The target เดอะทาร์เก็ต ยิงแอดทะลวงกลุ่มเป้าหมาย

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเฟสบุ๊คอัพเดทเกี่ยวกับการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

การอัพเดตเกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายแบบละเอียด

นับตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2022 เป็นต้นไป Facebook จะลบตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายแบบละเอียดบางรายการ เนื่องจากตัวเลือกเหล่านี้ไม่เป็นที่นิยม ซ้ำซ้อนกับตัวเลือกอื่นๆ หรือมีความละเอียดมากเกินไป หรือเกี่ยวข้องกับหัวข้อที่ผู้คนอาจมองว่าละเอียดอ่อน เช่น ตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่อ้างอิงถึงโครงการ องค์กร หรือบุคคลสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เชื้อชาติหรือชาติพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ศาสนา หรือรสนิยมทางเพศ

ชุดโฆษณาที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันที่มีตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจะยังคงแสดงต่อไปจนถึงวันที่ 17 มีนาคม 2022 แต่เราอาจต้องอัพเดตตัวเลือกการกำหนดเป้าหมาย เมื่อผ่านพ้นวันดังกล่าวไป ชุดโฆษณาที่ได้รับผลกระทบอาจหยุดชั่วคราวเพื่อป้องกันการแสดงโฆษณาผิดพลาด หากมีการใช้ตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบเพื่อการยกเว้นกลุ่มเป้าหมาย ตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจะถูกลบออกโดยอัตโนมัติ หากถูกนำมาใช้เพื่อการรวมไว้ในกลุ่มเป้าหมาย Facebook จะให้คำแนะนำการกำหนดเป้าหมายอื่นๆ ในตัวจัดการโฆษณา เมื่อเป็นไปได้

ผลิตภัณฑ์การกำหนดเป้าหมายอื่นๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของเรา นอกเหนือจากตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายแบบละเอียดที่เหลือแล้ว เรายังสามารถใช้ผลิตภัณฑ์การกำหนดเป้าหมายอื่นๆ ที่มีอยู่ได้ เช่น

1. การกำหนดเป้าหมายแบบกว้าง ซึ่งประกอบด้วยเพศ อายุ และตำแหน่ง โดยพื้นฐานแล้ว การกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบกว้างหมายความว่าเราจะพึ่งพาระบบการแสดงโฆษณาของ Facebook เป็นส่วนใหญ่เพื่อค้นหาผู้คนที่เหมาะสมที่สุดที่จะแสดงโฆษณาของเพจเรา วิธีการนี้ช่วยนำ Facebook ไปสู่การค้นหาลูกค้าเป้าหมายที่ตัวเราเองไม่เคยรู้ว่ามีมาก่อน

2. กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง ช่วยให้เราสามารถค้นหากลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่ในหมู่ผู้ใช้งาน Facebook คุณสามารถใช้แหล่งที่มาต่างๆ เช่น รายชื่อที่กำหนดเอง, จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอพ หรือการมีส่วนร่วมบน Facebook เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองซึ่งเป็นผู้ที่รู้จักธุรกิจของเราอยู่แล้วได้

3. กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน สร้างขึ้นจากกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่ และจะช่วยปรับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของเราให้เหมาะสม

การขยายกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน จะถูกนำไปใช้โดยอัตโนมัติหากเราใช้ประโยชน์จากกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันและปรับให้เหมาะสมกับคอนเวอร์ชั่น มูลค่า หรือเหตุการณ์ในแอพโดยใช้วัตถุประสงค์คอนเวอร์ชั่น โดยเราจะเป็นผู้ควบคุมกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน

อย่างไรก็ตาม Facebook อาจแสดงโฆษณานอกเหนือช่วงกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันที่เลือกไว้ 1-10% Facebook จะดำเนินการดังกล่าวหากระบบของ Facebook คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้

การขยายการกำหนดเป้าหมาย ใช้ข้อมูลการกำหนดเป้าหมายแบบละเอียดของผู้ลงโฆษณาเป็นแนวทางในการแสดงโฆษณา Facebook อาจแสดงโฆษณาให้กับผู้คนที่อยู่นอกเหนือจากผู้ที่ถูกเลือกในการกำหนดเป้าหมายแบบละเอียดของเรา หากระบบของเราคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มที่จะทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น เราเองสามารถเลือกใช้การขยายการกำหนดเป้าหมายได้กับทุกวัตถุประสงค์ ยกเว้นการรับรู้แบรนด์และการเข้าถึง

หมายเหตุ: ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2022 เป็นต้นไป เราจะสามารถดูบัญชีตัวจัดการโฆษณาเพื่อดูแคมเปญที่ได้รับผลกระทบได้ ชุดโฆษณาและตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบอาจไม่มีให้เลือกใช้สำหรับแคมเปญใหม่อีกต่อไป

สนใจเรียนยิงแอด ทักหา

มีหลายท่านอาจจะมีคำถามว่า ยิงแอดมาสักพักละ ทำยังไงให้แอดกินเงินน้อยและวิ่งนานไม่เกินงบ วันนี้แอดมินจะเอาเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ มาฝากค่ะ นั่นก็คือการตั้งแอดของเราให้วิ่งหลังเที่ยงคืน

❤️ตั้งเวลาให้แอดเริ่มวิ่งหลังเที่ยงคืนดียังไง

1.แอดของเพจเราได้มีเวลาเรียนรู้ 4-5 ชม กว่าจะถึงเช้าที่กลุ่มเป้าหมายของเราเริ่มเล่นมือถือ แอดเราเองก็จะมีเวลาวิ่งตามหากลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นและเร็วขึ้น

2.แอดไม่ต้องเร่งวิ่งแข่งขันหากลุ่มเป้าหมายกับเพจอื่น ซึ่งจุดนี้ อาจจะทำให้ค่าแอดเราถูกลง

3 แอดไม่ต้องเร่งหากลุ่มเป้าหมาย ขณะที่แอดกำลังเรียนรู้อยู่ เฟสบุ๊คเองก็จะกินเงินน้อยลง

4.ยิงเวลากลางวัน แอดจะโชว์ข้อมูลก่อน เรายิงตามหลังเพจอื่น โฆษณาเพจอื่น โชว์ก่อน นั่นหมายความว่า กลุ่มลูกค้าที่ยังไม่ตัดสินใจซื้อจากโฆษณาชุดแรก แต่โฆษณาผ่านตาไปแล้ว มีเปอร์เซ็นต์ที่จะตัดสินใจที่ซื้อ

5.แอดเราเป็นแอดใหม่ ความเบื่อหน่ายโฆษณาแทบจะไม่มีเลย และจะวิ่งได้ดี

อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญ คือ ในกรณีที่เราลงแอดเป็นจำนวนเงินต่อวัน เหตุที่ต้องยิงเที่ยงคืนเพราะแอดเริ่มต้น หรือ ตัดรอบวันใหม่ตอนเที่ยงคืน ถ้าเราทำแบบนี้เราได้เวลาเต็มๆ 1 วัน

ถ้าเรายิงตอนเที่ยงวัน หรือ ตอนเย็น มันก็ตัดเวลาตอนเที่ยงคืนค่ะ แอดจะวิ่งได้ไม่เต็มรอบ

