KaffeLife

We serve a perfect cup daily

28/04/2020

การเดินทางของเมล็ดกาแฟดิบ
หลังจากการแปรรูปเมล็ดกาแฟในรูปแบบต่างๆแล้ว เราจะได้เมล็ดกาแฟดิบ ซึ่งยังบริโภคไม่ได้ เพราะว่ามันยังดิบอยู่ ก็ถึงขั้นตอนที่เราจะทำให้เมล็ดกาแฟ "สุก" ขั้นตอนนี้คือ "การคั่วกาแฟ" แต่ก่อนจะไปถึงการคั่ว เรามาทำความเข้าใจก่อนว่า โดยส่วนมากแล้วประเทศผู้ผลิตกาแฟ กับประเทศผู้บริโภคกาแฟ จะถูกแบ่งออกจากกัน คือเป็นคนละประเทศนั่นแหละ อาทิเช่น กลุ่มประเทศผู้ผลิตกาแฟ คือ บราซิล โคลัมเบีย เวียดนาม เอธิโอเปีย อูกันดาร์และอินโดนีเซีย ขณะที่กลุ่มประเทศผู้บริโภคกาแฟ (คือปลูกไม่ได้หรือได้น้อยต้องนำเข้า) เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา แคนาดาและญี่ปุ่น สองกลุ่มนี้อยู่ห่างกัน ทำให้เมล็ดกาแฟดิบต้องเดินทาง
ในอดีต ท่าเรือการค้าที่สำคัญของโลกที่เป็นจุดเริ่มต้นเดินทางของกาแฟ เช่น ท่าเรือโมช่า ( Mocha) ในเยเมน ทำให้เมล็ดกาแฟได้เดินทางออกไปทั่วโลก เดินทางไปเกาะเบอร์บอง ไปริโอ เดอจาเนโร ข้ามมหาสมุทรมาเกาะมาตีนีค คอสตาริกา โคลัมเบีย ไปสู่อินเดีย อินโดนีเซีย แม้กระทั่งเข้ามาในประเทศไทย รู้กันรึเปล่า สมัยรัชกาลที่สาม ฝรั่งเอากาแฟโรบัสตาร์มาให้ลองปลูกด้วยนะ แล้วก็มีคนเอามาปลูกที่จันทบุรีด้วย เมืองจันทบูรจึงเป็นเมืองแรกๆที่ปลูกกาแฟกันอย่างจริงจังเลยล่ะ😄
ปัจจุบัน การค้าเมล็ดกาแฟดิบ เป็นธุรกิจที่สร้างมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยการเชื่อมโยงกันของผู้คนทั่วโลก การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและความรู้ในการผลิต ทำให้เมล็ดกาแฟดิบในปัจจุบัน คุณภาพสูงขึ้น ราคาจึงมีบทบาทสำคัญในการแลกเปลี่ยน ด้วยการเกิดขึ้นของสมาคมกาแฟในหลายๆที่ทั่วโลก โดยเริ่มจากกลุ่มประเทศผู้บริโภค ทั้งสหรัฐอเมริกา (SCAA), ยุโรป ( SCAE) หรือองค์การการค้าโลก(ICO) จึงเกิดการกำหนดคุณลักษณะ กติกาและข้อกำหนดเพื่ออธิบายคุณภาพของเมล็ดกาแฟดิบไว้ใช้สำหรับเป็นส่วนประกอบในข้อตกลงทางด้านราคาด้วย
มาถึงตรงนี้ เจ้าเมล็ดกาแฟดิบของเรา คงยังไปไม่ถึงมือคนคั่วแน่ๆ😅😅 ในตอนหน้า Kaffe Life จะมาเล่าให้ฟังต่อว่ามันมีข้อกำหนดอะไร ยังไงบ้าง
หากคุณคิดว่าบทความของเรามีประโยชน์ สามารถแชร์หรือชวนเพื่อนมาติดตามเราได้นะ
เรายินดี 😄😁😁

