ 11 คนแรก คนใดคนนึง เริ่มบาดเจ็บ ต้องหายไป 2-3 สัปดาห์ โดยเฉพาะ 3 กองกลางตัวหลัก หรือเวอร์จิล ฟานไดจ์ นี่แมคอัลลิสเตอร์ ไม่แน่ใจว่าเจ็บจากเกมทีมชาติมาน้อยแค่ไหน

3. เมื่อทีมเริ่มเสียประตูแรก หรือเสียประตูมากกว่า 1 ประตูในนัดเดียว

4. เมื่อทีมถูกนำไปก่อนจนกระทั่งจบครึ่งแรก และทีมต้องทำ 2-3 ประตูใน 45 นาที เพื่อเก็บ 3 คะแนน

5. เมื่อเวลาผ่านไป 70 นาที และ 11 ตัวหลักยังทำประตูตีเสมอ หรือขึ้นนำไม่ได้ ต้องการตัวเปลี่ยนเกม หรือต้องการรูปแบบการเข้าทำที่เปลี่ยนไป

6. เมื่อได้รางวัล ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยม แล้วเกิดอาเพศขึ้น เหมือนผู้จัดการทีมหลายๆคน
ถ้าหากสามารถผ่านเรื่องต่างๆเหล่านี้ไปได้ แบบไม่ขี้เหร่ น่าจับตามองมากครับ

จากบทสัมภาษณ์หลังเกมของ อาร์เน่ ที่วิเคราะห์ แทคติคที่เปลี่ยนไปของแมนยู และเทนฮาก ประมาณว่า...
“ซีซั่นก่อนแมนยู ใช้ระบบประกบตัวในแดนกลาง และใช้กองหน้า กับปีกหนึ่งคนมาช่วยเพรสซิ่ง แต่พอมาซีซั่นนี้ พวกเขาใช้หมายเลข 9 กับหมายเลข 10 เพรสมากขึ้น แบ็คของพวกเขานั้นดันสูงมาก และคาเซมิโร่ก็เข้าไปอยู่ตรงกลาง”
บทสัมภาษณ์ประเด็นเหล่านี้ ทำให้เราเห็น 2 มุมมอง
มุมแรก ลิเวอร์พูล ของอาร์เน่ ชนะ โดยไม่ได้สนใจแค่ เราจะเล่นอย่างไร แต่วันนี้ชัดเจนแล้วว่า อาร์เน่ และทีมงาน มีการวิเคราะห์คู่แข่งอย่างละเอียด ตั้งแต่ก่อนแข่ง และในระหว่างเกมครึ่งแรก เชื่อว่า ในสนาม ทั้งขณะที่มีบอล หรือไม่มีบอล ในหัวนักเตะ น่าจะมีรูปแบบการเล่น ทั้งรุกและรับ ที่ถูกวางรูปแบบมาอย่างแยบยล กับคู่ต่อสู้ที่แตกต่างกันไป การเล่นดีขึ้นในครึ่งหลังตลอด 3 นัด การทำประตูได้ 7 ลูก และไม่เสียประตูเลย น่าจะสะท้อนเรื่องนี้ได้ดี
ในอีกมุมนึง การให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ เหมือนกับการโยนเฉลยข้อสอบให้บรรดาทีมต่างๆ ที่กำลังจะต้องเจอแมนยูในอนาคต เอาคำตอบไปใช้ โดยไม่ต้องเสียเวลาทำการบ้านเอง เอาเวลาที่เหลือไปเตรียมทีมในมุมอื่นๆ เพื่อจัดการกับแมนยูได้เลย ตัวเองจัดการสำเร็จไม่พอ บอกข้อสอบพร้อมเฉลยให้ทีมอื่นด้วย
เป็นแผนทำลายคู่แค้นตลอดกาล ที่แยบคายสุดๆ

เป็นอีกครั้งที่ แดงไม่เดือด

1. เราเบรกทีมชาติด้วยการชนะรวด 3 เกม มี 9 คะแนนเต็ม เป็นรองจ่าฝูง กับทีมที่ อาร์เน่ บอกว่า “ผมยังไม่ต้องการเปลี่ยนอะไร ขอลองใช้ทรัพยากรเท่าที่มีก่อน” ตอนนี้เหลือแค่เรากับซิตี้แล้วนะที่ ชนะรวด และเราเป็นทีมเดียวที่ยังไม่เสียประตู เพอร์เฟกต์สตาร์ท อย่างแท้จริง

