Kanja

🌵มารทั้ง 5 - (Māra 5)..
ผู้ภาวนา ย่อมต้องอาศัยกำลังตนเอง
ด้วยความเพียร ด้วยการสังเกต
เพ่งพิศดูสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น
ในระหว่างภาวนา ย่อมถึงซึ้งวิมุตติได้.
👁️‍🗨️ พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสถึงหนทาง
อันพญามาร และเสนามาร ไม่สามารถเข้าไปได้ว่า
"เธอทั้งหลายจงไปในหนทางนี้
เพราะมารทั้งหลายจะไม่สามารถเข้าไปได้"
"ปัญจะมาเร ชิโน นาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จะตุสัจจัง ปะกาเสติ ธัมมะจักกัง ปะวัตตะยิ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง".
▪️ พระโลกนาถเจ้า ทรงชนะมาร พร้อมด้วยเสนามาร บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ อันสูงสุด ทรงประกาศสัจจะธรรม 4 ประการ ข้าพระพุทธเจ้าขอนอบน้อมพระพุทธเจ้า พระองค์นั้น ผู้มีความแกล้วกล้ายิ่ง พวกมารทั้ง 5 จงหนีไป แล้วให้อธิษฐานว่า....

▪ มารทั้ง 5 และมานะทั้งปวง อย่าได้จำนองจองเวรแก่กันเลย จงรับเอาส่วนบุญนี้เถิดฯ (กรวดน้ำให้มารทั้ง 5 คือ)

1. กิเลสมาร
(มารคือกิเลส, กิเลสเป็นมารเพราะเป็นตัวกำจัดและขัดขวางความดี ทำให้สัตว์ประสบความพินาศทั้งในปัจจุบันและอนาคต
2. ขันธมาร
(มารคือเบญจขันธ์, ขันธ์ 5 เป็นมาร เพราะเป็นสภาพอันปัจจัยปรุงแต่ง มีความขัดแย้งกันเองอยู่ภายใน ไม่มั่นคงทนนาน เป็นภาระในการบริหาร ทั้งแปรปรวนเสื่อมโทรมไปเพราะชราพยาธิเป็นต้น ล้วนรอนโอกาสมิให้บุคคลทำกิจหน้าที่ หรือบำเพ็ญคุณความดีได้เต็มปรารถนา อย่างแรง อาจถึงกับพรากโอกาสนั้นโดยสิ้นเชิง
3. อภิสังขารมาร
(มารคืออภิสังขาร, อภิสังขารเป็นมาร เพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม นำให้เกิดชาติ ชรา เป็นต้น ขัดขวางมิให้หลุดพ้นไปจากสังขารทุกข์
4. เทวปุตตมาร
(มารคือเทพบุตร, เทพยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดแห่งชั้นกามาวจรตนหนึ่งชื่อว่ามาร เพราะเป็นนิมิตแห่งความขัดข้อง คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งบุคคลไว้ มิให้ล่วงพ้นจากแดนอำนาจครอบงำของตน โดยชักให้ห่วงพะวงในกามสุขไม่หาญ เสียสละออกไปบำเพ็ญคุณความดียิ่งใหญ่ได้
5. มัจจุมาร
(มารคือความตาย, ความตายเป็นมาร เพราะเป็นตัวการตัดโอกาส ที่จะก้าวหน้าต่อไปในคุณความดีทั้งหลาย

ที่มา :
พจนานุกรมพุทธศาสตร์
ฉบับประมวลธรรม
พิมพ์ครั้งที่ ๑๒ พ.ศ. ๒๕๔๖

รูปภาพ : Pinterest

#มารทั้ง5 #กิเลสมาร #ขันธมาร
#กานจาสถูปา

🌵สิ่งที่เห็น สิ่งที่สัมผัส
เป็นดั่งความฝัน
มีธรรมชาติเป็นมายา
เพราะอารมณ์ปรากฏขึ้นพร้อมจิต
แต่เราไม่รู้ธรรมชาติแท้ของอารมณ์นั้น