แต่โดยรวมแล้วการตัดรอบเก็บค่ายิงแอดประมาณ 5-7-10 วันระบบตัดเงินทีคนส่วนใหญ่ที่เริ่มยิงแอดจะไม่รู้ เพราะไปสนใจกับจำนวนเงินที่แอดหักไป เพื่อดูค่าแอดถูก หรือแพงค่ะ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคอนเทนท์ของเราด้วยค่ะ

เป็นยังไงกันบ้างคะ เทคนิคนี้ อย่าลืมเอาไปปรับใช้กันนะคะ ได้ผลยังไง มาแจ้งแอดมินบ้างนะคะ ❤️❤️

สนใจเรียนสร้างเพจ ยิงแอด ทัก:
m.me/thetarget888

新正如意 ซิง-เจีย-หยู่-อี่
新年发财 ซิง-นี้-ฮวก-ไช้

ขอให้ทุุกท่านสมหวังในวันปีใหม่
ขอให้ทุกท่านร่ำรวยในวันปีใหม่
คิดสิ่งใดให้สมความปรารถนานะคะ

ขอให้เจอแอดนางฟ้านางสวรรค์ แอดปังๆ ทะลุจักรวาลค่ะ ยอดขายทะลุร้อยล้าน พันล้านค่ะ


#สอนยิงแอด
#สอนขายออนไลน์

การโฆษณาบน Facebook มีค่าใช้จ่ายเท่าใด

เนื่องจากมีหลายท่านอินบ๊อกมาถามว่า ยิงแอดนั้นใช้งบประมาณวันละเท่าไหร่ดี วันนี้แอดมินจะมาเล่าถึงงบประมาณในการยิงแอดค่ะ ซึ่งการยิงแอดนั้น เราสามารถบอก Facebook ได้ว่าเราต้องการใช้จ่ายในการโฆษณาเท่าใด จากนั้น Facebook เองจะพยายามให้ผลลัพธ์แก่เรามากที่สุดเท่าที่ทำได้ เพื่อให้มีค่าใช้จ่ายโฆษณาเป็นไปตามนั้น หากเอาต้องการใช้จ่ายเริ่มต้น 35 บาทต่อสัปดาห์ เราก็สามารถทำได้ หากเราต้องการใช้จ่าย 50,000 บาทต่อสัปดาห์ เราก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งขั้นอยู่กับงบประมาณที่เรามี อีกทั้ง คอนเทนต์ที่เราต้องการให้เข้าถึงเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าของเรา

หมายเหตุ: โฆษณาขั้นสูงบางประเภทต้องใช้จำนวนเงินขั้นต่ำจึงจะทำงานได้ ซึ่งเราจะได้รับแจ้งในขณะสร้างโฆษณาเหล่านี้

ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับต้นทุน เราสามารถกำหนดต้นทุนได้สองวิธีดังนี้

📌ค่าใช้จ่ายโดยรวม
📌ต้นทุนของแต่ละผลลัพธ์ที่คุณได้รับ

เราเองสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมได้ผ่านทางงบประมาณ และควบคุมต้นทุนต่อผลลัพธ์ได้ผ่านกลยุทธ์การประมูล (หากเราเองไม่แน่ใจว่าจะใช้ราคาประมูลอย่างไร Facebook สามารถประมูลราคาโดยอัตโนมัติให้กับเราได้ด้วยวัตถุประสงค์ในการใช้จ่ายงบประมาณของเราให้เท่ากันทั่วถึงตลอดช่วงเวลาที่แสดงโฆษณา) นอกจากนี้ Facebook ยังเสนอวิธีอื่นๆ เพื่อให้เรามั่นใจว่าจะใช้จ่ายไม่มากเกินไปกว่าวงเงินที่เราต้องการ

📌วงเงินใช้จ่ายของแคมเปญ ตั้งค่าวงเงินสูงสุดที่เราต้องการใช้จ่ายในแคมเปญโฆษณาที่มี

📌วงเงินใช้จ่ายของบัญชี ตั้งค่าวงเงินสูงสุดที่เราต้องการใช้จ่ายสำหรับแคมเปญโฆษณาทั้งหมดที่กำลังใช้งาน

สิ่งที่เราจะได้รับจากโฆษณาบน Facebook มีอยู่ 2 สิ่งหลักๆ ได้แก่

👆🏻ความสามารถในการเข้าถึงผู้คนตามจำนวนและประเภท
👆🏻ผลลัพธ์มากเท่าที่เราต้องการ (ตามประเภทของการโปรโมท/โฆษณาที่เราเลือกในตัวเลือกเพจ หรือเหตุการณ์การปรับให้เหมาะสมที่เราเลือกในการสร้างชุดโฆษณา) เท่าที่เป็นไปได้จากผู้คนเหล่านั้น

เป็นยังไงบ้างค่ะ ตอนนี้เราได้ทราบงบประมาณขั้นต่ำในการยิงแอดแล้วค่ะ อย่าลืมไปปรับใช้กันนะคะ


สนใจเรียนยิงแอด สร้างเพจ ทัก m.me/thetarget888

Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “Meta” มุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์โลกเสมือนจริงของแบรนด์ที่เรียกว่า “Metaverse”

โดย Meta ชื่อใหม่นี้เป็นตัวแสดงถึงแอป Facebook ที่กำลังจะทำงานร่วมกับสินค้าความจริงเสมือน (AR/VR) และชื่อ Meta ยังสะท้อนถึงในสิ่งที่บริษัทเป็นอยู่และสิ่งที่บริษัทหวังที่จะทำ ซึ่ง Zuckerberg หวังว่า ผู้คนจะได้เห็นบริษัทนี้กลายเป็นบริษัท “Metaverse”

จากการเปลี่ยนแปลงตรงจุดนี้ ทำให้เฟสบุ๊คล่มในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา แล้วการอัพเกรดตัวเองของเฟสบุ๊คเป็น META นี้ กระทบการสายยิงแอดของเรายังไง ไปดูกันค่ะ

1.หน้าตา Inbox เพจเปลี่ยนไป บางคนก็สามารถกดคัดลอกข้อความได้ บางคนก็กดไม่ได้ ไม่ได้โชว์ส่วนของ แอดไอดี

2. แอพเปลี่ยนจาก Facebook Business Suite เป็น Meta For Business Suite

3. Facebook เองไล่ปิดบัญชีที่มีการสร้างขึ้นมาหลายๆ บัญชีเพื่อการยิงแอด

4.เพิ่มการยืนยันบัญชีด้วยการเซลฟี่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำเพียงส่งเอกสารยืนยันตัวตนแค่บัตรประชาชนหรือใบขับขี่เท่านั้น

5.อัพเดทหน้าตาการยิงแอดใหม่ใน Facebook Ads manager และลดวัตถุประสงค์ของการยิงแอดอีกด้วย

หลังจากนี้ เราคงต้องมาดูกันค่ะว่า จะมีการอัพเดทอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งการอัพเกรดในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านสร้างการเปลี่ยนแปลงของหน้าจอไปไม่น้อย อีกทั้งการเปลี่ยนไปสู่โลกเสมือนจริงนี้ จะมีผลต่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากน้อยแค่ไหน เราก็คงต้องปรับตัวและปรับแอดกันต่อไปค่ะ สู้ๆ ค่ะทุกคน

