ครูเจ Spiritual Mentor
💚เยียวยาจิตใต้สำนึกจาก Life Trauma🌿ปลดล๊อคชีวิต🌿ตื่นรู้😌
QHHT✨C.Ht. (Hypnotherapist)✨Reiki Master
ประกาศ!!!
เนื่องจากตอนนี้ครูเจมีเรื่องส่วนตัวที่ทำให้ไม่สามารถรับงาน Bookings ได้ จึงขออภัยที่ไม่สามารถที่จะตอบอีเมล์หรือ Line ได้
การหายไปครั้งนี้อาจจะกินเวลาเป็นปี และครูเจหวังว่าเมื่อกลับมาแล้วจะมี update ให้ทุกคนได้ฟัง
แต่ตอนนี้ขออนุญาติขาดการติดต่อเพื่อดูแลตัวเองและครอบครัวก่อนนะคะ ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจค่ะ
วันนี้ประชาธิปไตยไม่ได้พ่ายแพ้ มันเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
คลื่นความถี่ใหม่ และ solar flare กำลังถาโถมสู่โลกใบนี้
การเปลี่ยนแปลงทาง vibration ของโลกยุคเก่า กำลังถูกแทนที่ด้วย vibration ใหม่ที่สูงกว่า ซึ่ง imminent หรือเรียกว่า มันต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนโดยไม่มีใครที่จะฝืนได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกก็ตาม เพราะมันเป็นเรื่องของจักรวาลและการโคจรของดวงดาว
แน่นอนว่าเมื่อสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้น มันจะมีความหนืดติดอยู่กับ momentum เก่าๆ
ช่วงเปลี่ยนถ่ายนี้คือ "Organised Chaos" คือความไม่เป็นระเบียบที่อยู่ในความเป็นระเบียบอย่างมีนัยสำคัญ กล่าวคือช่วงที่ดูเหมือนว่า วุ่นวาย สับสน ทุกอย่างปนกันไปหมด ไม่เป็นระเบียบ ไม่มีความชัดเจน แต่ก็จำเป็นต้องเกิดขึ้นและ synchronise กับ กฏเกณฑ์ตามธรรมชาติอย่างกลมกลืน
ทางสสาร ความเป็น organised chaos สามารถเปลี่ยนไปเพียงช่วงเสี้ยววินาทีโดยที่เราไม่สามารถที่จะสังเกตได้ แต่ถ้าเราสามารถดูเป็น มิลลิวินาทีได้แล้ว เราสามารถที่จะเห็นได้ว่า จะมีช่วงหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงที่ organised chaos จะเกิดขึ้นก่อนที่ สสารจะรวมตัวและจัดเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อยในทิศทางใหม่ ตามคลื่นความถี่ใหม่ๆ
แต่ทางสภาพสังคม เราอาจจะคิดว่าทำไมช่วงเวลาของ organised chaos นั่นช่างยาวนาน แต่หากลองพิจารณาดูว่า 1 ช่วงชีวิตของคนนึง เอาเป็นว่าประมาณ 80 ปี ถือว่าเป็นเสี้ยว มิลลิวินาที ของอายุจักรวาล
ถามว่า วันนี้มันเกี่ยวกับการเมืองอย่างไร
เพราะเราเห็นสิ่งเก่าๆที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว วันนี้เป็นช่วงเปลี่ยนถ่าย เข้าสู่ยุค Aquarius เรากำลังเข้าสู่ยุคที่จะดีขึ้น โดยไม่สามารถยับยั้งได้ หากมัวแต่จะฝืน เราจะโดนพลังตีกลับอย่างไม่คาดฝัน
ครูเจ ไม่ได้เชียร์นักการเมืองเป็น ปัจเจกบุคคล หากแต่เราอยากจะให้โอกาสคนที่ยอมทำตามกฏกติกา หนทางยังอีกไกลที่เค้าจะต้องพิสูจน์ตัวตน แต่เท่าที่รู้ ความอัปยส ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย และประชาชนคนไทย ล้วนมาจากรัฐประหาร ทุกครั้ง ทั้งสิ้น
ครูอยากเห็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เบ่งบาน ในเมืองไทย เมืองไทยเป็นสถานที่ที่ครูดีใจที่ได้เกิดที่นั่น และก็อยากจะกลับไปตายที่นั่น อย่างสงบสุข ประเทศไทยเป็นประเทศที่ หากมีนักการเมืองที่ดี มีผู้บริหารชุมชนที่ดี และคนในชุมชนรักและสามัคคีกัน เมืองไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจได้ยิ่งกว่าประเทศฝรั่งอีกมามาย
อยากให้ทุกคนมีความหวังว่า ทุกอย่างมันจะเป็นไปตามกลไกของมัน ให้เชื่อมั่นในตนเอง เชื่อมั่นในคุณค่าที่ตนเองให้ ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง อาจจะเจอคนถากถาง เหยียดหยาม กลั่นแกล้งในที่ทำงานและครอบครัว
แต่ถ้าคุณค่าของเราคือคำว่าสุจริตต่อเพื่อนมนุษย์และประเทศชาติแล้ว ชีวิตคุณจะหาทางออกให้ตนเองได้เสมอ
เราจะผ่านช่วง organised chaos นี้ไปด้วยกันนะคะ
To look at another woman with inspiration rather than the green eyes of envy.
To love another woman as a sister, rather than seeing them as the enemy.
To remember we each hold a love so vast and powerful it could heal the world,
To realize within our femininity is a strength that can move mountains,
That can either heal or crush another's soul,
To take our responsibility as the wardens of Mother Earth as a privilege, rather than a burden.
To embrace and engage with the unspoken within and without.
To heal our wounds consciously for ourselves, our ancestors, future generations and one another.
To allow the feelings to flow through,
To be acknowledged and let go.
To observe,
To speak from the heart,
To accept our vulnerabilities as strength,
Sister, I see you as you speak your truth,
Sister, I honor you as you claim who you are,
Sister, I hold you as you rise to who you are destined to be.