- ท่านชานติเดวา (ศานติเทวะ)
พระสงฆ์ ปราชญ์แห่งมหาวิทยาลัย
พุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่นาลันทา อินเดีย
1200 ปีก่อน

เพจมหายาน ทิเบต
รูปภาพ : AhChok Tulku

👁‍🗨การเข้าผลสมาบัติของพระพุทธเจ้า
ในระยะเวลา 49 วัน (7 สัปดาห์)
------------------------
▪ สัปดาห์ที่ 1
หลังจากที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระองค์ยังคงประทับทบทวนหลักธรรมต่าง ๆ ที่ตรัสรู้ตลอดทั้ง 7 วัน โดยมีหมู่เทพยดามาชื่นชมพระบารมี
------------------------
▪ สัปดาห์ที่ 2
พระพุทธองค์ทรงยืนทอดพระเนตรพิจารณาต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นเวลา 7 วันโดยไม่กะพริบพระเนตร ว่ากันว่า เป็นการแสดงความกตัญญูต่อต้นพระศรีมหาโพธิ์อันเป็นสถานที่บรรลุผลแห่งบารมีที่ทรงบำเพ็ญมาตลอด
------------------------
▪ สัปดาห์ที่ 3
พระพุทธองค์ทรงแสดงปาฏิหาริย์ระงับความสงสัยของเหล่าเทวดา ด้วยการนิรมิตพื้นที่สำหรับการเดินจงกรมขึ้น ระหว่างต้นพระศรีมหาโพธิ์กับโพธิบัลลังก์จากตะวันออกไปยังตะวันตก จากนั้นจึงทรงเดินจงกรมเป็นเวลา 7 วัน
------------------------
▪ สัปดาห์ที่ 4
พระพุทธองค์เสด็จไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ประทับขัดสมาธิในรัตนฆรเจดีย์หรือเรือนแก้ว (อาคารที่ประดับไปด้วยเพชรพลอย) ซึ่งเทวดาเนรมิตถวาย จากนั้นทรงพิจารณาพระอภิธรรมปิฎกและสมันตปัฏฐานอนันตนัยเป็นเวลา 7 วัน
------------------------
▪ สัปดาห์ที่ 5
พระพุทธองค์ประทับใต้ต้นไทร ณ บริเวณซึ่งเป็นที่อาศัยของคนเลี้ยงแพะ ทรงตอบปัญหาของพราหมณ์หุหุกชาติ พร้อมทั้งแสดงธรรมที่ทำให้เป็นสมณะและเป็นพราหมณ์ จากนั้นได้มีธิดาพญามารวสวัตดี คือ นางตัณหา นางอรดี และนางราคา มายั่วยวนด้วยวิธีต่าง ๆ แต่พระพุทธองค์ก็ทรงหนักแน่น ไม่หวั่นไหว และตรัสไล่นางทั้งสามหนีไป
------------------------
▪ สัปดาห์ที่ 6
พระพุทธองค์ประทับใต้ต้นมุจจลินท์หรือต้นจิก ครั้งนั้นได้เกิดพายุฝนตกลงมาตลอดทั้ง 7 วัน 7 คืน พญานาคนามว่า “มุจจลินท์” จึงขึ้นจากบาดาลมาขนดล้อมรอบพระวรกายพระพุทธเจ้าถึง 7 รอบ และแผ่พังพานใหญ่เพื่อปกป้องพระองค์จากพายุฝนและสัตว์ร้าย กระทั่งเมื่ออากาศปลอดโปร่งดีแล้ว พญานาคมุจจลินท์จึงคลายขนดนาคออก แล้วจำแลงตนเป็นชายหนุ่มเข้ามาถวายอัญชลีพระพุทธเจ้า
------------------------
▪ สัปดาห์ที่ 7
ตลอด 6 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น พระพุทธองค์ไม่ได้ชำระล้างพระพักตร์ ไม่ได้ปฏิบัติพระสรีระ และไม่มีกิจด้วยพระกระยาหาร ด้วยทรงยับยั้งกิจทั้งปวงนี้อยู่ด้วยฌานสุข มรรคสุข และผลสุข ในสัปดาห์สุดท้ายของการเสวยวิมุตติสุข พระพุทธองค์ประทับใต้ต้นราชายตนะ (ต้นเกด) พระอินทร์ลงมาถวายผลสมออันเป็นทิพยโอสถ ไม้สีทนต์ชื่อ “นาคลดา” และน้ำบ้วนพระโอษฐ์จากสระอโนดาต จากนั้นตปุสสะและภัลลิกะ สองพ่อค้าหนุ่มได้เข้าเฝ้าพร้อมกับถวายสัตตุผงและสัตตุก้อนเพื่อเป็นภัตตาหาร
------------------------
รูปภาพ :Pinterest
ข้อมูล ธัมมะวังโส

