Pandy Shop

👕👚ซักผ้าแล้วไม่หอมผ้ามีกลิ่นอับ ซักผ้าไม่สะอาด✨✨
ซักแล้วผ้าหมองเป็นคราบ ล้างถังกันบ้างไหม!?!
บางครั้งอาจเกิดปัญหาซักแล้วผ้าหมอง หรือบางทีก็มีกลิ่นเหม็นอับ ซึ่งบางท่านอาจจะใช้วิธีถอดล้างทำความสะอาด แต่วันนี้มีวิธีง่ายๆมาแนะนำคับ

📌ส่วนผสม
1. เบกกิ้งโซดา
2. น้ำส้มสายชู

👉🏻ขั้นตอนการทำ
1. ใส่เบคกิ้งโซดาลงไป3ช้อนโต๊ะ
2. ใส่น้ำส้มสายชู 1 แก้ว หรือ 250มล.

👉🏻การนำไปใช้งาน
จากนั้นกดปุ่มเปิดน้ำล้างถังซักได้ตามปรกติเพียงเท่านี้เครื่องซักผ้าก็จะสะอาด ทำอย่างสม่ำเสมอเดือนละครั้ง เครื่องซักผ้าก็จะไม่เป็นที่สะสมของแบคทีเรียและช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องได้นานขึ้น ซักผ้าทีไรมีคราบผงซักฟอกคราบปรับผ้านุ่ม คราบหมอง ก็นำทริคดีๆไปทำใช้กันคับ

#ผมอยากเกิดเป็นแก้วกาแฟของแม่

‘ซูฮัน’ เด็กชายอายุ 15 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.3

เขาเขียนจดหมายฉบับนี้ ในวันที่ตัดสินใจเก็บข้าวของและหนีออกจากบ้าน


ถึงแม่กับพ่อครับ ..

ผมขอโทษที่เกิดมานะครับ
ผมก็อยากได้คะแนนเต็มเหมือนกัน
ผมอยากเรียนเก่งๆ แม่กับพ่อจะได้ดีใจ
ผมขอโทษที่ผมโง่
ถ้าผมไม่อยู่แล้วแม่กับพ่อจะสบายใจ
ผมก็ยินดีครับ

ขอบคุณที่เลี้ยงผมมาตลอดนะครับ

ลาก่อนนะครับ

จาก .. ซูฮัน


ซูฮันเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่

พ่อของซูฮันเป็นศัลยแพทย์ระบบกระดูกประจำโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง ส่วนแม่ไม่ได้ทำงาน

หน้าที่ของแม่ก็คือ เลี้ยงลูกและดูแลสามีให้ดี

แม่มีความคาดหวังในตัวซูฮันว่า จะต้องเรียนเก่งและเป็นหมอเหมือนกับพ่อของเขา

แต่ซูฮันไม่ได้เรียนเก่งมากมาย


ทั้งที่เขาก็พยายามแล้วแต่ไม่เคยสอบได้ที่หนึ่งสักครั้ง เรียนสู้เพื่อนสนิทอีกคนที่เป็นลูกสาวของเพื่อนบ้านก็ไม่ได้

แม่พยายามเคี่ยวเข็ญและบอกให้ซูฮันขยัน ตั้งใจเรียน ส่งลูกไปเรียนพิเศษกวดวิชาทุกวัน

บางครั้งซูฮันก็เหนื่อยมาก บางครั้งเขาก็แอบนอนหลับเวลาที่แม่บอกให้อ่านหนังสือหรือทำแบบฝึกหัด ทำให้แม่ดุและโมโหบ่อยๆ


บางครั้งเขาก็รู้สึกแย่จนเผลอเปรียบเทียบตัวเอง กับแก้วกาแฟของแม่

ตอนเด็กๆ ซูฮันเคยเขียนเรียงความส่งครูว่า

“ผมอิจฉาแก้วกาแฟบ้านเรามากกว่าอะไรทั้งนั้น เพราะขนาดมันอยู่เฉยๆ แม่ยังประคบประหงมมันอย่างดี .. แต่ทีกับผมแม่เอาแต่บ่น บ่นให้อ่านหนังสือ ไม่ก็ให้ไปเรียนพิเศษ .. แก้วกาแฟไม่ต้องอ่านหนังสือหรือไปเรียนพิเศษก็ยังมีคนรัก รู้งี้ผมน่าจะเกิดมาเป็นแก้วกาแฟดีกว่า”


ที่ผ่านมาซูฮันพยายามมาตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งที่แม่โกรธมากเพราะเขาสอบได้คะแนนไม่ดี แม่วิ่งตามเพื่อตีเขาไปทั่วบ้าน