~ Clare Deale
Art: Amalia Rachel
Sacred Divine Feminine
https://EmpowerWholeness.com
Courses.EmpowerWholeness.com
ที่หายไป ไม่ได้ไปไหนนะคะ
ช่วงนี้ใช้เวลากับตัวเองและครอบครัว รวมถึงการเรียนรู้เพิ่มเติมด้วยค่ะ
จบอีกคอร์สนึงแล้วค่ะสำหรับ Breakthrough Life Coaching
คอร์สนี้ได้รับการยอมรับจาก ANZCAL Australia and New Zealand Coaching Alliance สถาบันรับรอง และเป็นเสมือนครอบครัวที่ให้การ support กับนักบำบัดและโค้ชที่มามานาน
เป็นอีกคอร์สนึงที่เพิ่มเติมความรู้ให้แน่นขึ้น ได้มีโอกาสได้พบเจอเพื่อนร่วมคลาสที่ดีๆ มีของแถมได้ลอกเปลือกหัวหอมของตนเอง ได้รู้จักตนเองได้ดียิ่งขึ้น ปลดล็อกอีกหลายอย่างในชีวิต
ขอบคุณโอกาสดีๆ ที่ตนเองได้อนุญาตให้ตัวเอง ได้ก้าวไปอีกขั้น อนุญาตให้ตัวเองได้ vulnerable เพื่อที่จะเยียวยาและพัฒนา
ขอบคุณ universe ที่จัดสรร เวลา บุคคล คอร์ส และสถานที่ที่พอเหมาะพอดี ไม่ไวไป ไม่ช้าไป
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น คือดีที่สุด
Never Stop Learning 💚
สวัสดีค่ะ ครูเจค่ะ
ครูเจขออนุญาติประกาศนะคะว่า ช่วงปีนี้จะงดรับงานค่ะ
เนื่องจากปีที่แล้วและล่วงมาถึงต้นปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงในทั้งเรื่องชีวิตการงานและเรื่องครอบครัวและส่วนตัวครั้งใหญ่ ทุกอย่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่งดงามค่ะ เพียงแต่ว่า เมื่อชีวิตเกิด major shift มากๆในทุกด้าน ปกติคนเราจะต้องใช้เวลาในการปรับตัว ปรับความคิด ปรับการใช้ชีวิต และปรับพลังงาน
ทางครูก็พยายามที่จะ push through มากๆในปีที่แล้วและต้นปีนี้ เพื่อที่จะให้สะสางงานที่คั่งค้างและสิ่งจำเป็นที่จะต้องทำ ทั้งในเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว
ใครที่อยู่ต่างประเทศจะทราบว่าการทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกเล็กไปด้วยมันไม่ง่ายเลยค่ะ เพราะเราต้องพึ่งตัวเองทั้งหมด ไม่ได้มีตัวช่วยมากเหมือนตอนที่อยู่เมืองไทย
ตอนนี้งานที่คั่งค้างและการเปลี่ยนแปลงก็ยังมีการต้องสะสางมาเรื่อยๆ แต่ก็เกือบจะเสร็จแล้วค่ะ แต่นอกจากนั้นก็ยังมีงานครอบครัวและเรื่องการดูแลตัวเองส่วนตัวเข้ามาให้เราต้องดูแลด้วย
ครูเลยเกิดอาการ burn out ค่ะ
ตรงนี้เลยทำให้คิดอยู่นาน และด้วยหัวใจที่ไม่อยากจะทิ้งงาน แต่เราก็ต้องตัดใจไม่ยึดติด ต้อง 'ละ' และให้เหลือแต่สิ่งที่เราอยากจะโฟกัสมากที่สุด ซึ่งตอนนี้ก็คือ ตัวเอง ลูก และครอบครัวค่ะ
ดังนั้น ครูเจเลยขอประกาศว่าตอนนี้ จึงยังไม่รับงานทั้งหลายจนกว่าครูจะเติมเต็มกับแก้วของเราเองใบนี้ก่อน ก่อนที่เราจะมีพลังงานเหลือเฟือไปแบ่งปันให้คนอื่นต่อไปนะคะ
เป็น Spiritual Mentor ก็ยังโดนทดสอบมากเหมือนกันค่ะ
ครูเจก็จะยังไม่หายไปไหน
ช่วงนี้ก็จะขอตัวไปทำหน้าที่ภรรยา แม่ และขอไปทำ shadow work และ healing ตัวเองทั้งทางด้านกายภาพและทางด้าน spiritual ด้วยค่ะ
วางแผนว่าจะไม่ได้ commit ที่จะรับงานในระยะยาวนี้, ไม่ได้ออกสื่อ หรือทำคลิปบ่อยมากนัก, และอาจจะไม่ได้ออกมาโพสต์บ่อยเท่าไหร่ อาจจะแค่เป็นช่วงๆ หากมีเวลาว่าง มีพลังงานเหลือ หรือมี inspiration
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็จะไม่ได้ล้มเลิกงานด้านนี้นะคะ เพราะมันก็ยังเป็น calling ของครูอยู่และรู้ว่ามันคือ soul path ของเรา และจะกลับมาเมื่อคิดว่าพร้อมแล้วและมีพลังงานเหลือที่จะเผื่อแผ่ต่อให้คนได้อีกค่ะ
ถ้าหากใครที่ลงทะเบียน QHHT หรือ Personal Coaching ไว้ ก็ยังสามารถลงทะเบียนได้อยู่ และขอขอบคุณมากค่ะ เพียงแต่ว่าครูต้องขออนุญาติไม่สัญญาว่าจะตอบกลับภายในปีนี้ค่ะ
อยากให้ทุกคนเชื่อว่า at the divine timing, we will meet. เราจะได้พบกันในเวลาที่เหมาะสมค่ะ
หากว่าใครที่รีบหรือต้องการความช่วยเหลือจาก practitioner หรือ coach ท่านอื่นก็ไม่จำเป็นต้องรอครูเจก็ได้นะคะ ของให้ใช้ intuition นำทางค่ะ
แล้วเจอกันเรื่อยๆนะคะ
Sending Universal Love💙
ครูเจ Spiritual Mentor
"ชีวิตคือการเดินทาง เราเดินทางอยู่บนโลกนี้ด้วยทัศนคติของนักท่องเที่ยวหรือนักสำรวจ นักท่องเที่ยวต้องการแต่สิ่งถูกใจ ความสะดวกสบาย หากมีอะไรผิดใจก็หงุดหงิดเป็นทุกข์ แต่นักสำรวจไม่เป็นแบบนั้น เขาสงสัยใคร่รู้ แม้บางจุดไม่สะดวกสบาย ต้องเสี่ยงภัย หรือเจออุบัติเหตุ ก็มองว่าเป็นเรื่องที่มีคุณค่า นำมาฝึกตน ขัดเกลาจิตใจ
อาตมานึกถึงคำท่านพุทธทาส 'สงบเย็นและเป็นประโยชน์' สองคำนี้ต้องไปด้วยกันตลอด สงบอย่างเดียวก็ไม่ได้ หากมุ่งทำประโยชน์แล้วใจไม่สงบก็ไม่ดี
มุ่งทำประโยชน์เพื่อคนอื่น ขณะเดียวกันก็ขัดเกลาจิตใจตัวเองไปด้วย"
ฟังหลวงพี่ไพศาลตอบคำถามแล้วเข้าใจคำพูดท่านพุทธทาสว่า 'การทำงานคือการปฏิบัติธรรม' แบบชัดเจนเรียบง่าย
สิ่งที่ต้องตรวจสอบเสมอคือ งานที่ทำอยู่นั้นก่อให้เกิดอะไรในใจเราบ้าง ความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความเกลียดชัง ฯลฯ
งานจึงเหมือนฟังก์ชั่นที่เรามีต่อโลกภายนอก ขณะเดียวกัน ด้านโลกภายในเราใช้การทำงานในการขัดเกลาจิตใจไปทุกวัน เพื่อลดความเห็นแก่ตัวลง ลดอัตตา เท่าทันกิเลส
ทำไป ฝึกไป
ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ตน
นักท่องเที่ยวเดินทางแล้วได้พักผ่อน ขณะที่นักสำรวจเดินทางแล้วเรียนรู้เติบโต เหล่านี้เกิดภายในทั้งสิ้น
เมื่อตั้งใจจะขัดเกลาตนเอง ไม่มีใครเห็นกระบวนการนั้นชัดๆ เหมือนได้เลื่อนตำแหน่ง ได้รางวัล ได้เงินเดือนเพิ่ม หรือมีข้าวของฟู่ฟ่ากว่าเดิม กระนั้น ถึงที่สุดคนใกล้ชิดย่อมเห็นความเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพของจิตใจ โลภน้อยลง ใจเย็นลง สงบขึ้น ใจดีขึ้น น่ารักขึ้น มีความสุขง่ายขึ้น
การขัดเกลาตนคือการเดินทางของนักสำรวจ ผู้น้อมนำทุกประสบการณ์ทั้งร้ายดีมาบ่มเพาะจิตใจ ไม่มีประสบการณ์ใดไร้ค่าหรือน่าผลักไส
ทุกวันจึงเป็นการเรียนรู้และฝึกตน
#กรกฎาคมนี้
📷: อิม
หนังสือเรียนเด็ก ป.6 หรือ ละครหลังข่าว???