#การเข้าผลสมาบัติ
#การเข้าผลสมาบัติ49วัน

⚜️วันอัฏฐมีบูชา
วันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
(หลังเสด็จดับขันธปรินิพพานได้ 8 วัน)
ถือเป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง
ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือนวิสาขะ (เดือน 6 ของไทย)
ในปีนี้ ตรงกับวันที่ 30 พฤษภาคม 2567
----------------------

ซึ่งเป็นอีกวันหนึ่งที่มีความสำคัญในพระพุทธศานา คือ เป็นวันวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานค่ะ ตามเรามารู้จัก ประวัติวันอัฏฐมีบูชา การถวายพระเพลิงพระบรมศพในพุทธประวัติ และระลึกถึงพระพุทธคุณ ในวันนี้กันค่ะ

1. เมื่อเคลื่อนพระศพพระพุทธเจ้า ผ่านบ้าน.นางมัลลิกาภรรยา พันธุลมหาเสนาบดี ได้ขอประดับพระวรกาย พระพุทธเจ้า ด้วยชุดแต่งงานของนาง คือ มหาลดาปสาธน์ ( ชุดนี้ในสมัยนั้นมี สามชุด )
อ่านความพิศดารของชุดที่นี่
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1034.0
จากพระไตรปิฏก ที. อ. 2/1/4 46-7

2.การโปรยปราย ของ บุปผาสวรรค์ มีข้อความตอน พระมหากัสสปะ มาเพื่อเพื่อกราบพระพุทธเจ้า หลังดับขันธปรินิพพาน

3.พระสรีระของพระพุทธเจ้า แสดงปาฏิหาริย์ ( แม้ดับขันธ์แล้ว ) ฝ่าพระบาทได้ยื่นออกมาจากห่อผ้า เพื่อให้พระมหากัสสปะ ได้กราบฝ่าพระบาท

4.การริเริ่ม รวบรวมตำราคัมภีร์ การทรงจำเป็น สังคายนาครั้งที่ 1

5.การประชุมเพลิงพระศพ ที่เป็นปาฏิหาริย์ คือ ไฟลุกติดขึ้นเอง และ เผาพระศพของพระพุทธเจ้า จนเป็นเพียงอังคารธาตุ เป็นที่น่าอัศจรรย์ ผ้าที่ห่อพระศพ ไหม้ไฟเพียง 3 ผืนจาก สิบ ๆ ผืน

6.ศึกแย่ง พระบรมสารีริกธาตุ แม่เป็นชาวพุทธ นับถือพระพุทธเจ้าแต่เมื่อถวายพระเพลิงเรียบร้อยแล้ว บรรดากษัตริย์ ต่าง ๆ มุ่งครอบครอง พระบรมสารีริกธาตุ ทำให้เกิดการห้ามทัพ ด้วยปัญญา Hero ตอนนั้นไม่ใช่ พระภิกษุ แต่ เป็น พราหมณ์ ชื่อ โทณณะ หรือ โทณณะพราหม์ แสดงให้เห็น อิทธิพล ของพราหม์ นั้นเป็นที่เคารพยำเกรงแก่ เหล่ากษัตริย์ มากกว่า พระสงฆ์สาวก

