Cha Khao-Premium
10X BUSINESSES 2022-2032
เคยได้ยินคำว่า "คิด" แต่ "ไม่ถึง" กันหรือเปล่า
แท้จริงแล้วตัวเราคาดหวังมากไปหรือไม่
ว่าหากเรา "คิด" แล้วมันควรที่จะ "ถึง" เขาคนนั้นจริงๆ สิ
ไม่จำเป็นเลย ... 🫂
ความคิดถึงที่มีค่า มันคือความคิดถึงที่มีเพียงเราเองที่บอกได้
ใครจะรู้ว่ามันถึงหรือเปล่า ใครจะรู้ว่าความคิดถึงมันมีค่าหรือไม่
ไม่มีมาตรวัดไหนที่สามารถวัดความคิดถึงได้หรอก
เพราะแบบนั้นเราอยากให้ทุกคนมีความคิดถึงไปเถอะ ไม่ต้องกังวล
🤍 คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ตัวเราเคยมีกับใครสักคน
คุณเคยมีความสุขกับการกระทำเล็กๆ ของเขา
แม้มันอาจเล็กน้อยสำหรับคนอื่น แต่ในความสัมพันธ์นั้น
มันคือ "ความพิเศษ" ที่เมื่อล่วงเลยไปเราจะคิดถึงมันและยิ้มออกมาได้เสมอ
🤍 คิดถึงคนห่างไกล ที่ในวันนี้หายไปจากข้างกายเราแล้ว
สิ่งของมากมายที่กระจัดกระจายอยู่ตามมุมห้อง
ถูกหยิบยื่นให้ผ่านคนใความทรงจำที่วันนี้อาจไม่ติดต่อกันแล้ว
หลับตาซึมซับช่วงเวลานั้นอีกครั้งผ่านมัน เพื่อจะได้ยิ้มอีกครั้งผ่านความคิดถึง
🤍 คิดถึงความฝันที่วันนี้เราไม่ได้เดินทางตามมันอีกแล้ว
วัยเด็กที่แสนบริสุทธิ์ กับการถามถึงอนาคตอันห่างไกลที่เราไม่รู้จัก
ความฝันแรกของคุณอาจเป็นอาชีพที่รู้จัก สิ่งที่เคยพบเจอผ่านจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ
ในตอนนั้นมันคือโลกทั้งใบที่คุณวาดเอาไว้
วันนี้ลองค้นหัวใจของตัวเอง ให้ความฝันนั้นถูกคิดถึงอีกครั้ง
แม้วันนี้มันไม่เป็นจริง มันยังไม่มาถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ แต่มั่นใจเถอะ เธอในวันนี้ทำดีที่สุดแล้ว
🤍 คิดถึงเจ้าของรอยยิ้มที่สดใสที่สุดของเรา
ความรู้สึกรักใครสักคนอย่างเต็มหัวใจ มันจะส่งให้เรามีรอยยิ้มที่สดใส
แน่นอนว่าอาจไม่ได้มาจากความสัมพันธ์คนรัก แต่อาจเป็นศิลปินที่ชอบ
อาหารแสนอร่อย สถานที่สวยๆ ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำของเรา
ชอบใช่ไหมล่ะ เวลาคิดถึงอะไรบางอย่างแล้วได้มีรอยยิ้มสดใสแบบนี้
เห็นไหม "ความคิดถึง" มันเป็นสิ่งที่ดีแค่ไหน
และมันไม่จำเป็นต้องเป็นความ "คิด" ที่ต้อง "ถึง" ด้วย
คำว่า คิดถึง ไม่มีฝั่งเดียวหรอก แต่มันคือสิ่งที่มีด้วยตัวเราคนเดียวนี่แหละดีที่สุดแล้ว
วางความคาดหวังลงได้แล้วคนเก่ง
รักตัวเอง และใช้ความทรงจำที่มีปลอบหัวใจตัวเองให้ได้มากที่สุด
กลับมา "คิดถึงตัวเอง" กันได้แล้ว
ความสุขน่ะ ... มันง่ายแค่นี้นี่แหละ 🧡
" #ความทรงจำจะพาเรากลับไปเจอใครบางคนเสมอ"
lwloli เขียน
maybear ภาพประกอบ
สำนักพิมพ์ Springbooks
📌 สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่
amarinbooks : https://bit.ly/4ab1NK5
Shopee : https://bit.ly/3Pnmyug
Lazada : https://bit.ly/3TfHN1W
naiin : https://bit.ly/3x03YC9
#ความทรงจำจะพาเรากลับไปเจอใครบางคนเสมอ
ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่ง
มีเพียงแค่ว่าคุณจะใช้ชีวิตแบบที่ไปข้างหน้า (progress)
หรือเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบที่วนอยู่กับที่ (movement)
"ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน" (New Edition)
ทิม พิธา เขียน