อ่านผ่านไปแล้ววางไว้ตรงนี้ละกันนะคะ
ถ้ามุมมองของ Hypnotherapist คนนี้ที่มีบทบาทของการเป็นแม่ด้วย ไปรบกวน Cognitive Dissonance ของใคร
จำได้ว่าตอนเด็กๆ ชอบหนังสือ มานีมานะ หนังสืออ่านจรรโลงใจ เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก และมีหนังสืออ่านประกอบอีกหลายอันที่เราอ่านแล้วชอบ
เข้าประเด็น
อ้างอิงถึง 8 Stages of Psychosocial Development by Erik Erikson
ในช่วงอายุ 5-13 ปี เราจะมีการพัฒนาทางด้าน Industry (การสร้างสรรค์ผลงาน) แต่ถ้าไม่พัฒนา หรือไม่ได้รับการสนับสนุน support ก็จะส่งผลให้เกิด Inferiority (ปมด้อย)
ต่อไป ในช่วง 13 - 21 ปี เราจะมีพัฒนาการทางด้าน Identity (ค้นหาตัวตนเจอ) แต่ถ้าไม่พัฒนา หรือไม่ได้รับการ support ก็จะส่งผลทางด้าน Role Confusion (นอกจากจะหาตัวตนไม่เจอแล้วยังสับสนต่อการดำรงอยู่) คุ้นๆมั้ยคะ
ดังนั้น ในช่วงอายุที่เข้าเรียนระดับ ป.6 หากกระทรวงศึกษาธิการ ได้นำคนที่มีคุณภาพอย่างแท้จริงมาเขียนบทเรียน มันจะไม่ออกมาในรูปแบบนี้
คนที่มีความรู้ในการเขียนบทเรียน ควรต้องมีความรู้ในเรื่อง positive psychology ไม่ใช่หว่านๆหาใครก็ได้ที่ใส่เสื้อราชการแล้วดูน่าเชื่อถือ ก็จับมาแปะเก้าอี้นั่งเขียนๆไปให้มันจบๆ
เราจะเห็นว่าเด็ก ป.6 ซึ่งช่วงอายุเพียง 11 ปี สิ่งที่เหมาะสมในการให้เรียนรู้คือการสนับสนุนให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และมั่นใจกับการลงมือทำ และผู้ใหญ่สนับสนุนให้ลงมือทำ ไม่มีถูก ไม่มีผิด เพราะทุกสิ่งคือการเรียนรู้
เด็กอายุ 11 ขวบ พัฒนาการสมองยังไม่เติบโตพอที่จะมีเซลล์ประสาท ที่สามารถจะเชื่อมโยง เรื่องของ moral และ s*x ได้
แต่ในทางตรงกันข้าม หากผู้ใหญ่ ครู ผู้ปกครอง และแบบเรียน มุ่งเน้นแต่เรื่องความถูก ความผิด นั่นก็จะยิ่งตอกย้ำการพัฒนาในเรื่องของปมด้อย และส่วนพัฒนาการทางด้าน Industry ก็จะด้อยหายลงอย่างเห็นได้ชัด เด็กไม่กล้าลงมือทำ เพราะกลัวความผิด และการถูกเย้ยหยัน
ในช่วง 13-21 ปี เป็นช่วงของวัยรุ่นที่กำลังค้นหาตัวตนของตนเอง เป็นช่วงของการลองถูกลองผิด เช่นกัน เพื่อค้นหาตัวตน หาว่าตนเองเข้ากับใครได้บ้าง หาตัวเองว่าเข้ากับเพื่อนกลุ่มไหนได้ดี หาตัวเองว่าชอบทำกิจกรรมอะไร ดังนั้นช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาของการที่เค้าจะได้เรียนรู้ในการทำผิดพลาด เพื่อการเรียนรู้ที่จะ take responsibility ให้กับตัวเอง
ดังนั้น 'ความผิดพลาด' เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ในช่วงนี้ หากได้รับการเข้าอกเข้าใจ พ่อแม่ผู้ปกครองให้ sense of belonging เป็น safe space ให้กับเค้าในยามที่เค้าทำผิด โอบกอดให้เค้ากลับมาสู่อ้อมกอดของเราได้เสมอโดยไม่ผลักไส ไม่ตัดสิน ทำหน้าที่พ่อแม่ที่ให้ความรักอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ต้องการอะไรมาตอบแทน ตรงนี้จะช่วยให้เค้ากล้าที่จะออกไปเผชิญโลกเพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริง
หากช่วงชีวิตนี้ ไม่ได้รับการสนับสนุน มีแต่โดนต่อว่า ตัดสิน ผลักไส เด็กวัยนี้ก็จะสับสนในตนเอง และมีพฤติกรรมต่างๆที่สะท้อนจากความสับสนวุ่นวาย หาที่พึ่งไม่ได้ จากภายในนั่นเอง
กลับมาที่บทเรียนนี้
1. เนื้อหาไม่เหมาะสมกับพัฒนาการและการรับรู้ได้ของสมองอายุ 11 ปี
2. เนื้อหาสะท้อนถึงภูมิปัญญาของผู้เขียนว่าโลกนี้มีแต่ขาวกับดำ ดีกับชั่ว หากทำแบบนี้ ก็จะมีชีวิตที่ล้มเหลว ตามต้นแบบละครหลังข่าว แต่ไม่เน้นความหลากหลายและการเรียนรู้ตามชีวิตจริงที่มีความเป็นไปได้เชิงผลลัพธ์นับล้านแปด
3. มีใครในโลกนี้ที่ไม่เคยเดินทางผิดบ้าง
4. เนื้อหาตามบทเรียนนี้ กล่าวโทษไปถึงแต่เด็ก แต่ไม่มีใครกล่าวโทษพ่อแม่
ตามประสบการณ์การเป็นแม่ เรารู้เลยว่าลูก เลียนแบบเราทุกอย่าง หากเราปากเปียกปากแฉะให้ลูกทำอะไร ลูกจะไม่ทำ ยกเว้นว่าเค้าเห็นเราทำ เค้าจะตั้งใจทำตามเรา
ตามประสบการณ์การเป็น Clinical Hypnotherapist เรารู้อย่างแน่ชัดเพราะมี Evidence, Facts, Theories, Research Paper มา support ว่า ปัญหา behavior ทั้งหลายของทุกคนที่จิตใจและชีวิตพัง ส่วนใหญ่มาจาก family trauma, childhood trauma, การเลี้ยงดูของผู้ปกครอง, เหตุการณ์วัยเด็ก ประสบการณ์ และสภาพสังคมที่เป็นอยู่
5. ถ้าคุณไปถามนักบำบัดที่เชียวชาญ เมื่อมีพ่อแม่เอาลูกมาหา ปรึกษาอยากให้เราช่วยบำบัดให้เค้า ส่วนใหญ่นักบำบัดจะเชิญชวนพ่อและแม่ มาบำบัด และปรับทัศนคติ ก่อนเลย
6. ตรงนี้จึงทำให้เราเกิดคำถามว่า คนเขียนบทเรียนนี้ ด้อยคุณภาพจริงๆ 'หรือ?' ฉลาดมากๆ จนแกล้งเขียนบทเรียนที่ด้อยคุณภาพ และ counteract กับพัฒนาการของเด็กให้ถอยหลังลง เพื่อต้องการจะควบคุมประชาชนอนาคตของชาติไม่ให้มีการพัฒนา ไม่ให้มีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อที่จะได้พึ่งแต่ระบบ ระบบบอกอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น ไม่มีปัญญาคิดเอง วิเคราะห์เอง ถ้ากล้าแตกต่างก็โดนสังคมตัดสินและตราหน้า ซึ่งเมื่อประชากร มีคุณสมบัติดังกล่าว ก็ถูกควบคุมง่าย เพราะสับสน และคิดเองไม่เป็น