27/04/2020

การทดสอบรสชาติกาแฟ (coffee cupping)
การทดสอบรสชาติกาแฟ(coffee cupping) คือการชิมกาแฟด้วยวิธีที่ง่ายมาก ลองอ่านตามนะ แล้วจะรู้ว่ามันช่างเรียบง่ายจริงๆ ผู้ทดสอบจะนำตัวอย่างกาแฟที่คั่วแล้ว บด แล้วดทลงในถ้วยชิม เทน้ำร้อนใส่ลงไป รอเวลานิดหน่อย. . . นั่นแหละ กาแฟพร้อมให้ชิมแล้ว !!! ส่วนกฎระเบียบ ข้อบังคับ กติกา อื่นๆที่ยุ่งยาก เช่น ระดับการคั่ว ระดับการบด อุณหภูมิน้ำ อัตราส่วน ขนาดถ้วยชิม จำนวนผู้ชิม ขนาดโต๊ะ ขนาดห้อง สีของห้อง ปริมาณแสงไฟ อากาศ ความชื้น และอื่นๆอีกมากมายนั้น ขึ้นอยู่กับระดับความซีเรียสของตัวคุณเอง แต่ถ้าคุณอยากรู้ว่า กาแฟที่คุณซื้อมามีรสชาติยังไงบ้าง ก็ทำตามที่เราแนะนำเถอะ ง่ายกว่ากันเยอะเลย😛 😛
แล้วมันมีรสชาติอะไรในกาแฟนะหรอ? ก็เยอะมากเลยหล่ะ แต่กาแฟ เป็นของกิน ก็ไม่ต่างกับอาหารหรือเครื่องดื่มอื่นๆหรอกนะ มันก็จะประกอบด้วย รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม และขม แต่จะมีอะไรมากอะไรน้อย ก็ขึ้นอยู่กับชนิดกาแฟ การแปรรูป การคั่ว การบดและการชง คุณลองหยิบกาแฟคั่วที่คุณซื้อมาจากร้านโปรดใกล้บ้านหรือสั่งข้ามมหาสมุทรมาลองทำแบบที่เราบอกสิ
เริ่มต้น บดกาแฟให้ค่อนข้างหยาบประมาณพริกป่นตามร้านก๋วยเตี๋ยว // หาแก้วหรือถ้วยที่ใส่น้ำได้ 160 กรัม มา // ต้มน้ำร้อนๆ เอาสัก 96 C ละกันถ้าคุณวัดได้นะ // ใส่ผงกาแฟลงไป 8.25 กรัม เทน้ำร้อนตามลงไป 150 กรัม // จับเวลา 4 นาที // ค่อยๆตักผงกาแฟที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ // รอสักแปปนึงแล้วก็เริ่มชิมนะ . . .
ถ้าคุณชอบรสโดยรวมของมัน นั่นแหละคุณเจอกาแฟที่ชอบแล้ว แล้วค่อยไปออกแบบวิธีการชง ให้ได้รสชาติที่ชัดเจนหรืแสลับซับซ้อนขึ้นทีหลัง
คุณอาจเคยได้ยินคนพูดว่า มีรสผลไม้ตระกูลเบอรี่ในกาแฟ, มีกลิ่นดอกไม้สีขาว, มีกาแฟที่รสชาติเหมือนขนุนสุก, หอมคาราเมลหรือขมแบบโกโก้ Kaffe Life จะบอกคุณว่า ที่พูดมาก็ถูกแล้วหล่ะ เพราะกาแฟเป็นผลไม้และผ่านกระบวนการแปรรูปแบบต่างๆ และยังซับซ้อนขึ้นไปอีกจากการคั่วในระดับต่างๆ นักวิทยาศาสตร์บอกความจริงให้เรารู้ว่า มีสารประกอบมากกว่า 3,000 ชนิดในกาแฟ เลยไม่แปลกถ้ากาแฟจะมีรสชาติที่หลากหลาย
วันนี้เราบอกวิธีการชิมกาแฟง่ายๆให้แล้ว ลองไปทำดูแล้วจดไว้มาบอกเรานะว่าคุณได้รสชาติอะไรจากกาแฟแก้วโปรด.. Kaffe Life...

