Digital Ventures

Digital Ventures ขอขอบคุณ The Asset Triple A Awards 2022 กับรางวัลยอดเยี่ยม "Editor's Triple Star" สำหรับแพลตฟอร์ม PayZave นวัตกรรมทางการเงินเพื่อช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจไทยให้ก้าวพ้นวิกฤตโควิด-19 ฉีกกฎการชำระเงินให้คู่ค้ารับ-จ่ายทันทีแบบไม่ต้องมีเครดิตเทอม
สำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการแพลตฟอร์ม PayZave สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.payzave.com หรือสอบถามข้อมูลได้ที่อีเมล [email protected]
ขอขอบคุณ MarketThink

ไทยพาณิชย์ – ดิจิทัล เวนเจอร์ส นำแพลตฟอร์ม PayZave คว้ารางวัล Editors’ Triple Star จากงาน The Asset Triple A Awards 2022 ซึ่งเป็นรางวัลยอดเยี่ยมที่ได้รับการคัดเลือกจากทีมบรรณาธิการของนิตยสาร The Asset มอบให้กับโซลูชั่นทางการเงิน....

It is another joyful moment appreciating Digital Ventures' intent to disrupt the global trade, being recognized as "2022 Best P2P Blockchain Solution" by CFI.co.

To enjoy the announcement: https://cfi.co/awards/asia-pacific/2022/digital-ventures-best-p2p-blockchain-solution-south-east-asia-2022/

Hearing from Digital Ventures Leaders how we can enrich your career, join DV Open House.

Visit us: www.dv.co.th

“PayZave” คืออีกหนึ่งความมุ่งมั่นจาก Digital Ventures ร่วมกับ SCB Thailand กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจไทยให้ก้าวพ้นวิกฤตโควิด-19 ฉีกกฎการชำระเงิน ให้คู่ค้าซัพพลายเชน รับ-จ่ายทันทีแบบไม่ต้องมีเครดิตเทอม เปิดทางรายใหญ่ช่วยรายเล็กบริหารสภาพคล่องแบบวินวิน
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถาม และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.payzave.com/
ขอขอบคุณ THE STANDARD

SCB ผนึกดิจิทัล เวนเจอร์ส เปิดตัวแพลตฟอร์ม PayZave ช่วยผู้ประกอบการขาดสภาพคล่องช่วงโควิด คาดสิ ธนวัฒน์ กิตติสุวรรณ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน GTS and Ecosystems ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดขอ.....

Unblock the power of Blockchain for supply chain, B2P is revolutionizing the efficiency of global trade driving higher value at rapid speed for buyers, suppliers and banks. With the speed it is moving collaborating with Partners, B2P is recognized by the Global Economic Awards as the “Fastest Growing FinTech Company” in 2020.
To learn more on B2P: https://www.digitalventures.co.th/believe.html

Digital Ventures in cooperation with the Bank of Thailand developing the Central Bank Digital Currency (CBDC) prototype......

UPDATE✨ผลการพัฒนาระบบต้นแบบการชำระเงินในภาคธุรกิจโดยใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง หรือ Central Bank Digital Currency: CBDC ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างแบงก์ชาติ เอสซีจี และบริษัทดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด โดยมีบริษัท ConsenSys เป็นผู้สนับสนุนด้านเทคโนโลยี ซึ่งผลการพัฒนาและทดสอบสรุปได้ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ การชำระเงินให้แก่ภาคธุรกิจได้เป็นอย่างดี 🌐✅
การพัฒนาระบบต้นแบบนี้ นับเป็นครั้งแรกของแบงก์ชาติที่ขยายขอบเขต CBDC ไปสู่ผู้ใช้งานในภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เท่าทันพัฒนาการของสกุลเงินดิจิทัลทั้งในและต่างประเทศที่อาจเข้ามามีบทบาทมากขึ้นต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินในอนาคต
สำหรับ ในปี 64 - 65 แบงก์ชาติจะมุ่งเน้นการศึกษาและพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลสำหรับภาคประชาชน ซึ่งการพัฒนา CBDC ให้สามารถใช้ได้ในวงกว้าง จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการดำเนินนโยบายทางการเงิน เสถียรภาพระบบการเงิน และบทบาทของสถาบันการเงินและธนาคารกลาง รวมถึงเปิดให้ ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนารูปแบบ CBDC ซึ่งจะส่งเสริมให้การทำธุรกรรมทางการเงินสามารถรองรับการพัฒนานวัตกรรมท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล
อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่ http://bit.ly/2OvDKkH
และหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม เราจะมาอัปเดตกันเป็นระยะนะครับ

#แบงก์ชาติ #สกุลเงินดิจิทัล

Unblock the power of Blockchain for supply chain, B2P is revolutionizing the efficiency of global trade driving higher value at rapid speed for buyers, suppliers and banks. B2P is recognized in the global Fintech community in the International Finance Forum as the “Best New Fintech Solution Provider”, a Winner of Technology Awards 2020.

To learn more on B2P: https://www.digitalventures.co.th/believe.html

Digital Ventures's cover photo

"มีตังค์" หนึ่งในนวัตกรรมที่สร้างสรรค์โดย Digital Ventures เพื่อปลดล็อกปัญหาของมนุษย์เงินเดือน ให้บริการเบิกเงินเดือนล่วงหน้าเป็นธนาคารแรกในไทย ผ่านแนวคิด "มีตังค์ทันทีไม่ต้องรอสิ้นเดือน" ทำได้ง่ายๆ บน SCB EASY

เปิดวาร์ปทางรอดมนุษย์เงินเดือน SCB ส่ง “มีตังค์” ให้เบิกเงินเดือนล่วงหน้าได้นะ!