7. ใครเป็น Hypnotherapist จะเข้าใจว่า การอ่านหนังสือคือการ Hypnotise ตนเอง หรือการสะกดจิตตนเองนั่นเอง
และจะรู้อีกด้วยว่า เด็กๆ อายุ 0-7 ขวบ จะ operate อยู่ในช่วง brainwave อยู่ในภวัง hypnotic state สามารถถูกสะกดจิตโปรแกรมสมองอะไรเข้าไปก็ได้ ง่ายดายมาก 7-13 ขวบ จะอยู่ในช่วงที่ออกจาก trance แล้ว แต่ยัง suggestable ได้ง่ายมาก
เพราะนี่คือการ mass hypnotise คือการสะกดจิตหมู่ คือการโปรแกรมสมอง ในหมู่ประเภทอายุสมองที่รับการโปรแกรมสมองอะไรก็ได้เลย
เราเป็นพ่อแม่ อยากจะให้ลูกเป็นคนดีอยู่แล้ว แต่ยิ่งกว่านั้นคือการที่เราอยากจะให้เค้ามีเครื่องมือและศักยภาพที่จะยืนหยัดด้วยตนเองได้เมื่อเราไม่มีชีวิตอยู่แล้วและสามารถเป็นที่พึ่งให้กับ generation ต่อไปได้
เราต้องเริ่มจากที่ตัวเรา เป็บแบบอย่างให้ลูกเรา รักเค้าอย่างไม่มีเงื่อนไข เค้าไม่ติดค้างอะไรจากเรา เราต่างหากที่ติดค้างพวกเค้า เพราะเค้ามาเพื่อที่จะเป็นครูให้เรา เพื่อที่จะช่วยเรา break free และเยียวยา generational trauma ที่ส่งต่อผ่านจิตใต้สำนึก จากรุ่นสู่รุ่น
หากคุณเยียวยาตนเองได้ คุณก็เยียวยา พ่อแม่ ปู่ย่าตายายของคุณ และลูกหลานของคุณได้ ในทุก direction
ให้มันจบตรงที่รุ่นเรานะคะ
พอกันทีกับวงจรที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทางจิตใจของมนุษยชาติแบบนี้
กล้าที่จะพูด ออกเสียง ยืนหยัดให้ลูกหลานของเราได้มีอนาคตที่จะไม่ย่ำอยู่กับที่หรือแม้แต่ถอยหลังลงคลอง
เยียวยาตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนอยากจะทำ เพราะมันไม่มีทางลัด แต่ต้องเป็นความกล้าที่จะเผชิญอีกด้านของชีวิตเรา ความ dark ความผิดพลาด trauma ที่เราปฏิเสธที่จะยอมรับมันมาตลอด ไม่มีคทาวิเศษไหนจะช่วยคุณได้ เพราะหนทางนั้น คุณต้องกล้าหาญและแน่วแน่ที่จะทำด้วยตัวเอง
วันนี้เจฝากให้ไปเป็นการบ้านสำหรับพ่อแม่ทุกท่าน วันนี้คุณ support ลูกของคุณ เป็น safe & sacred space ที่ให้ความรักอย่างไม่มี'เงื่อนไข' โดยที่ไม่หวังอะไรตอบแทน แม้แต่กระทั่งความรักจากลูก ได้หรือยัง
สวัสดีค่ะ 😌💖
ครูเจ Spiritual Mentor
"A human being is a part of the whole called by us universe."
~ Albert Einstein ~
(photo source unknown, comment for credit.)
Happy Heavenly Birthday Dolores! We love and miss you dearly. ❤️
RIP Dolores Cannon
⭐️ April 15th 1931 - Oct 18th 2014 ⭐️
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ ✨🙏
Mercury Retrograde 💫 & Eclipse Season : จัดการกับพลังงานของการเปลี่ยนแปลง เจไม่ใช่นักโหราศาสตร์ นะคะ เพียงแค่นำประสบการณ์ที่คิดว่าสอดคล้องกับข้อมูลทางโหราศาสตร์ที่เข้าใจมาแชร์ ...
พายุที่ถาโถมเข้ามา ทำให้ต้นไม้ต้นนี้ล้มลง
แต่ต้นไม่ต้นนี้ก็ไม่ละทิ้งความพยายามที่จะเติบโตในรูปแบบของตนเอง
ถึงแม้จะตั้งตรงไม่ได้ตามแบบฉบับมาตรฐานของต้นไม้ต้นอื่นๆ แต่ในท้ายสุดแล้วต้นไม้ต้นนี้ก็ยังเป็นต้นไม้ แล้วยังเป็นต้นไม้ที่มีความโดดเด่นความพิเศษ ที่ให้ร่มเงา และให้ประสบการณ์ สำหรับเด็กๆได้ฝึกปีนป่าย ได้เรียนรู้ประสบการณ์ชีวิต จากต้นไม้ต้นนี้ เป็นที่ชื่นชอบ เป็น favourite ของคนที่มาที่ park นี้
ครูเจ Spiritual Mentor
#ตื่นรู้ #จิตวิทยาพัฒนาตนเอง #เยียวยาจิตใจ #การตื่นรู้ทางด้านจิตวิญญาณ #มิติที่5 #เข้าสู่ธรรมชาติ
เสียง, แสง, สี, วัตถุ, สิ่งมีชีวิต, ก้อนหิน, ใบไม้, กระดาษ, ปากกา, ดิน, นำ้, ลม, ไฟ, ความคิด, คำพูด, การกระทำ
ทุกอย่างเป็น vibration คือคลื่นความถี่ คือการสั่นสะเทือนทางพลังงาน ที่ manifest ออกมาเป็นผลลัพธ์ หรือ สิ่งที่เรารับรู้ perceive ได้ ในลักษณะและมุมมองที่แตกต่างกัน
ภาษา Quantum วันละคำ
ครูเจ Spiritual Mentor
จักรวาลอยู่ในทุกอณูของทุกสรรพสิ่ง
ตัวเราก็คือส่วนหนึ่งของจักรวาล ไม่ได้แยกออกจากกัน
เราไม่ได้แยกออกจาก source หรือ source ไม่ได้เป็นผู้ชายถือไม้เท้ากายสิทธิ์ สั่งให้เราทำสิ่งต่างๆ
เพราะนั่นคือ การสอนในแบบของศาสนา ซึ่งเป็นระบบเก่าที่ต้องการที่จะควบคุมเราไว้
ควบคุมให้เราคิดไปว่าพลังงานที่ยิ่งใหญ่มีแค่ตัวตนแค่ทาง 3 มิติให้เราเห็น
ควบคุมให้เราลืมคิดไปว่า พลังงานอันยิ่งใหญ่อยู่เหนือความมีตัวตนและขอบเขต
ควบคุมให้เราลืมว่าเราก็เป็นส่วนหนึ่งของ source ของจักรวาล
ดังหยดน้ำในมหาสมุทร ที่คิดว่าตนเองแยกตัวออกมาจากมหาสมุทร แล้วก็ไม่เป็นมหาสมุทรอีกต่อไป
ดังนั้นทุกๆขณะที่เรามีประสบการณ์ ในแบบมนุษย์ จักรวาลทั้งหมดไปจนถึง source ก็กำลังมีประสบการณ์ และกำลังเรียนรู้ไปกับเราพร้อมๆกัน simultaneously ในทุกขณะ
เมื่อเรา evolve จักรวาลและ source ก็ evolve ไปพร้อมๆกับเราด้วย เพราะนั่นคือความเกี่ยวโยงเกี่ยวเนื่องกันในสนามพลังงานควอนตัม ที่เราไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ทั้งหมด ในสภาวะร่างกายของมนุษย์