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักและเทคนิคการหากลุ่มเป้าหมายในการยิงแอดเฟสบุ๊คกันค่ะ

หากพูดถึงการขายของออนไลน์แล้ว เราคงหนีไม่พ้นการยิงแอดกันใช่มั้ยคะ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลาย ๆ ท่าน อาจจะเคยลองยิงแอดลงโฆษณากับทาง FB ไปบ้างแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่เป็นไปตามที่หลายคนคาดคิดไว้ บางคนใช้เงินยิงแอดไปจำนวนมากแต่ยอดขายที่ได้กลับมาน้อยนิดไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเงินโฆษณาที่ลงไปทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ สาเหตุหลัก ๆ อาจเป็นเพราะว่าเราเลือกกลุ่มเป้าหมายไม่ถูกต้อง ไม่มีการใช้ เทคนิคกลุ่มเป้าหมาย FB เพราะการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่ตรงตามสินค้า ต่อให้ใช้เม็ดเงินโฆษณาจำนวนมากเท่าไหร่ ก็เหมือนกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะคนกลุ่มนี้แทบจะไม่มีโอกาสควักกระเป๋าเสียเงินซื้อสินค้าของเราเลย แล้วจะเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ถูกต้องได้อย่างไร ในวันนี้เรามีเทคนิคการเลือกกลุ่มเป้าหมายบน Facebook มาให้ทุกคนได้ศึกษาไปพร้อม ๆ กัน

------ เทคนิคกลุ่มเป้าหมาย FB แบบกว้าง ------

การเลือกกลุ่มเป้าหมายแบบกว้างนี้ไม่ใช่การหว่านแบบมั่ว ๆ ไม่ใช่การเลือกทุกกลุ่มที่มี หรือทุกกลุ่มเป้าหมายที่เฟซบุ๊กแนะนำ ซึ่งในการยิงแอดเฟซบุ๊ก มี เทคนิคกลุ่มเป้าหมาย FB ให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย แต่ก่อนอื่นเลยพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะต้องทำความเข้าใจและระบุออกมาให้ชัดเจนก่อนว่า สินค้าของเรามีกลุ่มเป้าหมายคือใคร ยกตัวอย่างเช่น เราขายครีมบำรุงผิวขาวใส ราคาย่อมเยาว์ แสดงว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นผู้หญิง และมีราคาที่นักเรียนนักศึกษาสามารถซื้อได้ อายุของกลุ่มเป้าหมายน่าจะราว ๆ 18 – 25 ปี แบบนี้เราก็จะเห็นภาพกลุ่มเป้าหมายบนเฟซบุ๊กของเราชัดขึ้นแล้วว่า คนที่มีแนวโน้มจะมาเป็นลูกค้าของเราคือใครเมื่อเราทราบแล้วว่ากลุ่มเป้าหมายของเราเป็นเพศไหน มีอายุเท่าไหร่ การศึกษาเป็นอย่างไร อาศัยอยู่ที่ไหน มีพฤติกรรมและความสนเป็นอย่างไร ทีนี้ก็มาเลือกใช้เครื่องมือการสร้างกลุ่มเป้าหมาย Facebook แบบกว้างให้เหมาะสม ดังนี้

1. เลือกกลุ่มเป้าหมายตามเพศ บางสินค้าขายเฉพาะเพศ เช่น รองเท้ากีฬาผู้ชาย หรือชุดชั้นในของผู้หญิง ก็ควรเลือกกลุ่มเป้าหมายตามเพศนั้น ๆ แต่สำหรับบางสินค้าที่เป็นแบบ Unisex หรือสามารถขายได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง สามารถเลือกทั้งสองเพศได้เช่นกัน

2. เลือกกลุ่มเป้าหมายตามอายุ เราสามารถระบุช่วงอายุที่ต้องการให้คนกลุ่มนั้น ๆ เห็นโฆษณาของเรา และซื้อสินค้าของเราได้เลย ตัวอย่างสินค้าที่เป็นครีมบำรุงผิวขาวใส มีกลุ่มเป้าหมายอายุ 18 – 25 ปี สามารถระบุช่วงอายุดังกล่าวนี้ได้อย่างเจาะจง นอกจากนี้เรายังสามารถทดลองยิงแอดโดยใช้ เทคนิคกลุ่มเป้าหมาย FB กำหนดช่วงอายุอื่น ๆ เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพได้อีกด้วย

3. เลือกกลุ่มเป้าหมายตามการศึกษา เราสามารถระบุไปได้อีกว่าการศึกษาของกลุ่มเป้าหมายอยู่ในระดับไหน อาทิ คนที่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา คนที่กำลังเรียนในระดับมหาวิทยาลัย คนที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษา เป็นต้น
4. เลือกกลุ่มเป้าหมายตามความสนใจ บน Facebook จะมีความสนใจของกลุ่มเป้าหมายมาให้เราเลือกอย่างหลากหลายและครอบคลุมแทบทุกธุรกิจ และจะต้องเลือกความสนใจให้เหมาะสมกับสินค้า เช่น สินค้ารองเท้ากีฬา ความสนใจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กีฬาและการออกกำลังกาย สินค้าเครื่องสำอาง ความสนใจที่เกี่ยวข้องอาจจะเป็น ความสวยความงาม เป็นต้น

5. เลือกกลุ่มเป้าหมายตามพฤติกรรม กลุ่มเป้าหมายของเรามีพฤติกรรมอย่างไร และเกี่ยวข้องกับธุรกิจ สินค้าหรือบริการของเราอย่างไร เช่น ชอบท่องเที่ยว ชอบซื้อของออนไลน์ ชอบออกกำลังกาย ชอบปั่นจักรยาน ไปจนถึงพฤติกรรมที่เคยเกิดขึ้นในอดีต อาทิ การใช้จ่ายซื้อของออนไลน์ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา การเดินทางไปท่องเที่ยวเช็คอินสถานที่ต่าง ๆ
เลือกกลุ่มเป้าหมายตามพื้นที่ เพื่อให้โฆษณาของเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่อาศัยในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างเฉพาะเจาะจง เหมาะสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีหน้าร้าน หรือเป็นตัวแทนขายในพื้นที่นั้น ๆ

เป็นยังไงกันบ้างค่ะ กลุ่มเป้าหมายแยกได้ตามความชอบ พฤติกรรม อายุได้ อย่าลืมเอาไปปรับใช้กันนะคะ

ติดตามเรื่องราวการตลาดออนไลน์กับเดอะทาร์เก็ตได้ที่
➡️Line OA:
➡️Facebook https://www.facebook.com/thetarget888