SCB ปฏิวัติวงการบัญชีเงินเดือน (Payroll) เปิดตัว “มีตังค์” ที่ให้บริการ “เบิกเงินเดือนล่วงหน้า” (On-Demand Access Wages) เป็นธนาคารแรกในไทย ผ่านแนวคิดใหม่ “มีตังค์ทันทีไม่ต้องรอสิ้นเดือน” ทำได้ง่ายๆ บนแอพพลิเคชั่น SCB EASY เป็นทางเลือกใหม่ช่วยปลดล็อคปัญหาเมื่อพนักงานต้องการใช้เงินฉุกเฉิน ให้สามารถวางแผนการเงินจากรายได้ประจำของตนเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งหนี้นอกระบบ

คุณอรพงศ์ เทียนเงิน ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างพนักงานบริษัทผู้มีรายได้น้อยกว่า 30,000 บาท พบว่ามนุษย์เงินเดือนราว 80% ของกลุ่มตัวอย่างเคยกู้เงินนอกระบบ และ 88% มียอดเงินกู้น้อยกว่า 15,000 บาท ขณะที่ 57% ของกลุ่มตัวอย่างระบุว่าปัญหาหนี้สินทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง สอดคล้องกับผลวิจัยของอเมริกาที่สำรวจผลจากการมอบสวัสดิการนี้ให้กับพนักงานพบว่าสวัสดิการเบิกเงินเดือนล่วงหน้าช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการทำงาน สร้างความผูกพันกับองค์กร ช่วยให้อัตราการลาออกของพนักงานลดลง 28% และลดค่าใช้จ่ายในการจัดหาบุคลากร ซึ่งในต่างประเทศมีการมอบสวัสดิการเช่นนี้อย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ บริการ “มีตังค์” ในช่วงแรกนี้จะทำงานร่วมกับ วิลล่ามาร์เก็ท และ อำพลฟูดส์ เชื่อว่าบริการนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงานบริษัท และจะช่วยแก้ปัญหาให้กับทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง ลดความเสี่ยงในการเป็นหนี้นอกระบบของพนักงานกลุ่มเป้าหมาย และจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศไทยได้

มีตังค์ เป็นหนึ่งในบริการพิเศษของ SCB Payroll Solution ด้วยแนวคิด รับเงินเดือนกับ SCB เรื่องดีๆ จะตามมา องค์กรที่สนใจใช้บริการ SCB Payroll Solution สามารถติดต่อตัวแทนบริการลูกค้า หรือ https://www.scb.co.th/th/payroll.html

ีตังค์ #มีตังค์ทันทีไม่ต้องรอสิ้นเดือน #รับเงินเดือนผ่านscbเรื่องดีจะตามมา

ทำความรู้จัก Challenger Bank ผู้ท้าชิงธนาคารที่พร้อม Disrupt โลกการเงินด้วยเทคโนโลยี

เรามักเคยได้ยินปรากฎการณ์ Disruption ในโลกการเงินที่ไม่ได้อยู่แค่การพัฒนาทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่อยู่ที่การประยุกต์ใช้โดยธุรกิจแนวใหม่ คือ Challenger Bank หรือธนาคารแนวใหม่ ซึ่งว่ากันว่ามีศักยภาพเปลี่ยนแปลงภาพการบริการทางการเงินทั้งโลกได้ สิ่งที่น่าสนใจคือผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมการเงินด้วยเทคโนโลยีอย่าง Challenger Bank ต่างจากธนาคารดั้งเดิมอย่างไรและศักยภาพที่ว่ากันว่าจะ Disrupt วงการการเงินโลกคืออะไร มาติดตามได้กับบทความโดย Digital Ventures

dv.co.th เรื่องราวของผู้ท้าชิงรายใหม่ของโลกการเงิน ที่มีศักยภาพเข้ามา Disrupt ธนาคารและสถาบันการเงินด้วยเทคโนโลยีให.....

[เทคโนโลยี Quantum Computing กับการไขความลับแห่งจักรวาล]
นอกจากการใช้ Quantum Computing ในเรื่องต่างๆ บนโลกแล้ว เทคโนโลยีนี้ยังต่อยอดการค้นคว้าความรู้ที่สนใจอย่าง “อวกาศ” ด้วย
ปัจจุบัน NASA คือหนึ่งในผู้ครองเทคโนโลยีควอนตัมที่มีประสิทธิภาพที่สุดอย่างเครื่อง D-Wave 2000Q สำหรับการวิจัยด้านเทคโนโลยีอวกาศในโครงการ Quantum Artificial Intelligence Laboratory (QuAIL) บนความร่วมมือระหว่าง NASA, Google และ สมาคมมหาวิทยาลัยด้านการวิจัยทางอวกาศ หรือ Universities Space Research Association (USRA)
โครงการนี้ทำการศึกษา Quantum Computing สำหรับแก้ปัญหาซับซ้อนเกี่ยวกับสภาวะของโลก อวกาศ และการสำรวจอวกาศ เช่น โครงการสำรวจดาวอังคาร โครงการ Kapler ที่คาดว่าจะเป็นดาวเคราะห์สำรองของโลก ตลอดจนการวางแผนการบินและการปฏิบัติการในอวกาศของ NASA ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
และได้วิธีการจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นด้วย
นอกจากประโยชน์ทางการศึกษาอวกาศแล้ว NASA QuAIL ยังได้ข้อค้นพบใหม่ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีควอนตัมที่สามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาในเรื่องอื่นๆ ได้เช่นกัน
ติดตามข้อค้นพบจากเทคโนโลยีควอนตัมได้เพิ่มเติมที่ Digital Ventures ในโอกาสต่อไป