7.การทำสังคายนา พระไตรปิฏก ครั้งที่ 1 โดยมีพระมหากัสสปะเป็น ประธาน ร่วม กับพระอรหันต์สาวก 499 รูป โดยมีพระเจ้า อาชาตศัตรู ( ผู้กลับใจเมื่อสาย หลังจากทำปิตุฆาต ) หลัง ถวายพระเพลิง อีก

ดังนั้น วัน อัฏฐมีบูชา ก็คือ วันที่ 7 นับจากวันดับขันธปรินิพพาน ซึ่งก็เป็นวันคล้ายวันนี้ ดังนั้นชาวพุทธควรน้อมระลึกถึง พระพุทธเจ้า ทั้งที่เป็น บุคคล พระธรรม และ ฉายานาม ควรแล้วแก่กล่าวคำว่า พุทโธ

◾️ เมื่อวันอัฏฐมีบูชานั้น เวียนมาในแต่ละปี พุทธศาสนิกชน ถ้าไม่ได้ไปทำบุญที่ไหน ก็ทำที่ใจของเรา ภาวนา พุทโธ พุทโธ พุทโธ สักร้อยครั้ง พันครั้ง เพื่อให้ใจของเราแช่มชื่น เบิกบาน และรู้ตื่นในความหมายของการมีชีวิต

- กานจา สถูปา-

#อัฏฐมีบูชา
#ถวายพระเพลิงพระศพพระพุทธเจ้า

👁‍🗨สัญลักษณ์ของพระสถูปเจดีย์
สัญลักษณ์แห่งพลังงานธาตุุทั้ง 5....
✍️องค์ประกอบทั้ง 5 ส่วนของพระสถูป
นั้นจัดวางซ้อนกันขึ้นไปตามลำดับเรียกว่า

“พระสถูปแห่งจักรทั้ง 5 “

🔸สำหรับธาตุรู้ ไม่มีองค์ประกอบส่วนใดของพระสถูปเป็นตัวแทน นั้นคือธาตุทั้ง 5 จะแยกออกมาจากธาตุที่6 ไม่ได้ เพราะธาตุที่ 6 อยู่ในธาตุทั้ง 5 อยู่แล้ว

ดังนั้นองค์ประกอบของพระสถูปแม้มีเพียง 5 ส่วน แต่ก็เท่ากับมีธาตุที่ 6 ประกอบอยู่ในทั้ง 5 ส่วนนั้นแล้ว

🟨 ฐานรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์
เป็นสัญลักษณ์ของ ธาตุดิน

🔵 ทรงกลม
เป็นสัญลักษณ์ของ ธาตุน้ำ

🔺ทรงสามเหลี่ยมพีระมิต
เป็นสัญลักษณ์ของธาตุไฟ
ทรงครึ่งวงกลม
เป็นสัญลักษณ์ของธาตุลม อากาศธาตุ

🌙🌝✨ลูกแก้ว (มณี) ยอดสถูป
เป็นสัญลักษณ์ของ

กานจา สถูปา

#พระสถูป
#กานจาพระสถูป
#เจดีย์ใส่พระบรมสารีริกธาตุ
#เจดีย์ใส่พระอรหันตธาตุ

“อัชเชวะ กิจจะมาตัปปัง โก ชัญญา มะระณัง สุเว”

🌵ความเพียรเป็นกิจที่ต้องทำวันนี้,
ใครจะรู้ความตายแม้พรุ่งนี้.

