เพลงเพ่งชีวิต

เชิญผู้สนใจงานศิลปะครับ

สำหรับผู้ที่ชอบงานศิลปะครับ แบบแปลกๆ ใหม่ๆ ขอชวนไปชมกันครับ
วงนั่งเล่นจะไปแสดงและร่วมเสวนา เสาร์ 24 กันยายน ระหว่าง 14.00-16.30 น. ที่ Xspace gallery ครับ

งานเสวนาที่ไม่ต้องคุยถึงงานที่แสดง แต่เป็นการขยับขยายวงจากสองคนไปเป็นหลายคนหลายแนว เลยกลายมาเป็น DiaLogic Talk Session: ตรรกะสังสรรค์ ที่นอกเหนือจะมีผู้ร่วมสังสรรค์เดิมแล้ว รอบนี้ยังได้พี่ๆ วงนั่งเล่นและ Prof. Christoph มาร่วมสังสรรค์อีกด้วย

อยากเชิญชวนคนที่สนใจมาร่วมสังสรรค์กันท่ามกลางบรรยาการนิทรรศการ แบบไม่รับประกันเนื้อหา แต่คาดหวังสาระครับ

Talk Session: ตรรกะสังสรรค์
วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2565
เวลา 14:00 - 16:30
ขอเชิญร่วมวงสนทนา “ตรรกะสังสรรค์” ระหว่างวัตถุ เก้าอี้ ภาพพิมพ์ เปียโน วิดีโอ โมชั่นกราฟิก มนุษย์ และสุนัข ท่ามกลางบรรยากาศนิทรรศการ DiaLogic ไปกับนักสร้างสรรค์หลากหลายสาขา ผ่านบทเพลงและเรื่องคุยสัพเพเหระ ณ Xspace

โดยผู้ร่วมสังสรรค์
วงนั่งเล่น พนเทพ สุวรรณะบุณย์, กมลศักดิ์ สุนทานนท์
Christoph Karl Wichert,
กิตติพล สรัคคานนท์ Kittiphol Saragganonda,
กนกนุช ศิลปวิศวกุล Kanoknuch Sillapawisawakul,
พรนภา อนะหันลิไพบูลย์ Pohnnapa Anahunlipaiboon,
วินัย สัตตะรุจาวงษ์ Aoei W. Satta,
สมชาย ตันชรากรณ์ Somchai Tancharakorn,
ณัฐพงศ์ ดาววิจิตร Nut Dao,
ฉมามาศ แก้วบัวดี Chamamas Kaewbuadee,
พรหมพิริยะ แพงาม Bos Prompiriya,
รวินทญา เสิ่น Ravintaya Shen,
คณะนศ. ปริญญาโท สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา,
โซซู
และคุณทุกคน

ต้อนรับโดย 2 ต. (ติ๊ก-ต้อม)
AnoThai Nitibhon

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่;
Official Line :
หรือคลิก https://lin.ee/IoAkEaF,
โทร: 06-6073-2332, อีเมล: [email protected]

หมาข้ามถนน วงนั่งเล่น, สันติ ลอรัชวี · Song · 2022

วรรณสิงห์ + วงนั่งเล่น
วันที่พวกเราไปหาคุณจี๊ด(จิระนันท์ พิตรปรีชา)ที่บ้าน ช่วงที่ทำเพลงเพ่งชีวิต 1(คนเฝ้าป่า)ให้คุณจี๊ดและมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร

ได้พบกับสิงห์(วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล) มีโอกาสคุยกันถึงเรื่องการเดินทางไปที่ต่างๆ การทำเถื่อน travel

มีคำถามมากมายถึงจุดประสงค์ สิ่งที่เสียที่ได้ ซึ่งสิ่งที่สิงห์ได้มีเยอะ ทั้งประสบการณ์ ความคิด ความเข้าใจในวัฒนธรรมที่หลากหลายมากขึ้น แต่ที่สะดุดใจพวกเราคือ การไปหาความหมายในชีวิต
ซึ่งพวกเราตีความว่า ความสงบสุขที่แท้ หรือ peace of mind

สำหรับตัวสิงห์สรุปว่าไปมาทั่วโลก แต่มาเจอคำตอบที่ตอบโจทย์นี้คือเวลาที่อยู่นิ่งๆกับตัวเอง เพลงเพ่งชีวิต 4 จึงชื่อว่า "คำตอบ" ก็มีสิงห์มาร่วมเล่น piano ด้วย

"คงไม่ได้มีแต่วรรณสิงห์ที่อยากรู้ว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร ความสุขอยู่ที่ไหนและหน้าตาแบบไหน"

พวกเราทำเพลงนี้มาตั้งแต่ประมาณปลายปีที่แล้ว style คือทำไปเรื่อยๆ

จน Covid รอบล่าสุดทำให้แต่ละคนแยกย้ายอยู่บ้าน งานเพลงนี้เลยค้างไว้นานพอสมควร วันนี้ก็ค่อยๆ ทำจนใกล้เสร็จแล้วครับ

#คำตอบ #เพลงเพ่งชีวิต #วงนั่งเล่น #วรรณสิงห์

เพลงเพ่งชีวิต วงนั่งเล่น+วรรณสิงห์ ใกล้เสร็จแล้วครับ ชิ่อว่า "คำตอบ" ครบ 1 ปี พอดีจากวันที่เริ่มคุยกัน

เจ้าของ idea เพลง"ตีนที่มองไม่เห็น"สาธิต กาลวันตวานิช
https://www.facebook.com/112534107540691/posts/152396143554487/