[สร้างความปลอดภัยดิจิทัลอย่างไร้เงื่อนไขด้วย Quantum Key Distribution]
การเข้าระบบข้อมูลบน Digital Platform ในปัจจุบันมีโอกาสถูกแทรกแซงสูง เนื่องจากข้อจำกัดของรหัสฐาน Binarail (ระบบ 0/1) คืออีกหนึ่งเหตุผลที่ Quantum Computing จะเข้ามาพลิกบทบาทการทำธุรกรรมออนไลน์ให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น
Quantum Key Distribution (QKD) คือเทคโนโลยีกุญแจและแม่กุญแจที่ใช้วิธีการคำนวณเฉพาะของ Quantum Computing อย่าง Superposition ที่กล่าวไว้ข้างต้นมาสร้างกุญแจเฉพาะซึ่งไม่สามารถถอดรหัสได้ด้วยคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมได้
การแลกเปลี่ยนข้อมูลจะถูกเข้ารหัสด้วย Quantum Computing โดยส่งผ่านระบบอินเทอร์เน็ตทั่วไป ขณะที่กุญแจสำหรับเปิดอ่านข้อมูลจะส่งผ่าน Network ของ Quantum Computer ที่ต่อผ่านสาย Fiber ซึ่งมีระบบตรวจจับการเจาะโดยเฉพาะ ซึ่งมีจุดแข็งคือแม้จะมีโอกาสถูกเจาะเอาสำเนาข้อมูลไปแต่ก็ไม่สามารถอ่านได้ หรือหากมีการเจาะระบบเอากุญแจไป Quantum ก็สามารถตรวจจับการเจาะแล้วแจ้งไปยังผู้ใช้ได้
เทคโนโลยีนี้ถูกใช้ในการสื่อสารระหว่างเรือดำน้ำและทางการทหาร ซึ่งนี่คงเป็นอีกหนึ่งการยืนยันความปลอดภัยดิจิทัลอย่างไร้เงื่อนไขของ QKD ต่อการทำธุรกรรมบน Digital Platform ที่จะยิ่งมีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรายิ่งขึ้นอนาคต
ติดตามเรื่องราวข้อค้นพบจากเทคโนโลยีควอนตัมได้เพิ่มเติมที่ Digital Ventures ในโอกาสต่อไป

[Quantum Computing กับการจัดการจาราจรใน Smart City]
ระบบการคมนาคมในเมืองใหญ่เป็นระบบโยงใยซึ่งซับซ้อนเป็นที่สุด.ด้วยเหตุนี้ จึงมีแนวคิดนำ Quantum Computing มาผสานกับ Internet of Thing และ AI เพื่อแนะนำและควบคุมการจราจรภายในเมืองให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยคุณสมบัติของ Quantum Bit หรือ QuBit ที่สามารถคำนวณปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน จึงเหมาะกับการคำนวณวิธีแก้ปัญหาอันเกิดขึ้นมากมายภายในเมือง ผสานกับการอัพเดทข้อมูลโดย Internet of Things ที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ ป้ายจราจร ไปจนถึงกล้องและสัญญาณจาก Smartphone จะเป็นข้อมูลให้ AI บน Quantum Computing จัดการและแนะนำได้คล่องตัวกว่าเดิม
ตัวอย่างการใช้งานที่น่าสนใจ เช่น การช่วยสื่อสารกับ Autonomous Car ให้เลือกเส้นทางที่เหมาะสม การแนะนำรถสาธารณะหรือรถรับจ้างให้เดินทางไปยังจุดและเวลาที่มีคนชุกชุมเพื่อโอกาสให้บริการที่มากขึ้น หรือแม้แต่ช่วยจัดการจราจรเพื่อหลีกทางให้รถฉุกเฉิน
ระบบนี้ไม่เพียงแค่จัดการการคมนาคมในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่ยังดัดแปลงไปใช้จัดการระบบ Logistics ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศผ่านการขนส่งทางราง เรือ ไปจนถึงเครื่องบินได้แม่นยำด้วยระบบของ Quantum Computing
ติดตามเรื่องราวข้อค้นพบจากเทคโนโลยีควอนตัมได้เพิ่มเติมที่ Digital Ventures ในโอกาสต่อไป

อัพเกรดเทคโนโลยีความปลอดภัยของบัตรเครดิต นวัตกรรมเพื่อการเงินที่ปลอดภัยในทุกวัน ภาค 2

เมื่อเทคโนโลยี Deep Tech พา “บัตรเครดิต” ไปไกลกว่าแค่การสแกนแล้วจ่ายหรือยืนยันการซื้อด้วยลายนิ้วมือ ด้วยการเสริมความปลอดภัยจากการเข้ารหัสและจัดระเบียบธุรกรรมด้วย Blockchain รวมทั้งการใช้บัตรเครดิตโดยไม่ผ่านพนักงานขายด้วย Internet of Things จนนำไปสู่แนวคิดที่ว่าบัตรเครดิตอาจจะไม่อยู่ในรูปของ “บัตร” อีกต่อไป ทั้งหมดนี้คืออนาคตของบัตรเครดิตที่เราอยากให้ทุกท่านได้ทราบ จาก Blog โดย Digital Ventures

dv.co.th แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับบัตรเครดิตจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นในอนาคต ซึ่งหลายๆ เทคโนโลยีก็พร้อมจะเป็นช่อง....