2. เมื่อก่อน 1 ชม.ก่อนเริ่มเกม ผมมักเปิดหาว่า 11 ตัวจริงนัดนี้จะเป็นใคร แต่ต่อไปนี้คงไม่ต้องทำแล้วแหล่ะ ถ้าไม่มีข่าวใครเจ็บก่อนเกม นี่คงจะเป็น 11 ตัวจริงของอาร์เน่ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่ ลิเวอร์พูลจะมีโปรแกรมเตะแบบ 1 อาทิตย์ 2-3 นัด นั่นแหล่ะ

3. เกมรุกในนัดนี้ แค่ ดิอาซ กับ ซาล่าห์ ทีมยังนำ 3-0 โจต้าบอกว่า คงไม่ต้องถึงมือพี่ใช่มั้ย เพียงแต่ถ้าสังเกตให้ดี โซโบสไล คือ ตัวรุกคนที่ 4 ที่มีส่วนกับเกมรุกของลิเวอร์พูลยุคอาร์เน่มาก ทั้งการเพรสที่ขึ้นสูงที่สุดในแผงเกมรุก ทั้งการเพิ่มจำนวนผู้เล่นในเขตโทษ และการออกบอลหน้าเขตโทษ ถึงแม้ไม่มีชื่อทำประตู แต่โซโบ้ ทำให้พลังการเข้าทำของลิเวอร์พูลครบเครื่องมากขึ้น นี่ถ้านัดนี้ จิ้มหัวเกือก ลูกนั้นเข้าไป จะยิ่งสมบูรณ์แบบ

4. อย่างที่บอก นัดที่แล้วกราฟเฟ่นแบร์ก ไม่แจ่มไม่เป็นไร ช่วยมาเฉิดฉายนัดนี้ละกัน แล้วก็จริงๆ ท่วงท่าในการใช้ขายาวๆ ขวางบอลด้วยท่าแปลกๆ การอ่านเกมดักทางบอลได้หลายครั้ง การแตะบอลหนึ่ง-สอง หลบคู่แข่ง การตะบึงพาบอลไปข้างหน้าด้วยความเร็ว นัดนี้กราฟเฟ่นแบร์กเด่นมาก ตั้งแต่ประตูที่ถูกยึดคืนเป็นต้นมาเลยทีเดียว

5. โกนาเต้ - ฟานไดจ์ แทบไม่สร้างความผิดพลาดส่วนบุคคลให้เห็น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเกมรุกของแมนยูมันไม่น่ากลัว ไม่ได้ถาโถมมาทุกทิศทุกทางด้วยแหล่ะ และความเร็วของโกนาเต้ ทำให้แรชฟอร์ด ดูอืดอาดไปเลย

6. “เราเป็นทีมเดียวที่ยังไม่เสียประตู” หากจะไม่ให้เครดิต อลิซง เบ็คเกอร์ มันก็ยังงัย ยังงัยอยู่นะ เพราะทั้งนัดเบรนท์ฟอร์ด และนัดนี้ อลิซงช่วยเซฟลูกตรงกรอบ ได้หลายจังหวะ และมีส่วนทำให้เราได้ยืนอยู่จุดนี้

7. มีคนบอกว่า ลิเวอร์พูลของ อาร์เน่ แฟนบอลจะไม่ต้องดมยาดมอีกต่อไป คนเป็นโรคหัวใจดูได้แล้ว เหมือนจะจริง เพราะเกมของลิเวอร์พูลตอนนี้ นิ่งมาก ทั้งตอนก่อนได้ประตู และหลังจากทำประตูขึ้นนำ โดยการที่เราไม่พยายามตะบี้ตะบัน มีการผ่อนหนัก-ผ่อนเบา มันไม่ใช่แค่แฟนบอลไม่หัวใจวาย แต่มันคือการถนอมร่างกายนักเตะไปด้วยในตัว หวังว่าจะเป็นแบบนี้ต่อไป