ความคิดสร้างสรรค์ไม่ใช่พรสวรรค์ด้านศิลปะ
แต่คือทักษะและเครื่องมือในการช่วยแก้ปัญหา
#รู้จักคุณสาธิต
คุณสาธิต กาลวันตวานิช ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาและผู้ร่วมก่อตั้ง Phenomena โปรดักชั่นเฮาส์ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยที่เคยคว้ารางวัลทั้งในและนอกประเทศมาแล้วกว่า 500 รางวัล ซึ่งรวมถึงรางวัล Palme d’Or หรือที่คนไทยมักรู้จักกันในชื่อ ‘ปาล์มทอง’ รางวัลสำคัญสูงสุดของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ในฐานะที่เป็นโปรดักชั่นเฮาส์ที่ดีที่สุดของโลก เมื่อปี 2009
นอกจากนี้คุณสาธิตยังประสบความสำเร็จในฐานะนักออกแบบจากการสร้างแบรนด์ Propaganda ที่ผลิตสินค้าดีไซน์แปลกแหวกแนวโดยมีจุดเด่นคืออารมณ์ขัน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟรูปฟัน ขวดเกลือพริกไทยรูปมันสมอง และคาร์แรกเตอร์ Mr.P ตัวการ์ตูนผู้ชายหัวโตพุงป่องขี้อายที่กลายเป็นสินค้าดังระดับโลกและขายดีตลอดกาล
ผลงานทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความ ‘ฟุ้ง’ เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ ความกล้าที่จะลงมือทำจนมันเป็นชิ้นเป็นอัน และแม้กระทั่งการใช้ ‘ตรรกะ’ ก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานของเขา
#สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์ในนิยามของใครหลายคนอาจหมายถึงความสามารถทางศิลปะ แต่ความคิดสร้างสรรค์ในนิยามของคุณสาธิตคือการแก้ปัญหาเดิมๆ ด้วยวิธีการหรือมุมมองใหม่ๆ พูดอีกนัยหนึ่งคือปัญหาที่เราเผชิญคือเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ความคิดสร้างสรรค์จึงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาลอยๆ อย่างไร้ที่มาที่ไป
ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศอังกฤษมักจะมีมือบอนมาติดโปสเตอร์โฆษณาขายของหรือโปรโมตคอนเสิร์ตโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เนื่องจากจำนวนโปสเตอร์พวกนี้มีเยอะมาก ถ้าจะให้มานั่งขูดออกหรือคอยทาสีทับก็อาจเสียทั้งงบประมาณและเวลา เพราะพอทำไปก็มีคนมาติดใหม่เรื่อยๆ ทางการอังกฤษจึงใช้วิธีติดสติ๊กเกอร์คำว่า ‘Cancel’ หรือยกเลิก แทน จะเห็นว่าวิธีนี้นอกจากจะสะดวกและประหยัดงบแล้วยังได้ผลกว่าด้วย เพราะคนที่ผ่านไปผ่านมาจะคิดว่าสินค้าไม่จำหน่ายแล้วหรือคอนเสิร์ตถูกยกเลิกไปแล้ว ทำให้การแปะโปสเตอร์กลายเป็นวิธีการขายที่ล้มเหลวไป
#ทำอย่างไรถึงมีความคิดสร้างสรรค์?
จากตัวอย่างที่ยกมา คงเห็นแล้วว่าความคิดสร้างสรรค์อาจเป็นเรื่องใกล้ตัวและจับต้องได้มากกว่าที่ทุกคนคิด แต่แล้วจะทำอย่างไรถึงสามารถคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ แบบนั้นขึ้นมาได้?
หาคำตอบได้จากคอร์ส “The Power of Creative and Critical Thinking: พลังของการคิดสร้างสรรค์แบบมีตรรกะ” ที่คุณสาธิตจะมาปูพื้นฐานให้ฟังว่าการจะเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ได้ต้องสร้างฐานจากอะไร? ขั้นตอนการคิดริเริ่มและขัดเกลาไอเดียมีอะไรบ้าง? รวมไปถึงการแก้ปัญหาเวลาเผชิญกับทางตัน
เพราะความคิดสร้างสรรค์คือทักษะ และทักษะเป็นสิ่งที่พัฒนาได้
ห้ามพลาด! ติดตามคอร์สจากคุณสาธิต กาลวันตวานิช เปิดตัววันพุธที่ 28 เม.ย. 64
รับชมวิดีโอตัวอย่าง และลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://www.cariber.co/satit-kalawantavanich


………………
Cariber ความสำเร็จที่เรียนรู้ได้

ติดตาม Cariber ใน Blockdit ได้ที่ https://www.blockdit.com/cariber

ดีแค่ไหนที่ได้กำกับชีวิตตัวเอง?
ขอชวนแฟนๆ วงนั่งเล่นและแฟนเพจเพลงเพ่งชีวิต ร่วมแชร์ประสบการณ์ “กำกับชีวิต” ของคุณ แล้วลุ้นเป็นผู้โชคดี ที่จะได้รับ หนังสือ “คิดเอง ช้ำเอง” ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 พร้อมลายเซ็นจาก พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล

กติการ่วมแชร์ประสบการณ์
เพียงคอมเมนท์ใต้โพสต์นี้ เกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้ “กำกับชีวิต” ของตัวเอง หรือ เลือกแชร์โพสต์นี้พร้อมเขียนประสบการณ์ที่ได้ “กำกับชีวิต” พร้อมใส่แฮชแท็ก #เพลงเพ่งชีวิต #วงนั่งเล่น #คิดเองช้ำเอง

ร่วมสนุกกันได้เลยตั้งแต่วันนี้ – 7 กุมภาพันธ์ 2564
ประกาศผลผู้โชคดีเพียง 1 ท่าน ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 นี้

--
หนังสือ “คิดเอง ช้ำเอง” โดยเก้ง-จิระ มะลิกุล เรียกได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจให้วงนั่งเล่นในการแต่งเพลง "คิดเอง ช้ำเอง" ขึ้นมาเลยก็ว่าได้ พี่เก้ง จิระ เคยให้สัมภาษณ์ถึงที่มาของหนังสือเล่มนี้กับทีมงานเพจเพลงเพ่งชีวิตไว้ว่า.....