Photos from KaffeLife's post 26/04/2020

การเดินทางของผลกาแฟสุก การแปรรูปแบบฮันนี่ย์(Honey Proces)
เราเคยบอกไปในตอนที่แล้วว่า การแปรรูปกาแฟมีหลายวิธีและยังแนะนำว่าถ้าคุณมีปัจจัยการผลิตวิธีไหนมากก็แนะนำให้ทำวิธีนั้น แต่นอกเหนือจากการแปรรูปแบบแห้งและเปียกล่ะ ยังมีวิธีการแปรรูปแบบอื่นอีกมั้ย? แน่นอนว่ามี วันนี้ Kaffe Life จะเล่าให้ฟัง...
การแปรรูปแบบฮันนี่ย์ ( Honey Process) ชื่อมันฟังดูน่าสนใจนะ แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับน้ำผึ้งมากนักหรอก แล้วมันก็ไม่มีน้ำผึ้งจริงๆมาเป็นส่วนประกอบด้วย แต่ฮันนี่ยเป็นการพูดถึง"เมือก"
(Mucilage)เหนียวๆที่เคลือบอยู่บนเมล็ดกาแฟสุกหลังจากที่เราสีเปลือกด้านนอก (Pulped) ของกาแฟออกแล้วนั่นเอง
ขั้นตอนแรก เกษตรกรจะนำผลกาแฟสุกไปสีเอาเปลือกด้านนอกออกก่อน (Pulped) แต่จะไม่เอากาแฟไปหมักในน้ำเหมือนการแปรรูปแบบเปียกนะ เราจะเอาไปตากบนลานตากทันทีและจะต้องคอยกลับหรือพลิกเมล็ดกาแฟให้โดนแดดให้ทั่ว ขั้นตอนนี้ค่อนข้างส่งผลต่อคุณภาพของเมล็ดกาแฟมาก เพราะถ้าแดดแรงเกินไปหรือตากนานเกินไป "เมือก"(Mucilage) บนเมล็ดกาแฟก็จะแห้งเร็วเกินไป กระบวนการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลอาจเกิดน้อยกาแฟอาจไม่มีรสหวานฉ่ำมากนัก แต่ถ้าใช้เวลาตากนานเกินไป หรือตากในที่ที่มีแสงแดดน้อย การะบวนการหมัก( Fermentation)ก็จะเกิดมาก อาจส่งผลให้มีกลิ่นเหม็นบูดในเมล็ดกาแฟ หรือเกิดเชื้อราได้ โดยส่วนมากในที่ที่มีแสงแดดเหมาะสมและสม่ำเสมอ เกษตรกรจะใช้เวลาประมาณ 6-8 วัน ในการตาก แต่ก็มีบางฟาร์มที่อาจใช้เวลานานกว่านั้น หรือถ้าตากในโรงเรือนแบบปิดที่มีหลังคาโปร่งแสง เราก็แนะนำว่าควรวัดความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศให้ดี อาจเปิดโล่งในเวลากลางวันและปิดในเวลากลางคืนก็ได้ และคล้ายๆกับสองวิธีการแปรรูปก่อนหน้านี้ เราจะตากจนความชื้นของเมล็ดประมาณ 9-13%
ฮันนี่ย์โพรเซส มีการแบ่งประเภทตามความมากน้อยของ"เมือก"(Mucilage)ที่เหลืออยู่บนเมล็ดกาแฟ เช่น Yellow Honey สำหรับ เมือก25%, Red สำหรับ 50%และ Black สำหรับปริมาณ "เมือก"100% แน่นอนว่าถ้าเมือกมีน้อยเมล็ดก็จะแห้งเร็วกว่าเมล็ดที่มีเมือกมาก แต่การวัดปริมาณที่แน่นอนว่ามีกี่เปอร์เซนต์ก็คงเป็นเคล็ดลับของแต่ละฟาร์ม
อย่างไรก็ตาม เราแนะนำสำหรับคนคั่ว(Roaster)ว่า ก่อนจะซื้อกาแฟที่เขียนบอกว่าเป็นฮันนี่ย์มา หรือการแปรรูปแบบไหนก็ตาม ลองขอชิมรสชาติก่อนหรือซื้อเป็นจำนวนน้อยๆกลับมาก่อนก็ดีนะ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นกาแฟที่คุณชอบในรสชาติมันจริงๆ ไม่ใช่เพราะบนฉลากเขียนว่าเป็นการแปรรูปแบบที่คุณชอบ เพราะในแต่ละวิธีการแปรรูปให้รสชาติกาแฟไม่เหมือนกัน และกาแฟแต่ละแหล่งปลูกก็มีรสชาติไม่เหมือนกันด้วย
การชิม หรือทดสอบรสชาติกาแฟ จึงเป็นวิธีที่ทำให้คุณแน่ใจว่า คุณอยากซื้อกาแฟตัวนั้นจริงๆ แล้วการทดสอบรสชาติกาแฟทำยังไงนะหรอ? เอาเป็นว่าเดี๋ยว Kaffe Life จะบอกในตอนหน้านะ😄
หากคุณคิดว่าบทความของเรามีประโยชน์ก็นำไปแชร์ต่อหรือกดติดตามพวกเราได้นะ👋👋