8. ในห้องแต่งตัว ช่วงพักครึ่ง น่าจะมีอะไรหลายอย่างที่เราต้องค้นหาต่อไป เพราะดูเหมือนว่า ทั้ง 3 นัดที่ผ่านมา ครึ่งหลังของลิเวอร์พูล จะดูดีกว่าครึ่งแรกเข้าไปอีก นัดนี้ยิ่งชัดกว่านัดอื่น เล่นนอกบ้าน เจอทีมอย่างแมนยู ครึ่งแรกเราว่าก็เล่นดีแล้วนะ ขึ้นนำ 2-0 แต่พอเขาสู่ครึ่งหลัง กลายเป็นลิเวอร์พูลเหนือกว่าแบบ เอ้าท์คลาส ไปเลย ไม่มีอาการโงนเงน โดนทีมที่ตามอยู่ 2-0 บุกใส่เลย

สุดท้าย ทีมหนึ่ง โค้ชสร้างทีมมาแล้ว 3 ปี ซื้อตัว คนที่อยากได้ อีกหนึ่งทีม รับมรดกผู้เล่นทั้งหมดมาใช้ โดยลงเล่นอย่างเป็นทางการ 3 นัด ไม่น่าเชื่อว่า ทีม 3 ปี แพ้คาบ้าน 3 – 0 โค้ช หรือผู้จัดการทีมนี่มันสำคัญจริงๆ อยู่ด้วยกันต่อไปยาวๆครับ เทน ฮาก

ทำไมแฟนลิเวอร์พูลบางคนกลับไม่ค่อยตื่นเต้นกับดีล เฟเดริโก้ เคียซ่า ซักเท่าไหร่

1. ถ้าย้อนไปซัก 3-4 ปีที่แล้ว หลังจบทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 2020 เราคงตื่นเต้นกันมากกว่านี้ คงเป็นดีลสุดว้าว ที่สร้างความอิจฉาตาร้อนให้ทีมต่างๆ มากกว่านี้ แต่จากมูลค่าการตลาด เกือบ 100 ล้านปอนด์ สู่ 10 ล้านปอนด์ เป็นธรรมดาที่ความตื่นเต้นลดลง

2. ดูเหมือนว่า ตอนนี้ ทีมไม่ได้รู้สึก ขาด ผู้เล่นในเกมรุก เออ ... ถ้าตอนนี้ โจต้า เจ็บ ดิอาซ ไม่มีความสุข อยากย้ายทีม อาจจะค่อยรู้สึกว่าเราต้องหาแนวรุกเพิ่มซักหน่อย

3. กองกลางที่รับได้ รุกได้ หรือเซ็นเตอร์แบค ที่มี่ชื่อซักหน่อย ต่างหากที่น่าจะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นกับเส้นทางอีกยาวไกลของฤดูกาลนี้มากกว่า เพราะเราจะอุ่นใจว่า แม็คอัลลิสเตอร์ โซโบสไล จะได้พักบ้าง กราฟเฟ่นแบร์กเจ็บก็ไม่กระทบ เกมนำมีตัวลงมาช่วยปิดเกม เกมตามหรือเกมตื้อๆ มีตัวลงช่วยสร้างความแตกต่าง

4. เป็นอีกครั้งที่ รู้สึกว่านี่คือ ดีลแก้เขิล ครั้งแรกก็ตอน ไกเซโด้ - ลาเวีย เลือกไปเชลซี เราเลยเซ็นเอ็นโด ราคาไม่แพง ก่อนจะกลายเป็นที่รักของทุกคน ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อ ซูบิเมนดี้ อยู่โซเซียดัดต่อ ลิเวอร์พูลจึงหานักเตะซักคนแก้ขัด ราคาไม่แพง ลดแรงต่อวานต่อขาน ต่างกันตรง ครั้งนี้เอามาคนละตำแหน่งซะอย่างงั้น

5. ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน มีข่าวว่า เคียซ่า ต้องการย้ายไปบาร์เซโลน่า ขอรอความชัดเจนจากบาร์ซ่า ก่อน แต่เมื่อปิดดีลกับลิเวอร์พูล “ผมตื่นเต้นมาก มันยอดเยี่ยมจริงๆ ที่ได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ มันเหมือนฝันเป็นจริงสำหรับผมที่ได้เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล” ว้าววววววว