ด้วยความไม่ตั้งใจ เขาวิ่งชนตู้ที่เก็บแก้วกาแฟของแม่ จนมันล้มลงมาแตกหมด

ซูฮันตกใจมาก แต่ก็ไม่เท่าความโกรธของแม่ที่เห็นภาพตรงหน้า

เขาถูกแม่ตะโกนว่าเสียงดังรุนแรงมากมาย

ซูฮันกลัวมาก จึงตัดสินใจเก็บของออกจากบ้านและเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้แม่


เรื่องของซูฮัน มาจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง Sky castle ซึ่งเป็นซีรีส์ที่สะท้อนชีวิตครอบครัวที่ไหลไปตามกระแสการแข่งขันเรื่องฐานะ การเรียนของลูก ความหน้ามีตาของพ่อแม่ จนกระทั่งสร้างผลเสียกับลูกและตัวพ่อแม่เอง


หมอเชื่อว่าแม่รักซูฮันมาก ไม่มีทางที่แม่จะรักแก้วกาแฟมากกว่าลูกชายไปได้

แต่เพราะแม่เคร่งเครียดและกดดันเรื่องการเรียนของลูกมาก ทำให้ซูฮันรู้สึกว่าความรักของแม่ต้องมาพร้อมเงื่อนไขเสมอ

เงื่อนไขที่ว่า เขาต้องเรียนเก่ง สอบได้คะแนนดีๆ แม่ถึงจะรักและพูดดีๆกับเขา


แม่อาจลืมไป หรือไม่ได้แสดงให้ลูกเห็นว่า ถึงลูกชายจะเป็นอย่างไร แม่ก็ยังรักเขาเสมอไม่เปลี่ยนแปลง

ความรักความเชื่อมั่นที่รู้สึกได้ว่าพ่อแม่มีให้ เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ลูกคนหนึ่งมีกำลังใจ

แม้ในวันที่เรียนหนัก เหนื่อยล้า เจอเรื่องแย่ๆ รากฐานในใจตรงนั้นจะทำให้ผ่านไปได้ และทำให้เกิดความไว้วางใจและมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน

ซูฮันคงไม่หนีออกจากบ้าน ถ้าเขารู้สึกมั่นคงปลอดภัยกับความรักที่แม่มีให้


พ่อแม่คงต้องถามตัวเอง ว่าพ่อแม่กำลังแสดงออกกับลูกในลักษณะที่ทำให้ลูกเข้าใจว่า พ่อแม่รักลูกแบบมีเงื่อนไขหรือเปล่า

เช่นพร่ำบอกทุกวันว่า "หนูต้องเรียนเก่งๆ นะ"

หรือแม้กระทั่งไม่ได้พูดออกมาเป็นคำ พ่อแม่กำลังทำให้ลูกรู้สึกเช่นนั้นหรือไม่ ด้วยการตำหนิรุนแรงเมื่อลูกได้คะแนนไม่ดี

หรือพูดเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น ใช้คำพูดตีตราหรือประชดประชัน ตรงนั้นล้วนสร้างผลเสีย ไม่ได้ช่วยให้ลูกพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

ถ้าอยากให้ลูกตั้งใจเรียน พ่อแม่ควรบอกเขาด้วยคำพูดที่ไม่ใช้อารมณ์รุนแรงเกินไป ต้องมีความเข้าใจและคาดหวังอย่างเหมาะสม เน้นที่กระบวนการความตั้งใจมากกว่าผลลัพธ์

การเรียนเป็นเรื่องสำคัญ แต่มันคงไม่ได้เป็นทุกอย่าง และมันไม่มีทางยิ่งใหญ่เกินกว่าความรักของพ่อแม่


หมายเหตุ: หมอไม่ได้รับค่าตอบแทนในการเขียนบทความ เพียงแต่ได้ดูซีรีส์และคิดว่าอยากแบ่งปันข้อคิดให้อ่านกัน เคยเขียนบทความนี้ในเพจเมื่อหลายปีก่อน แต่ขอนำกลับมาปรับและลงใหม่ เพราะพบเด็กแบบซูฮันอยู่บ่อยๆ ค่ะ

#หมอมินบานเย็น

ว่าด้วยเรื่องของ LD/SLD

#ใช่ว่าหนูอยากจะเขียนหนังสือไม่ได้

‘จุ๊บแจง’ เรียนอยู่ ป.4 อายุ 10 ปี แม่พามาตรวจด้วยอาการจดงานบนกระดานไม่ทัน มีปัญหาสะกดคำ เขียนคำผิดบ่อย

แม้เป็นคำที่ง่ายๆ ใช้เวลาเขียนนานมาก และลายมืออ่านยาก ถูกครูเขียนตัวแดงในสมุดบ่อยๆ

จุ๊บแจงชอบวิชาคณิตศาสตร์ ทำคะแนนดีมาก แก้โจทย์เลขยากๆ ได้ แต่จะสอบตกในวิชาภาษาไทย วิชาอื่นๆ ที่ข้อสอบที่ต้องเขียนมากๆ ก็จะทำคะแนนได้ไม่ดี (ถ้าสอบแบบพูดตอบปากเปล่าจะทำได้ดี)