25/04/2020

การเดินทางของเมล็ดกาแฟสุก การแปรรูปแบบเปียก (Washed Process)
ตอนที่แล้ว เราทำความรู้จักการแปรรูปกาแฟโดยวิธีธรรมชาติหรือแบบแห้ง(Dry Process) ตอนนี้ Kaffe Life จะเล่าให้ฟังว่าการแปรรูปแบบเปียก คืออะไร
เริ่มจากนำเมล็ดกาแฟสุกมาลอยน้ำเพื่อคัดคุณภาพ เมล็ดที่สุกสมบูรณ์จะจมลงในน้ำ ส่วนเมล็ดที่ไม่สมบูรณ์จะลอยอยู่เหนือน้ำ เกษตรกรจะนำเมล็ดลอยออกไปทิ้ง และนำเมล็ดจมมาสีเปลือก(Pulp) จากนั้นนำไปแช่น้ำ 12-48 ชั่วโมง ตามวิธีในแต่ละหมู่บ้าน เมล็ดกาแฟในขั้นนี้จะมีเมือก(Mucilage) ติดอยู่ เมื่อครบตามเวลาที่ต้องการแล้ว จะนำเมล็ดกาแฟที่แช่ไว้ไปล้างเมือกออกและนำขึ้นลานตาก ตากจนความชื้นได้ตามต้องการ (9-13%) เมล็ดกาแฟในส่วนนี้เราเรียกว่า กาแฟกะลา และแน่นอนแหละต้องเอาไปสีก่อนถึงจะได้สารกาแฟ วิธีการแปรรูปแบบเปียกจะให้รสชาติกาแฟที่แตกต่างจากแบบแห้ง แม้จะเป็นกาแฟสายพันธุ์เดียวกัน แหล่งปลูกเดียวกันก็ตาม แต่เราคงตอบแทนไม่ได้ว่าแบบไหนดีกว่ากันเอาเป็นว่า ชอบรสชาติแบบไหนก็ทำแบบนั้น หรือถ้าให้เราแนะนำ เราแนะนำว่า ถ้าเกษตรกรมีแดดที่ดีตลอดช่วงที่ทำการแปรรูป มีพื้นที่กว้างสำหรับลานตาก เราแนะนำให้แปรรูปแบบแห้ง แต่ถ้าเกษตรกรมีน้ำมาก แปรรูปแบบเปียกก็ดีนะ หรือถ้ามีพร้อมทั้งน้ำและแสงแดด ลองแปรรูปแบบฮันนี่ย์ (Honey Process) ก็ได้นะ แต่ว่ามันคืออะไรนะหรอ ในตอนหน้า Kaffe Life จะเล่าให้ฟัง😀😀😀