สำนักพิมพ์ Springbooks
👉 สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่
amarinbooks : https://bit.ly/3OYJwro
Shopee : https://bit.ly/42VRCqz
Lazada : https://bit.ly/3P2xihh
naiin : https://bit.ly/3wyCLpW
พิเศษ ! แถมฟรีที่คั่นประจำเล่ม
#ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน
คนที่เล่นเกมเก่ง
มีโอกาสเป็นคนสำเร็จได้เร็วกว่าคนทั่วไป
เพราะถูกฝึกให้รู้กติกา ทำงานแบบทีม ปรับตัวได้
และชอบเอาชนะ ทั้งหมดนี้ เมื่อปรับเอามาใช้กับชีวิตจริง
จึงหาทางเอาชนะ ในเกมชีวิตได้ดีกว่า
เมื่อนำวิธีการเล่นเกมมาเปรียบเทียบกับวิธีการเพิ่มความฉลาด และศักยภาพในการแก้ปัญหาต่าง ๆ พบว่ามีรูปแบบที่คล้ายกันไม่ว่าจะเป็นการทำสิ่งที่ท้าทาย คิดนอกกรอบ รวมถึงทักษะการทำงานหลาย ๆ อย่าง ในเวลาเดียวกันก็ถูกพัฒนามาจากการเล่นเกม หากเล่นเกมอย่างเหมาะสม และนำมาประยุกต์กับการเรียนรู้ หรือแม้กระทั่งในการทำงานก็ตาม
การเล่นเกมนั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเด็กโดยเฉพาะในยุคสมัยที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญมาก ผู้ปกครองบางคนอาจมีความกังวลว่าการเล่นเกมจะมีผลเสียกับเด็กหรือเปล่า ซึ่งถ้าเรามองอีกด้านของการเล่นเกม และได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว พบว่าเกมนั้นมีข้อดีหลายอย่าง และที่สำคัญเกมทำให้เด็กฉลาดมากขึ้นด้วย
'เก๊บ ซิเชอร์เมนน์' (Gabe Zichermann) นักธุรกิจ และนักเขียนในวงการเกมคือตัวอย่างของผู้ที่เล่นเกมจนได้ดี เขารักการเล่นเกมและสามารถทำอาชีพจากเกมได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับนักพัฒนาเกม หรือเป็นนักเขียนเกี่ยวกับเรื่อง Gamification (คือการเอาระบบเกมไปประยุกต์ใช้ในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน หรือการทำงาน)
ในบางครั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้านประสาทวิทยาก็ กล่าวว่า เกมนั้นไม่ได้ช่วยให้เด็กจดจ่อกับอะไรได้นาน ๆ หรือมีข้อสังเกตว่าการที่เด็กเล่นเกมเยอะนั้นเป็น เพราะว่าโลกแห่งความจริงนั้น ‘ไม่น่าสนใจ’ สำหรับพวกเขาแล้ว
แต่เก๊บกับเห็นต่างไป เขาคิดว่า จริง ๆ แล้ว
การที่เด็กสมัยนี้ไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับอะไรสักอย่าง
(เช่น เล่นเกมไม่สนใจโลกแห่งความจริงมากนัก)
หรือว่าอันที่จริงในโลกแห่งความจริงมันล้าหลังตามโลกในเกมไม่ทันกันแน่
เป็นที่น่าสังเกตว่าสมัยก่อนอาจเล่นเกมผ่านจอยสติ๊ก แต่เด็กในยุคนี้เล่นเกมออนไลน์ โดยที่สามารถโต้ตอบกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้ และแน่นอนว่าต้องมาคอยจัดการกับผู้ปกครองที่ชอบเข้ามาขัดจังหวะ (ไม่ว่าจะเป็นการเรียกให้ไปทำการบ้านหรือล้างจาน ก็ตาม)
นั่นหมายความเด็กสมัยนี้มี Multitasking Skill ที่ดีมากเป็นพิเศษนั่นเอง
(Multitasking Skill เป็นทักษะที่สามารถทำอะไรได้
มากกว่า 1 ทักษะในเวลาเดียวกัน)
นอกจากนี้ยังมีพบว่ามี 5 วิธีหลักที่สามารถ
ทำให้ ‘Fluid Intelligence’ เพิ่มขึ้น
(การบรรยายของ Andrea Kuszewski ที่มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด)