“...ข้าพเจ้าเป็นพระราชินีตั้งแต่อายุ ๑๗ ปีเศษ ข้าพเจ้าได้ถวายรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ออกไปช่วยประชาชน แต่ข้าพเจ้าไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย ข้าพเจ้าจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ท่ามกลางประชาชน เพราะข้าพเจ้ารู้สึกว่าคนไทยเรานี่น่ารัก เมื่อข้าพเจ้าเห็นคนอายุน้อยกว่ามารอพบข้าพเจ้าก็เกิดความเอ็นดู ส่วนผู้อายุมากกว่าก็ให้ความเมตตาแก่ข้าพเจ้า ดังนั้นเราจึงอยู่ด้วยกันด้วยรู้สึกดีต่อกันเสมอมา และพยายามจะถ่ายทอดน้ำใจไปสู่กันและกัน...”
พระราชดำรัสในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
นับเป็นเวลานานกว่าหกทศวรรษที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการตามรอยพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยได้ออกเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรทั่วผืนแผ่นดินไทยด้วยพระวิริยะอุตสาหะ เมื่อทรงได้รับรู้ถึงสภาพปัญหาต่างๆ แล้ว จึงเป็นจุดเริ่มต้นของมูลนิธิและโครงการในพระราชดำริหลากหลายสาขาครอบคลุมในทุกด้านเสมือนเป็นการถ่ายเทน้ำพระทัยของพระองค์สู่พสกนิกรไทย ดั่งพระราชปณิธานที่ให้ไว้ ซึ่งโครงการในพระราชดำริล้วนมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ สร้างอาชีพสร้างงาน สร้างการศึกษา สร้างสุขอนามัยที่ดีให้แก่ราษฎรทุกหมู่เหล่า รวมถึงด้านการศาสนา การอนุรักษ์ด้านศิลปวัฒนธรรม หัตถกรรม การอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังปรากฏออกมาเป็นโครงการต่างๆ อาทิ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ โครงการป่ารักน้ำ โครงการสวนป่าเฉลิมพระเกียรติ โครงการอนุรักษ์ป่าและพันธุ์ไม้ โครงการพัฒนาที่ดิน โครงการพลิกฟื้นธนาคารควายไถนา โครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล โครงการฟื้นฟูทรัพยากรพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำจืดของไทย โครงการฟาร์มตัวอย่าง โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ โครงการหมอหมู่บ้าน ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี มูลนิธิสายใจไทยในการช่วยเหลือทหาร ตำรวจ พลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ เป็นต้น
โครงการทั้งหมดเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นับเป็นการยากที่จะสรรหาถ้อยคำใดๆ มาพรรณาได้อย่างหมดสิ้นในสิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้พสกนิกรไทยภายใต้ร่มพระบารมีเพื่อให้ได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประเทศชาติและประชาชนเป็นอเนกอนันต์ ณ โอกาสอันเป็นมิ่งมหามงคลนี้ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสภพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา ปวงข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานวโรกาสน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดปกปักษ์อภิบาลประทานพรให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเจริญด้วยจตุรพิธพรพิพัฒน์สวัสดิมงคล พระชนมายุยิ่งยืนนาน สถิตเป็นมิ่งขวัญแห่งปวงประชาสถาพรตราบกาลนิรันดร์เทอญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า คณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด

อัพเกรดเทคโนโลยีความปลอดภัยของบัตรเครดิต นวัตกรรมเพื่อการเงินที่ปลอดภัยในทุกวัน ภาค 1

บัตรเครดิตถือเป็นบริการทางการเงินที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้บริโภคมาอย่างยาวนานแต่เรื่องความปลอดภัยยังเป็นประเด็นที่ทุกคนให้ความสำคัญมาโดยตลอด แน่นอนว่าเทคโนโลยีการให้บริการบัตรเครดิตเองไม่เคยหยุดนิ่ง เพราะบรรดาผู้ให้บริการต่างพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้บัตรเครดิตเป็นช่องทางชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัย มากกว่าเดิม เทคโนโลยีเหล่านี้มีอะไรและทำงานอย่างไรบ้าง มาติดตามกันที่ Blog โดย Digital Ventures

dv.co.th เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยของบัตรเครดิตที่เรานำเสนอในบทความนี้เป็นสิ่งที่หลายคนอาจได้เห็นทั่วไปแล้วในต...

AI กับ Digital Fraud Detection ผู้ยับยั้งทุจริตในภาคอุตสาหกรรมการเงิน

“การทุจริตและอาชญากรรมทางการเงินดิจิทัล” เป็นปัญหาใหญ่ที่บั่นทอนอุตสาหกรรมการเงินทั่วโลก ซึ่งในปี 2016 ปัญหาดังกล่าวได้ก่อความเสียหายเป็นมูลค่าหลักแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากที่โลกการเงินหมุนเข้าหาโลกดิจิทัลมากขึ้น จึงเกิดแนวคิดในการนำเทคโนโลยีชั้นสูงอย่าง “Artificial Intelligence” เข้ามาช่วยยับยั้งและป้องกันปัญหาดังกล่าว มาติดตามรายละเอียดของเรื่องนี้ได้ที่ Blog โดย Digital Ventures

dv.co.th เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นถือเป็นดาบสองคมที่มีทั้งประโยชน์และโทษ แต่ทั้งนี้เราก็สามารถต่อยอดเทคโนโลยีเพื่.....

พัฒนายารักษาโรคด้วยการวิจัยเคมีระดับโมเลกุล
.
Qubit หรือ quantum bit เป็นหน่วยในการคิดคำนวณของ Quantum Computing ที่ต่างไปจากระบบ Binarial ฐาน 0/1 ในระบบคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิม การคำนวณของ qubit นั้นได้สร้างโอกาสในการแทนค่า algorithm ที่หลากหลายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลประโยชน์อย่างยิ่งในการผลิตยา ที่ต้องศึกษาระดับพันธะโมเลกุลขนาดเล็กรวมถึงต้องอาศัยการทดลองหลายครั้งเพื่อค้นพบสิ่งที่ดีที่สุด ด้วยคุณสมบัติข้างต้น Quantum Computing จึงถือว่ามีส่วนช่วยลดการสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สินที่ระหว่างการพัฒนาตัวยาใหม่ๆ และทำให้ได้ตัวยาที่มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น
.
Quantum Computing ไม่เพียงมีบทบาทในกระบวนการผลิตยาโดยตรงแล้ว ยังมีส่วนช่วยคำนวณการรักษาที่เฉพาะและตรงจุด จากความสามารถในการสร้างแบบจำลองส่วนที่เล็กที่สุดของธาตุและสารเคมีจนเกิดการค้นพบโมเลกุลที่เป็นต้นเหตุของโรค ช่วยให้พัฒนาวิธีการยับยั้งและรักษาโรคผ่านยาชนิดใหม่ๆ แม้กระทั่งการรักษาโรคทางสมองที่ซับซ้อนที่สุด ยังสามารถใช้เทคโนโลยีควอนตัมในการคำนวณว่าเมื่อผู้ป่วยได้รับยาจะไปมีผลต่อการลดความเจ็บปวดทางสมองได้อย่างไร จึงเป็นเรื่องน่าสนใจว่าเทคโนโลยีนี้จะนำสิ่งใหม่ๆ มาให้เราเห็นเพิ่มเติมในเรื่องใดอีกบ้าง
ติดตามเรื่องราวข้อค้นพบเกี่ยวกับ Quantum Computing ในโอกาสต่อไป ได้ที่ Digital Ventures