Photos from KaffeLife's post 25/04/2020

การเดินทางของผลกาแฟสุก
หลังจากรวบรวมเมล็ดกาแฟที่สุกแล้ว เกษตรกรจะนำเมล็ดกาแฟเข้าสู่กระบวนการแปรรูป การแปรรูปกาแฟ เป็นสถานีต่อไปของเมล็ดกาแฟ
วิธีการแปรรูปกาแฟมีหลากหลาย Kaffe Life จะเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น
แรกเริ่มเดิมที เรารู้จักแต่การเอากาแฟที่สุกแล้วไปตากแดด ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะย่อยสลายเปลือกเชอรี่ (pulp) และเปลี่ยนโครงสร้างต่างๆภายในเมล็ดกาแฟ เช่น เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตให้เป็นน้ำตาล เปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ เป็นต้น พอเปลือกเชอรี่หายไป ก็จะเหลือแต่เปลือกชั้นในของกาแฟ ที่เราเรียกว่า กาแฟกะลา( parchment coffee) จากนั้นเราต้องตากกาแฟต่อไปอีก จนความชื้นของเมล็ดอยู่ประมาณ 11-13% เมล็ดกาแฟกะลาที่แห้งได้ที่แล้ว ก็จะนำไปสีเอาเปลือกกะลาออก เราจะได้เมล็ดกาแฟสาร หรือ สารกาแฟ(green bean)
สิ่งที่เราต้องระวังคือ ความชื้นของเมล็ด สารกาแฟควรมีความชื้นในช่วง 9-13% ในทางการค้าจริงๆแล้ว ความชื้น จะถูกนำมาเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการกำหนดราคา ส่วนใครจะใช้ตัวเลขเท่าไหร่ ก็แล้วแต่จะตกลงกันนะ เราก็ไม่ได้ว่ามันผิดหรือถูกหรอก :p อ่านมาถึงตรงนี้ การแปรรูปกาแฟดูยุ่งยากใช่มั้ยล่ะ แต่เพื่อการสร้างสรรค์รสชาติที่มหัศจรรย์ของกาแฟ เราก็ต้องทำแหละ 😄
นี่เป็นแค่วิธีแรก มันถูกเรียกว่า วิธีการธรรมชาติ(Natural) หรือการแปรรูปแบบแห้ง(Dry process) ในตอนหน้า Kaffe Life จะมาเล่าการแปรรูปแบบอื่นอีกนะ😄😄

หากคุณคิดว่า บทความของเรามีประโยชน์ ก็แชร์ต่อได้นะ อย่าลืมติดตามเราด้วยหล่ะ😀😀

Photos from KaffeLife's post 24/04/2020

จุดเริ่มต้นของกาแฟ คือ เมล็ดบนต้นกาแฟ ซึ่งเป็นผลจากการผสมของดอกกาแฟ ดอกกาแฟมีสีขาวคล้ายดอกมะลิ มีกลิ่นหอม แต่จะบานอยู่ได้เพียง 1-2 สัปดาห์เท่านั้น เมื่อดอกได้รับการผสม ผลกาแฟก็จะเริ่มติดบนกิ่งกาแฟ ผลดิบจะมีสีเขียว... ตรงจุดนี้แหละ การเดินทางของเมล็ดกาแฟได้เริ่มต้นขึ้น... Kaffee Life จะเล่าให้ฟัง...โดยส่วนมากเมล็ดกาแฟจะใช้เวลาประมาณ 6-8 เดือนในการสุก ผลกาแฟสุกมักเรียกว่า "เมล็ดเชอรี่" ในฤดูเก็บเกี่ยวเมื่อเมล็ดกาแฟสุกจนเป็นสีแดงเข้มแล้ว เกษตรกรจะเลือกเก็บ(Hand Pick) เฉพาะเมล็ดสุก ขั้นตอนนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการคัดสรรคุณภาพของกาแฟ เพราะเมล็ดกาแฟเชอรรี่ที่สุกเต็มที่จะประกอบด้วยน้ำตาล สาเหตุนี้เองที่ทำให้กาแฟที่คุณภาพสูงมักให้รสชาติหวานฉ่ำของผลไม้........หากข้อมูลของเรามีประโยชน์ สามารถนำไปแชร์ต่อได้ ฝากติดตามพวกเราด้วยนะ😄😄
..Kaffe Life...