Fluid Intelligence คือความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา ที่ได้รับถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม เป็นความฉลาดในการแก้ไขปัญหา การหาเหตุผล
ซึ่ง 5 วิธีหลักนั้นได้แก่
(1) การเสาะหาสิ่งใหม่ ๆ
(2) การทำสิ่งที่ท้าทาย
(3) การคิดนอกกรอบ
(4) การทำสิ่งยาก ๆ
(5) การสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์กับผู้อื่น
และเมื่อลองเอามาเทียบดูแล้ว 5 วิธีหลักนี่แหละ
คือกระบวนการที่มีอยู่ในเกมที่ประสบความสำเร็จ
คุณลองสังเกตดูสิว่าการเล่นเกม ไม่ว่าจะ ROV PUBG หรือ Free Fire ต้องมีการวางแผนว่าจะเล่นยังไง วางกลยุทธ์ รวมไปถึงการเล่นแบบ ‘ทีมเวิร์ค’
(ไม่ให้เพื่อนแบกทีมคนเดียว และเรามาโดนด่าทีหลัง)
แต่อย่างไรก็ดี การเล่นเกมก็มีด้านที่ต้องพิจารณาต่อไปเหมือนกัน ในเรื่องของความรุนแรง แต่ก็มีการศึกษาแล้วว่าเกมไม่ได้ทำให้เด็ก มีพฤติกรรมรุนแรง ซึ่งพฤติกรรมนั้นขึ้นอยู่กับตัวเด็กมากกว่า
ถ้าเด็กมีแนวโน้มจะมีพฤติกรรมรุนแรงอยู่แล้ว เกมอาจเป็นแค่ปัจจัยเล็ก ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า เด็กที่เล่นเกมทุกคนจะมีพฤติกรรมรุนแรงเสมอไป
เราต้องมองอย่างเป็นกลางและเปิดใจในการเล่นเกมของเด็ก ไม่ใช่ว่าการเล่นเกมจะไม่มีผลกระทบด้านลบ แน่นอนว่ามีแต่ต้องอาศัยความเข้าใจและปรับตัวกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
ในยุคหนึ่งการเล่นสนุกหรือผ่อนคลายอาจเป็นการจิบชา อ่านหนังสือ เล่นหมากฮอส เล่นกีฬากลางแจ้ง แต่เด็กสมัยนี้ไม่ใช่แล้ว
ถ้าคุณเห็นเด็กเล่นเกม อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปว่าเกมจะทำให้เด็กเสียคน หรือเสียการเรียน หากการเล่นเกมนั้นอยู่ในจุดที่เหมาะสม
ลองเปิดใจ ทำความเข้าใจว่าเด็ก ๆ เล่นเกมยังไง คุณต้องลองมานั่งเล่นเกมกับลูกหลานดูอาจพบวิธีการอะไรใหม่ ๆ ที่นำมาปรับใช้กับการทำงานได้
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
(Reference in comment)
———
100WEALTH
สังคมคนทำธุรกิจขนาดใหญ่
มาร่วมเติบโต ไปกับผู้ร่วมเดินทางอีกกว่า 1 ล้านคน ทั้ง เจ้าของธุรกิจ, SME, ขายของออนไลน์, Startup, Entrepreneur และนักลงทุน ด้วยเป้าหมายเดียวกัน "ไปให้ถึง100ล้าน"
#ไปให้ถึง100ล้าน
เมื่อไรที่อยากเปลี่ยน "ลีลาการใช้ชีวิต"
ให้ได้ "สเกลเงิน" ที่ได้มากขึ้น
ให้เริ่มจาก
จับผิด "คนอื่น" ให้น้อย
จับผิด "ตัวเอง" ให้มาก
อย่ามัวหาเรียนรู้ "ทางลัด"
หาทาง "เรียนรู้ให้เร็ว" จะไปได้เร็วกว่า
แล้วถ้า "หักดิบ" ให้ทำสม่ำเสมอไม่ได้ผล
ให้เปลี่ยนเป็น "หักเห" ค่อย ๆ เปลี่ยนวันละ 1% แทน
ใช้ชีวิตด้วยลีลาแบบไหน ก็ได้ "สเกลเงิน"
ตามลีลาแบบนั้น "สามารถออกแบบได้"
- pmShane -
-----
100WEALTH
สังคมคนทำธุรกิจขนาดใหญ่
มาร่วมเติบโต ไปกับผู้ร่วมเดินทางอีกกว่า 1 ล้านคน ทั้ง เจ้าของธุรกิจ, SME, ขายของออนไลน์, Startup, Entrepreneur และนักลงทุน ด้วยเป้าหมายเดียวกัน "ไปให้ถึง100ล้าน"
#ไปให้ถึง100ล้าน
10X BUSINESSES 2022-2032
ความต่อเนื่องคือกุญแจสำคัญ
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