รัฐบาลจีนกับการปฏิรูป Peer-to-Peer Lending ที่กลายเป็นแชร์ลูกโซ่มูลค่าพันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ธุรกิจ Peer-to-Peer Online Lending ในจีนเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุดด้วยจำนวน Platform สูงสุดมากกว่า 3,000 แห่ง และมูลค่าเงินหมุนเวียนหลักแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ความรุ่งเรืองนี้นำมาซึ่งปัญหาใหญ่อย่างการเกิดแชร์ลูกโซ่ในรูปของ Peer-to-Peer Lending ซึ่งสร้างความเสียหายกับนักลงทุนจีนมากถึง 2 ล้านคน ตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่จำนวนที่รัฐบาลจีนจะมองข้ามได้ จึงได้เข้ามากำหนดแนวทางดูแลธุรกิจ และทำให้วัตถุประสงค์ของ Peer-to-Peer Lending “ผิดเพี้ยน” ไปจากเดิม มาติดตามประเด็นเหล่านี้ได้ที่ Blog โดย Digital Ventures

dv.co.th ความรุ่งเรืองถึงขีดสุดโดยปราศจากการควบคุมตั้งแต่แรก นำไปสู่ผลเสียหายกับประชาชนเป็นวงกว้าง และการควบคุ....

[5 Fintech Startup ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ร้อนแรงในปี 2019]
หลังจากที่เราได้นำเสนอภาพรวมการเติบโตของ Fintech Startup Ecosystem ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปแล้ว จะเห็นได้ว่ามูลค่าการลงทุนรวมที่สูงถึง 484.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ย่อมต้องมีการระดมทุนมูลค่ามากกว่า 10 ล้านเหรียญอยู่ด้วยอย่างแน่นอน Digital Ventures จึงรวบรวมบรรดา Startup ที่ได้รับเงินลงทุนมูลค่าสูงในปี 2018 และ 2019 ซึ่งถือเป็นดาวเด่นอันร้อนแรงของวงการมาแนะนำกัน
Moka - Startup ด้าน Fintech ที่ให้บริการด้านการชำระเงินและการจัดการทางธุรกิจจากประเทศอินโดนีเซีย ได้รับเงินลงทุนมากกว่า 24 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการระดมทุนรอบ Series B ซึ่งนำโดย Sequoia Capital India
C88 - Startup ด้าน Fintech จากประเทศสิงคโปร์ ให้บริการ Financial Service Marketplace ซึ่งเป็นการรวบรวมบริการจากสถาบันการเงินและธนาคารต่างๆ ไว้ในที่เดียว ซึ่งได้รับเงินลงทุนจากการะดมทุน Series C เป็นมูลค่า 28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Akulaku - Fintech Startup จากประเทศอินโดนีเซีย ให้บริการด้านสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับซื้อสินค้าและบริการโดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ปัจจุบันได้รับการระดมทุน Series D เป็นมูลค่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก Ant Financial เมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมา
Momo - ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินอันดับต้นๆ สัญชาติเวียดนาม ที่ผ่านมา Startup รายนี้ดึงดูดสถาบันลงทุนชั้นนำระดับโลกมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Goldman Sachs และ Standard Chartered ล่าสุด ได้เปิดระดมทุน Series C ได้รับเงินลงทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อปี 2018
Voyager - บริษัท Startup จากประเทศฟิลิปปินส์ ให้บริการกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ ช่องทางชำระเงิน รวมถึงสินเชื่อและ Loyalty Program ในปี 2018 Startup รายนี้ได้รับเงินระดมทุนรวมกันมากถึง 215 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมี Tencent บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากจีนร่วมลงทุนด้วย
จะเห็นได้ว่า Startup ส่วนใหญ่ที่ได้ระดมทุนมูลค่าสูงจะผสานบริการทางการเงินที่หลากหลาย รวมถึงมีบริการยอดฮิตอย่าง “สินเชื่อ” รวมอยู่ด้วย เนื่องจากประชากรในภูมิภาคนี้ไม่มีบัญชีธนาคารเกินกว่าครึ่งหนึ่งของประชากร ทำให้การสมัครบัตรเครดิตและสินเชื่อด้วยวิธีดั้งเดิมทำได้ยากกว่า จึงเป็นโอกาสของ Fintech Startup ที่นำเทคโนโลยีมานำเสนอ Solution รวมถึงประเมินความเสี่ยงเพื่อให้ธุรกิจสินเชื่อก่อกำไรได้ในภูมิภาคนี้
(สำหรับ Series การลงทุนของ Startup หมายถึงระดับความใหญ่ของการรับระดมทุนของ Startup โดยเริ่มนับจากระดับที่เล็กสุด คือ A ขึ้นไปจนถึง C ที่ใหญ่สุดทั้งนี้ ระดับ Series นั้นไม่ได้มีเกณฑ์ชัดเจน ขึ้นอยู่กับการประกาศของ Startup และมุมมองความเหมาะสมของนักลงทุน)
ติดตามความรู้น่าสนใจในแวดวง Fintech ได้ที่ Digital Ventures