“...คือผมชอบเพลง รักเอง ช้ำเอง ที่พี่ตุ่น พนเทพ ทำกับพี่ชรัส เฟื่องอารมณ์ มากครับ เขาเขียนเพลงแล้วมันทิ่มแทงซะเหลือเกิน เป็นที่สุดของความเจียมตัว โอ้โห พี่เขาเก่งจริงๆ ผมก็เลยชอบเพลงนี้มาก ถ้าจัดอันดับในชีวิตได้ เพลงนี้ติด 1 ใน 5 อยู่แล้ว แล้วมีอยู่วันหนึ่ง ก็มีนิตยสาร Summer บก.ชื่ออ้วน ละออ ติดต่อมาให้ผมไปเขียนคอลัมน์ให้ ตอนแรกผมก็ ฮะ! รู้ได้ยังไงว่าผมเขียนได้ แต่ไม่เป็นไร เขียนก็เขียน ผมก็เลยทำเป็นคอลัมน์ ที่ผมจะไปถ่ายรูปป้ายอะไรก็ตาม ที่มันตลกๆ ผมก็จะมาเขียนเป็นเรียงความเพี้ยนๆ โดยใช้ชื่อคอลัมน์ว่า ‘คิดเอง ช้ำเอง’ ผมก็เขียนมาทุกเล่มเลย แล้วเขาก็มาทำรวมเล่ม ปรากฎว่าก็ได้พิมพ์ครั้งที่ 2 เท่ห์มาก...”

--
ตามไปฟังเพลง “คิดเอง ช้ำเอง” เพลงเพ่งชีวิตลำดับที่ 3 ตกผลึกชีวิตจาก พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล ได้ที่นี่เลย
https://fb.watch/31d44TSZNR/

#เพลงเพ่งชีวิต #วงนั่งเล่น #คิดเองช้ำเอง

เพลงเพ่งชีวิต ขอชวนผู้กำกับ 3 รุ่น มาเพ่งชีวิต กับเพลง “คิดเอง ช้ำเอง”

เราเดินทางมาถึงผู้กำกับท่านที่ 3 กันแล้ว ชื่อของพี่ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์ เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรก ในปี 2546 ในฐานะ 1 ใน 6 ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องแฟนฉัน ตามมาด้วยผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องต่อๆ มา อย่าง เด็กหอ หรือ Top Secret วัยรุ่นพันล้าน

นอกจากนี้ยังมีผลงานการกำกับซีรีส์วัยเรียนขึ้นหิ้งอย่าง ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น ซีซัน 1 และผลงานกำกับซีรีส์เรื่องล่าสุดเรื่อง เลือดข้น คนจาง ก่อนจะผันตัวเป็นผู้บริหาร บริษัท นาดาว บางกอก อย่างเต็มตัว เพจเพ่งชีวิตขอชวนทุกคนมาเพ่งชีวิตของพี่ย้ง ทรงยศไปพร้อมๆ กันเลย

🎬 ในฐานะผู้กำกับ การตัดสินใจเลือกทำ หรือ ไม่ทำอะไรสักอย่างเป็นเรื่องยากไหม?

“ย้อนกลับไปตอนที่ตัวเองเป็นผู้กำกับครั้งแรก การเป็นผู้กำกับมันเหมือนเป็นแม่ทัพอ่ะฮะ แม่ทัพในกองทัพที่ต้องมีทีมงาน นักแสดงอีกประมาณ 70 – 100 คน ที่ต้องทำตามไดเรคชั่นของเราอยู่ ตอนที่เราเป็นเด็กเราก็เลยยังไม่รู้ว่า สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราเลือกที่จะตัดสินใจ มันถูกต้องดีพอไหม มันถูก หรือ ผิด บางทีเราเดินมาเจอทางแยกหนึ่ง แล้วเราต้องตัดสินใจเลือกว่าเราจะเดินไปทางไหนใน 3-4 ทางแยกนี้ แล้วพอเราตัดสินใจที่จะเลือกเดินทางนี้ มันจะมีความกลัวทุกครั้งเลยว่าเรากำลังจะพาทีมงานไปเจอสิ่งที่สุดท้ายแล้ว มันไม่ใช่ทางที่จะไปเจอกับความสำเร็จหรือเปล่า นั่นคือช่วงปีแรกๆ ของการเป็นผู้กำกับครับ”

“ในวันที่เรายังไม่มีประสบการณ์เลย หรือ เรามีประสบการณ์น้อยมาก การเลือก หรือ การตัดสินใจนั้นมันจะเต็มไปด้วยความกลัว แล้วก็ความไม่มั่นใจในตัวเอง แต่สิ่งที่มันจะแก้ได้ ไม่ใช่อะไรเลยครับ ก็คือต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางบ่อยๆ อยู่กับมันจนกระทั่งเกิดผลลัพธ์ในการตัดสินใจเลือกสิ่งนั้น ยิ่งพอเรามีประสบการณ์ในการตัดสินใจเลือก แล้วทำมันจนสำเร็จ แล้วเห็นผลลัพธ์ของมัน เราจะเริ่มแม่นยำขึ้น ข้อดีของความแม่นยำ คือ เราก็จะกลัวมันน้อยลง แล้วผลลัพธ์ก็จะไม่ค่อยผิดเพี้ยนไปจากที่เราคาดหวังมาก แต่ข้อเสียก็คือ ถ้าเราใช้แค่ความชำนาญ หรือ ความแม่นยำในการตัดสินใจ มันก็จะเกิดแต่สิ่งที่เป็นแพทเทิร์น เป็นสิ่งเดิมๆ ทำทุกอย่างอยู่บนความเพลย์เซฟของตัวเอง พอเราทำต่อไปอีกสักพักหนึ่ง ก็จะเริ่มรู้ว่าการเพลย์เซฟของเรานี่มันไม่ดีเลย แต่พอเราอยู่กับมันมาบ่อยมาก จนเรารู้แล้วว่ากฎ กติกามันเป็นแบบนี้นะ กรอบมันเป็นแบบนี้นะ เราก็จะกล้ามั่นใจในการออกนอกลู่นอกทางบ้าง”

🎬 ใช้อะไรเป็นตัวนำทาง ในการเลือก การตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในชีวิต?