*เนื้อหาในเพจนี้ จัดทำขึ้นเพื่อคนเฉพาะกลุ่ม ที่ต้องการมีอิสรภาพทางการเงินและมีกรอบความคิดaเติบโต (Growth Mindset) เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อทุกคน กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับชมและแสดงออก
————
หากคุณชอบ Moneyland และอยากให้เราอยู่ไปนานๆ
สามารถเป็นผู้สนับสนุน MONEYLAND แบบรายเดือน ได้ที่ลิงค์นี้ (ตกวันละ 3 บาทนิดๆ)
https://facebook.com/becomesupporter/moneyland.biz/
หรือสนับสนุนรายครั้งตามจิตศรัทธา
https://ko-fi.com/moneylandbiz
สนใจโฆษณาติดต่อ
m.me/moneyland.biz
ไม่อยากหยุดหรอกเสาร์อาทิตย์ เพราะทั้งชีวิตอยากหยุดที่เธอ 😝
IKIGAI (อิคิไก) คือ ศาสตรที่จะช่วยให้คุณอยากตื่นขึ้นมาในทุกๆ วัน
คนอายุยืน 100 ปี มี อยู่ทั่วไปในญี่ปุ่น แต่ที่มีหนาแน่นก็คือเกาะโอกินาวา ที่มีคนอายุยืนมากเป็นพิเศษ จึงได้มีการทำวิจัยว่าอะไรทำให้อายุยืนและสรุปวิถีชีวิต ได้ออก มาเป็น IKIGAI (อิคิไก)
IKIGAI (อิคิไก) คือ ศาสตร์ที่ช่วยไขข้อข้องใจว่าเหตุผลในการตื่นมาใช้ชีวิตของเราในทุกๆ วัน นั้น คืออะไร หรืออีกนัยยะคือความหมายในการมีชีวิตอยู่นั่นเอง
ซึ่ง IKIGAI นี้เป็นสิ่งซ่อนอยู่ภายในตัวเรา ซึ่งต้องใช้ความพยายามและความอดทนในการค้นหามันให้เจอ
และนี่เป็น กฎ 10 ข้อของ IKIGAI ศิลปะในการใช้ชีวิตที่เราอยากจะแบ่งปันให้ทุกท่านได้ร่วมค้นหาไปด้วยกัน
1) Stay active; don’t retire กระตือรือร้นกับชีวิตแบบไม่มีวันเกษียณ
เรียนรู้และตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ต่างๆ ในโลก รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่สำคัญและมีคุณค่าต่อชีวิตตนเอง ทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด มีความก้าวหน้าทุกๆวัน และชื่นชมสิ่งดีๆ รอบตัว
2) Take it slow ทำอะไรให้ช้าลง
เอ๊ะ!! อย่าเพิ่งงง ว่าขัดกับข้อแรกมั๊ย ที่จริงแล้วคือการคิดใคร่ครวญสิ่งต่างๆ ก่อนลงมือทำ มีวิสัยทัศน์และแผนงานที่ดีก่อน ว่าหากทำสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้วจะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้นบ้าง ไม่ใช่กระตือรือร้นจนลนแบบทำอะไรรีบๆ ไม่ได้มองภาพใหญ่ระยะยาว
3) Don’t fill your stomach อย่ากินให้อิ่มเกินไป
หากอยากมีสุขภาพดี อายุยืน ต้องใช้กฎ 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เรียกว่า hara hachibu คือให้หยุดกินทันทีเมื่อรู้สึกอิ่มแล้ว หรือคิดเป็นปริมาณ 1,200 – 1,500 แคลเลอรีต่อวันเท่านั้น โดยเน้นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นกลุ่มผักและผลไม้สดทั่วๆ ไป
4) Surrounding yourself with good friends แวดล้อมด้วยเพื่อนดีๆ
เพื่อนคือยาที่ดีที่สุด การได้รับฟัง พูดคุย แบ่งปันทุกข์สุขกันกับเพื่อนๆ ให้คำแนะนำกันบ้าง หัวเราะขำขันกันบ้าง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ทำให้ชีวิตของเรามีชีวาขึ้นทุกๆ วัน ซึ่งจากงานวิจัยหลายที่ต่างให้ข้อมูลตรงกันว่า ความสัมพันธ์ที่ดี นำไปสู่สุขภาพจิตที่ดีและทำให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายนั้นดีขึ้นอีกด้วย
5) Get in shape for your next birthday ฟิตร่างกายให้ดีต้อนรับวันเกิดปีหน้า