6. สุดท้าย เมื่อหลายคนไปหาดูไฮไลท์ การทำประตู หรือแอสซิสต์ ของเคียซ่า เมื่อฤดูกาลที่แล้วกับยูเว่ ก็พบว่า ... ธรรมดา ไม่หวือหวา

หวังว่า จะเป็นดีลที่ดีประจำฤดูกาล เพราะเป็นดีลเดียว ที่ปิดแล้วใช้งานได้เลย ก่อนไปว่ากันอีกที ตลาดหน้าหนาวครับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า กว่าจะถึงตอนนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

แต่อย่างไรก็ ยินดีต้อนรับครับ

#ขวางสนาม #ลิเวอร์พูล

มีใคร เป็นเหมือนผมมั้ย ที่ยัง มูฟออน จาก เจอร์เก้น คล้อปป์ ไม่ได้

นัดแรกที่เจออิปสวิช ไม่เท่าไหร่ แต่นัดที่ผ่านมา จังหวะที่ ดิอาซ ทำประตูนำ 1-0 แล้วภาพตัดมาข้างสนาม ผู้จัดการทีมดีใจ ภาพที่ผมเห็นในสมองยังเป็น เจอร์เก้น คล้อปป์ ดีใจ อยู่เลยอ่ะ

อีก 5 วินาทีต่อมา ถึงได้บอกตัวเองว่า เฮ้ยยย ไม่ใช่แล้วอ่ะ

ต่อมาเย็นวันจันทร์ ผมเพิ่งได้มีโอกาสนั่งดูหนัง The end of the storm. สารคดีปีที่เราได้แชมป์ลีก ยิ่งดู ยิ่งคิดถึง คิดถึงทุกคนเลย

แล้วก็บอกกับตัวเอง เราต้อง Move on ได้แล้ว คล้อปป์ สบายแล้ว ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเครียด กับความไม่ยุติธรรมใดๆแล้ว

บางที ผมอาจจะต้องเริ่มจาก เปลี่ยนรูปโปรไฟล์ และหน้าปกของเพจนี้ซักที ถูกมั้ยครับ

#ลิเวอร์พูล #คล้อปป์ #ลาก่อน

1. ผ่านไปแค่ 2 นัด แต่กลายเป็นว่า เหลือทีมที่ชนะทั้ง 2 นัดแค่ 4 ทีม ซึ่งลิเวอร์พูล คือ 1 ในนั้น อย่างเท่ห์ 2 ทีม ผู้จัดการคนเดิม อีก 2 ทีมเปลี่ยนผู้จัดการใหม่

2. ถ้าใครสังเกต ประตูขึ้นนำ 1-0 เป็นจังหวะที่หลังๆ ทีมเราทำมันหล่นหายไป โต้กลับเร็ว หลุดไป 2 ต่อ 3 หรือ 2 ต่อ 2 ฤดูกาลที่แล้วได้ประตูน้อยมาก แต่วันนี้ มาแฮะ การเปลี่ยนเส้นทางการวิ่งของดิอาซ และวิสัยทัศน์การออกบอลของโจต้า เพอร์เฟค สุดๆ

3. ในขณะเดียวกัน หากเป็นฤดูกาลก่อน คู่แข่งหลุดมา โต้กลับ ทีมเราเสียประตูตลอด แต่ 2 นัดที่ผ่านมา เราจะเห็นการวิ่งสับขาแตก เพื่อมาชะลอเกมรุกคู่แข่ง ของโซโบ้ กราฟเฟ่นแบร์ก เทร้นท์ ไม่ได้วิ่งตามแบบไร้ทิศทาง แต่มาปิดทางเพื่อให้คู่แข่งต้องม้วนกลับ แล้วอันตรายของการเค้าเตอร์ ก็จะลดลง และนั่นนำมาซึ่งคลีนชีต ทั้ง 2 นัด

4. เกมรับที่ดูน่ากังวล อาจจะมีแค่จังหวะเซ็ทพีซ ที่ยังคงสร้างความหวาดเสียวอยู่ตลอด ซึ่งก็คงจะค่อยๆปรับกันไป อาร์เน่ เป็นคนค่อนข้างละเอียด น่าจะเริ่มเห็นแล้วแหล่ะ

5. ซาล่าห์ กับการเอี้ยวตัวยิงแบบนี้ เครื่องหมายการค้าจริงๆ เฟลกเคน เหนียวนักใช่มั้ย เจอโมกดสูตร ชิ๊บโค้งๆซะ