แม่พยายามสอนให้จุ๊บแจงสะกดคำภาษาไทยทุกวัน แต่ก็เหมือนจะจำได้แป๊บเดียวก็ลืม

ตั้งแต่เปิดเทอม การบ้านเยอะขึ้น ครูชั้นเรียนใหม่ค่อนข้างดุ จุ๊บแจงเริ่มหงุดหงิด เครียด บางทีก็บอกแม่ว่า ไม่อยากจะเรียนแล้ว ไม่ชอบเขียนเลย มันยากเกินไป ทำให้ทะเลาะกันกับแม่บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาทำการบ้านที่ต้องเขียนมากๆ

แม่และจุ๊บแจงต่างก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจุ๊บแจงจึงมีปัญหาเรื่องเขียน ทั้งที่เรื่องอื่นก็ดูทำได้ดี ค่อนข้างมีความเครียดกันทั้งคู่

จากการซักประวัติ ประเมินเด็ก และให้เด็กไปทำการทดสอบทางจิตวิทยา หมอคิดว่าเด็กมีโรค LD หรือปัจจุบันเรียกว่า SLD - Specific learning disorder with impairment in written expression หรือ โรคภาวะการเรียนรู้บกพร่องเฉพาะด้านชนิดการเขียนสะกดคำ

หมอขอนำรูปถ่ายที่ได้รับการอนุญาตแล้ว นำมาจากหนังสือ จิตเวชศิริราช เป็นรูปถ่ายจากใบงานของเด็กคนหนึ่งที่มีภาวะนี้ มาลงให้ดูเป็นตัวอย่าง


เด็กที่เป็นโรค LD/SLD เป็นความบกพร่องในการทำงานของสมองบางส่วน ถือเป็นปัญหาการเรียนที่พบบ่อยที่ทำให้เด็กที่มีระดับสติปัญญาปกติเรียนหนังสือได้ต่ำกว่าเกณฑ์ พ่อแม่ รวมถึงครูก็มักจะไม่เข้าใจว่า ทำไมนะ เด็กก็ดูฉลาดดี เรื่องอื่นได้หมด แต่เรียนหนังสือไม่ได้

โดยเด็กที่เป็นโรค LD/SLD ตามการวินิจฉัยจะแบ่งเป็นด้านต่างๆ

-การอ่าน
-การเขียนและสะกดคำ
-คำนวน

เด็กบางคนอาจมีปัญหาหลายๆ ด้านพร้อมกัน หรือ บางคนเป็นด้านใดด้านหนึ่ง


วันนี้หมอจะมาเล่าเกี่ยวกับเด็กที่เป็น LD/SLD ด้านการเขียนสะกดคำ(แบบที่จุ๊บแจงเป็น)ว่ามีอาการอะไรที่พบได้บ่อย

แต่ไม่ได้หมายความพบอาการเหล่านี้แล้วจะต้องเป็น LD/SLD เสมอไป อาจเป็นโรคอื่นๆ ก็ได้ จะต้องได้รับการวินิจฉัยที่ชัดเจนจากผู้เชี่ยวชาญ)

- ความสามารถด้านการเขียนด้อยกว่าเด็กคนอื่นในชั้นเรียนเดียวกันอย่างมาก
- เขียนหนังสือช้าเพราะกลัวสะกดผิด
- สะกดคำผิดบ่อย แม้แต่คำง่ายๆ
- เขียนตัวหนังสือกลับด้านเหมือนภาพสะท้อนจากกระจกเงา
- เขียนวนหัวพยัญชนะ
- เขียนหัวพยัญชนะสลับด้าน เช่น เขียน ถ เป็นภ เขียน ผ เป็น พ เป็นต้น
- เขียนตัวหนังสือสลับที่กัน เช่น เวลา เป็น วเลา
- เขียนตามเสียงที่อ่าน เช่น รูปภาพ เขียนเป็น รูปพาบ
- วางสระและวรรณยุกต์ไม่ถูกตำแหน่ง
- ลายมือไม่สวย เขียนหวัด ทำให้อ่านยาก
- เขียนไม่ตรงบรรทัด ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากัน ไม่เว้นขอบ ไม่เว้นช่องไฟ
- เขียนประโยคสั้นๆ ง่ายๆ ไม่ค่อยให้รายละเอียด
- เขียนโดยใช้คำเดิมซ้ำๆ เขียนวกไปวนมา
- เขียนแล้วลบบ่อย ไม่มั่นใจในที่เขียน
- สื่อความหมายผ่านการเขียนไม่ดี อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง
- ผัดผ่อน หลีกเลี่ยงการเขียนหนังสือ