“ส่วนใหญ่การเลือก พี่ใช้สัญชาตญาณอย่างเดียวเลยครับ แต่มันค่อนข้างผสมปนเปกันไปหมดแล้วทุกวันนี้ พี่รู้สึกว่าการลงไปทำงาน มันก็คือการใช้ชีวิตไปด้วย แต่ด้วยลักษณะงานที่ทำ มันเป็นงานที่ใช้รสนิยมตัวเอง แต่จะใช้ความชอบของตัวเองอย่างเดียวในการนำทางไม่ได้ เช่น ทำซีรีย์วัยรุ่นเฉพาะกลุ่ม พี่ก็ต้องลงไปทำความเข้าใจตลาดวัยรุ่นทุกวันนี้เค้าเป็นยังไง หรือ วันหนึ่งพี่ต้องทำซีรีส์เรื่อง เลือดข้นคนจาง มันคือละครไพรม์ไทม์เรื่องแรกที่เราได้ทำ เราก็ต้องลงไปทำความเข้าใจคนดูละครทีวี คนดูละครช่วงไพรม์ไทม์เป็นคนกลุ่มไหน เราก็เลยต้องเติมความรู้ใหม่ๆ เติมสิ่งที่มันเกิดขึ้นในโลกปัจจุบันกับตัวเองไปเรื่อยๆ พอในวันที่เราจะเลือก คิด หรือ ตัดสินใจอะไร มันจะเป็นการตัดสินใจจากสัญชาตญาณเราอยู่ดีนะฮะ แต่มันไม่ใช่จากความชอบ หรือ รสนิยมเราอย่างเดียวแล้ว แต่เราจะรู้แล้วว่าเราจะทำงานที่เป็นตัวเรา ในช่องทางเหล่านั้นได้ยังไง”

🎬 “ดีแค่ไหนที่ได้กำกับชีวิตตัวเอง” ได้ยินประโยคนี้ในเพลง รู้สึกยังไงบ้าง?

“รู้สึกอิน แล้วก็ดีมาก มันจริงตามนั้นจริงๆ พี่เป็นคนโชคดี ที่ตั้งแต่สมัยเด็กๆ พ่อแม่ก็เข้มงวดเรื่องการเรียนนะ แต่เค้าไม่เคยมาบอกเราเลยว่าเราต้องเรียนสาขาวิชาอะไร หรือ ต้องเข้ามหาลัยอะไร เค้าให้เราเลือกเองตลอด แล้วพอมาทำงานเราก็ดันเจอพี่ๆ อย่างเช่นพี่จินา ผู้บริหารจีดีเอช ที่ชวนมาทำผู้บริหาร บริษัทนาดาว จริงๆ เค้าชวนพี่อยู่เกือบปี แต่พี่คิดว่าพี่ทำไม่ได้อ่ะ แล้วก็คิดว่าไม่ได้อยากทำมันตอนนั้น จนสถานการณ์มันเริ่มเปลี่ยนไป พี่จินาก็ยังกลับมาชวนเราอยู่ มันก็เลยเป็นจังหวะที่เราตัดสินใจลองทำมันหน่อย อยากรู้เหมือนกันว่าอะไรที่พี่เค้ามั่นใจว่าเราจะทำสิ่งนี้ได้ ก็ลองทำไป จนมาวันนี้พี่ก็มีคำตอบให้กับตัวเองนะ จริงๆแล้ว ไม่ได้ชอบอาชีพผู้บริหาร ถ้ามีคนชวนเราไปทำงานบริหารที่มันใหญ่โตขึ้น เราก็ค้นพบว่า ถ้าไม่ได้ทำงานบริหารที่นาดาว บางกอก ก็คงไม่ได้ไปเป็นผู้บริหารที่ไหนแล้วครับ รู้ตัวเองว่าไม่ได้ชอบอาชีพนี้ แต่รู้ว่าจะทำอาชีพนี้ให้มีความสุขที่นาดาว บางกอกได้อย่างไร มันก็เลยมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ในทุกวันนี้”

🎬 “ไม่ดีก็เอาใหม่ เอาใหม่ให้มันดี ถ้ายังไม่ดีก็เอาใหม่” ได้ฟังเพลงคิดเอง ช้ำเองแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?

“จริงๆ พี่ฟังเพลงนี้แล้วพี่ชอบมาก แล้วก็รู้สึก เอ๊ะ หรือเพราะเราแก่แล้ว (หัวเราะ) มันเป็นเพลงที่คนที่โตแล้ว ผ่านประสบการณ์มาสักระยะหนึ่งแล้วก็จะเข้าใจ ตกตะกอนกับมัน พี่คิดว่าถ้าเพลงนี้ไปอยู่กับเด็กๆ เค้าอาจจะตั้งคำถามกับมันว่า ถ้าเราทำสิ่งนี้แล้วมันยังไม่ดี แล้วมันก็ยังไม่ดีต่อไปเรื่อยๆ มันจะดีขึ้นได้ยังไง บางทีคนอาจจะตั้งคำถาม...ซึ่งก็ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ ให้เค้าตั้งคำถามไป เราไม่รู้หรอกว่าเค้าพบเจอกับอะไรอยู่ แต่ว่าพอสักวันหนึ่งถ้าเค้าผ่านมันไปได้ เค้าจะเข้าใจว่า ไอ้การที่เราทำแล้วมันยังไม่ดี ก็เสียใจกับมันได้ ลงไปทำความเข้าใจกับมันหน่อย ที่มันไม่สำเร็จ มันไม่ดีเนี่ย มันเพราะอะไร แล้วครั้งหน้าก็แก้ตัวใหม่ แล้วถ้ามันยังไม่ดีอีก ก็เรียนรู้จากมันต่อไป แล้วครั้งต่อไปก็แก้ตัวใหม่ ซึ่งมันอาจจะแค่นี้แหละฮะ ชีวิตของเรา เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะพาเราไปถึงจุดที่มันดีจริงหรือเปล่า แต่จริงๆ ชีวิตเรามันก็จะแค่นี้แหละ”

- -

และนี่คือการพูดคุยสั้นๆ หลังจากทีมงานเพลงเพ่งชีวิต ได้ชวน พี่ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์ มาเพ่งชีวิตไปด้วยกัน กับเพลง "คิดเอง ช้ำเอง" ที่ทำให้ได้เห็นแง่มุมชีวิตที่แตกต่างออกไป สำหรับใครที่ได้ฟังเพลงนี้แล้ว ได้ย้อนกลับมาเพ่งชีวิตตัวเองแบบนี้ อย่าลืมแชร์เรื่องราวมาให้อ่านกันด้วยนะ