6. กราฟเฟ่นแบร์ก นัดนี้ดูต่างออกไป ไม่เพอร์เฟคเท่าไหร่ ทั้งเข้าบอลผิดจนได้ใบเหลือง ทั้งบังบอลผิดจังหวะจนต้องวิ่งไล่ตาม ออกบอลแล้วโดนตัดได้ หลายจังหวะเลย ไม่เป็นไร เกิดขึ้นนัดนี้ นัดหน้าเล่นอย่างเทพไปเลยน้ะ ในขณะที่ บอลที่ออกจากเท้า แมคอัลลิสเตอร์ มันช่างมีคลาส เห็นเงียบๆ แต่เมื่อไหร่ที่ได้บอล ฟุตบอลของเค้าสวยงามเหลือเกิน

7. โกนาเต้ กลับมาอยู่ในฟอร์มที่แข็งแกร่งแบบเป็นบัดดี้ที่ดีที่สุดของฟานไดจ์ และปิดพื้นที่ฝั่งขวา ตอนที่เทร้นท์ กำลังอินเวิร์ด ได้ดี ควานซ่า ก็นั่งไปก่อนแล้วกันนะครับ ตอนนี้โปรแกรมแข่งอาทิตย์ละนัด เอาคนที่ดีที่สุด ลงเล่นก่อน เก็บคะแนนไปยาวๆก่อนเน้อะ

8.สุดท้าย งง กับอาการงอนของเทร้นท์ เพิ่ง 2 นัด ยังมีเกมให้เล่นอีกเยอะ แถมได้เล่นแต่ละนัด 70 กว่านาที ใครก็รู้ว่าถอดเพราะอยากให้พัก ไม่ใช่ถอดเพราะเล่นไม่ดี จะงอนอะไร งง

อยากถามว่า ตอนนี้ ยังมีคนไม่เชื่อว่า สมาคมผู้ตัดสินอังกฤษ มีเรื่อง อิทธิพล ผลประโยชน์ ความไม่โปร่งใส การมีส่วนได้เสีย หรือทฤษฎีสมคบคิด กันอยู่อีกหรือไม่

ต้องมีกันอีกกี่ครั้ง ต้องได้ประโยชน์กันอีกกี่ครั้ง หรือว่า ... ตลอดไป

#ลิเวอร์พูล #ฟุตบอลอังกฤษ

1. แมนยู ใช้เวลา 87 นาที ขึ้นเป็นจ่าฝูง ลิเวอร์พูล ใช้เวลา 59 นาที บอกว่า "ขอนะจ้ะ"

2. วันก่อน เห็นคนบอกว่า กับตำแหน่งใหม่ ทำให้ท่วงท่าของกราเฟ่นแบร์ก คล้าย ฟาบินโญ่ วันนี้ ดูเต็มๆ เออออ คล้ายแฮะ การเข้าสกัดหลายๆจังหวะ แทบไม่เคยเห็นในฤดูกาลที่แล้ว แถมการออกบอล ได้เสีย ดีกว่าฟาบินโญ่ด้วยซ้ำ ดีใจกับหน้าที่ใหม่นี้ของเค้าจริงๆ ได้เวลาเฉิดฉายแล้ว อย่าเพิ่งรีบเจ็บน้าาาาา

3. ครึ่งแรกเหมือนเล่นไปตามเกม นาที 44 ถึงจะเริ่มเห็นการขึ้นบอลเป็นทอดจนได้จังหวะทำประตู โน่นนนนน ครึ่งหลังถึงจะเป็นการเล่นที่เป็นรูปแบบชัดเจนขึ้น บางที อาจจะเพราะ โกนาเต้ ที่ลงมาทำให้แนวรับนิ่งขึ้น นำไปสู่การทำเกมรุกที่เป็นระบบ

4. การเปลี่ยนตัวของ สล็อต เห็นได้ชัดว่า มีประเด็น ทั้งเปลี่ยนคนที่เล่นไม่ดีอย่างควอนซ่า เปลี่ยนโจต้าเพราะศึกษามาดีว่า เจ็บบ่อย และเปลี่ยนแบ็คทั้ง 2 ข้างเพราะยังไม่ฟิตพอ ถือว่าว้าวครับ