แต่วันนี้เราเข้าใจแล้ว ว่าหยดน้ำในมหาสมุทร ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทร ท้องฟ้า ผืนดินและสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไม่ว่าหยดน้ำนั้นจะอยู่ที่ใด หยดน้ำนั้นก็ยังเป็นหยดน้ำ ก็ยังเป็นอะไรก็ได้ที่อยากจะคิดอยากจะเป็น
คำตอบของจักรวาลจึงไม่มีอะไรที่ผิด เพราะทุกอย่างมันก็แค่ประสบการณ์
สิ่งที่รู้แท้แน่นอนคือ เราไม่เคยไม่เป็นส่วนหนึ่งกับจักรวาลเลย เพราะแท้จริงแล้ว จักวาลและ source อยู่ในทุกอณูเซลล์ของตัวเราและทุกสรรพสิ่ง
บทบ่นก่อนนอน
ครูเจ Spiritual Mentor
✨Rei = Universal = จักรวาล
✨Ki = The vital life force energy that flows through all living things = พลังชีวิตที่ไหลผ่านร่างกายของสรรพสิ่ง
✨Ki มีความหมายที่ตรงกันกับ Qi หรือพลังงาน ชี่ หรือ ฉี ซึ่งก็คือ พลังงานที่กำหนดเอกภพจักรวาลจักรวาลจุดเริ่มต้นและลมหายใจของชีวิตและสรรพสิ่ง มันไม่มีตัวตนที่วัดได้ทางกายภาพทาง 3 มิติและเป็นการดำรงอยู่ในมิติของ Ether มีผลกระทบสำคัญต่อการดำรงอยู่ของชีวิตมนุษย์
Reiki เรกิ คืออะไร : ความเป็นมาและการนำมาใช้ ✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨🤝🤝🤝 จองคิว และ ร่วมงาน🌿ตอนนี้ยังไม่เปิดคิว QHHT (รอตอนกลับไทยนะคะ) ติดตาม Facebook เพื่อติดตามข่าว....
ตื่นรู้แล้วจะทำอย่างไรต่อไป: หาพันธกิจของตนเอง ตื่นรู้คืออะไรhttps://youtu.be/b7PIM-cwJskตื่นเต้นหรือตื่นรู้https://youtu.be/5kLjpO7gaKo✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨🤝🤝🤝 จองคิว และ ร่วมงาน🌿ตอนนี้ยังไม่เปิด...
วันนี้ครูมีข้อความมาเตือนนะคะ
ครูเห็นมีคนไปเข้าคอร์สเปิดตาที่ 3 หรือไปฟังคลิปเสียงเปิดตาที่ 3 กันเยอะ แล้วมาเล่าให้ฟัง กลับกลายเป็นว่ามีประสบการณ์ที่ intense มาก รับ energy ไม่ได้ integrate ไม่ทัน ครูอยากให้ทุกคนมีสติก่อนนะคะ
การ เยียวยา heal Pineal Gland หรือการ decalcify (เอาแคลเซียมออกจาก) Pineal Gland ไม่เหมือนกับการเปิดตาที่ 3 นะคะ
ปกติเราทุกคนจะมีตาที่ 3 เปิดอยู่แล้ว จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาวะของเราทั้ง Body, Mind and Soul. ไม่อย่างนั้นเราจะฝันไม่ได้
หลายๆคนตื่นเต้น อยากจะไปมีอำนาจวิเศษ เค้าบอกมาให้ไปเปิดตาสามเลยรีบไปยังไม่ได้ทำการศึกษา research เลย ผลปรากฏว่า พลังงานที่เข้ามามันเข้มข้นมากเกินกว่าที่สภาวะของเราจะรับได้ทัน ต้องไปหาทางแก้ไขกันแทบไม่ทัน
การเปิดตาที่ 3 คือการส่ง invitation ของ sense และ intuition การรับรู้ถึงพลังงานที่เราไม่เคยรับรู้ให้มันสูงมากขึ้น รวมถึงการที่เราจะได้มี awareness กับสิ่งอื่นๆที่อยู่หลังม่านมากขึ้น
การที่เรามีม่านบังตาก็เพื่อประโยชน์สำคัญอย่างนึงคือ การป้องกันรักษาสภาวะทางกายภาพของเราให้ปลอดภัยมิฉะนั้น ข้อมูลมันมีมากเกินกว่า capacity ของร่างกายมนุษย์จะรับได้
ตามความรู้ทางหลักวิทยาศาสตร์ ข้อมูลรอบตัวเรา ในแต่ละวินาที จะเข้ามาหาเรา 1 million bits / second, แต่สมองมนุษย์โดยเฉลี่ยมาตรฐานสามารถประมวลได้ไม่เกิน 40-120 bits / second ซึ่งเทียบคร่าวๆได้กับการอ่านหนังสือได้ไม่เกิน 5 คำต่อวินาที หากเฉลี่ยว่าแต่ละคำมี 5 ตัวอักษร
เมื่อเราเปิดตา 3 เราก็ไปเชื้อเชิญ และ consent ให้ตัวเองได้ประมวลผลข้อมูลมากกว่านั้น ... เราลองคิดถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ laptop หรือมือถือที่ใช้งาน 24/7 เสียบ usb ครบทุกช่อง เปิด drive ให้ มัน run ไปพร้อมๆกันโดยไม่พักและไม่ปิดเลยสิคะ เครื่องจะเป็นอย่างไร แล้วให้ลองเปรียบเทียบประสาทการรับรู้ของเรา
ข้อดีของการเปิดตาที่ 3 มีเยอะ ซึ่งทุกคนสามารถหาได้ในอินเตอร์เน็ทอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครพูดถึงข้อที่ต้องมีสติระวังเลย
เมื่อเปิดตาที่ 3 แล้ว พลังงานอาจจะเข้ามาอย่าง intense จนอาจจะเกิดอาการปวดหัว มึนงง ได้ยินเสียงต่างๆเข้ามาในหัว บางคนมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางร่างกายและจิตใจ บางคน sensitive อยู่แล้ว ตาสามเปิดมากอยู่แล้ว อาจจะไปสร้างความวิตกกังวล ความสับสนใจให้เรามากขึ้น บางทีอาจจะทำให้เรามีความกล้ามากขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่หากมากเกินไป ทำให้เราตัดสินใจด่วนได้ อันนี้ก็เป็นผลไม่ดี บางทีเราอาจจะรู้สึกว่า sense ของเรา มันพุ่งขึ้นมาก จนพยากรณ์หรือเห็นอนาคตได้ แต่สภาะวะจิตใจเรายังไม่แข็งแรง เข้มแข็ง พอที่จะไปรับรู้ตรงนั้น ก็อาจจะเป็นผลเสียได้ ทำให้เรากลัว วิตกกังวล หรือหลงในอำนาจยิ่งๆขึ้นไปอีก ออกห่างจากตัวเองไปอีก กลับเอาตัวเองเข้าไปขังใน matrix อีกด้วยตัวของตัวเอง
บางคนไปฟังคลิปเปิดตาสาม คลิปบางคลิป ไม่ได้ทำจากคนที่มี intention ที่ดี หรือบางทีถูก distort ระหว่างทำ พวกนี้ก็คือการที่เราไป consent ให้เค้ามาวุ่นวายกับสนามพลังของตนเองได้
เปิดแล้ว ปิดได้มั้ย ทำได้ค่ะ ขอให้ตั้ง intention ว่าจะปิดกลับมาสู่ในจุดที่เหมาะสม สมดุล พอเหมาะ กับการใช้ชีวิตของเรา แล้วเข้าสู่ธรรมชาติ แล้วเข้าสมาธิ จินตนาการวนตรงตาสามไปทางย้อนเข็มนาฬิกา ย้อนกลับเหมือนการหมุนสวิตช์ให้เบาเสียงลง เอาจุดที่เราโอเค ที่เราพอใจ