การช่วยเหลือและให้ความเข้าใจเด็กที่เป็น LD/SLD มีความจำเป็น สำหรับการวินิจฉัยที่แน่นอนชัดเจนอาจจะต้องพาไปประเมินกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น กุมารแพทย์พัฒนยาการและพฤติกรรมเด็ก จิตแพทย์เด็ก (เพราะเด็กที่มีปัญหาการเรียน ก็อาจจะต้องแยกจากสาเหตุอื่นๆ เช่น สมาธิสั้น สติปัญญาต่ำกว่าเกณฑ์ ในเด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษา และปัญหาที่เกิดขึ้นจะต้องเกิดเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน แม้จะได้รับการส่งเสริมช่วยเหลือด้านที่มีปัญหานั้นแล้ว)


การดูแลรักษาคือ การให้เด็กและคนรอบข้างเข้าใจภาวะนี้ ให้การช่วยเหลือด้านการเรียนเป็นรายบุคคล แต่ในเบื้องต้น พ่อแม่และครูก็สามารถให้ความช่วยเหลือเด็กได้เลย คือการ สอนเสริม เรียนพิเศษเสริมในจุดที่เด็กไม่ถนัด (ควรเป็นการสอนตั้งแต่ง่ายๆ ที่พอทำได้ และควรเรียนตัวต่อตัว เพราะถ้าเรียนเป็นกลุ่มใหญ่ปกติ เด็กมักจะตามเพื่อนไม่ทัน) และควรส่งเสริมความสามารถด้านอื่นด้วย เพื่อทำให้เด็กมีความมั่นใจและมองเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น

เด็ก LD/SLD หลายคนที่พ่อแม่และครูไม่เข้าใจ ทำให้ถูกปฏิเสธไม่ยอมรับ ต้องออกจากระบบการศึกษาไปหลายคน เป็นที่น่าเสียดาย พบว่าเด็กที่มีปัญหานี้และไม่ได้รับความเข้าใจ ช่วยเหลือ อาจมีปัญหาอื่นๆ เช่น ไม่ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง ถูกเพื่อนแกล้ง ครูดุ พ่อแม่ไม่เข้าใจ เด็กมีความวิตกกังวล เครียด ซึมเศร้า มีความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ

จริงๆ แล้วเด็กเหล่านี้ถ้าครูเข้าใจและช่วย เช่น ถ้าไม่ถนัดเขียน ก็ให้ข้อสอบที่เป็นตัวเลือกกากบาท ถ้าเด็กพอจะอ่านได้ เขาจะทำข้อสอบได้ แต่ถ้าให้มาเขียนเรียงความเยอะๆ เด็กก็คงลำบาก


ถ้าจะพูดให้เห็นภาพเด็ก LD/SLD มากขึ้น เด็กแอลดีก็คือเด็กทั่วๆไปเหมือนเพื่อนๆ แต่เพื่อนๆในชั้นเรียนอาจจะมี ‘จักรยาน’ ในการเดินไปถึงจุดหมาย แต่เด็ก LD/SLD ต้อง ‘เดิน’ ด้วยตัวเอง (บางคนอาจเดินโดยแบกของหนักไปด้วย) ซึ่งแน่นอนว่าคงจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าพอสมควร

สิ่งที่เด็กเหล่านี้ต้องการ คือกำลังใจ ความเข้าใจ รวมถึงโอกาส ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด


หมายเหตุ: รูปภาพและข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ จิตเวชศิริราช DSM-5 บทที่ 39 , เคสจุ๊บแจงที่ยกตัวอย่าง เป็นเคสที่ดัดแปลงจากกรณีที่เกิดขึ้นจริง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับบุคคลที่สามค่ะ

#หมอมินบานเย็น

🚩 9️⃣9️⃣ บาท
ขวดแก้วใส่เครื่องปรุง 🧂🥣
ในห้างแพงมาก60-80฿ ขวดใส่พร้อมที่ตัก ฝาแน่นป้องกันดี

1 เซต 3ชิ้น

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=710617774583903&id=100069070599922&sfnsn=mo

บทความดีๆ อยากให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนได้อ่านค่ะ 🥰

#สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการเรียนเก่ง

‘ด๊อกซอน’ เรียนอยู่ชั้น ม.6 เธอเป็นลูกคนกลาง มีพี่สาวชื่อ’โบรา’ มีน้องชายชื่อ ‘โนอึล’ พ่อทำงานธนาคาร แม่เป็นแม่บ้าน

สิ่งที่พ่อแม่เป็นห่วงด๊อกซอนมากที่สุดคือ การเรียน เพราะคะแนนสอบม.ปลายของด๊อกซอนไม่ดีเลย จนครูยังบอกว่า คงเป็นเรื่องยากมากถ้าเธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย

ด๊อกซอนพยายามจะขยันมากขึ้น แต่ก็ชอบที่จะหลับตอนอ่านหนังสือเรียนอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของด๊อกซอนคือ เป็นเด็กที่ร่าเริง อารมณ์ดี มองโลกในแง่ดีเสมอ ใครอยู่ด้วยก็รู้สึกสบายใจ นอกจากนั้นก็มีน้ำใจชอบช่วยเหลือคนอื่นๆ


เรื่องของด๊อกซอนและครอบครัวของเธอ มาจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง Reply 1988

(ข้อความต่อไปนี้เปิดเผยเรื่องราวในซีรี่ส์)


มีอยู่เหตุการณ์หนึ่ง ด๊อกซอนได้ช่วยเพื่อนที่ป่วยกำลังเป็นลมชักในห้อง

แม้ว่าอาการของเพื่อนจะดูน่ากลัว ทุกคนในห้องตกใจ ทำอะไรไม่ถูก แต่ด๊อกซอนเป็นคนเดียวที่มีสติเพียงพอจะปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เพื่อนที่เป็นลมชักได้

เย็นวันนั้นครูประจำชั้นโทรศัพท์มาหาแม่ของด๊อกซ็อน


แม่ของด๊อกซอนรับสาย

“สวัสดีค่ะคุณครู .. ทำไมโทรมาตอนนี้คะ .. เอ หรือว่าด๊อกซ็อนไปสร้างปัญหาอีกแล้วเหรอคะ”

“ไม่ใช่ค่ะคุณแม่ .. พอด๊อกซ็อนกลับถึงบ้าน คุณแม่ช่วยชมเชยแกมากๆ เลยนะคะ”

“มีอะไรเหรอคะคุณครู”

“ในชั้นเรียนเรามีนักเรียนเป็นลมชักน่ะค่ะ .. คุณแม่ของเด็กคนนั้นกังวลมากเลยค่ะ แต่ด๊อกซอนทำได้ดีมากๆ”

แล้วครูก็เล่ารายละเอียดที่ด๊อกซ็อนช่วยเพื่อนให้แม่ฟัง

“คุณแม่คะ ด๊อกซ็อนแกเป็นเด็กที่น่ารัก จิตใจดี แกฉลาดมากนะคะ .. ถึงแกจะเรียนไม่เก่งนัก .. แต่เรื่องอื่นๆ ไว้ใจด๊อกซ็อนได้เลยค่ะ แกเป็นนักเรียนที่ครูและเพื่อนรักและไว้วางใจ”

แม่ของด๊อกซ็อนยิ้มปลื้มกับโทรศัพท์ เธอรู้สึกภูมิใจในตัวลูกสาว


ที่ผ่านมาในการเป็นจิตแพทย์เด็ก หมอยังเห็นพ่อแม่ส่วนหนึ่งก็เป็นห่วงเรื่องการเรียนของลูกอย่างมาก (มุ่งเพียงอยากให้ลูกเรียนเก่ง อยากให้ลูกสอบได้เกรดสี่ทุกวิชา สอบเข้าโรงเรียนดีๆ) จนบางทีก็ไม่สนใจเรื่องอื่นๆ

จริงๆ พ่อแม่ทุกคนก็ปรารถนาให้ลูกเติบโตไปอย่างมีความสุข มีกำลังใจในการเผชิญหน้ากับอุปสรรคและปัญหาต่างๆในชีวิตได้ ใช่มั้ยคะ

ต้องมีความตระหนักเลยว่า การเรียนเก่งอย่างเดียวไม่ได้ทำให้คนมีความสุขหรือประสบความสำเร็จในชีวิตเสมอไปค่ะ


แน่นอนว่า เรื่องการเรียนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเด็กและมีความสำคัญ

แต่หมอคิดว่านอกจากการประสบความสำเร็จในการเรียน สอบได้คะแนนดี คุณสมบัติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ความอดทน พยายาม รับผิดชอบ ใจดี มีน้ำใจ ความซื่อสัตย์ ความเห็นอกเห็นใจ ฯลฯ เป็นเรื่องสำคัญในการใช้ชีวิตเช่นกัน


หมอเคยคุยกับเด็กที่แม้คะแนนไม่ดี แต่หากมีคุณสมบัติอื่นที่สำคัญในการใช้ชีวิต ก็มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตได้

อย่างด๊อกซ็อนนั้นมีปัญหาการเรียน แต่ก็มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือ ตรงนี้เป็นคุณสมบัติที่หมอคิดว่าสำคัญกว่าเรื่องการเรียนเก่ง

ซึ่งต้องชื่นชมคุณครูของเธอ รวมถึงพ่อแม่ ที่มีความเข้าใจและให้ความสำคัญในเรื่องนี้