--
ตามไปฟังเพลง “คิดเอง ช้ำเอง” เพลงเพ่งชีวิตลำดับที่ 3 ตกผลึกชีวิตจาก พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล ได้ที่นี่เลย
https://fb.watch/31d44TSZNR/

#เพลงเพ่งชีวิต #วงนั่งเล่น #คิดเองช้ำเอง

เพลงเพ่งชีวิต ขอชวนผู้กำกับ 3 รุ่น มาเพ่งชีวิต กับเพลง “คิดเอง ช้ำเอง”

และวันนี้ก็ถึงคิวของ เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤธิ์ ผู้กำกับที่มีสไตล์ชัดเจน และมีผลงานอย่างต่อเนื่องทั้งงานกำกับโฆษณา ภาพยนตร์ทั้งนอกกระแสและในกระแส เขาทำงานในวงการภาพยนตร์มาแล้ว 10 ปี มีผลงานกำกับภาพยนตร์มาแล้วทั้งหมด 7 เรื่อง อย่าง Mary is happy, Mary is happy , ฟรีแลนซ์..ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอและผลงานเขียนบทและกำกับล่าสุดอย่าง ฮาวทูทิ้ง...ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ

แนวทางการทำงานและตัวตนของนวพล ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา แต่เกิดจากการเลือก ทำซ้ำและสั่งสมมาตลอด 10 ปี เพจเพ่งชีวิตขอชวนทุกคนมาเพ่งชีวิตของนวพลไปพร้อมๆ กันเลย
🎬 การทำงาน “กำกับ” ที่ต้องเลือก ต้องตัดสินใจอยู่ตลอด มีการตัดสินใจที่ยากๆ หรือ ลังเล บ้างไหม?

“ถอยไปสักห้าปีหรือสิบปีก่อน คือเลือกไม่ยาก แต่สิ่งที่ยากคือ ผลของการเลือกมากกว่า โดยธรรมชาติของผม พูดภาษาง่ายๆ คือมันไม่ได้แมส เพราะฉะนั้นงานหนังมันดันเป็นงานที่ทำงานกับคนเยอะ ต้องตัดสินใจร่วมกับคนอื่นเยอะอยู่เหมือนกัน ตอนเลือกมันก็ตามใจตัวเองอยู่แล้ว แต่ว่าแน่นอน สิ่งที่จะตามมาคือ รีแอคชันต่างๆ ความไม่เข้าใจ พวกนี้คือตอนสมัยเราเป็นเด็กก็ต้องทำความเข้าใจกับมันหน่อยว่าอะไรเราควรจะฟัง อะไรเราควรที่จะไม่ฟังถ้าเราตัดสินใจแบบนี้ อันนี้เป็นสิ่งที่ยากมากกว่าสำหรับเรา เลือกไม่ค่อยยากหรอก เพราะว่าเราค่อนข้างชัดเจนในสิ่งที่อยากจะเป็น อยากจะทำ ก็ต้องยืนยันไปในหลายๆ อย่าง ซึ่งเราก็รู้สึกว่าการยืนยันมา 10 ปี ตลอดการทำงาน สุดท้ายมันก็ออกดอกออกผลนะ สุดท้ายมันก็เจอคนที่รับมันได้ คือแต่ก่อนเราจะรู้สึกว่า เราต้องไปเปลี่ยนใจทุกคน หรือ พิชิตทุกคนให้ได้ในความเฉพาะทางของเรา แต่มันเริ่มพบว่า อ๋อ ไม่ต้องก็ได้ เดี๋ยวคนที่ถูกต้องจะเดินมาหาเอง”

🎬 ที่ผ่านมาเคยมีฟีดแบ็คจากคนรอบข้าง ที่ทำให้เราลังเลกับทางที่เราเลือกบ้างไหม?

“จริงๆ มันทุกงานเลยครับ จนผมรู้สึกว่าโชคดีที่มันเป็นทุกงาน เพราะว่ามันทำให้เราเข้าใจเร็วขึ้น มากขึ้น แล้วก็เอาจริงๆ คือยิ่งชัดเจนขึ้น เวลาเราทำงานทุกงาน เราเหมือนเดิมทุกงาน ทำในสิ่งที่เราอยากจะทำ เชื่อจริงๆ อยากจะเล่า ถ้าเป็นหนังคืออยากทำจริงๆ ต่อให้มันจะไม่เข้าไปได้กับทุกคนเราก็ทำอยู่ดี และพอมันเจอแบบนี้ตั้งแต่เรื่องที่หนึ่ง สำหรับเรามันก็เลยเป็นแบบฝึกหัดที่ดีในความชัดเจนในการทำงาน แล้วก็จริงๆ มันช่วยเสริมความเข้าใจชีวิตมากๆ ว่าข้างนอกหรือรอบๆ มันก็จะมีคนที่คิดไม่เหมือนเราแหละ แต่ว่าก็ไม่เป็นไรเปล่าวะ(หัวเราะ) กับสอง คือบางอย่างก็ต้องยอมรับไปว่ามันก็จะเข้ากันไม่ได้แต่ก็ไม่เป็นไรนี่นา”

“สมัยก่อนจะคิดว่าเราทำผิด หรือ ทำถูก แต่หลังๆ ก็คิดว่ามันไม่ได้มีผิดถูกหรอก แค่ว่าเค้าชอบหรือเค้าไม่ชอบอะไรอย่างนี้มากกว่า รวมถึงการใช้ชีวิตตามปกติเราก็ต้องเจอคนมากมายที่เข้ากับเราได้บ้างไม่ได้บ้าง สมัยก่อนก็อาจจะพยายามอยากจะเข้ากันได้กับทุกคน แต่หลังๆก็ช่างมันเถอะ เวลาไม่ค่อยมีแล้วล่ะ(หัวเราะ) ยิ่งโตยิ่งจะยิ่งคิดว่า ตอนนี้ 35 แล้วเนอะ บางคนมันคงไม่ได้เกิดมาเพื่อกันและกันจริงๆ หาที่ที่มันถูกต้อง กับคนที่ถูกต้อง แล้วเราก็จะอยู่ได้ด้วยสันติสุข”

🎬 มองชีวิตตัวเองที่ผ่านมา คิดว่าผลงานการ “กำกับชีวิต” ของตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง?