หรือใช้กรรมฐานสมาธิก็จะช่วยได้เพราะว่าเป็นเครื่องมือให้เรา grounding เข้ามาสู่ปัจจุบันขณะ ได้ดีขึ้น
ก่อนที่เราจะไปเปิดตาที่ 3 เราต้องเยียวยา Pineal Gland ก่อนนะคะ
จริงๆแล้ว เมื่อเรา เยียวยา Pineal Gland แล้วความสามารถทางตา 3 มันจะค่อยๆเข้ามาเองตามธรรมชาติ ตามเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม
ครูจะ prefer แบบนี้มากกว่าค่ะ คือปล่อยให้เค้าค่อยๆมา แล้วเราก็ค่อยๆปรับตัวไป ทีละนิด อันนี้เราจะ integrate ทั้งสามด้านของเราได้ง่ายกว่า คือ mind, body, and soul เพราะ มันไม่ใช่แค่เรื่อง soul อย่างเดียวที่เข้ามาในชีวิต เรายังต้องปรับ ทางด้าน mind and body ให้เข้ากันกับ perception ใหม่ของเราด้วย ไม่ต้องไปรีบร้อน กระโดดข้ามขั้นตอน ค่อยๆทำความเข้าใจกับพลังงานความรู้ใหม่ๆที่เข้ามา
วิธีการ heal Pineal Gland หลักๆก็คือ ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ organic ได้คือดี ถ้าไม่ได้ก็เน้นผักผลไม้สด พักผ่อนเยอะๆ ทำสมาธิ รับพลังงานแสงอาทิตย์อ่อนตอนเช้า โดยไม่ใส่แว่นกันแดด (ไม่ได้ให้มองตรงนะคะ แค่ใช้ชีวิตปกติ) เลี่ยงข่าวหลักๆ เลี่ยงทานอาหารสังเคราะห์ เลี่ยงสิ่งสังเคราะห์ รอบๆตัว เลิกนำพาตัวเองไปอยู่ในสภาวะเครียด เลิกแหย่จมูกตัวเองเพื่อตรวจ... เลิกใช้ยาสีฟันที่มี fluoride หาทาง detox ตัวเอง จาก heavy metals พวกนี้ก็สามารถทำได้หลากหลาย คงต้องเป็นครั้งหน้า
เมื่อเราเชื่อว่าเราเป็นผู้รับผิดชอบชีวิตเรา take responsibility กับชีวิตของตัวเอง คำพูด ความคิด การกระทำ เมื่อนั้น สภาวะของเราก็จะพร้อมที่จะมี responsibility ต่อสิ่งอื่นๆเข้ามาได้ให้เราเรียนรู้ เช่น การเปิดตาที่ 3 ก็จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ เมื่อเราพร้อม
หากใครจะลองเปิดตา 3 ก็ไม่ว่า คือจริงๆผลดีมันก็มี แต่เราต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นด้วย หากเราคิดว่าคนคนนี้ที่จะช่วยเราเปิดตา 3 เป็นคนดี มีศีลธรรม เราเชื่อใจเค้า มันก็โอเค แต่เราต้องยอมรับผลลัพธ์ที่จะเกิดกับเราด้วย เพราะแต่ละคนมีการตอบสนองต่อระดับพลังงานไม่เท่ากัน
ส่วนเด็กๆนั้น ไม่ต้องไปกังวลค่ะ ในช่วง 0-7 ขวบ ร่างกายเค้าอยู่ในช่วง hypnotic state อยู่แล้ว นั่นคือ awareness ทางด้านนั้นของเค้ามีพร้อมอยู่แล้ว และมากกว่าเราด้วยซ้ำ เค้ามี จินตนาการ คุยกับตุ๊กตา สร้างเรื่อง unicorn fairy tale หรือบางคนสามารถคุยกับแม่ซื้อได้ด้วย เราไม่ต้องไปเพิ่มให้มันมากเกินไป เพราะสมองของเค้ายังไม่เติบโตเพียงพอที่จะแยกแยะได้ เราไม่เอามันไป overload เค้านะคะ หรือที่ทีดีที่สุดของเราคือการสอน mindfulness หรือการใช้ชีวิตอย่างมีสติและสอนการทำสมาธิให้กับเค้า แล้วที่เหลือเราทำตัวอย่างที่ดีให้กับเค้าค่ะ แค่นี้เพียงพอต่อ capacity ของสมองเค้าแล้วค่ะ
ตื่นรู้ ไม่ตื่นเต้นนะคะ
ครูเจ
คำครหาของคนอื่น มันจะเป็นแค่ลมที่มากระทบแล้วผ่านพ้นไป ตัวของเราเองต่างหากที่รู้ว่าเรากำลังทำอะไร ตัวของเราเองต่างหากที่จะไม่นำสิ่งเหล่านั้นมาเก็บเอาไว้ให้มันเป็นทุกข์
ตราบใดที่เราเชื่อมั่นในตนเอง และเชื่อมั่นในจักรวาล
ว่าเส้นทางที่เราเดิน มันถูกต้องและดีต่อเราและคนอื่น
มันก็จะเป็นแค่ลมที่มาเพียงชั่วครั้งชั่วคราวและก็ผ่านไปง่ายๆ จริงๆ 🌿✨
✨
ตอนที่แม่ของเราเป็น fetus อายุ 4 เดือน ในครรภ์ของยายของเราในขณะนั้นร่างกายของ fetus ก็ได้มีการสร้างไข่ในมดลูกของแม่ของเรา ในขณะแม่อยู่ในครรภ์ของยาย
เราเกิดจากไข่ที่สร้างจากช่วงเวลานั้น นั่นก็แปลว่า เราได้ใช้เวลา 5 เดือน (สำหรับคนส่วนใหญ่) ในครรภ์ของยายของเรา
การดำรงอยู่ทางด้านพลังงาน และการมีประสบการณ์ทางพลังงานของเราจึงมีมากกว่าที่เราเคย perceive ได้
ความเป็นแม่ ร่างกายของความเป็นผู้หญิง จึงเป็น temple เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ sacred (ไม่ว่าคุณจะเลือกที่จะ express ความคิดทางสังคมว่าเป็นอะไรก็ตาม)
แต่ biology ทางกายภาพของคุณก็ยังเป็นสิ่งนี้ ที่ hold ความศักดิ์สิทธิ์ ดำรงอยู่ไว้ซึ่งพลังงานแห่งความสร้างสรรค์ power of creation ข้ามผ่านกาลเวลา ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
มันผ่านมาเนิ่นนานแสนนานที่ชนชั้นผู้ปกครองได้ใช้อำนาจ ในการทำให้เราลืม ความศักดิ์สิทธิ์และความวิเศษเหล่านี้ไป เพราะเค้ารู้ว่าพลังของความเป็นแม่ เป็นพลังที่มหาศาล ที่สามารถสร้างโลกได้
จิตวิญญาณดวงน้อยๆของชนชั้นผู้ปกครอง ไม่ mature เพียงพอที่จะเอาชนะความกลัวลึกๆของตนเองได้ จึงคิดหาหนทางที่จะควบคุมประชาชนในอยู่ในโอวาท โดยการ suppress พลังงานที่งดงามเหล่านี้ไว้ โดยการสร้าง narrative ที่ทำให้สังคมมีค่านิยมใหม่ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ชนชั้นปกครอง