นอกจากการเรียนเก่ง อย่าลืมปลูกฝังคุณสมบัติอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การปลูกฝังความมุ่งมั่นพยายาม ให้เด็กมีความอดทน สามารถพึ่งพาตัวเองได้ หรือ เป็นคนที่มองเห็นคุณค่าในตัวเอง สามารถยอมรับตัวเองในข้อผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติของมนุษย์

และที่สำคัญก็คือ ปลูกฝังเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ความเมตตากรุณา การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่เบียดเบียนเอาเปรียบคนอื่น

ดังนั้นอย่าละเลยการปลูกฝังคุณสมบัติในการใช้ชีวิตเหล่านี้ และมุ่งเน้นแต่ความสำคัญในเรื่องการเรียน เพราะทุกอย่างมีอิทธิพลที่จะทำให้เด็กคนหนึ่งเติบโตเป็นคนอย่างไรต่อไป


ส่งกำลังใจให้พ่อแม่ คุณครู ผู้ใหญ่ที่กำลังดูแลเด็กๆ รวมถึงเด็กๆ ทุกคน


หมายเหตุ: หมอไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ จากการเขียนบทความนี้ เพียงแต่ได้ดูซีรีส์และมีข้อคิดมาแบ่งปันสู่คนอ่านเพจนะคะ

#หมอมินบานเย็น

12ข้อ เพื่อความเข้มแข็งทางใจให้เด็กๆ

เวลาหมอตรวจเด็กและวัยรุ่น พบว่าสุขภาพจิตของพ่อแม่มีความสำคัญจริงๆ


เมื่อพ่อแม่ ผู้ปกครองมีปัญหาสุขภาพจิต เกิดเป็น Pathological parenting (การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม) แม้ว่าจะรักลูกก็ตาม แต่เมื่อผู้ปกครองมีปัญหาสุขภาพจิตที่ไม่ได้ดูแลรักษา เช่น ผู้ปกครองมีปัญหาทางอารมณ์ บุคลิกภาพ ทำให้ผู้ปกครองอารมณ์ไม่มั่นคง เกิดการเลี้ยงดูอย่างไม่เหมาะสมตามมา ไม่ว่าจะเป็น Consistent rejection (การปฏิเสธที่จะเอาใจใส่เด็กอยู่บ่อยๆ) , lack of availability (ไม่สามารถอยู่ตรงนั้นในวันที่เด็กต้องการคนที่จะพึ่งพา) , Abuse (การปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม เช่น การทำร้ายทางกาย อารมณ์และจิตใจ การเพิกเฉยไม่ดูแล) ซึ่งอาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่แน่นอนว่าส่งผลกระทบกับเด็ก

เมื่อโลกภายนอกไม่เอื้ออำนวย เด็กจึงมี internal working model หรือโลกภายในใจที่แย่เยิน

รู้สึกว่าขนาดคนที่ควรจะรักเขายังพึ่งพาหรือไว้วางใจไม่ได้เลย จึงมีความไม่ไว้วางใจ (Mistrust) กับทุกคนไปหมด ไม่ว่าตัวเองหรือคนรอบข้าง มองตัวเองแย่ มองคนอื่นแย่ บางคนโตมาเข้าโรงเรียน ถูกเพื่อนแกล้ง เจอสังคมไม่ดี ยิ่งแล้วใหญ่

เด็กคนหนึ่งจึงมีแนวโน้มโกรธเกลียดโลกรอบข้าง รวมถึงตัวเอง กลายเป็นคนที่ไม่สามารถ Empathy (เห็นอกเห็นใจ) ได้ อาจมีพฤติกรรมทำร้ายทำลายคนอื่นและตัวเอง ส่งผลในวงกว้าง เด็กบางคนจึงโตขึ้นไป กลายอาชญากรหรือฆาตกรได้เลย


มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งชื่อเรื่องว่า We need to talk about Kevin ที่เล่าถึงกรณีของเด็กชาย 'เควิน' และแม่ที่มีปัญหาสุขภาพจิต

เควิน เด็กชายที่ดูภายนอกก็เหมือนเด็กทั่วไป แต่เขากลายเป็นฆาตกรที่สังหารหมู่เพื่อนในโรงเรียนได้อย่างไร

ลองมาดูชีวิต ของเขาตั้งแต่เกิด เควินเกิดมาพร้อมกับความสุขที่ลดลงของแม่

ก่อนที่แม่จะแต่งงาน แม่เป็นคนที่ชอบท่องเที่ยว ชอบอะไรแปลกใหม่ แต่หลังจากที่เควินเกิด แม่ก็ไม่สามารถทำสิ่งที่ชอบได้ต่อไป ชีวิตเปลี่ยนไป ต้องทำงานบ้านมากมาย เครียด หงุดหงิด บางครั้งก็ไปลงที่เควิน

บางทีจัดการกับความเครียดไม่ได้ แถมเควินตอนที่ยังเป็นทารกก็เป็นเด็กเลี้ยงยาก ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ยิ่งแม่หงุดหงิดก็ยิ่งปลอบลูกให้เงียบไม่ได้