ร่างกายก็ต้องการได้รับการดูแลบำรุงรักษา คล้ายเครื่องยนต์ที่หากใช้งานทุกวันก็ต้องเสื่อมไปบ้างเป็นธรรมดา การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังผลิตฮอร์โมนเพื่อช่วยทำให้เรามีความสุขอีกด้วย
6) Smile ยิ้มเข้าไว้
การยิ้มทำให้จิตใจผ่อนคลายแล้วยังช่วยทำให้เรามีเพื่อนเพิ่มขึ้นได้ง่ายๆ เพราะกลไกทางจิตใจเรามีระบบจดจำความรู้สึกอัตโนมัติ (Facial expression effect) ที่ทำให้เรารับรู้ว่าหากเรายิ้ม อารมณ์เราจะดีขึ้น
7) Reconnect with nature เชื่อมต่อกับธรรมชาติ
เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนตามแหล่งธรรมชาติต่างๆ เช่น ทะเล ภูเขา น้ำตก เพื่อชาร์ตแบตเตอรี่เพิ่มพลังงานให้ตัวเองอยู่เสมอๆ เพราะเราต่างเชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและโลกใบนี้ การได้รับออกซิเจนที่มากพอ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ คือความสุขโดยธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน
8.Give thanks ขอบคุณในสิ่งที่เรามี
ความรู้สึกขอบคุณและกตัญญูต่อบุคคลและสิ่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่บรรพบุรุษ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม อาหาร และสิ่งที่เรามี จะทำให้เรารู้สึกโชคดีที่ได้มีชีวิตอยู่และจะยิ่งเพิ่มพูนความสุขให้เราในทุกๆ วัน
9) Live the moment อยู่กับปัจจุบันขณะ
หยุดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและกลัวหรือกังวลสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต “วันนี้” และ “ขณะนี้” คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณ!! ใช้มันให้ดีที่สุดให้เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าและน่าจดจำ เพราะว่าเวลาเป็นสิ่งที่ผ่านมาและผ่านเลยไป เอาคืนไม่ได้และหาเพิ่มก็ไม่ได้เช่นกัน
10) Follow your IKIGAI จงออกตามหา IKIGAI ของคุณ !
มนุษย์ทุกคนมีความรักความหลงใหลและพรสวรรค์บางอย่างอยู่ในตัวเรา ที่จะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความหมายในทุกๆ วัน และขับเคลื่อนชีวิตเราไปข้างหน้าจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิต หากคุณยังหา IKIGAI ของคุณไม่เจอก็ไม่เป็นไร ภารกิจของคุณก็คือ “ออกตามหามัน”
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Socialgiver
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
*เนื้อหาในเพจนี้ จัดทำขึ้นเพื่อคนเฉพาะกลุ่ม ที่ต้องการมีอิสรภาพทางการเงินและมีกรอบความคิดaเติบโต (Growth Mindset) เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อทุกคน กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับชมและแสดงออก
————
หากคุณชอบ Moneyland และอยากให้เราอยู่ไปนานๆ
สามารถเป็นผู้สนับสนุน MONEYLAND แบบรายเดือน ได้ที่ลิงค์นี้ (ตกวันละ 3 บาทนิดๆ)
https://facebook.com/becomesupporter/moneyland.biz/
หรือสนับสนุนรายครั้งตามจิตศรัทธา
https://ko-fi.com/moneylandbiz
สนใจโฆษณาติดต่อ
m.me/moneyland.biz
วันนี้เสนอเมนู New!! นมสดสตอรี่โกโก้✨🫶🏻
เมนูนี้แก้ว 30 บาทเท่านั้นครับอร่อยอยากให้ลอง😋
ปิดดีล ให้ได้ดี
คาเฟ่ คือที่คุยงานได้ดีมาก