5. สถิติที่บอกว่า เป็นกุนซือที่คุมทีมนัดแรก แล้วชนะเลย ในรอบ 33 ปี น่าจะเป็นสัญญานที่ดีสำหรับฤดูกาลนี้ครับ

อย่างน้อย เจอทีมเป็นรองมากๆ นอกบ้าน ก็ไม่ได้เป็นปัญหา เหมือนที่ผ่านๆมา

#ลิเวอร์พูล

จากการนั่งดูเกมส์ คอมมูนิตี้ชิลด์ เมื่อคืนที่ผ่านมา ผมบอกได้เลยว่า แมนยูปีนี้จะแตกต่างออกไปจากฤดูกาลที่แล้ว

โดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูกาล หากนักเตะยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

แววตาความมุ่งมั่น ความฟิตการเคลื่อนที่ วิธีการเล่นที่ยืนกันใกล้ๆ ต่อบอลกันอย่างเป็นธรรมชาติขึ้นมาก

เหลืออีกแค่อย่างเดียว ที่หากแมนยูแก้จุดนี้ได้ จะเป็นทีมที่ดีขึ้น และน่ากลัวขึ้น นั่นคือ

การเสียประตูเร็ว เมื่อตัวเองเพิ่งขึ้นนำ สมาธิหลังจากเพิ่งได้ประตู

เท่านั้นจริงๆ

อาหมัด ไมนู กานาโช่ แรชฟอร์ด ปีนี้น่ากลัวครับ

ถ้า การรีไทร์ จากการคุมทีมของ คล้อปป์ ทำให้คล้อปป์ เป็นตำนานสำหรับเราตลอดไป

การมาโอลิมปิค เป็นครั้งสุดท้ายของน้องเทนนิส แล้วจบลงด้วยเหรียญทอง ก็ทำให้น้องเทนนิส เป็นตำนานของพวกเราตลอดไปเช่นกัน

"หนูยอมเสียสละทั้งร่างกาย...จนมันพังไปหมดแล้ว
โอลิมปิกครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนูจะยอมแลก"

การเป็นแชมป์ว่ายากแล้ว การรักษาแชมป์ยากกว่า การได้เหรียญทอง 2 ครั้ง ในกีฬาอย่าง เทควันโด ก็คงเช่นกัน

ขอบคุณน้อง ที่ทำให้เรามีความสุข ในวันแบบนี้ครับ

#น้องเทนนิส

แดงเดือดแรก สำหรับ new season ทำไมมันช่าง....

"ขาด"

ไม่รู้ว่าลิเวอร์พูลเก่ง หรือว่าแมนยูยังไม่พร้อม โดยเฉพาะจังหวะจบสกอร์

ถ้าเราสังเกต เราน่าจะเห็นอะไรบางอย่างครับ

1. การต่อบอลกันใกล้ๆ
2. การออกบอลเร็วที่ได้เปรียบ
3. การไม่ต้องวิ่งเหมือนม้า แต่อยู่ในทุกพื้นที่
4. จำนวนผู้เล่นที่มากพอในเขตโทษ ในจังหวะเข้าทำ
5. หลายจังหวะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็อยู่ในทิศทางที่ดีมากๆ

นัดหน้า ตัวจริงกลับมาอีกหลายคน ถึงวันนั้น มาดูกันอีกทีครับ ว่ายังเล่นไม่เนี้ยบมากแต่ชนะแบบนี้ รึเปล่า พร้อมแล้วจริงหรือไม่สำหรับฤดูกาลใหม่ที่ยังไม่ซื้อใครแม้แต่คนเดียว

ขวางสนามแอนฟิลด์ กลับมาแล้วครับ

"นักเตะที่ทุกชาติอยากได้" 👍👍

ดีแครน ไรซ์ กองกลางตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ ออกโรงยกย่อง เทร้นท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนล แนวรับดาวรุ่งของลิเวอร์พูล ว่าเป็น "นักเตะที่ทุกชาติอยากได้" และควรได้รับโอกาสลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ให้กับทีมมากกว่า