"จริงๆ วันก่อนผมยังคิดอยู่เลยฮะว่า พอใจมาก โชคดีแล้วล่ะ คำว่าพอใจของแต่ละคนมันก็ไม่เท่ากัน ถ้าเอาสิ่งที่เราพอใจ ไปเทียบกับคนอื่น มันอาจจะ...คิดได้แค่นี้เองหรอวะ หลังๆ ก็จะรู้สึกว่า เอาที่เหมาะกับตัวเองดีกว่า ซึ่งเราก็ได้สิ่งนั้นแล้วนะ ถ้าเกิดจะเทียบว่าหนังเรามันร้อยล้านไหม มันไม่ได้ร้อยสักเรื่อง แต่ว่าสิ่งที่เราพอใจคือหนังที่เราทำทุกเรื่องมันเป็นเรื่องที่เราอยากทำจริงๆ แล้วเราก็ไม่เคยรู้สึกว่าเราเสียเวลาเลย รู้สึกว่าถ้าตายก็คือตายได้เลย แล้วก็ในเชิงชีวิต ผมก็ไม่ได้ถึงขึ้นแบบ รวยมาก แต่เหนืออื่นใดคือ เราสามารถควบคุมชีวิตเราได้จริงๆ มากกว่า เราสามารถตัดสินใจได้ว่าเราจะทำอะไร เราจะไม่ทำอะไร สามารถควบคุม หรือ เลือกงานที่อยากทำได้”

“มันไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถตัดสินใจอย่างนี้ได้เราเข้าใจ บางทีเราเจอน้องๆ เราอาจจะไม่สามารถไปบอกให้น้องเขาทำไปเลยแบบเรา เพราะน้องเค้าอาจจะมีเงื่อนไขอื่นๆทางชีวิต สังคม เศรษฐกิจที่มันไม่เหมือนเรา แต่เราแค่จะบอกว่า ตอนนี้ทำอะไรได้ก็ทำไปก่อน แล้วก็อย่าเพิ่งลืมในสิ่งที่อยากทำมากๆ วันนี้มันอาจจะยังทำไม่ได้ แต่ว่าวันนึงอาจจะทำได้ก็ได้ เพราะว่าจริงๆ ชีวิตของเราเองมันก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน มันไม่ใช่ว่าเราอยากทำหนังตอน ม.ปลาย หรือ มหาลัยเราจะทำได้เลย เราต้องรออีกตั้ง 7-8 ปี กว่าเราจะมีโอกาสนั้น แต่เราก็รอ..."

และนี่คือเรื่องราวสั้นๆ หลังจากทีมงานเพลงเพ่งชีวิต ได้ชวน Nawapol Thamrongrattanarit มาเพ่งชีวิตที่ได้กำกับเองไปด้วยกัน สำหรับใครที่ได้ฟังเพลง "คิดเอง ช้ำเอง" แล้ว ได้ย้อนกลับมาเพ่งชีวิตตัวเองแบบนี้ อย่าลืมแชร์เรื่องราวมาให้อ่านกันด้วยนะ

--
ตามไปฟังเพลง “คิดเอง ช้ำเอง” เพลงเพ่งชีวิตลำดับที่ 3 ตกผลึกชีวิตจาก พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล ได้ที่นี่เลย
https://fb.watch/31d44TSZNR/

#เพลงเพ่งชีวิต #วงนั่งเล่น #คิดเองช้ำเอง

เพลงเพ่งชีวิต ขอชวนผู้กำกับ 3 รุ่น มาเพ่งชีวิต กับเพลง “คิดเอง ช้ำเอง” กันบ้าง นอกจากบทบาทผู้กำกับแล้ว พวกเขา "กำกับชีวิต" ตัวเองกันอย่างไร?

เริ่มที่คนแรก บอส นฤเบศ กูโน ผู้กำกับซีรีส์รุ่นใหม่ ไฟแรง ที่สร้างผลงงานคุณภาพมาให้เราได้รับชมกันอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่ Side by Side พี่น้องลูกขนไก่, รักฉุดใจนายฉุกเฉิน (My Ambulance) และผลงานล่าสุด แปลรักฉันด้วยใจเธอ ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ของเด็กชายออกมาอย่างงดงาม

วันนี้เราชวนบอสมาคุยเรื่องการทำงานและชีวิตกันบ้าง ไปเพ่งชีวิตของบอสไปพร้อมๆ กันเลย

🎬 นอกจากบทบาทผู้กำกับซีรีส์ บอส “กำกับชีวิต” ตัวเองอย่างไรบ้าง?

“บอสเป็นคนที่จริงจังมาก ชอบวางแผน แต่ว่าพอโตขึ้นเราก็พลิกแพลงได้มากขึ้น เราจะมองว่า เราจะเอาอะไร แล้วถ้าตอบได้ เราจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จให้ได้ จะมีความรู้สึกพุ่งๆ นิดนึง เราจะตั้งเป้าหมายก่อนเลยว่าอยากอยู่จุดไหน ตรงไหนที่เรียกว่าพอดีสำหรับเรา ถ้าเราตั้งเป้าหมายชัด ในระหว่างทางนั้นเราจะเต็มที่มาก แต่มันก็จะเต็มไปด้วยความกดดัน เป็นสิ่งที่แก้ไม่หาย เป็นคนที่ชอบกดดันตัวเอง ยิ่งกดดันยิ่งสนุก แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกเป้าหมายจะตั้งไว้ยิ่งใหญ่เสมอไป บางทีเป้าหมายก็คือทำให้ครอบครัวดูแล้วมีความสุข แค่นี้แฮปปี้แล้ว ต่อให้เรื่องนั้นจะไม่สำเร็จ คนจะไม่ได้ดูเยอะก็ตาม”