เดี๋ยวนะ ขออ่านซ้ำหลายๆ รอบก่อน

สาวถูกโรงแรมในเขาใหญ่ฟ้อง 3 ล้าน หลังรีวิวให้คะแนน 6/10
ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า หลังจากหยุดปีใหม่ไปนาน วันนี้ก็เลยให้คำปรึกษาเคสที่ได้นัดหมายไว้ทาง Inbox 10 กว่าเคส มาสะดุดเคสสุดท้าย คุณขิงได้เดินทางไปเที่ยวที่เขาใหญ่ แล้วไปรีวิวในแอปพลิเคชันหาที่พัก เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2564 ให้คะแนนโรงแรมต่ำไปหน่อย โดนโรงแรมโทรกลับมาขู่ แล้วให้ทนายเรียกค่าเสียหาย 3,000,000 บาท ภายใน 15 วัน พร้อมให้ขอโทษโรงแรมทางหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับเป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน
นอกจากนี้ยังระบุว่า ด้วยความสงสัยคุณขิงถึงกับเดินทางจากชัยนาทมาหาผมถามว่า หนูรีวิวไปตามความจริงแล้วผิดด้วยเหรอ แล้ว agoda ต้องตอบทำไมเจ้าของโรงแรมถึงรู้ว่าใครที่รีวิว เพราะชื่อที่ล็อกอินก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร แถมไปพักโรงแรมนี้สักพักแล้วด้วย
จากนั้น ทนายษิทรา ก็โพสต์เพิ่มเติมว่า โนติสแจ้งคุณขิงให้ลบรีวิวทันที หากไม่ทำโรงแรมคิดค่าเสียหายวันละ 50,000 บาท ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 3,000,000 บาท และให้ลงโฆษณาขอโทษในหนังสือพิมพ์ 7 วันติดต่อกัน นี่เป็นผลจากการที่ไปพักโรงแรมแห่งนึงในเขาใหญ่ แล้วรีวิวให้แค่ 6 คะแนน หลังจากนั้นก็ได้รับโนติสขู่ว่าจะฟ้องถ้าไม่ลบรีวิว และจ่ายค่าเสียหายจำนวนมากถึง 3,000,000 บาท
คงต้องรอดูกันว่าบนสรุปของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร
#ข่าวช่องวัน

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าบัญชีโฆษณาถูกปิด ยิง ADS ไม่ได้ เสียโอกาส เสียรายได้

เรามาดูกันว่าสาเหตุที่บัญชีโดนปิดเกิดจากอะไรกันบ้างค่ะ บางทีอาจจะเกิดจากสาเหตุง่ายๆ ที่หลายคนมองข้าม อย่าปล่อยให้บัญชีโดนปิด รีบเช็คกันก่อนจะสาย

คนที่ยิง Facebook ADS ต้องเคยเจอปัญหาในเรื่องของบัญชีโฆษณา Facebook โดนปิดอย่างแน่นอนค่ะ และปัจจุบันนี้ Facebook เริ่มเคลียร์บัญชีที่ทำผิดกฎหรือบัญชีที่ทำไม่ถูกต้องตามหลัก Facebook ดังนั้นแล้วเราควรเลี่ยงที่จะทำผิดกฎต่างๆ ของ Facebook เพื่อป้องกันไม่ให้บัญชีของเราถูกปิดค่ะ

แล้วสิ่งที่จะทำให้ Facebook ปิดบัญชีโฆษณาของเรานั้นมีอะไรบ้าง เรามาลองเช็คดูกันค่ะ

1. มีโฆษณาปฏิเสธหลายรายการเกินไป
เมื่อเราทำโฆษณา Facebook ไปแล้ว แต่มีโฆษณาไม่ผ่านการอนุมัติหลายครั้งมากเกินไป Facebook จะทำการแบนบัญชีของเราชั่วคราว จนกว่าเราจะไปยื่นข้อพิพาทไปทาง Facebook หรือยืนยันตัวตน โดยเบื้องต้น เราสามารถดูรายละเอียดโฆษณาที่ไม่อนุมัติได้ว่าเกิดจากสาเหตุใดในหน้า Facebook Ads Manager และแก้ไขให้ถูกต้อง
2. ไม่ยืนยันตัวตนบน Facebook
Facebook พยายามเคลียร์บัญชีโฆษณาที่ไม่ยืนยันตัวตนมากขึ้น เนื่องจากว่ามีบัญชีที่ไม่ได้ยืนยันตัวตนกระทำผิดค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการลงโฆษณาการพนัน ทำโฆษณาสายเทา หรือตัวโฆษณามีการละเมิดกฎของ Facebook ทำให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราควรที่จะยืนยันตัวตนสำหรับบัญชีโฆษณาหลักของเราก่อน

3. สมัครบัญชีใหม่แล้วทำโฆษณาเลย
นักยิงแอด Facebook หลายคนอาจจะพลาดตรงที่สร้างบัญชีมาใหม่แล้วสร้างเพจทันทีพร้อมกับเตรียมยิงแอด Facebook ช่วงหลังมาบอทของ Facebook ได้รับการพัฒนามากขึ้น การทำแบบนี้ Facebook จะมองว่าสร้างมาเพื่อปั้มทำโฆษณา และเป็นบัญชีที่ไม่มีคุณภาพทำให้ Facebook แบนเราทิ้งอย่างรวดเร็ว

และสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่าทำผิดกฎของ Facebook หากเรายิงแอดโฆษณาผิดกฎของ Facebook แน่นอนว่าบัญชีของเราจะถูกปิด พยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด โดยไปอ่านกฎการโฆษณาของ Facebook เพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ

-------------------------------------------------------------------
line me:
#สอนยิงแอด
#สอนคอร์สออนไลน์
#การตลาดออนไลน์
#อาจารย์สวยอายุน้อยร้อยล้าน
#อาจารย์วินอายุน้อยร้อยล้าน
#อาจารย์บ๊อบบี้อายุน้อยร้อยล้าน

สอนมาแล้ว ร้อยกว่ารุ่น รับประกันความคุ้มค่า เปลี่ยนชีวิตคนมาแล้วกว่า 7,000 คน จากการเรียนออนไลน์แล้วนำไปต่อยอด

คอร์สออนไลน์ 98.- บาท เปลี่ยนชีวิต ใครอยากปัง อยากมีตังค์ ทักแอดมินด่วนๆ เพื่อจองสิทธิ์ที่นั่ง จำนวนจำกัด เพียง 50 ที่เท่านั้น

m.me/thetarget888

#รีวิวคอร์สออนไลน์

Facebook เรียกเก็บ VAT 7% จะยิงแอดต้องทำอย่างไร ? วันนี้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการจ่ายภาษียิงแอดที่เฟสบุ๊คเรียกเก็บกันค่ะ

สรุปสิ่งที่ต้องจ่าย เมื่อ "Facebook" เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ "VAT 7%" จากการยิงแอด ทั้งสำหรับผู้ที่จด VAT และไม่จด VAT

“Facebook” โซเชียลมีเดียที่ใกล้ตัวหลายๆ คน โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าที่ “ขายของออนไลน์” ที่ต้องใช้เครื่องมือในการโฆษณาผ่านเฟซบุ๊คจะต้องได้รับผลกระทบด้วย คือจะต้องเสีย VAT 7% เมื่อมีการ “ยิงแอด” หรือ “ยิงโฆษณา”

ยิงแอดในเฟซบุ๊กหลัง 1 ก.ย. 64 จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

หลังจากที่ e-service เริ่มมีผลบังคับใช้ ทุกคนที่ยิงแอดในเฟซบุ๊คจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา ทั้งที่จด VAT และไม่จด VAT