"เขาเป็นนักเตะที่ทุกชาติอยากได้" ไรซ์ กล่าว "เขาเป็นนักเตะที่เราต้องส่งเขาลงเล่น เราต้องดึงศักยภาพของเขาออกมาให้เต็มที่ กองหน้าของเราจะเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมแน่นอน ถ้าเล่นร่วมกับคนที่ส่งบอลแม่นยำระดับ Trent เพราะทักษะการส่งบอลของเขานั้นสุดยอดจริงๆ"

ไรซ์ มองว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เหมาะกับการเล่นมิดฟิลด์มากกว่าตำแหน่งแบ็กขวา

"สำหรับผมคิดว่า Trent เหมาะกับการเล่นมิดฟิลด์มากกว่าแบ็กขวา เขามีทักษะการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยม วิสัยทัศน์กว้างไกล และสามารถอ่านเกมได้ดีเยี่ยม ผมมั่นใจว่าเขาจะกลายเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลกได้ไม่ยาก"

"ผมหวังว่า Gareth Southgate (กุนซือทีมชาติอังกฤษ) จะลองให้โอกาสเขาเล่นมิดฟิลด์ดูสักครั้ง ผมมั่นใจว่าเขาจะสร้างผลงานได้น่าประทับใจแน่นอน" ไรซ์ กล่าวทิ้งท้าย

Trent Alexander-Arnold วัย 24 ปี กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับลิเวอร์พูล ฤดูกาลที่ผ่านมาเขาลงเล่นไป 47 นัด ยิง 2 ประตู และทำ 19 แอสซิสต์

เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแบ็กขวาที่ดีที่สุดในโลก และมีทักษะการส่งบอลที่เหนือชั้น จนหลายคนมองว่าเขาสามารถเล่นมิดฟิลด์ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน

การยกย่องจาก Declan Rice กองกลางตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ น่าจะทำให้ Gareth Southgate พิจารณาใช้งาน Trent Alexander-Arnold ในตำแหน่งมิดฟิลด์มากขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ทีมชาติอังกฤษคว้าแชมป์ยูโร 2024 ได้

แม็กไกวร์ พลาดทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2024 หลังเดี้ยงแฮมสตริง!

กองหลังตัวแกร่งของทีมสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ออกมาแสดงความผิดหวังหลังไม่สามารถติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมนี เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อแฮมสตริง

"ผมเสียใจอย่างมากที่ไม่ได้รับเลือกให้ติดทีมชาติอังกฤษไปแข่งยูโรครั้งนี้" แม็กไกวร์ โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย

"แม้ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถ เอาชนะอาการบาดเจ็บที่มันรบกวนอยู่ อาจจะเป็นเพราะผมฝืนตัวเองหนักเกินไปด้วยซ้ำ ตอนนี้ผมผิดหวังมากจริงๆ"

"สำหรับผมแล้ว การได้ลงเล่นรับใช้ทีมชาติอังกฤษถือเป็นเกียรติประวัติสูงสุด มันมีความหมายกับผมมากมาย ซึ่งทีมชาติชุดนี้จะลงสนามโดยไม่มีผมร่วมด้วย แต่ในฐานะแฟนบอลคนหนึ่ง ผมจะคอยเชียร์พวกเขาอย่างสุดใจ พวกเราไปคว้าแชมป์กันเถอะเพื่อน!"

"หลังจากนี้ผมจะกลับไปฟื้นฟูร่างกายภายใต้ทีมแพทย์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลหน้า" แม็กไกวร์ กล่าวทิ้งท้าย

โค้ชที่ดี โค้ชที่เก่ง มีเยอะ หาไม่ยากหรอก

แต่ - โค้ชที่เหมาะกับลิเวอร์พูล - หาไม่ง่าย

หวังว่าเราจะเจออีก เหมือนที่เคยเจอเมื่อ 9 ปีก่อน

วันนี้ มาถึงแล้วครับทุกคน

วันสุดท้าย ของผู้จัดการทีมที่เข้ามาเปลี่ยนแปลง ลิเวอร์พูล

จากวันประกาศอำลา จนถึงวันลาจริงๆ วันเวลาช่างรวดเร็ว

"มันไม่สำคัญว่าใครจะมองคุณแบบไหนในวันที่คุณเข้ามา สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ผู้คนจะมองคุณแบบไหนในวันที่คุณจากไปต่างหาก"

Goodbye Jurgen Klopp.