จากผลงานวิจัย พบว่า
ถ้าพาลูกค้าไปทานกาแฟ
ปิดดีลใหญ่ได้สำเร็จกว่าพาไปทานข้าว
ผลลัพธ์ของการเจรจาทางธุรกิจสามารถกำหนดได้ตั้งแต่นัดแรกที่เจอกัน
ดังนั้นใครที่เตรียมตัวมาดีกว่า มีไหวพริบที่ดีกว่า ก็ย่อมเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบบนโต๊ะเจรจาได้ตั้งแต่ครั้งแรกโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว
Mentalist DaiGo นักเขียนชาวญี่ปุ่นที่มีหนังสือดังหลายเล่ม ได้พูดถึงทักษะการเจราแบบไม่ธรรมที่ใครก็นำไปปรับใช้ได้ไว้ในหนังสือ วิชาอ่านใจให้อีกฝ่ายปฎิเสธไม่ลง
เขาบอกเคล็ดลับข้อนี้ไว้ว่า เมื่อต้องลงสนามเจรจากับใคร ให้เลือกเวลาเป็นช่วงบ่ายโมงที่อีกฝ่ายเพิ่งทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ ส่วนเราให้กินไปแค่พอประมาณแบบไม่ต้องอิ่มมาก
เพราะสมองคนเราจะทำงานช้าลงเมื่อท้องอิ่ม เนื่องจากเลือดจะไปรวมอยู่ที่อวัยวะย่อยอาหารเพื่อย่อยสิ่งที่กินลงไป ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง
เมื่อสมองอ่อนล้าและทำงานช้าลง นี้จึงเป็นช่วงเวลาที่เอื้อต่อการให้อีกฝ่ายตอบ “Say Yes” ได้ง่ายมากกว่าในเวลาปกติ
ซึ่งหมายความว่าถ้าจะพูดคุยหรือเจรจราการค้า ให้เลือกไปในช่วงที่สมองอีกฝ่ายทำงานแย่ ในขณะที่สมองของเราทำงานได้เต็มที่ดีที่สุด
ผู้เขียนยังบอกอีกด้วยว่า “การที่เราเข้าเจรจาในสภาพที่ไม่กินมื้อเที่ยงและท้องว่างพอประมาณ ในขณะที่อีกฝ่ายท้องอิ่ม เป็นเทคนิคที่ดูถูกไม่ได้เด็ดขาดหากจะให้ประสบความสำเร็จในการเจรจาธุรกิจ”
หรือถ้าเป็นสถานการณ์ที่ต้องทานข้าวร่วมกัน ก็ให้เปลี่ยนเป็นชวนอีกฝ่ายไปคอฟฟี่เบรกยามบ่ายต่อแทน
เพราะมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย พบว่าเมื่อดื่มกาแฟคนเราจะถูกโน้มน้าวได้ง่ายขึ้น เนื่องจากคาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้ตื่นตัวและตั้งใจฟังในซึ่งที่อีกฝ่ายพูดมากขึ้น
และดูเหมือนว่าจากผลลัพธ์นี้มันจะทำให้คนเราถูกโน้มน้าวได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย
โดยผู้เขียนอธิบายเสริมว่า “ขณะที่กำลังดื่มอะไรเข้าไป คนเรามักจะถูกชี้นำได้ง่าย เพราะพฤติกรรมขณะดื่มนั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วไม่สามารถหยุดได้ด้วยความตั้งใจของตัวเอง จึงมีแต่ต้องยอมรับตามสภาพนั้น”
เมื่อตกอยู่ในสภาพนี้ คนเราจะยอมรับเรื่องที่รับฟังมาง่ายกว่า เป็นเพราะการทำงานของจิตให้สำนึกบอกให้มีแต่จะต้องยอมรับเท่านั้น
ดังนั้นพอกาแฟถูกยกมาเสิร์ฟ แล้วเห็นอีกฝ่ายกระดกแก้วขึ้นดื่มเมื่อไหร่ ให้ใช้จังหวะนี้พูดขอเรื่องสำคัญที่สุดในการเจรจาออกไป
พอแก้วถูกวางกลับลงบนโต๊ะ คำตอบที่เราจะได้คือคำว่า “Yes”
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
(Reference in comment)
———
100WEALTH
สังคมคนทำธุรกิจขนาดใหญ่
มาร่วมเติบโต ไปกับผู้ร่วมเดินทางอีกกว่า 1 ล้านคน ทั้ง เจ้าของธุรกิจ, SME, ขายของออนไลน์, Startup, Entrepreneur และนักลงทุน ด้วยเป้าหมายเดียวกัน "ไปให้ถึง100ล้าน"
#ไปให้ถึง100ล้าน
10X BUSINESSES 2022-2032 🌟
แคปชั่นคิดไม่ทัน คิดถึงก่อนล่ะกัน "มันง่ายดี" 😂😂
#ชาเยนชาเขา
#เปิด 09:00-21:00 น.