พระพุทธพจน์

หลายคน…แสวงหาหนทางไม่มีสิ้นสุด
แต่..บางคนสิ้นสุดเพราะหยุดแสวงหา

🌵สัญญาณของการเรียนรู้ที่แท้จริง
คืออารมณ์ที่ "สงบ"
และอานิสงส์ของการภาวนา
ก็คือ "ความทุกข์ที่น้อยลง"

- H.H. Dudjom Rinpoche
( Jikdral Yeshe Dorje )

รูปภาพ :Pinterest

"เราต้องตระหนักว่า
หากไม่ขัดเกลาชำระจิตของตนเอง
ก็จะขัดเกลาชำระจิตผู้อื่นไม่ได้"

องค์กรรมาปะ ที่ 17
ประมุขฝ่ายศาสนจักรธิเบต ลำดับที่ 3
ครูแห่งสำนักปฏิบัติธรรมกาคยู เก่าแก่ 700 ปี
----------------
Cr.fb.มหายาน ธิเบต
Picture.Pinterest

➰ อาซาแห่งสายลม
ภาษาทิเบตเรียกว่า “ลุงตา” Lung ta
หรือม้าลม (The Wind Horse)
✒️ เป็นส่วนที่เร้นลับและอยู่ระดับลึกสุดคือ ธาตุลม หรือ ปราณในกายเรา มักจะเห็นสัญลักษณ์ม้าคู่กับ รัตนะมณีบนหลังม้า

▪️ อาซา หรือ ม้า
เป็นสัญลักษณ์หมายถึงพาหนะขับขี่ที่มีความรวดเร็ว
ในการเคลื่อนไหว เฉกเช่นดั่งสายลมที่โบกพัด

▪️ เมื่อมนตราถูกสายลมพัดพา และม้าวิ่งขับเคลื่อน
ความศักดิ์สิทธิ์แห่งมนต์ภาวนาก็จะทะยาน
พลิ้วปลิวไสวไปกับสายลมนั้น

▪️ ม้าเป็นสัญลักษณ์มาจากการย้ายถิ่นฐานอยู่เสมอ
คนโบราณ จะใช้ม้าเป็นพาหนะ รูปสัญลักษณ์ของ
อาซาแห่งสายลม จึงเปรียบได้กับ ความสำเร็จ
ที่มากับอากาศธาตุ (1 ใน 5 ธาตุของวัชรยาน)
และบรรทุกเติมเต็มไว้ด้วยรัตนะมณีหรืออัญมณี
แห่งการตรัสรู้ (Jewel of Enlightenment)
ซึ่งสะท้อนถึง

"ความโชคดี ความรุ่งเรืองแห่งชีวิต
พลังประสบความสำเร็จ
ความก้าวหน้าในทุกสรรพสิ่ง"

- กานจา สถูปา -

อ้างอิงจาก : หนังสือ Tibetan Art
รูปภาพจาก : Pinterest

#อาซาแห่งสายลม

"โอม ตาเร ตุตาเร ตุเร โซฮา"
Om Tare tutare ture soha

Green TARA - กรีนตารา
พระผู้เป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมน
อาภรณ์ด้วยผ้าคาดะสีเขียว
หัวใจพระคาถา พระแม่ตารา Green Tara
ภาษาทิเบต: "เจซูน เตรอมา"

◾️ เป็นพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตากรุณา ทรงกำเนิดจากน้ำพระเนตรของพระอวโลกิเตศวร เมื่อครั้งที่ทรงพระกรรแสงเนื่องจากทรงไม่สามารถช่วยเหลือสัตว์ทั้งโลกทั้งหลายให้พ้นจากความทุกข์ได้

◾️ พระโพธิสัตว์ตารา
ทรงเป็นที่รักและกราบบูชาของชาวพุทธในทิเบต หิมาลัยและมองโกเลีย พวกเขามักสวดคาถาหัวใจ

"โอม ตาเร ตุตาเร ตุเร โซฮา"

#พระแม่ตาราเขียว

ยิ่งใหญ่อลังการ....
ขนาดความสูง 110 cm

(เตรียมนำเข้าขนาด 56 cm)
รอติตามชมนะคะ....