[เมื่อเงินไหลมาสู่ Fintech Ecosystem ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริการทางการเงินก็มีโอกาสโตได้มากขึ้น]
เมื่อกล่าวถึงเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลายคนมักนึกถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหรือภาคการผลิตแปรรูปสินค้าที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อพูดถึงภาคบริการทางการเงิน ก็ต้องยอมรับว่าไม่มีประเทศใดที่โดดเด่นเป็นพิเศษ ยกเว้นสิงคโปร์ที่วางแผนเป็นศูนย์กลางด้านการเงินมาโดยตลอด แต่ล่าสุดในปี 2018 สถิติสำคัญก็บ่งชี้ว่าภาคบริการทางการเงินอาจกลายเป็นกำลังหลักทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ก็เป็นได้
CB Insight ระบุว่าข้อมูลยอดการระดมทุน Fintech Startup ของปี 2018 เพิ่มขึ้นถึง 143% จากปี 2017 ทั้งยังเป็นการลงทุนขนาดใหญ่กว่าเดิมชัดเจน เนื่องจากจำนวนการระดมทุนในปี 2018 มีการระดมทุนมูลค่ารวมถึง 484.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ปี 2017 มีการระดมทุนมูลค่าเพียง 199.42 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
.
ทั้งนี้จากข้อมูลของ CB Insight ระบุว่าปี 2018 เป็นปีที่นักลงทุนรายใหญ่ของเอเชียให้ความสนใจ Southeast Asia มากกว่าก่อน โดยเฉพาะ Softbank Japan และ Ant Financial ซึ่งลงทุนกับ Fintech Startup รายละหลักสิบล้านเหรียญสหรัฐฯ
จากลักษณะการลงทุนดังกล่าว คาดว่าจะช่วยให้ภาพรวมของบริการทางการเงินในภูมิภาคเติบโตขึ้น เนื่องจากมีช่องว่างในตลาด Financial Service จำนวนมาก ทั้งสัดส่วนการเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่ต่ำเพียง 47% จากจำนวนประชากรทั้งภูมิภาค รวมถึงมี SME เพียง 1 ใน 3 ของภูมิภาคเท่านั้นที่เข้าถึงเงินกู้ยืมเพื่อขยายธุรกิจ ซึ่ง Startup เหล่านี้ สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อขยายการเข้าถึงโอกาสทางการเงินแก่บุคคลและธุรกิจได้
ติดตามความรู้น่าสนใจในแวดวง Fintech ได้ที่ Digital Ventures

ปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence for Wildlife กับการพลิกวิถีอนุรักษ์สัตว์ป่า

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยี “ปัญญาประดิษฐ์” หลายคนมักมองไปยังการใช้งานในภาคธุรกิจ แต่เชื่อหรือไม่ว่า ด้วยความสร้างสรรค์และมุ่งมั่นของนักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยส่งมอบข้อมูลเชิงลึกของ “สัตว์ป่า” ที่ช่วยให้การวางแผนอนุรักษ์เป็นไปได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น มาติดตามประเด็นไปพร้อมกันได้ที่ Blog โดย Digital Ventures

dv.co.th ปัญหาใหญ่ระดับโลกที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ปัญหาหนึ่ง คงหนีไม่พ้นปัญหาการลดจำนวนลงอย่างมหาศาลของสัต.....

5 Benefits ที่คู่ธุรกิจจะได้รับจากการใช้ B2P
กระบวนการจัดซื้อเป็นหัวใจหลักของธุรกิจที่ทุกองค์กรต้องมี แต่ด้วยเทคโนโลยีรูปแบบเดิม ๆ อาจทำให้เกิดความยุ่งยาก ต้นทุนที่สูง และจำกัดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ ดังนั้นทาง Digital Ventures จึงได้พัฒนาระบบ “B2P” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับการจัดการกระบวนการจัดซื้อ ที่จะเปลี่ยน Supply Chain Operation ของธุรกิจคุณให้สะดวกกว่าที่เป็นอยู่ ด้วยคุณสมบัติ ดังนี้
1. เปลี่ยนเอกสารและขั้นตอนการจัดซื้อให้เป็น Digital
รองรับการนำส่งใบกำกับภาษีและใบแจ้งหนี้เข้าระบบได้จากหลายช่องทาง ช่วยลดเวลา ลดทรัพยากร ลดปัญหาเอกสารสูญหายระหว่างทาง ทั้งยังรองรับคู่ธุรกิจที่เป็นสมาชิกอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร ซึ่งอำนวยความสะดวก คู่ธุรกิจในการอัพโหลดใบกำกับภาษีด้วยชุดข้อมูลเดียวกัน ลดการใช้กระดาษในทุกขั้นตอนการดำเนินงาน
2. ตรวจสอบสถานะเอกสารได้ตั้งแต่ต้นจนจบแบบ Real-Time
มี Dashboard ที่ออกแบบรองรับการตรวจสอบข้อมูลแต่ละขั้นตอนได้ชัดเจน ทำให้ทราบว่าเอกสารอยู่ในระหว่างการดำเนินการในขั้นตอนใด และมีการแจ้งเตือนผ่านอีเมลเมื่อต้องการให้ดำเนินขั้นตอนต่าง ๆ ช่วยให้ผู้ใช้ไม่พลาดในทุกกระบวนการ
3. เพิ่มประสิทธิภาพตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารด้วยระบบอัตโนมัติ
ระบบจะช่วยตรวจสอบความถูกต้องของใบแจ้งหนี้หรือใบกำกับภาษี (Invoice) ร่วมกับใบสั่งซื้อ (PO) และใบรับสินค้า (GR) พร้อมทั้งรองรับการแก้ไขความถูกต้องของเอกสารแบบออนไลน์ได้ทันที ช่วยลดขั้นตอนที่ผู้ขายต้องนำส่งเอกสารใหม่ไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
4. เห็นข้อมูลชุดเดียวกันด้วย Distributed Ledger Technology แห่งการจัดการข้อมูล
ทุกฝ่ายตั้งแต่ผู้ซื้อ ผู้ขาย และผู้เกี่ยวข้องจะเห็นข้อมูลชุดเดียวกันในขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ช่วยให้ธุรกิจดำเนินได้รวดเร็ว ปลอดภัย และโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล
5. รับเงินโอนเข้าผ่านบัญชีแทนการรับ Cheque
รองรับการชำระเงินด้วยการโอนเงินเข้าบัญชี แทนการรับ Cheque ที่เสียเวลาและมีขั้นตอนยุ่งยาก นอกจากนี้ระบบยังเปิดช่องทางให้คู่ธุรกิจ สามารถขอรับบริการ Invoice Financing กับ SCB ได้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ธุรกิจอีกด้วย
หากภาคธุรกิจใดสนใจแพลตฟอร์ม B2P สามารถติดต่อได้ที่ Digital Ventures