“บอสรู้สึกว่าชอบคุยกับตัวเองเยอะ ตัวเองอยากทำอะไร ตัวเองตั้งเป้าหมายไว้ที่ตรงไหน สมมติเรารู้แล้วชัดๆ แต่พอมันไม่มีโอกาสมาถึงเรา ส่วนใหญ่จะเป็นคนพยายามหาโอกาสให้ตัวเอง เช่นอยากลองทำอะไรแต่เราไม่เคยอยู่ตรงนั้น ก็จะพยายามไปศึกษา ไปคลุกคลีกับคนประเภทนั้น แต่ก็ใช่ว่าเราจะได้โอกาสนั้นเสมอไป แล้วพอเราไม่ได้โอกาสมา หรือบางทีทำงานแล้วเฟล ก็โอ้โห เสียใจมาก รู้สึกว่าทำไมเราทำพลาด ทำไมเราถึงไม่ได้โอกาสนั้น แต่พอมาถึงจุดนึง เราดันรู้สึกว่าโอกาสมันไม่ได้มีโอกาสเดียว ก็เลยถ้าครั้งนี้ไม่ได้ไม่เป็นไร ครั้งหน้ามันต้องมีโอกาสของเรา แต่เราต้องไม่หยุดที่จะไปอยู่ตรงนั้น เราหาโอกาสให้ตัวเองได้ ไม่ใช่ครั้งแรก ก็เป็นครั้งที่ 2 ไม่ใช่ครั้งที่ 2 ก็เป็นครั้งที่ 3”

🎬 ความรู้สึก “รู้งี้” อยากกลับไปแก้ไขสิ่งที่เคยเลือกเกิดขึ้นบ่อยไหม?

“ถ้าเป็นเรื่องงาน อย่างตอนทำ “รักฉุดใจ นายฉุกเฉิน” มันจะเป็นเรื่องที่ 2 ที่ได้ทำแบบใหญ่ๆ เราผ่าน Side by Side พี่น้องลูกขนไก่ ที่เราทุ่มเท เราหนักมาก พอมาถึงช่วงการเรียนรู้ต่อไป จะได้ลองทำแนวอื่น ลองค้นหาตัวเองดู ในระหว่างทำมันจะมีหลายช่วงมากที่เราเชื่อมั่นว่าเราคิดถูก แต่จริงๆ แล้วเราคิดผิด ซึ่งมันช่วยให้เราเติบโตขึ้นเยอะมาก มันช่วยให้เรามองเห็นอีกมุมนึงชัดขึ้น คนดูเป็นคนบอกเราด้วย พี่ๆ ทีมงานเป็นคนบอกเราทำให้เราเปิดรับฟังความคิดเห็นคนอื่นมากขึ้น แล้วก็รู้สึกว่าเราต้องรอบคอบมากขึ้น"

"แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน เป็นเรื่องความรัก ที่ผ่านมามันก็จะมีความรู้สึกเสียดายบ้าง ที่เราไม่ได้กระโจนลงไป มันมีคนที่เรารู้สึกดี แต่เราเลือกที่จะไม่กระโจนลงไป เพราะกลัวเจ็บ เราไม่อยากจะเสียเวลา พอมองย้อนกลับมาก็รู้สึกว่า โมเมนท์นั้นเราไม่น่ากลัวเลย น่าจะลอง เจ็บก็ให้มันรู้กันไป เฟลก็แบบให้มันเมาเหล้ากันไปเลย มันจะมีบางโมนเมนท์ที่เรารู้สึกว่าทำไมไม่เชื่อเซนส์ตัวเองวะ ทั้งๆ ที่เรื่องงานเราเชื่อมั่นในตัวเองมาก แต่ว่าพอเป็นเรื่องความรักเราดันเชื่อตัวเองน้อย หลังๆ ก็คือถ้ามา เราจะกระโจนเลย ลองดูก่อน”

🎬 มองชีวิตตัวเองที่ผ่านมา คิดว่าผลงานการ “กำกับชีวิต” ของตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง?

“สำหรับบอสนะ บอสว่าบอสพอใจมาก เราพอใจมาสักพักแล้ว บอสฝันว่าอยากเป็นผู้กำกับ แต่ว่าบอสไม่ได้เก่ง ไม่ได้รู้ทุกอย่าง พอรู้ก็รู้แค่การแสดง วันนึงเราอยากเป็นผู้กำกับที่เราสามารถทำได้ แล้วพอวันนึงเราสามารถทำได้ในแง่ที่ว่า มีคนถามแล้วเราตอบได้ว่าเราอยากได้อะไรแบบไหน เราอยากทำอะไร เรารู้แล้วว่าเราอยากทำอะไรกับมัน บอสเป็นผู้กำกับอย่างที่ตัวเองอยากเป็นแล้วนะ จากเมื่อก่อนที่ไม่ค่อยรู้ ก็ค่อยๆ รู้ขึ้น พอวันที่เราได้เป็นผู้กำกับ เราก็เลยพอใจแล้ว เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ที่มันเกิดขึ้น เราจะทำมันให้ดีขึ้น แล้วมันก็ถือเป็นกำไรแล้ว”

และนี่คือเรื่องราวสั้นๆ หลังจากทีมงานเพลงเพ่งชีวิต ได้ชวน บอส-นฤเบศ กูโน มาเพ่งชีวิตที่ได้กำกับเองไปด้วยกัน สำหรับใครที่ได้ฟังเพลง "คิดเอง ช้ำเอง" แล้ว ได้ย้อนกลับมาเพ่งชีวิตตัวเองแบบนี้ อย่าลืมแชร์เรื่องราวมาให้อ่านกันด้วยนะ
--
ตามไปฟังเพลง “คิดเอง ช้ำเอง” เพลงเพ่งชีวิตลำดับที่ 3 ตกผลึกชีวิตจาก พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล ได้ที่นี่เลย
https://fb.watch/31d44TSZNR/

#เพลงเพ่งชีวิต #วงนั่งเล่น #คิดเองช้ำเอง

กว่าจะมาเป็นเพลง “คิดเอง ช้ำเอง”
เพลงเพ่งชีวิตลำดับที่ 3 โดย วงนั่งเล่น - Nanglen Band
ตกผลึกชีวิต โดย เก้ง-จิระ มะลิกุล แห่งค่ายหนัง GDH