📌ผู้ที่จด VAT

กลุ่มที่จด VAT หมายถึง บุคคลธรรมดา/นิติบุคคล ที่มีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการเกิน 1.8 ล้าน/ปี

กรณีที่มีการจด VAT จะไม่ถูกเรียกเก็บเพิ่ม 7% ณ เวลาที่ยิงแอด แต่ต้องยืน VAT เองในภายหลังโดยจะต้องแจ้ง Facebook ว่ามีการจด VAT เพื่อให้ระบบรับทราบด้วย ซึ่งสามารถทำตามขั้นตอน ดังนี้

1. เข้าไปที่ payment system

2. เลือก ข้อมูลบริษัท ข้อมูลธุรกิจ

3. ใส่เลขประจำตัวผู้เสียภาษี

4. คลิกบันทึกการเปลี่ยนแปลง

หลังจากที่มีการกรอกข้อมูลตามข้างต้นเรียบร้อย ทุกครั้งที่มีการยิงแอด ระบบจะไม่รวม VAT ตอนยิงโฆษณา แต่จะต้องยื่นภาษี ภ.พ.36 เองกับกรมสรรพากร (ยื่นไม่เกินวันที่ 7 ของเดือนถัดไปตามปกติ)

ยกตัวอย่างการยิงแอดของผู้จด VAT

สมมติยิงแอด 1,000 บาท ระบบเรียกเก็บ 1,000 บาท (โดยยังไม่รวม VAT) จะต้องยื่น VAT จำนวน 70 บาทด้วยตัวเอง ขอภาษีคืนได้

📌ผู้ที่ไม่ได้จด VAT

ผู้ที่ไม่ได้จด VAT คือบุคคลธรรมดา/นิติบุคคลทั่วไป ที่ไม่ได้จด VAT สำหรับกลุ่มนี้ระบบ Facebook จะตัดเงินแบบรวม VAT 7% อัตโนมัติ และขอคืนภาษีไม่ได้ ซึ่ง Facebook จะนำส่ง VAT ให้กับเราเอง

ยกตัวอย่างการยิงแอดของผู้ที่ไม่ได้จด VAT

ยิงแอด 1,000 บาท ระบบเรียกเก็บ 1,070 บาท และไม่ต้องทำอะไรต่อ

#ยิงแอดทะลวงกลุ่มเป้าหมาย

ถ้ามีเงิน เราควรเอามาลงทุนขายออนไลน์หรือฝากไว้กับธนาคารกันดี

สรุปที่นี่ "เกณฑ์คุ้มครองเงินฝากใหม่ไม่เกิน 1 ล้านบาท" ธปท.- คลัง แจง "เกณฑ์คุ้มครองเงินฝากใหม่ไม่เกิน 1 ล้านบาท" เริ่ม ตั้งแต่ 11 ส.ค.64 ยืนยันสถาบันการเงินยังแข็งแ.....

10 เรื่องต้องรู้ก่อน 'ฝากเงิน' เมื่อ 'สถาบันคุ้มครองเงินฝาก' ลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/954214

10 เรื่องต้องรู้ก่อน 'ฝากเงิน' เมื่อ 'สถาบันคุ้มครองเงินฝาก' ลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท สรุป 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการ "ฝากเงิน" ที่คนมี "บัญชีเงินฝาก" ต้องรู้ เมื่อ "สถาบันคุ้มครองเงินฝาก" ลดวงเงิ....

การสร้าง หรือการมี Community ของเราเอง สามารถช่วยให้สินค้าของเรา ได้รับความรู้จักเเละมีการพูดถึงมากขึ้น โดยตัวชี้วัดพื้นฐานนั่นก็คือยอด Engagement

โดยยอดการกดถูกใจ, คอมเมนต์หรือยอดแชร์เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะจริงๆ เเล้วยอด Engagement คือ การที่กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับงานของเรา ไม่ว่าจะการหยุดอ่านบทความ หรือหยุดอ่านคอนเทนต์ เป็นต้น วันนี้เราจะมาดูกันค่ะ ว่าการสร้างยอด Engagement ทำได้ยังไงกันบ้าง

1. สร้างคอนเทนต์คุณภาพ มีความรู้
การนำเสนอคอนเทนต์ที่มีความรู้มักได้ผลตอบรับเป็นไปในทิศทางที่ดีค่ะ ถึงเเม้เพจของเราจะยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากนัก หากใครที่กำลังเริ่มต้นใหม่ๆ อาจจะเริ่มจากการทำคอนเทนต์ที่สอดแทรกเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ไปด้วยก็จะดีมากเลยค่ะ เพราะจะทำให้คนอ่าน อ่านแล้วเกิดประโยชน์จึงมีความรู้สึกอยากแชร์และมีส่วนร่วมกับเรามากขึ้น ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเลยค่ะ

2. ทำคอนเทนต์ในลักษณะของ Photo Album
การนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบรูปภาพ มักจะได้รับความนิยมมากกว่า text ธรรมดา อาจด้วยเหตุผลเพราะ เข้าใจเเละสามารถย่อยได้ง่ายกว่า อ่านง่าย เข้าใจง่าย ไม่ต้องตีความเยอะ แต่การทำคอนเทนต์แบบนี้ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน เช่น ไม่เหมาะสำหรับคอนเทนต์ที่มีข้อมูลเยอะๆ เป็นต้น ทั้งนี้เราต้องดูด้วยว่า คอนเทนต์ที่เราจะทำเหมาะกับการนำเสนอในรูปแบบไหนมากกว่ากัน อย่าคิดเพียงแต่ว่าทำแบบนี้ต้องได้ยอดแชร์ดีแน่ๆ เลย ไม่เสมอไปค่ะ

3. Video Content ช่วยดึงยอดได้ดี
ต้องบอกว่ากระเเสวิดีโอปีนี้มาเเรงมาก โดยเฉพาะของเทรนด์วิดีโอสั้นไม่เกิน 10-15 นาที ข้อดีของการนำเสนอแบบนี้คือ เราสามารถเล่าเรื่องราวได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ภาพ เสียง อารมณ์ การเคลื่อนไหวต่างๆ ด้วยเหตุเหล่านี้ จึงสามารถเข้าไปถึงอารมณ์ของคนดูได้ง่ายกว่าแบบอื่นๆ แต่ความยากก็คือความคิดสร้างสรรค์ ทำยังไง ให้คนดูเเล้วดูไปจนจบ และอาจจะมีอีกหลายๆ ปัจจัยที่เราต้องวางแผนก่อนทำ

4. สร้างคอนเทนต์แบบทิ้งคำถามปลายเปิด
ในบางโพสต์เราสามารถเลือกใช้วิธีนี้ได้ เพื่อเปิดโอกาสให้กับลูกเพจของเรา สามารถเป็นส่วนหนึ่งของโพสต์เราได้ เพื่อสร้าง Community เข้าไว้เยอะๆ โดยเราอาจจะใช้คำถามหรือเปิดให้แสดงความคิดเห็นผ่านคอมเมนต์ก็ได้ หรือเราอาจทำเป็นกิจกรรมโหวตก็ได้เหมือนกันค่ะ เช่น แฟนเพจมีความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ยังไงดันบ้างคะ มาลองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันดูค่ะ