🌵หากเราไม่เชื่อ
และไม่มีศรัทธาในพระพุทธเจ้า
ศรัทธาในพระตถาคตเจ้า หรือ
"ตถาคตโพธิสัทธา"

คือความเชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ชอบได้โดยพระองค์เอง
เชื่อและยอมรับว่าพระพุทธองค์ทรงมี
พระปัญญาตรัสรู้จริง และธรรมที่พระองค์
ทรงตรัสรู้นั้นเป็นของจริง ประพฤติปฏิบัติ
ตามแล้วย่อมได้รับผลจริง

สิ่งที่พระองค์ตรัสว่า....
เป็นกุศล เป็นบุญ เป็นความดี
ทำแล้วย่อมได้รับผลดีจริง ๆ
สิ่งที่พระองค์ตรัสไว้ว่า เป็นอกุศล เป็นบาป
เป็นความชั่ว ทำแล้วย่อมได้รับผลชั่วจริง

มันจะไม่มีทางจะที่จะนำเราไปสู่การปฏิบัติธรรม
รู้ธรรมในสิ่งที่พระองค์ตรัสสอนได้เลย.......
พระพุทธองค์ตรัสว่า
“ศรัทธาเป็นกำลังของการปฏิบัติ”
ศรัทธาจะเชื่อมโยงนำไปสู่ปัญญา
ศรัทธาในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธองค์..
"ศรัทธา" ในพระพุทธศาสนามีทั้งหมด
4 ประการดังนี้
(1) กัมมสัทธา
(2) วิปากสัทธา
(3) กัมมัสสกตาสัทธา
(4) ตถาคตโพธิสัทธา

และศรัทธาที่สำคัญที่สุดคือ
"ตถาคตโพธิสัทธา"
คือความเชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ชอบได้โดยพระองค์เอง

กานจา สถูปา
--------------
รูปภาพ : Pinterest


#กานจาสถูปา

ประคำ คาร์เนเลี่ยน
(ประคำแห่ง อาทิตย์ อัสดง)
ช่วยดึงดูดความมั่งคั่ง และพลังบวก
เป็นหินแห่งความทะเยอทะยาน

สั่งร้อยจากเนปาล
ราคา 3700 บาท
ฟรีจัดส่ง

MANI PADME HUM

➰มหาสถามปราบต์โพธิสัตว์
(Mahasthamaprapta)

✒️ภาษาทิเบตเรียกว่า "ทู เช็นทอบ" Thu Chen Thob
พระโพธิสัตว์ผู้เป็นสัญลักษณ์แหงพลานุภาพของพระพุทธเจ้า เป็นตัวแทนแห่งพละกำลัง สะท้อนพลังจิตที่เข้มแข็งของพระพุทธเจ้า เป็นพระโพธิสัตว์อัครสาวกที่อยู่เบื้องขวาของพระอมิตาภะพุทธะ ในขณะที่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์อยู่เบื้องซ้าย

ลักษณะรูปเคารพของพระมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ ประทับบนสิงโต

พระหัตถ์ซ้ายถือก้านดอกบัว 2 ก้านอยู่เหนือไหล่ ก้านหนึ่งรองรับไข่มุกและอีกก้านหนึ่งรองรับวัชระ พระหัตถ์ขวาทรงท่ามุทราแห่งกุศล
ทรงถือวัชระหรือดอกบัว บ้างเป็นท่าวิตรรกะมุทรา ส่วนพระหัตถ์ซ้ายเป็นท่ามุทราหรือปรางประทานพร

ศิลปินผู้วาดภาพนี้คือ ชาวจีน เป็นภาพวาดในยุคสมัยราชวงศ์ชิง ช่วงเวลา (ค.ศ. 1644–1911)
ปัจจุบันอยู่แสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑศิลปะเมโทรโพลิทัน ที่นิวยอร์ก

ข้อมูล : หนังสือศิลปะทิเบต
รูปภาพ : www.metmuseum.org
#กานจาสถูปา