กว่าจะเป็นเพลงเพลงนี้ วงนั่งเล่น ได้ยกขบวนไปพูดคุยกับพี่เก้ง-จิระ มะลิกุล หวังว่าจะได้ไอเดีย หรือ คอนเซปอะไรกลับมาทำเพลง แต่การพบปะครั้งนั้นกลายเป็นการพูดคุยที่สนุกสนาน ได้รื้อฟื้นความหลังและได้หนังสือชื่อ “คิดเอง ช้ำเอง” จากพี่เก้ง จิระกลับบ้านมาคนละเล่มแทน

หลังจากผ่านไปไม่นานเพลง “คิดเอง ช้ำเอง” ก็เสร็จเรียบร้อย เรียกได้ว่าเพลงนี้เกิดขึ้นได้จากความคุ้นเคย การสังเกตและการตกตะกอนร่วมกัน เป็นการทำเพลงที่ต่างเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กัน ติดตามอ่านเรื่องราวกว่าจะเป็นเพลง “คิดเอง ช้ำเอง” และความรู้สึกของพี่เก้ง ที่ได้งัดวิชาการเป่าทรอมโบนมาร่วมแจมกับวงนั่งเล่นเป็นครั้งแรก ได้ที่นี่เลย

--
ตามไปฟังเพลง “คิดเอง ช้ำเอง” เพลงเพ่งชีวิตลำดับที่ 3 ตกผลึกชีวิตจาก พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล ได้ที่นี่เลย
https://fb.watch/31d44TSZNR/

#เพลงเพ่งชีวิต #วงนั่งเล่น #คิดเองช้ำเอง

“คิดเอง ช้ำเอง” ชีวิตที่กำกับเองของ จิระ มะลิกุล

“เก้ง-จิระ มะลิกุล” ผู้กำกับ นักเขียนบท และโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ ผู้ร่วมก่อตั้งค่ายหนัง GDH ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเพลงเพ่งชีวิตลำดับที่ 3 : คิดเอง ช้ำเอง โดย วงนั่งเล่น - Nanglen Band

เราชวนพี่เก้ง ย้อนเวลาไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ตัดสินใจเลือก เข้าเรียนที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ เมื่อปี 2522 ในยุคที่อาชีพการทำภาพยนตร์ยังไม่ได้เป็นที่รู้จัก จนกระทั่งได้กำกับภาพยนตร์ของตัวเอง และในวันนี้ที่ “คนทำหนัง” สามารถเป็นอาชีพขึ้นมาได้จริงๆ

มีภาพยนตร์มากมายที่ผ่านสายตาและสองมือของผู้ชายคนนี้ ผู้เป็นทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่เกิดจากการเลือก การตัดสินใจที่จะกำกับชีวิตตัวเองของเก้ง-จิระ มะลิกุล

เพลงเพ่งชีวิต ขอชวนทุกคนมาเพ่งชีวิตของชายคนนี้ไปพร้อมๆ กันในโพสต์นี้เลย
--
ตามไปฟังเพลง “คิดเอง ช้ำเอง” เพลงเพ่งชีวิตลำดับที่ 3 ตกผลึกชีวิตจาก พี่เก้ง-จิระ มะลิกุล ได้ที่นี่เลย
https://fb.watch/31d44TSZNR/

#เพลงเพ่งชีวิต #วงนั่งเล่น #คิดเองช้ำเอง

“ชีวิตมันช่างแสนสั้น โอกาสมันยิ่งสั้นกว่า เสียน้ำตา ก็ไม่เห็นจะเป็นไร”

เพลงเพ่งชีวิต ลำดับที่ 3 “คิดเอง ช้ำเอง”
ตกผลึกชีวิต โดย เก้ง-จิระ มะลิกุล
--

โอกาสที่ผ่านเข้ามาในชีวิตที่แสนสั้นนี้ ถ้าเรามัวลังเล ไม่ไขว่คว้าไว้เพราะกลัวเฟล กลัวผิดพลาด เราก็คงไม่มีทางรู้ว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน

หากสิ่งที่เลือก จะทำให้เราเสียน้ำตาไปบ้าง พลาดพลั้งไปบ้าง...ก็คงไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้ลองให้รู้ไป และเมื่อโอกาสครั้งใหม่ผ่านเข้ามา ก็จงเลือกมันด้วยหัวใจที่แน่วแน่ จะแพ้ชนะค่อยว่ากัน

อย่างน้อยชีวิตนี้...เราก็ได้กำกับเอง

ติดตามฟังเพลง “คิดเอง ช้ำเอง” เต็มๆ ได้วันศุกร์ที่ 15 มกราคมนี้ ที่เพจเพลงเพ่งชีวิต

#เพลงเพ่งชีวิต #วงนั่งเล่น #คิดเองช้ำเอง

“ดีแค่ไหนที่ได้กำกับชีวิตตัวเอง ไม่เห็นต้องเกร็ง ต้องเกรงใจใคร คิดเอง เขียนเอง เลือกเอง ก็รับไป จะเป็นพระเอกผู้ร้ายก็ตัวเรา ”

เพลงเพ่งชีวิต ลำดับที่ 3 “คิดเอง ช้ำเอง”
ตกผลึกชีวิต โดย เก้ง-จิระ มะลิกุล
--
เมื่อวานนี้ได้ชม วงนั่งเล่น “ลองเล่น” เพลงคิดเอง ช้ำเอง ครั้งแรกไปแล้ว วันนี้เลยขอชวนทุกคนมา “ลองร้อง” ท่อนที่เป็นหัวใจของเพลงนี้กันดูบ้าง

คนที่มีโอกาสได้กำกับชีวิตของตัวเอง มีโอกาสได้เลือกทำสิ่งที่ใจปรารถนา ถือว่าคุณ “โชคดี” ที่สุดแล้ว และในเมื่อเราเป็นคนเลือก เป็นคนคิด ตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ไม่ว่าจะร้ายหรือดี ก็จงยืดอกยอมรับมัน นี่แหละ...ชีวิตในแบบฉบับของ เก้ง-จิระ มะลิกุล

ติดตามฟังเพลง “คิดเอง ช้ำเอง” เต็มๆ ได้วันศุกร์ที่ 15 มกราคมนี้ ที่เพจเพลงเพ่งชีวิต

#เพลงเพ่งชีวิต #วงนั่งเล่น #คิดเองช้ำเอง