[Nitrogenase เอนไซม์สู้ภาวะโลกร้อนที่สำรวจโดย Quantum Computing]
เมื่อ Quantum Computing เป็นเครื่องมือสำคัญในการสู้ภาวะโลกร้อน ด้วยการถอดรหัสเอนไซม์ Nitrogenase
ในวงการชีวเคมี Nitrogenase นับเป็นเอนไซม์ปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์พยายามถอดรหัส เพราะมีความสำคัญต่อระบบนิเวศในสิ่งเเวดล้อม เนื่องจากเป็นชีวโมเลกุลที่อยู่ร่วมกับชีวภาคต่าง ๆ ทั้งแบคทีเรียในดินรวมทั้งปะการังในทะเล ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้กำลังได้รับผลกระทบและเป็นตัวแปรหนึ่งในวงจรการเกิดภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในปัจจุบัน
การศึกษากลไกทางชีวเคมีของเอนไซม์ Nitrogenase โดยคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมต้องใช้เวลาหลายร้อยวันในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเอนไซม์ที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างอิเล็กตรอนกว่า 50 ตัว แต่ Quantum Computing กลับสามารถอดรหัส Nitrogenase ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายภายในเวลาอันสั้น ทำให้เห็นปรากฎการณ์ใหม่ๆ ของเอนไซม์ชนิดนี้ นำไปสู่การประยุกต์ใช้เพื่อสู้กับปัญหาโลกร้อน เช่น การเร่งกระบวนการผลิตปุ๋ยจากความสามารถของ Nitrogenase ดึงไนโตรเจนในอากาศมาพัฒนากระบวนการผลิตปุ๋ยที่จะใช้เวลาเร็วขึ้นและลดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งจากความสามารถดังกล่าวของ Nitrogenase ก็ได้รับการต่อยอดมากมาย ทั้งใช้ลดปริมาณก๊าซไนโตรเจนในอากาศที่ส่งผลต่อการเกิดภาวะเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ หรือแม้กระทั่งลดอัตราการฟอกขาวของปะการังในทะเล โดยอาศัยปฏิกิริยาเคมีของเอนไซม์ตัวนี้ที่มีต่อชีวโมเลกุลในทะเลอีกด้วย
การพัฒนาที่เกิดขึ้นจากการค้นพบโดย Quantum Computing ได้ไขกล่องปริศนาใบหนึ่งของชีวเคมี ช่วยให้เกิดความเป็นไปได้ที่ตามมาอีกมากมายในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนที่ส่งผลต่อธรรมชาติและทุกชีวิตบนโลกใบนี้ รวมถึงโอกาสที่สองในการอยู่อาศัย รักษา และพัฒนาโลกใบนี้ได้อย่างยั่งยืน
ติดตามเรื่องราวข้อค้นพบจากเทคโนโลยีควอนตัมได้เพิ่มเติมที่ Digital Ventures ในโอกาสต่อไป

เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมข้าพระพุทธเจ้า คณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส จำกัด พระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

[ยุโรปกับช่องว่าง “มือใหม่” ด้านเทคโนโลยี Machine Learning]
หากพูดถึงภูมิภาคที่เจริญเติบโตเรื่องธุรกิจและอุตสาหกรรม หลายคนจะต้องนึกถึงยุโรป ทั้งด้วยประวัติศาสตร์ในฐานะเจ้าอิทธิพลทางเศรษฐกิจและนวัตกรรม แต่หากพูดถึงด้าน Digital Technology ต้องยอมรับว่ายุโรปโดยรวมยังตามหลังภูมิภาคอื่นพอสมควร เพราะช่องว่างด้านการพัฒนาตามภูมิภาคที่ทำให้ตัวเลขของยุโรปดูเป็น “มือใหม่” ด้าน Machine Learning
ทั้งนี้ จากรายงานของ State of Machine Learning in the Enterprise โดย O’Reilly ที่สำรวจบุคลากรในองค์กรธุรกิจมากกว่า 11,400 คนเมื่อปี 2018 ระบุว่า ยุโรปมีสัดส่วนผู้ที่เพิ่งรับ Machine Learning ในธุรกิจไม่เกิน 2 ปีหรือ Explorer สูงที่สุดถึง 51 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ภูมิภาคอื่นอย่างเอเชียและอเมริกานั้นอยู่ที่ราว 48 กับ 46 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
หากมองในรายละเอียดจะพบว่ากลุ่มที่ทำ Machine Learning ไม่เกิน 2 ปีจากภูมิภาคยุโรปตะวันออกมีมากถึง 57 เปอร์เซ็นต์ ส่วนภูมิภาคยุโรปตะวันตกมีคนกลุ่มนี้ราว 49 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ ยังพบว่าผู้ที่ทำงานด้าน Machine Learning นานกว่า 5 ปี ในยุโรปตะวันตก มีสัดส่วนมากถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ใกล้เคียงกับอเมริกาเหนือ ขณะที่กลุ่มที่ทำงานนานกว่า 5 ปีในยุโรปตะวันออก มีเพียง 9 เปอร์เซ็นต์
สถิติดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างใหญ่ที่ทำให้ยุโรปกลายเป็น “ผู้ตาม” สำหรับเทคโนโลยี Machine Learning เมื่อเทียบกับภูมิภาคอเมริกาเหนือและเอเชีย อย่างไรก็ตาม ยุโรปตะวันตกเองยังคงเป็นศูนย์กลางด้านการเงินและอุตสาหกรรมของโลก ส่วนยุโรปตะวันออกแม้จะมีสัดส่วนผู้เชี่ยวชาญน้อยกว่า แต่ก็อยู่ในบทบาทที่โดดเด่นด้านการรับจ้างผลิตสินค้าที่ Machine Learning จะเข้าไปมีส่วนยกระดับร่วมกับ Internet of Things และ 5G ในไม่ช้า ดังนั้น แม้จะเป็นดูมือใหม่ แต่ก็เป็นมือใหม่ที่มีโอกาสเติบโตได้มากทีเดียว
ติดตามเรื่องราวของ Deep Technology ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและชีวิตประจำวันได้ที่ Digital Ventures