5. ติดตามเทรนด์แบบ Realtime
จะเรียกว่าเกาะกระเเสก็ไม่ผิด เพราะการทำ Realtime Content จะช่วยสร้าง Awareness & Engagement ได้เป็นอย่างดี โดยเราต้องพยายามเกาะติดทุกเทรนด์ Realtime และหาจุดเชื่อมโยงระหว่างกระเเสกับเพจเราให้ได้ แต่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ถ้าทำอะไรผิดไปสักนิดอาจจะโดนมองว่าโหนกระแส เเละจบด้วยโดยดราม่าตีกลับได้ เอาเป็นว่า ทำเเต่พอเหมาะค่ะ

ิงแอดทะลวงกลุ่มเป้าหมาย

facebook Lookalike คืออะไร

ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมลักษณะเฉพาะตัวใหม่ๆ ที่ทำให้การทำโฆษณาแตกต่างจากธุรกิจในอดีต กลยุทธ์ในการทำโฆษณาจึงมีการพัฒนาเพื่อให้เป็นการโฆษณาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ facebook Lookalike ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยให้การทำโฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นกว่าเดิม และเป็นกลุ่มที่มีคุณภาพด้วย มาทำความรู้จัก facebook Lookalike ดีกว่าค่ะ

Lookalike Audience คืออะไร

Lookalike Audience ใช้ในความหมายค่อนข้างชัดเจนว่า เป็นกลุ่มผู้ชมที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งในแง่ของการทำโฆษณา ก็คือกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มที่คล้ายๆ กันนั่นเอง

📌ฐานของกลุ่มเป้าหมาย ก่อนการใช้ Facebook Lookalike Audience📌

การทำ Lookalike Audience เป็นการต่อยอดจาก Custom Audience ซึ่งเป็นการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย โดยอาศัยการเพิ่มข้อมูลลูกค้าเดิมจาก email เบอร์โทรศัพท์ ในการทำโฆษณากับ facebook เพื่อให้ได้กลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับความเป็นไปได้มากที่สุด ส่วนการทำ Lookalike Audience เป็นการขยายจากฐานเดิม โดยกำหนดคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกันกับลูกค้าเดิม ดังนั้น ประโยชน์ของการใช้ Lookalike Audience จึงมีโอกาสที่จะขยายฐานเป้าหมายในการทำโฆษณาไปได้มากเป็น 5 เท่า -10 เท่าของ Custom Audience เลยทีเดียว

Lookalike Audiences มาจากไหนได้บ้าง

แม้ว่าจะมีฐานจาก Custom Audience ที่กำหนดขึ้นมาเองจากข้อมูลเดิมที่มีอยู่แล้ว lookalike ยังมีโอกาสขยายกลุ่มเป้าหมายไปสู่อีกหลายกลุ่มที่มีแนวโน้มจะเป็นกลุ่มเป้าหมาย คือใกล้เคียงที่สุดกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งได้แก่

🎯กลุ่มคนจากเฟซบุ๊ค ที่เคยแวะเยี่ยมชมเว็บไซต์ แน่นอนว่า คนกลุ่มนี้แม้จะยังไม่เคยเป็นลูกค้าเก่า ไม่เคยติดตามซื้อสินค้าและบริการ แต่อย่างน้อยเคยแวะชม แสดงว่ามีพื้นฐานที่ให้ความสนใจของคุณอยู่เดิม ดังนั้น หากได้เห็นโฆษณาใหม่ๆ อาจจะจุดประกายให้อยากเป็นลูกค้าได้ง่ายกว่าคนที่ไม่เคยสนใจเลย

🎯กลุ่มคนที่เคยสนใจเข้ามาอ่านบทความบนเฟซบุ๊ค เป็นอีกกลุ่มที่มีพื้นฐานว่าสนใจในสิ่งที่คุณมี ไม่เช่นนั้นคงไม่แวะเข้ามาชม มาอ่านเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่คุณนำเสนอ

เงื่อนไขที่ทำให้ Lookalike Audience เข้าถึงเป้าหมายที่ต้องการมากที่สุด

เพราะ Lookalike Audience เป็นการขยายฐานข้อมูลจาก Custom Audience ดังนั้น จะให้ได้กลุ่มเป้าหมายใกล้เคียงกับที่ต้องการมากที่สุด จะต้องมีข้อมูลจาก Custom Audience ที่ถูกต้องและมีคุณภาพจริงๆ เท่านั้น ถ้าข้อมูลที่เป็นฐานคลาดเคลื่อน เช่น ทั้ง email และเบอร์โทร.ที่มีอยู่ มี่ที่ไม่ตรงกับข้อมูลที่อยู่ใน facebook id จำนวนมาก ข้อมูลที่ใกล้เคียงเมื่อใช้เครื่องมือในการทำ Lookalike Audience ก็จะยิ่งคลาดเคลื่อนมากขึ้นไปอีก ทำให้ผลที่ได้ไม่ตรงกับเป้าหมายที่ต้องการ หรือตรงก็เป็นเปอร์เซ็นต์ต่ำ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ประสิทธิภาพของ Lookalike Audience นั้นสามารถขยายฐานสูงสุดได้ถึง 10 % ของจำนวนสมาชิกที่ใช้เฟซบุ๊คเฉพาะในประเทศไทยทีเดียวค่ะ

How to เพิ่ม Facebook Like ปูทางสู่การขายผ่านไลฟ์สดให้สุดปัง

สำหรับร้านค้าออนไลน์เปิดใหม่บน Facebook Fanpage แล้วยังมีคนเข้ามากดไลค์จำนวนน้อย ทำให้ไม่สามารถสร้างยอดขายได้ในทันทีและกำลังมองหาวิธีเพิ่ม Like Facebook และเพิ่มผู้ติดตาม ซึ่งแต่เป็นใบเบิกทางสำหรับใช้ส่งสินค้าของคุณออกไปสู่สายตาลูกค้าให้ได้จำนวนมากยิ่งขึ้น รวมถึงเพื่อปูทางไปสู่การขายผ่านไลฟ์สดในอนาคตยอดไลฟ์ Facebook สามารถปั้นได้แบบมีประสิทธิภาพและไม่ต้องใช้เงิน เป็นวิธีที่ดีสำหรับร้านค้ามือใหม่ที่ยังมีต้นทุนไม่มาพอสำหรับนำไปยิง Ads ได้ลูกเพจตรงกลุ่มเป้าหมาย หากทำอย่างตั้งใจจะสามารถเพิ่มลูกค้าเข้ามากดไลค์แฟนเพจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5 วิธีเพิ่ม Like Facebook แบบไม่ต้องเสียเงิน
1. เชิญเพื่อนมากดไลค์ หลังจากเริ่มเปิดเพจขายสินค้าแรก ๆ วิธีที่จะเรียกยอด Like ให้เพจแถมเพิ่มผู้ติดตามแรกเริ่มแบบง่าย ๆ ก็คือการกดเชิญบุคคลที่เป็นเพื่อนกับคุณใน Facebook ให้มากดไลค์แฟนเพจของคุณนั่นเอง ยิ่งเพื่อนเยอะยิ่งได้โอกาสสนับสนุนเยอะ แถมยังขอให้เพื่อนช่วยแชร์เพจร้านคุณไปให้เพื่อน ๆ ของเขาเข้ามากดไลค์เพิ่มได้อีกด้วย