24/04/2020

ประวัติศาสตร์เรื่องราวของกาแฟเป็นสิ่งที่มากด้วยความน่าหลงใหล จากกระแสของกาแฟคลื่นที่สาม (third wave coffee) ทำให้ผู้คนตื่นตัวที่จะอยากสัมผัสเรื่องราวการเดินทางของกาแฟ ในแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว การผลิตเมล็ดกาแฟดิบ (Process) การคั่วและการชง

การเดินทางของกาแฟ ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของผู้คนมากมาย ตั้งแต่เป็นเมล็ดอยู่บนต้นกาแฟจนถึงน้ำกาแฟพร้อมดื่มในบ้าน ทุกขั้นตอนและกระบวนการล้วนมีเรื่องราวซ่อนอยู่

KAFFE LIFE จึงอยากบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นผ่านผลิตภัณฑ์ของเรา ไม่ว่าจะเป็น เมล็ดกาแฟดิบ (green bean) เมล็ดกาแฟคั่ว (roasted bean) เมล็ดกาแฟคั่วบดสำหรับชงดื่มเอง (coffee in bags) และกาแฟสดพร้อมดื่มในขวด(ready to drink) ทุกผลิตภัณฑ์เราสร้างสรรค์ด้วยความพิถีพิถันทุกขั้นตอนเพื่อให้มีคุณภาพมากพอจะส่งต่อเรื่องราวดีดีถึงผู้บริโภคได้ เพราะสำหรับเราแล้ว กาแฟ คือ ความงดงามของชีวิต
..Kaffe Life...

23/04/2020

Welcome to the world of coffee that created by Kaffe Life. We provide Fine Robusta green bean, roasted bean and cold brew (ready to drink). We have lots of stories to tell you. Follow and join us, We always serve our perfect coffee daily. 😄😄

ต้องการให้ธุรกิจของคุณ ธุรกิจ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ร้านขายของ ใน Bang Kadi?
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?

เว็บไซต์

ที่อยู่


ปทุมธานี
Bang Kadi
12000

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00

ชอปปิ้งและค้าปลีก อื่นๆใน Bang Kadi (แสดงผลทั้งหมด)
Kurry Puff By Sonya Kurry Puff By Sonya
Bang Kadi, 12000

WinHtet WinHtet
Bang Kadi, 12000

Churn shop Churn shop
Bang Kadi, 12000

❤️ร้านเชิญช็อป พร้อมให้บริการค่าาา❤️

N'stang Indy Family's N'stang Indy Family's
ปทุมธานี
Bang Kadi, 12000

ขายทุกอย่างลงเลย

เซรั่มณัชชา ส่งฟรีปลายทาง เซรั่มณัชชา ส่งฟรีปลายทาง
Bang Kadi

เซรั่มณัชชา ลด ฝ้ากระ สิว ริ้วรอย รอ?

Fingo Shopping online Fingo Shopping online
Bang Kadi, 12000

finoแอปพิเคชั่นช้อปปิ้งออนไลน์สินค้า

Lotus's Lotus's
204 หมู่ที่ 5 ถนน ติวานนท์ ตำบล บางกะดี อำเภอเมืองปทุมธานี ปทุมธานี
Bang Kadi, 12000

Huawei&accessories By kate Huawei&accessories By kate
ปทุมธานี
Bang Kadi, 12000

Xiaomi​ by pc @bananaNavanakorn

ท่อสูตรดังบางใบBsashop ท่อสูตรดังบางใบBsashop
บางกะดี, ปทุมธานี
Bang Kadi, 12000

จำหน่ายท่อซิ่งสแตนเลสเกรดดี มีราคาปลีกและส่งรับตัวแทนจำหน่ายdealer ท่อสูตรทั่วประเทศไทย 095-853-4975

Jj chop Jj chop
Bang Kadi, 12000

SocksCute SocksCute
Bang Kadi, 12000

เตียง-ที่นอนราคาโรงงานปลีก-ส่ง SUSY เตียง-ที่นอนราคาโรงงานปลีก-ส่ง SUSY
Bang Kadi

ที่นอนและเตียงราคาจากโรงงาน