ผ่านมานานแสนนาน สิ่งพวกนี้กลายเป็นสิ่งที่ปกติธรรมดา ที่เมื่อมีเด็กผู้หญิงเกิดมาในครอบครัว จึงไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับเมื่อมีเด็กผู้ชายเกิดขึ้น เมื่อเด็กผู้หญิงเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกจึงถูกมองว่าเป็นสิ่งที่สกปรกและน่าอาย เมื่อเด็กผู้หญิงร้องไห้มากจึงถูกมองว่าเป็นเรื่องน่ารำคาญ ทั้งๆที่เธอกำลังเรียนรู้ ที่จะเคารพความรู้สึกภายในของเธอ ที่เธอกำลังเรียนรู้ที่จะ get in touch เข้าไปในโลกภายใน ซึ่งจะเป็นประตู portal สู่โลก multidimentional ที่ทำให้เธอเมื่อโตขึ้นได้ตระหนักถึงการเชื่อมต่อกับทุกสรรพสิ่ง และระลึกได้ถึงพลังแห่งการสรรค์สร้างที่แท้จริงของเธอ
เมื่อผู้หญิงตั้งครรภ์และคลอดลูก ในสมัยก่อนจึงถูกไล่ให้ไปอยู่ในกระท่อมแสนไกล หรือถูกสอนให้กลัวการคลอดลูก ทั้งๆที่มันเป็นสิ่งที่วิเศษและงดงามมากหาก เราได้รับการอนุญาติให้ส่งต่อ wisdom และมีระบบที่พร้อม support ซึ่งกันและกัน
เมื่อผู้หญิงเป็นนักสมุนไพร นักบำบัดและเยียวยา เธอถูกตั้งข้อหาจาก นักการเมืองในคราบนักบุญ ถูกตั้งข้อหาว่าเธอเป็น แม่มด witch ถูกประหารชีวิตต่อหน้าสาธารณะชนโดยการเผาทั้งเป็นบ้างอะไรบ้าง จึงเป็นเหตุผลให้ ผู้หญิงส่งต่อผู้หญิงด้วยกันเอง ให้กับ authority เพื่อที่จะรักษาชีวิตของตนเองไว้
สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่บรรพบุรษ ancestor เรา จำ trauma ได้ และส่งต่อ trauma เหล่านี้มาเรื่อยๆ ให้กับรุ่นสู่รุ่น จนถึงสังคมยุคปัจจุบัน และสู่รุ่นลูกหลานของเราโดย subconscious หรือจิตใต้สำนึก โดยที่เราไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
เพราะ cell ก็คือพลังงาน cell มีความจำได้
ข้อมูลเหล่านี้ได้จาก history, และรวบรวมความเหมือนกันของเคสที่นักบำบัดทางด้าน past life regression หรือ อดีตชาติบำบัด นำมาแชร์กัน
เราเข้าไปค้นหาอาการที่ติดมากับเราเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น past life ของเรา หรือของบรรพบุรุษของเราก็ตาม เมื่อเราเข้าไปทำความเข้าใจกับมัน ให้อภัยมัน หรือ reconcile กับมัน เราก็สามารถที่จะ เยียวยาตนเองได้ heal ตนเองได้ รวมถึง heal บรรพบุรุษทั้งสายเลือดของเราเลยก็ได้
เมื่อเราระลึกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์ของมดลูก พลังความอบอุ่น พลังการเยียวยา พลังแห่งการสรรค์สร้าง
เราก็จะ respect เคารพในร่างกายของเรา และการดำรงอยู่ของเรามากขึ้น
การที่คุณมาอยู่ตรงนี้ อ่านถึงตรงนี้ แสดงว่าไม่มีอะไรที่มันเป็นความบังเอิญ
การที่คุณมาเป็นคุณคนนี้ที่แตกต่างผิดแปลกจากทุกคน เพราะคุณมีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่จะปลดแอกพันธนาการให้ตัวคุณและให้บรรพบุรุษของคุณเอง เหมือนกับที่ดวงจิตวิญญาณหลายๆดวงได้เข้ามามีพันธกิจที่สำคัญ เหมือนกับคุณ ณ ตอนนี้
ถึงเวลาแล้ว ที่เรา ด้วยกัน จะช่วย เยียวยา เพื่อที่คนรุ่นต่อไป จะได้ใช้เวลา และพลังงานในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ต้องคอยเอาพลังงานมาทนทุกข์อยู่กับสิ่งเหล่านี้
เพราะถึงเวลาที่โลกใบใหม่ กำลังรอพวกเราอยู่ข้างหน้า มันเป็นโลกที่ unknow แต่ก็น่าตื่นเต้นเสมอ
ถึงเวลาแล้วที่เราจะเริ่มจากตัวเราค่ะ
เริ่มจากความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นผู้หญิงของตนเอง บางอย่างที่เรารู้สึกว่าทำให้เราด้อยค่า
โอบกอดด้านที่เป็นผู้หญิงของตัวเอง ไม่ว่าเราจะเป็น ผู้หญิง ผู้ชาย หรือ LGBT ก็ตาม ทุกคนมีด้านของความเป็นผู้หญิงเหล่านั้นอยู่
ยอมรับ sacred faminine energy ของเรา ยอมรับว่าความอ่อนโยน ความอบอุ่น ความประคบประหงม ความมีอารมณ์ sensitive หรือ aspect หลายๆอย่างของความเป็นผู้หญิง เมื่อเรารับฟังเค้าแล้วว่าเค้าอยู่ตรงนั้นทำหน้าที่อะไร
นั่นคือความกล้าหาญ เพราะพลังงาน sacred faminine ไม่ใช่ความอ่อนแอ
วันนี้ไม่ต้องไปเรียกร้องสิทธิ์อะไรจากคนอื่น หรือไปตามเกมส์การเมือง
วันนี้ เรียกร้องสิทธิ์เหล่านั้นจากตนเอง ยอมรับตัวเอง เราไม่สามารถที่จะไปบังคับคนอื่นได้ แต่เรา work กับตัวเองได้
เมื่อไหร่ที่เรายอมรับและโอบกอดทุกด้านแห่งความเป็นเราได้อย่างแท้จริง เมื่อนั้นเราก็จะดึงดูด หรือแผ่กระจายพลังงานนี้ แล้วดึงดูดพลังงานที่คู่ควรเข้ามาหาเราเอง
ครูเจ Spiritual Mentor
When are our institutions going to change? - Bruce H. Lipton, PhD We are on the verge of a planetary metamorphosis
E.T. Encounters, UFOs & Non-Interference ∞The 9D Arcturian Council, Channeled by Daniel Scranton
***************************************
"สวัสดี เราคือสภาอาร์คทูเรียน เรายินดีที่ได้ติดต่อกับทุกคน
เราจะให้ข้อมูลกับคุณมากที่สุดเท่าที่เราจะทําได้ในช่วงเวลานี้ เนื่องจากหากเราให้ข้อมูลกับคุณมากจนเกินไปจากข้อมูลบางอย่างที่เราได้รับมา อาจจะเข้าข่ายก้าวก่ายในพันธกิจของคุณในขณะนี้ เหตุผลของการที่ว่า ทําไม ‘กฎของการไม่แทรกแซง’ (non-interference rule) จึงต้องถูกนํามาใช้เพื่อมนุษยชาติ ก็เพราะว่า คุณต้องได้รับโอกาสที่จะพัฒนาตนเอง ด้วยตัวของคุณเอง เพราะเราเคยเห็นมาก่อนแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวแทรกแซงกับคุณมากเกินไป (โดยการให้ข้อมูลหรือช่วยมากเกินไป หรือดันให้คุณพัฒนามากเกินไป)