Richard Branson ออกจากโรงเรียนตอนอายุ 15 ปี พร้อมคำทำนายจากครูว่าไม่ “ติดคุก” ก็เป็น “เศรษฐี”
เรามักได้เห็นเรื่องราวนักธุรกิจชื่อดังในวันที่พวกเขาประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องตอนปลายที่ทุกคนรับรู้ แต่อีกด้านหนึ่งกว่าที่จะเดินทางมาสู่วันนี้ได้ต้องผ่านเรื่องราว อุปสรรคมากมายที่เข้ามาในชีวิต แน่นอนว่าต้องใช้ความคิด การตัดสินใจที่เด็ดขาด
เรื่องราวของ Richard Branson นักธุรกิจชาวอังกฤษที่มีบริษัทมากกว่า 360 บริษัท ภายใต้ขื่อว่า “Virgin” ที่กว่าจะมาเป็นมหาเศรษฐีได้นั้นต้องผ่านเรื่องราวที่มีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย
Richard Branson ต้องลาออกจากโรงเรียนตอน 15 ปี เพื่อมาทำงานนิตยสาร โดยพอดแคสต์ตอนล่าสุด “Armchair Expert” ซึ่งจัดโดย Dax Shepard และ Monica Padman โดยเจ้าตัวบอกว่าเขาตัดสินใจด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือเขารู้ว่าสามารถทำเงินได้
Branson สามารถระดมทุน 3,000-4,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับทำนิตยสาร โดยอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนของ Branson รู้สึกทึ่งกับความคิดของเขา พร้อมกับทำนาย และตักเตือนไปพร้อมกันว่า Branson ในวัย 72 ปี กล่าวผ่านพอดแคสต์ว่า ตนสามารถจ่ายค่าพิมพ์กระดาษ และค่าผลิตได้ ทำให้ลาออกจากโรงเรียน
ขณะเดียวกัน ครูได้กล่าวกับ Branson ว่าคุณกำลังจะเข้าคุก หรือจะกลายเป็นเศรษฐี คำพูดของอาจารย์ท่านนั้นดูเหมือนจะพูดถูก Branson ไม่เคยใช้เวลาอยู่ในลูกกรงเลย แต่เขากลับมีมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิอยู่ประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอาณาจักรธุรกิจของเขาได้ขยายเติบโตจากนิตยสารวัยรุ่นไปสู่สายการบิน, กาสิโน, โรงแรม และอื่น ๆ
Branson บอกว่าเขาเริ่มทำนิตยสารนักเรียน เพราะว่าเขารู้สึกว่าหลักสูตรดั้งเดิมไม่ได้สอนอะไรที่เกี่ยวข้องหรือที่น่าสนใจอะไรเลย แทนที่จะเรียนเรื่องเรขาคณิตกลับต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสงครามเวียดนามที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนั้น
“มีหลายสิ่งที่ผมชอบจะเรียนรู้ แต่ไม่ใช่สิ่งที่ครูสอนคณิตศาสตร์กำลังสอน หรือครูสอนภาษาฝรั่งเศสกำลัง ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเริ่มต้นทำนิตยสาร เพื่อไขข้อข้องใจของคนหนุ่มสาว” Branson กล่าว
นี่อาจจะเป็นการตอบสนองแบบสะท้อนกลับต่อการต่อสู้ทางวิชาการของเขา เนื่องจาก Branson มักพูดถึงความบกพร่องในการอ่านของเขา
แน่นอนว่ากว่า Branson จะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้หลังจากลาออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 15 ปี ต้องมาจากการศึกษาระดับพื้นฐาน โดยคุณต้องระบุสินค้า หรือบริการที่ผู้คนต้องการ และค้นหาวิธีการสร้างรายได้ โดยทักษะด้านธุรกิจจำเป็นต้องควบคู่ไปกับทักษะด้านอารมณ์, ความฉลาด และความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับ Branson พูดถึงทักษะที่ได้เรียนรู้จากพอดแคสต์ว่า ผมเรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อยถึงความสำคัญของการนำสิ่งที่ดีที่สุดมาสู่ผู้คน สิ่งที่ตระหนักคือผมต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนที่เก่งกว่ากับสิ่งที่ไม่ถนัด โดยเฉพาะโรคดิสเล็กเซีย
ที่มา:
https://www.cnbc.com/2023/01/06/richard-branson-school-headmaster-predicted-id-become-a-millionaire.html
🖥อ่านบนเว็บไซต์: https://www.smartsme.co.th/content/249200
Cha khao Bubble Milk Tea 3 รส 3 สไตล์ 🧋♥️
• ชานม ต้นตำรับ รสชาตินุ่มละมุน หอมกลิ่นชาด้วยใบชานำเข้าจากแหล่งกำเนิด สไตล์ไต้หวันแท้
• ชานมบราวน์ชูการ์ หอมกลิ่นชาและบราวน์ชูการ์ หอมกลิ่นชา และ Brown Sugar กลมกล่อมลงตัว
• นมสดบราวน์ชูการ์ หอมมัน เข้มข้น ได้รสสัมผัสกลมกล่อมของ Brown Sugar
#ทำไมผู้หญิงถึงชอบผู้ชายทรงแบด
นั่นคงเป็นคำถามที่หลายคนอาจเคยสงสัยว่า ทำไมผู้หญิงจำนวนมากถึงชอบผู้ชายที่ดูเป็นตัวแสบ ดูดิบๆ หรือก็คือผู้ชายที่พวกเธอมักจะเรียกกันว่า “แบดบอย” นั่นเอง
วันนี้เราก็ได้รวบรวคำตอบเรื่องนั้นมาจากงานวิจัยหลายๆ แห่ง เพื่ออธิบายให้ได้เห็นภาพกันว่า เพราะอะไร ทำไมผู้ชายแบดบอยถึงกลายเป็นตัวเลือกที่สาวๆ หลายคนต้องการที่จะคบหากับพวกเขา...