2. สร้างสรรค์ Content ให้น่าสนใจ นอกจากลงโพสต์สินค้าแล้ว ร้านค้าควรสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณเพิ่งลงไปในแฟนเพจด้วย หากร้านคุณขายชุดเดรส ก็อาจจะทำคอนเทนต์รวมภาพ รวมไอเดียชุดใส่ไปทำงานสำหรับสาว ๆ เพื่อกระตุ้นลูกที่เข้ามาดูคอนเทนต์ของคุณได้รับแรงบันดาลใจ จนเข้ามากดซื้อสินค้าของร้านคุณ และถึงลูกค้าจะยังไม่ซื้อ ก็ยังมีโอกาสที่เขาจะกดไลค์ กดแชร์คอนเทนต์ของคุณออกไปยังหน้าเพจของเขา และทำลูกค้าหน้าใหม่มีโอกาสเห็นสินค้าของคุณมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ควรลงคอนเทนต์รูปภาพสลับกับ VDO เพราะในปัจจุบันผู้คนนิยมดูและเลือกซื้อสินค้าจาก VDO มากกว่า อีกทั้งยังทำให้ลูกค้าเห็นสภาพสินค้าจริงคราว ๆ ก่อนลงขายจริงอีกด้วย

3. เปลี่ยนคนกดไลค์ Content ให้มาเป็นแฟนเพจ เชื่อไหมว่าคนที่เข้ามากดไลค์ Contnent ในแฟนเพจคุณไม่ใช่ลูกเพจที่กดไลค์กดติดตามคุณเสมอไป บางครั้งอาจจะมีผู้ใช้งานคนอื่นที่ได้เห็น Content ที่ได้รับการแชร์ออกไปแล้วชื่นชอบ จึงได้เข้ามากดไลค์ เราขอแนะนำให้แอดมินส่งคำเชิญให้คนกดไลค์บทความ ให้เข้ามากดไลค์กดติดตามเพจของคุณ ด้วยการคลิกดูผู้คนที่เข้ามากดไลค์จากนั้นให้กดส่งคำเชิญได้เลย เพียงเท่านี้เขาก็จะเข้ามาเป็นลูกเพจที่น่ารักของคุณได้แล้ว

4.เข้ากลุ่มเฉพาะช่วยเพิ่มยอดไลค์ รู้ไหมว่า Facebook มีฟีเจอร์ตั้งกลุ่ม สำหรับรวมคนที่มีความสนใจเหมือนกันเข้ามาอยู่ด้วยกัน เพื่อพูดคุยและกระจายข่าวสารซึ่งกันและกัน ซึ่งคุณสามารถนำเพจของคุณเข้าไปสมัครเข้ากลุ่มเฉพาะมีความสนใจพื้นฐานเกี่ยวกับสินค้าของคุณ เช่น กลุ่มขายสินค้าออนไลน์ กลุ่มขายสินค้าแฟชั่น กลุ่มคนรักหนังสือ เท่านี้คุณก็สามารถลงสินค้าในเพจพร้อมกับแชร์โพสต์สินค้าไปในกลุ่มซึ่งจะทำให้คนเห็นสินค้าและรู้จักร้านค้าของเคุณเพิ่มมากขึ้น เมื่อเห็นบ่อย ๆ เขาก็จะตามมาที่แฟนเพจหลักของคุณ พร้อมกดไลค์กดติดตาม เพราะไม่อยากพลาดสินค้าดี ๆ ไปนั่นเอง

5. บิ้วให้ลูกค้ากดไลค์เสมอ
เป็นวิธีการทำให้ลูกค้าเชื่อว่าการกดไลค์ กดติดตามแฟนเพจเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาไม่พลาดสินค้าดี ๆ ไป ซึ่งแม่ค้าอาจจะเริ่มด้วยการจัดโปรโมชั่นมอบส่วนลดให้กับลูกค้าที่มากดไลค์แฟนเพจ พยายามบิ้วลงในทุก Content และหากร้านคุณเป็นแม่ค้าสายไลค์สด ก็ควรกล่าวเชิญชวนให้ลูกค้าเข้ามากดไลค์ กดติดตามเพจจะได้ไม่พลาดสินค้าดี ๆ ไลค์สินค้าใหม่ ๆ เป็นช่วง ๆ ตลอดการไลค์ เมื่อลูกค้าเห็นว่าการกดไลค์ภเพจคุณสำคัญ เขาก็จะเข้ามากดไลค์แฟนเพจของคุณนั่นเอง

การเพิ่ม Like Facebook นอกจากจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าเข้ามายังร้านของคุณแล้วยังสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือว่าเพจคุณเป็นร้านค้าที่มีคุณภาพและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในวงกว้างได้อีกด้วย เมื่อร้านของคุณมีกลุ่มลูกค้ากดไลค์มากพอ ก็จะทำให้ลูกค้าเข้ามาเห็นสินค้าของคุณได้มากยิ่งขึ้น และเมื่อคุณโพสต์ขายสินค้าหรือไลฟ์สดขายสินค้าเมื่อไหร่ ก็จะมีลูกค้าเข้ามาต่อคิวรอซื้อสินค้าจากร้านคุณอย่างแน่นอน

#กลยุทธ์เซ็ตกล่องข้อความอัตโนมัติ

กล่องข้อความบน Facebook คืออะไร กล่องข้อความ Inbox หรือ IB เป็นช่องทางสำหรับติดต่อสื่อสารกันระหว่างบุคคลกับบุคคล หรือระหว่างบุคคลกับแอดมินประจำแฟนเพจ เพื่อการติดต่อพูดคุยที่รวดเร็วและเป็นส่วนตัว ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์มักใช้ข้อทางนี้ในการติดต่อซื้อขายสินค้าหรือแม้กระทั่งต่อรองราคาสินค้ากันผ่านช่องทางนี้ และก็มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่เลือกจะสอบถามข้อมูลสินค้าผ่านทางกล่องข้อความเพราะเชื่อว่าการคุยกันแบบเป็นส่วนตัวจะสามารถได้รับข้อมูลอย่างรวดเร็วจะแม่นยำว่านั่นเองซึ่งระบบกล่องข้อความบน Fanpage Facebook นั้น สามารถเซ็ตการตอบกลับข้อความแบบอัตโนมัติให้ตอบกลับผู้ที่ทักเข้ามาได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยที่เจ้าของร้านสามารถกำหนดคำตอบของแต่ละข้อความได้อีกด้วย ตามมาดูวิธีตั้งค่ากันเลย

วิธีเซ็ตกล่องข้อความให้พร้อมตอบแบบอัตโนมัติ

1. ไปที่หน้า Fanpage ของคุณ จากนั้นคลิกที่เมนู กล่องข้อความ
2. คลิกที่เมนู "การตอบกลับอัตโนัมัติ"
3. คลิกเปิดปุ่ม "ตอบข้อความอัตโนัมติ"
4. คลิกปุ่ม แก้ไขข้อความ เพื่อกำหนดข้อความที่คุณต้องการให้ระบบตอบกลับอัตโนมัติ
5. ระบุข้อความที่คุณต้องการตอบกลับลูกค้าลงในช่อง "ข้อความ"