และนี่คือช่วงเวลาที่สำคัญ ที่คุณต้องค้นพบว่าทุกสิ่งที่คุณต้องการอยู่ในตัวคุณอยู่แล้ว ดังนั้นแม้แต่การที่ได้เห็นยานอวกาศบนท้องฟ้าและถูกเยี่ยมเยือนโดย E.T.s หรือแม้การถูกพาขึ้นไปเที่ยวบนยานอวกาศ ทั้งหมดนี้ก็ดูไม่น่าสนใจเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณสามารถสัมผัสได้เมื่อคุณหลับตาและคุณโฟกัสภายในตัวของคุณเอง
เมื่อคุณเปิดรับตัวตนของคุณในด้านที่เป็นอนันต์และด้านที่เป็นนิรันดร์ของคุณ คุณเองก็จะรู้ว่าคุณไม่เคยต้องการข้อมูลใด ๆ และคุณไม่เคยที่จะต้องการการแทรกแซงใด ๆ จากพวกเราเลย คุณสามารถเข้าถึงแหล่งกำเนิด (source) ได้เอง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าคุณสามารถเข้าถึง เข้าใจทุกสิ่งได้ เพียงแค่คุณมองและสัมผัสเข้าไปภายในของคุณ และมากกว่านั้นคุณยังมีความสามารถที่ไม่มีขอบเขตจำกัด ในการสร้าง reality ของคุณเองและสัมผัสได้ถึง reality เหล่านั้น และนี่เองที่ทำให้ประสบการณ์ทางด้านกายภาพ (physical) เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น และถึงแม้ว่าประสบการณ์เหล่านี้จะทำให้คุณมึนเมาลุ่มหลงไปกับมันในบางครั้งก็ตาม
แต่ถ้าหากคุณรอแต่จะให้ตัวเองมีประสบการณ์ที่จะเห็นและสัมผัสได้กับมนุษย์ต่างดาว (Extra-terrestrials, E.T.s) เท่านั้น เพื่อที่จะเป็นข้อมูลหรือกำลังใจเพียงพอ เพื่อที่จะโน้มน้าวให้คุณเชื่อว่ามีสิ่งดีๆ ที่กำลังเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ของคุณแล้วล่ะก็ เราขอเชื้อเชิญคุณว่าอย่ารออีกต่อไปเลย เพราะคุณมี DNA ของความเป็น E.T.s อยู่ในตัวของคุณอยู่แล้ว และความทรงจำของคุณที่คุณได้ใช้ชีวิตของการเป็น E.T.s (หรือมีการดำรงอยู่ในที่ที่อื่นนอกเหนือจากโลก) เหล่านั้นก็อยู่ภายในตัวของคุณอยู่แล้ว และคุณสามารถสัมผัสกับตัวตนของคุณในหลากหลายมิติ (multidimensional self) ของคุณได้เลย โดยการค้นหาและการมองเข้าไปภายในของคุณเอง กายภายนอกจะสะท้อนถึงกายภายในเสมอ ดังนั้นยิ่งคุณใช้เวลาในการสํารวจธรรมชาติแห่งความเป็นอนันต์และความเป็นนิรันดร์ของคุณมากเท่าไหร่ โลกภายนอกก็จะเปิดกว้างให้คุณมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อนั้นคุณก็สามารถที่จะเข้าไปมีประสบการณ์เกี่ยวกับยูเอฟโอและการเจอกันกับพวกเรา หรือแม้แต่คุณก็สามารถที่จะท่องไปกับยานอวกาศได้มากเท่าที่คุณต้องการ
เพราะเมื่อใดที่คุณระลึกได้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคุณคืออะไร ในฐานะที่เป็นจิตวิญญาณแห่งแสงสว่างและความรักที่เป็นอนันต์และนิรันดร์ เมื่อนั้น E.T.s อย่างพวกเรา ก็จะมีความตื่นเต้นและให้ความสนใจในตัวคุณมากว่าที่คุณกำลังให้ความสนใจสนใจตัวเรายู่ในขณะนี้ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณขยายขอบเขตความคิดและแนวคิดของคุณว่าการดำรงอยู่คุณเป็นใคร คืออะไร ทุกสิ่งที่คุณต้องการที่จะสัมผัสมาแสนนาน ก็จะเปิดประตู มาให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ในรูปแบบที่น่าพิศวงตระการตาต่อจิตใจของคุณ โดยที่คุณแทบจะไม่ได้คาดหวังไว้เลย ดังนั้นหากคุณต้องการหรือกำลังแสวงหาประสบการณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับกับ E.T.s เราขอให้คุณเริ่มต้นที่ตัวคุณเองก่อน
เราคือ Arcturian Council และเรามีความสุขในการเชื่อมต่อกับคุณ"
แปละและเรียบเรียงตามความเข้าใจโดย ครูเจ Spiritual Mentor
สารจาก Arcturian Council มิติที่ 9 ชาเนล โดย Daniel Scranton
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
วิดีโอทั้งหมด (แสดงผลทั้งหมด)
ประเภท
ที่อยู่
Bangkok
Hearti Benecol, with its goodness of Plant Stanol, helps reduce LDL cholesterol by up to 15%. Result
36/6 ถนนประดิพัทธ์ ซอย 10 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
Bangkok, 10400
มูลนิธิหมอชาวบ้าน
Siam Square Soi 10
Bangkok, 10330
THE PERSONALIZED CHARISMA CLINIC. ฆสพ.สบส 4902/2566
2 Soi. Liab Klong Song 16, Samwa Tawan Tok
Bangkok, 10510
UMC wellness รักษาโรคผู้สูงอายุโดยทีมแพทย์
Bangkok
สุขภาพจิตบำบัด-Healer 》Artbook | Motivational | Author | Life force builder | Healing solution I
ซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
Bangkok, 10310
"Mind The Gut" (MTG) Mind The Gut หมายถึงการดูแลลำไส้ เพ?
385/1 ซอยแสนสุข ถนนพระราม4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย
Bangkok, 10110
ดีเค๊าท์ มีส่วนช่วยดูแลสุขภาพผู้เป
The Ninth Tower B, Rama 9 Road
Bangkok, 10310
We’re here to help you feel better, look younger, and lead a more joyful life through wellness pro
388/4 ถ. นวลจันทร์ แขวง นวลจันทร์ เขต บึงกุ่ม
Bangkok, 10230
An expert grower and extractor of 'medical grade' cannabis for health and wellness.