- ผู้ชายแบดบอยมักจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก สังเกตได้จากเวลาที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ, การแต่งตัว, รถที่พวกเขาขับ และอื่นๆ ซึ่งความมั่นใจนั้นเองคือสิ่งที่มัดใจสาวๆ เอาไว้ได้
- ในช่วงระยะตกไข่ของสาวๆ ฮอร์โมนจะเพิ่มแรงดึงดูดให้พวกเธอรู้สึกสนใจหนุ่มๆ ที่ดูมีเสน่ห์ มีรูปลักษณ์ที่ดี รวมถึงผู้ชายที่มีลักษณะเป็นคนหัวรั้น ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ (ตรงกับความเป็นแบดบอย)
- การที่ผู้ชายแบดบอยมักจะมีกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง ใช้ชีวิตไปตามทางของตน ยึดมั่นในความเชื่อส่วนตัวมากกว่าที่จะทำตามคนส่วนใหญ่ สิ่งนั้นสามารถสร้างแรงดึงดูดให้กับสาวๆ ได้เป็นอย่างมาก
- ในการศึกษาหนึ่งพบว่า ผู้ชายที่ดีอาจไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับสาวๆ เสมอไป เมื่อเปรียบเทียบจากโปรไฟล์และรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ผู้หญิงส่วนใหญ่จะเลือกผู้ชายที่ดูดี มากกว่าผู้ชายที่มีโปรไฟล์ดี
- ผู้หญิงส่วนใหญ่มองหาการผจญภัยและความตื่นเต้นในชีวิต โดยสิ่งเหล่านั้นก็มักจะมีอยู่ในตัวของผู้ชายแบดบอย
- ด้วยรูปลักษณ์และลักษณะของผู้ชายแบดบอยแล้ว ความดิบๆ นั้นทำให้สาวๆ รู้สึกเหมือนได้รับการปกป้อง ทำให้พวกเธอรู้สึกอุ่นใจเสมอเวลาอยู่ด้วยกัน
- ลึกๆ แล้วผู้หญิงบางคนก็ต้องการใช้ชีวิตนอกกรอบ แต่พวกเธอเลือกที่จะเก็บซ่อนมันเอาไว้ ทว่าการคบกับผู้ชายแบดบอยจะช่วยทำให้ความต้องการนั้นเป็นอิสระ ให้พวกเธอได้เป็นในสิ่งที่ต้องการจะเป็นจริงๆ
สุดท้ายแล้ว ผู้ชายแบดบอย “ไม่ใช่คนไม่ดี” แต่พวกเขาคือคนที่ยึดมั่นในการใช้ชีวิตตามหลักการของตัวเอง แม้มันอาจจะดูไม่ดีในสายตาของคนรอบข้าง แต่ก็ไม่ได้เบียดเบียนใคร และกลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้สาวๆ หลายคนชื่นชอบ
#เหมียวหง่าว x #เหมียวตะปู
ที่มา : https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/19134127/
https://www.scientificamerican.com/article/psychology-uncovers-sex-appeal-dark-personalities/
https://www.semanticscholar.org/paper/Formidable-and-Dominant-1-.-1-2-3-4-Women-%E2%80%99-s-and-%3A-Ryder-Maltby/a647dfcee627d16076659b93a7c463ea9aeee37c?p2df
https://link.springer.com/article/10.1023/A:1025894203368
https://www.researchgate.net/publication/258189728_People_With_Dark_Personalities_Tend_to_Create_a_Physically_Attractive_Veneer
10X BUSINESSES 2022-2032