เพียงเท่านั้นคุณก็จะได้ข้อความตอบกลับอัตโนมัตแบบเบื้องต้นไว้ใช้ทักทายลูกค้าแล้วค่ะ

#เพจโดนปิด โฆษณาไม่อนุมัติ เกิดอะไรขึ้น เรามารู้จักกับข้อห้ามของเฟสในการยิงแอดกันค่ะ

สิ่งทึ่ต้องรู้สำหรับร้านค้า เมื่อยิง ads ไม่ผ่าน เปลี่ยนเป็นยิงปังอย่างตรงจุด

เช็คให้ดี ดูให้รู้ 7 สาเหตุที่ยิง Ads ไม่ผ่าน

1. Ads คุณใช้รูป Before และ After รึเปล่า เป็นที่รู้กันที่ว่า Facebook ค่อนข้างเข้มงวดกับการใช้ภาพโฆษณาเปลี่ยนเทียบระหว่างก่อนใช้หรือหลังใช้ ซึ่งส่วนมากจะใช้ในการลงโฆษณาขายสินค้าประเภทครีมหรืออากหารเสริมลดน้ำหนัก ซึ่งมักจะมีสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานหรือส่งผลกับสุขภาพของผู้ใช้แฝงเข้ามากับโฆษณาเหล่านี้ Facebook จึงมักจะแบนภาพประเภทนี้เพื่อปกป้องผู้ใช้งานนั่นเอง หากโฆษณาของคุณยังใช้ Ads ประเภทนี้อยู่ต้องเรียบเปลี่ยนด่วนเลยค่ะ

2. ภาพที่ใช้เน้นสัดส่วนร่างกายมาเกินไปจนส่อไปในทาง 18+ กรณีนี้เข้าใจว่าสินค้าของบางร้านไม่ได้ขายสินค้าเกี่ยวกับผู้ใหญ่ แต่ที่ออกแบบภาพโฆษณาออกมาจนเน้นไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่งมากไปก็เพราะคุณอยากให้ลูกค้าของคุณเห็นถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณนั่นเอง แต่พอทำแบบนั้นจำทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของ Facebook เข้าใจไปว่า คุณกำลังพยายามลงโฆษณาสินค้าที่เกี่ยวกับผู้ใหญ่และไม่ได้จำกัดช่วงอายุผู้ที่จะสามารถเห็น Ads ได้ ซึ่งนับว่าผิดนโยบายของ Facebook ไปเต็ม ลองกลับไปเช็คดูอีกรอบ ว่า Ads คุณเข้าข่ายนี้อยู่รึเปล่าค่ะ

3. ภาพที่ใช้ใส่ QR Code รึเปล่า บางร้านก็อยากจะให้ลูกค้าเข้ามาเจอสินค้าที่ร้านเร็ว ๆ บางร้านให้ Facebook เป็นช่องทางโฆษณาเท่านั้น แต่สินค้าที่ให้เลือกซื้อจริง ๆ อยู่บนเว็บไซต์ จึงใส่ QR Code ไปบน Ads เพื่อให้ลูกค้าไปที่หน้าสินค้าง่าย ๆ พอทำแบบนี้ก็กลายเป็นว่าผิดกฎของ Facebook ซะแล้ว เพราะ Facebook มองว่าโฆษณาของคุณอาจจะเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค ทางแก้คือให้ใช้ปุ่ม Call to Action ของ Facebook หรือลิงก์ในแคปชั่น เป็นตัวนำทางลูกค้าไปยังเว็บไซต์ของคุณแทน

4. Ads มี Logo Facebook อยู่บนรูปเนื่องจากร้านของคุณอยู่บน Facebook ก็เลยใส่ Logo Facebook เข้าไปให้ลูกค้าเห็นชัด ๆ จะได้ตามเข้าไปเลือกซื้อสินค้าได้ถูกร้านถูกแพลตฟอร์ม แต่พอยิงไปสักพักกลายเป็นว่า Facebook ดันแจ้งว่าผิดนโยบาย เอ๊า!!

นั้นเป็นเพราะ Facebook ห้ามให้ใช้ Ads โฆษณาหรือคำโฆษณาที่มีคำว่า Facebook ปรากกฎอยู่บนนั้น หรือสื่ออกมาในเชิงว่า Facebook เป็นผู้ร่วมหุ้นกับคุณ ไม่ว่าจะเป็น Logo Facebook ชื่อฟีเจอร์เฉพาะของ Facebook อย่าง Facebook Live เป็นต้น ทางที่ดีความเลี่ยงการใช้คำเหล่านี้ ถ้าคุณยังอย่างยิง Ads ได้อย่างปลอดภัย

5. วงเงินไม่พอหรือค้างค่าบริการการใช้ฟีเจอร์โฆษณาของทาง Facebook มักจะต้องผูกบัตรเครดิตไว้ซึ่งถ้าวงเงินในบัตรเต็มหรือค้างค้าบริการนาน ๆ ก็จะทำให้ Facebook ไม่สามารถอนุมัติโฆษณาของคุณได้ พยายามเช็ควงเงินและจ่ายค่าบริการเป็นประจำจะช่วยให้ Ads คุณยิงได้อย่างฉลุย

6. คุณยิง Ads ทันทีหลังสร้างเพจร้านบางร้านก็ใจร้อนอยากได้ลูกค้าเลยทันที เมื่อเปิดเพจเสร็จ สมัคร Facebook Business Manager ก็ทำการลงโฆษณาปั๊บ แต่ปรากฎ Facebook กลับแจ้งว่าคุณยิง Ads ไม่ผ่านซะอย่างนั้น เนื่องจากเพจของคุณยังใส่ข้อมูลที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือไม่ครบ ซึ่งจะทำให้ Facebook มองว่าคุณไม่ใช่คนขายของตัวจริง แต่เป็นเพียงมิจฉาชีพที่เปิดร้านปลอม ๆ มาหลอกเอาเงินลูกค้าเท่านั้น หากคุณกำลังประสบปัญหานี้ให้กลับไปใส่ข้อมูลที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น E-mail เบอร์โทร ที่อยู่ และแอดเคาท์ที่ใช้ดูแลเพจยังต้องใช้การยินยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอนอีกด้วย

7. เนื้อหาในเพจผิดข้อกำหนดและเงื่อนไขของ Facebook ภาพก็แก้แล้ว QR Code ก็เอาออกแล้ว Logo Facebook ก็ไม่ได้ใช้แล้วทำไม่ยังยิง Ads ไม่ผ่านอีก นั่นเป็นเพราะร้านของเพจหรือ Ads คุณทำผิดนโยบายและข้อจำกัดของ Facebook อยู่รึเปล่า

เช็คนโยบายและข้อจำกัดของ Facebook Ads ได้ที่นี่เลยเมื่อยิง Ads ไม่ผ่าน มีความเป็นไปได้หลายสาเหตุที่ Ads ของคุณจะผิดข้อจำกัดบางอย่างใน 7 ข้อด้านบน จากนี้ลองเช็คเนื้อหา Ads ดูให้ดีก่อนยิงเพื่อดึงยอดขายเข้าร้านได้อย่างเต็มที่ไม่มีสะดุดค่ะ