มีอยู่ฉากหนึ่งที่เห็นภาพชัดเจน แม่ไม่รู้จะทำอย่างไรที่เควินตัวน้อยร้องไห้งอแงเสียงดัง จึงเอาตัวเควินขึ้นรถเข็นไปทิ้งไว้อยู่แถวไซต์งานก่อสร้าง ให้เสียงก่อสร้างดังกลบเสียงร้องไห้ของเควิน

เควินร้องไห้ไม่หยุด งอแงทุกเรื่อง แต่จะเป็นเฉพาะกับแม่ เหมือนจิตใต้สำนึกของเควินเองก็โตมาด้วยความรู้สึกลึกๆว่า แม่คงไม่ได้รักและสนใจตัวเขาเท่าไหร่ ทำให้กลายเป็นการแสดงออกแบบเรียกร้องความสนใจ และนั่นก็ยิ่งทำให้แม่ประสาทเสีย

นอกจากจะเลี้ยงยาก เควินก็เหมือนจะมีพัฒนาการช้ากว่าเด็กคนอื่น กว่าจะพูดได้ก็ช้า ต้องสอนนาน ทำให้แม่ยิ่งรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับลูกชายคนนี้ จนกระทั่งมีน้องสาว ซึ่งเป็นเด็กน่ารัก ช่างพูด เลี้ยงง่าย เควินก็ยิ่งถูกเปรียบเทียบกับน้องสาว

ทั้งนี้ทั้งนั้นแม่ไม่เคยที่จะกอดเควิน


เมื่อเด็กไม่ได้รับความรักความเอาใจใส่จากคนที่ใกล้ชิดอย่างเหมาะสม เด็กจึงไม่สามารถสร้าง'ความไว้เนื้อเชื่อใจ'กับคนใกล้ชิด หรือที่เรียกว่า 'basic trust'

การสร้าง 'basic trust' กับแม่หรือคนใกล้ชิดที่ดูแล เป็นก้าวแรกของเด็กที่จะนำไปสู่การมองโลกในแง่ดี มีความพร้อมที่จะไว้ใจ เห็นใจ มีเมตตาให้กับคนอื่น แต่เมื่อมันไม่เกิดกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ เด็กอย่างเควินจึงกลายเป็นเด็กที่ไม่ไว้ใจใคร มองคนอื่นในแง่ร้าย เกิดเป็นความ Mistrust

เด็กส่วนหนึ่งจึงโตมาเป็นคนที่พร้อมจะทำร้ายคนอื่นโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา กลายเป็นคนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีได้

ส่งผลถึงความสูญเสีย ที่พ่อแม่ผู้ปกครองเองก็ไม่คาดคิดเช่นกรณีที่เกิดกับเควิน


มีทฤษฎีทางจิตวิทยาที่พูดถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการพัฒนาเติบโตไปมีบุคลิกภาพแบบต่างๆ จะมีปัญหาทางสุขภาพจิตหรือไม่ คือ ทฤษฎีที่เรียกว่า Interactional model พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Temperament คือ พื้นอารมณ์ที่ติดตัวมาแต่เกิดของเด็ก(เด็กบางคนเลี้ยงง่าย บางคนเลี้ยงยาก ปรับตัวยาก) กับ Parenting style ของผู้ปกครอง ส่งผลถึงความผูกพันระหว่างเด็กและผู้ปกครอง (Attachment), การจัดการอารมณ์ความรู้สึกทีเกิด (Emotional regulation) บวกกับพื้นฐานทางสติปัญญา สิ่งแวดล้อม ฯลฯ สุดท้ายกลายเป็น Character และ Personality บุคลิกภาพและนิสัยของคนคนหนึ่งเมื่อเติบโตขึ้นมา

สิ่งที่หมออยากบอก คือว่า แม้หลายปัจจัยเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ Parenting style - แนวทางการเลี้ยงดูเด็กนั้น สามารถปรับและพัฒนาให้เหมาะสมได้

สรุปแล้ว สิ่งที่สำคัญมากคือ ถ้าจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นเจอเคสเด็กตอนเล็กๆ ที่พบว่าส่วนหนึ่งมีปัญหาที่มาจากสุขภาพจิตผู้ปกครอง การรักษาพ่อแม่ที่มีปัญหาสุขภาพจิต ส่งเสริมพ่อแม่ ให้มี Parenting Style ที่ดีเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพื่อจะได้ไม่สายเกินไป และสำหรับผู้ปกครองที่ได้อ่านบทความ หมอหวังว่าจะจุดประกายให้ผู้ปกครองหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพจิตตัวเองด้วยมากขึ้น เพราะสำคัญพอๆ กับการดูแลลูกหลาน คือการดูแลกายและใจของคนที่ทำหน้าที่ผู้ดูแล