[อเมริกาเหนือ กับการเป็นผู้บุกเบิกด้าน Machine Learning ในธุรกิจของโลก]
ในยุคที่ Digital Technology ถือเป็นความจำเป็นทั้งในการทำธุรกิจ และชีวิตประจำวัน สหรัฐฯ ถือเป็นประเทศที่มีส่วนพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ที่ทำให้โลกมีหน้าตาแบบในปัจจุบัน เห็นได้จาก Product และ Service ด้านเทคโนโลยีมากมายที่ใช้กันนั้น มาจากบรรดา Tech Company ยักษ์ใหญ่ที่ริเริ่มธุรกิจในสหรัฐฯ ทั้งสิ้น
ไม่เว้นแม้แต่การใช้เทคโนโลยีในเชิงธุรกิจ สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ในอเมริกาเหนืออย่างแคนาดา ก็ถือเป็นผู้ริเริ่มนำ Machine Learning มาช่วยธุรกิจดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ อ้างอิงจากรายงานของ State of Machine Learning in the Enterprise โดย O’Reilly เมื่อปี 2018 ที่สำรวจบุคลากรในองค์กรธุรกิจมากกว่า 11,400 คน ระบุว่าสหรัฐฯ มีสัดส่วนบุคลากรที่ทำงานกับ Machine Learning มากกว่า 5 ปี สูงถึง 18 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยุโรปมีเพียง 13 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเอเชียมีเพียง 11 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงความเป็นผู้นำด้านการริเริ่มและพัฒนาเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่มีมาอย่างยาวนาน รวมถึงการเป็นประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย Digital Technology จาก Tech Company ซึ่งบริษัทสหรัฐฯ ล้วนนำ Machine Learning ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ภาคการเงิน ภาคบริการ ไปจนถึงภาคสาธารณสุข
ติดตามเรื่องราวของ Deep Technology ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและชีวิตประจำวันได้ที่ Digital Ventures

[เอเชีย กับ Machine Learning ที่บูมเพราะ E-Commerce]
หากพูดถึงการใช้ Digital Technology เอเชียถือว่าเป็นภูมิภาคที่มีการนำมาใช้อย่างน่าจับตามองที่สุดจากขนาดตลาดที่ใหญ่และแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังดำเนินอยู่ โดยเฉพาะภาค E-Commerce ซึ่งกำลังเร่งเครื่องพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวล้ำจนน่าตกใจ
เอเชียมีสัดส่วนบุคลากรในภาคธุรกิจที่นำ Machine Learning มาใช้มากกว่า 2 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี หรือกลุ่ม Early Adopter สูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ จากรายงาน State of Machine Learning in the Enterprise โดย O’Reilly เมื่อปี 2018 ที่สำรวจบุคลากรในองค์กรธุรกิจมากกว่า 11,400 คน โดยจำนวนนี้มากกว่ายุโรปและอเมริกาเหนือซึ่งมีสัดส่วนเท่ากันที่ 36 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ คาดว่าตัวเลขดังกล่าวมาจากธุรกิจ E-Commerce ที่กำลังเบ่งบานทั่วเอเชียในช่วง 2-4 ปีที่ผ่านมา โดยมีการใช้ Machine Learning เพื่อ Recommend สินค้าให้กับ User หลักล้านคนในแต่ละประเทศ เช่น จีน อินเดีย รวมถึงไทย
อย่างไรก็ตาม หากดูในกลุ่มที่ใช้งาน Machine Learning มากกว่า 5 ปีขึ้นไป จะพบว่าเอเชียมีสัดส่วนที่ไม่สูงนักอยู่ที่ 11 เปอร์เซ็นต์ จึงเห็นได้ว่าการรับเทคโนโลยีมาใช้ของเอเชียนั้นเกิดจากการเห็นแนวโน้มทางเศรษฐกิจมากกว่าการเป็นผู้คิดค้นและพัฒนาตั้งแต่แรกเริ่ม ความคิดนี้ส่งให้เอเชียเกิดกระแสการใช้ Machine Learning ในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเงิน ค้าปลีก ไปจนถึงประกันภัย
ติดตามเรื่องราวของ Deep Technology ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและชีวิตประจำวันได้ที่ Digital Ventures

ส่อง Application ในโลกการเงินของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ Neural Network

เมื่อพูดถึง Neural Network เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ดูซับซ้อนเกินกว่าจะถูกนำมาใช้ในภาคบริการ โดยเฉพาะบริการทางการเงินซึ่งอยู่ใกล้ตัวเรามาก แต่แท้จริงแล้ว Neural Network กำลังถูกพัฒนาให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในภาคบริการทางการเงินหลายทาง ตั้งแต่การคาดการณ์ตลาดที่แม่นยำ การเพิ่มรายได้จากการเข้าถึงลูกค้าให้แก่สถาบันการเงิน ไปจนถึงการยับยั้งทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้ มาติดตามกันว่า Neural Network ทำทั้งหมดนี้ได้อย่างไร กับ Blog โดย Digital Ventures

dv.co.th Neural Network ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีที่ไกลเกินกว่าจะถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน ทั้งยังต่อยอดให้สถาบันการเงินมีรายได้มา.....