หมายเหตุ: เรื่องของเควินนี้หมอเคยเขียนในบทความแล้ว แต่ได้นำมาดัดแปลงและเขียนให้เห็นชัดเจน ในแง่มุมของปัญหาสุขภาพจิตของพ่อแม่ผู้ปกครองซึ่งจำเป็นต้องดูแลช่วยเหลือค่ะ

#หมอมินบานเย็น
#ข้อคิดจากห้องตรวจ

🚩 1️⃣2️⃣9️⃣ บาท
บราแอบแซ่บ 🌶
เทรนการแต่งตัวแบบนี้กำลังมาแรง สีที่ทุกคนตามหารีบมาตำจ้าสาว ๆ

5 สีคละได้ ฟรีไซส์ S-L ใส่ได้ 📍

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

.

🚩 1️⃣4️⃣5️⃣ บาท
กล่องข้าวสไตล์ญี่ปุ่น 🍚🍚
กล่องข้าวเก็บความร้อนของอาหารได้ดี นักเรียน , พนักงานออฟฟิตพกข้าวไปกินได้สบาย รูปแบบเก๋เหมือนแก้วน้ำ

📌งานสเตนเลส เก็บอุณหภูมิ ถ้วยใหญ่

มี 2 สี ฟ้า ชมพู
ขนาด 900ml

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

🚩 9️⃣9️⃣ บาท
ขวดแก้วใส่เครื่องปรุง 🧂🥣
ในห้างแพงมาก60-80฿ ขวดใส่พร้อมที่ตัก ฝาแน่นป้องกันดี

1 เซต 3ชิ้น

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

🚩 1️⃣2️⃣9️⃣ บาท
บราแอบแซ่บ 🌶
เทรนการแต่งตัวแบบนี้กำลังมาแรง สีที่ทุกคนตามหารีบมาตำจ้าสาว ๆ

5 สีคละได้ ฟรีไซส์ S-L ใส่ได้ 📍

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

🚩 1️⃣3️⃣9️⃣ บาท
หมวก Gucci
หญิง-ชาย ใส่ได้ ใส่ไปเที่ยวชิคๆเก๋ๆ🤩

สี : ❌น้ำตาล ✅เทา ✅ดำ

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

🚩 1️⃣1️⃣9️⃣ บาท
แปรงขัดพื้นซอกแซก
หัวแปรงแบบมุมสามเหลี่ยม แปรงเข้ามุมตามขอบได้ง่าย สะดวก ซอกไหนๆก็สะอาดง่ายๆ เบาแรงได้เยอะกับทุกซอกทุกมุม

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

Send a message to learn more

🚩 2️⃣2️⃣0️⃣ บาท
Puma จัมโบ้ 🖤
ใส่ของได้จุ ๆ ไปเลยยย ขนาดใหญ่สวยมาก

ขนาด : 320x430x105 mm.

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

🚩 1️⃣5️⃣5️⃣ บาท
ชุดชาร์จในรถสำหรับไอโฟน 20W สาย USB C + หัว
20w แบบชาร์จเร็ว (ใช้ได้ iPhone7-iPhone14)

1 กล่อง = หัวชาร์จในรถ 20W 1 หัว + สาย 1 เส้น

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

🚩 1️⃣5️⃣5️⃣ บาท
ที่วางมือถือในรถ 🚘🚖
แบบใหม่ออกแบบมาให้ยืนหยุ่นได้ไม่ต้องหนีบมือถือป้องกันมือถือเป็นรอย แถมลายก็น่ารัก

มี ลายมิกกี้

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

Send a message to learn more

🚩 1️⃣1️⃣9️⃣ บาท
ชุดเซตNY
ผ้าเนื้อนิ่ม ใส่สบาย งานป้าย งานสกรีน

ขนาด: อก 40“ ยาว 23“
เอว 20-34“ สะโพก 42“ ยาว 37“

มี 2สี ✅แดง ✅ดำ

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

🚩 9️⃣9️⃣ บาท
เสื้อยืดกระต่ายน้อยZara
ผ้าเนื้อนิ่มหนา ใส่สบาย เนื้อดี งานปัก งานป้ายสวยๆ

ขนาด: อก 42“ ยาว 23“
มี 2 สี ✅ขาว ✅ดำ

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸

🚩 1️⃣9️⃣9️⃣ บาท
ลำโพงบลูทูธ Marshall M8

บอกเปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่ เพิ่ม/ลดเสียงได้
ระยะรับสัญญาณไร้สาน 15 ม.
เวลาทำงาน 2-5 ชม.
เวลาในการชาร์จ 2-3 ชม.

ขนาด : 251x162x73 mm.
สี : ครีม, ดำ

🌸 ค่าส่ง 40 /+10 , รอของ 5-7 วัน 🌸