ทนายความอำเภอชะอำ Lawyer at Cha-am District
ตำแหน่งใกล้เคียง การปฏิบัติตามกฎหมาย
10110
10110
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 22 อาคารเค ซอยสุขุมวิท 35 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา
10110
10110
10110
สำนักงานใหญ่ เลขที่ ๒๒ อาคารเค ซอยสุขุมวิท ๓๕ ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา
10110
สำนักงานใหญ่ เลขที่ ๒๒ อาคารเค ซอยสุขุมวิท ๓๕ ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา
10110
10110
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 22 อาคารเค ซอยสุขุมวิท 35 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา
10110
Sukhumvit
Sukhumvit
เครือข่ายทนายความ บริการ ให้คำปรึกษากฎหมาย
จัดหาทนายความที่มีความรู้และประสพการณ์ในคดี
โทร 089-226-8899
5. สู้คดีครอบครัวอย่างไรให้ชนะ
การสู้คดีครอบครัวมีความซับซ้อนทั้งในเชิงกฎหมายและอารมณ์ นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อบุคคลในครอบครัว โดยเฉพาะเด็ก ๆ ข้อแนะนำในการสู้คดีครอบครัวให้มีโอกาสชนะ มีดังนี้:
1. **เลือกทนายความที่เชี่ยวชาญในคดีครอบครัว**: คดีครอบครัวมีรายละเอียดเฉพาะและต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การเลือกทนายความที่มีประสบการณ์ในคดีครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ
2. **ทำความเข้าใจสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย**: ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับครอบครัวในประเทศของคุณ เช่น กฎหมายหย่า, กฎหมายการดูแลบุตร เพื่อให้ทราบถึงสิทธิและหน้าที่ของตัวเอง
3. **เก็บรวบรวมหลักฐาน**: รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น เอกสารสนับสนุนทางการเงิน, ข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตร, รายงานพยาน เป็นต้น
4. **รักษาความเป็นธรรมและซื่อสัตย์**: พูดความจริงในศาลและในการสื่อสารกับทนายความ การรักษาความซื่อสัตย์มีความสำคัญและจะช่วยให้ศาลพิจารณาอย่างเป็นธรรม
5. **สุขภาพจิตใจ**: คดีครอบครัวมักก่อให้เกิดความเครียด จึงควรรักษาสุขภาพจิตใจให้ดี การรับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษาครอบครัวอาจเป็นประโยชน์
6. **อยู่วางตัวเป็นกลาง**: พยายามลดความขัดแย้งและหลีกเลี่ยงการทำความเสียหายทางอารมณ์ หรือทำให้สถานการณ์แย่ลง
7. **ส่งเสริมความเป็นอยู่ของบุตร**: หากมีบุตร ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์และความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดสำหรับบุตร จะเป็นพลังในการสนับสนุนการตัดสินใจของศาล
8. **ประนีประนอมและเจรจา**: ในบางกรณีการเจรจาหรือประนีประนอมอาจจะดีกว่าในการสู้คดีจนถึงที่สุด การแสดงความยินยอมในการพูดคุยก็สามารถลดความขัดแย้งและประหยัดทุน
9. **เตรียมตัวสำหรับการพิจารณาคดี**: ฝึกซ้อมและเตรียมตัวสำหรับการให้การในศาล ความพร้อมจะทำให้คุณมั่นใจและช่วยลดความเครียด
10. **วางแผนการเงิน**: ตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีและจัดการการเงินไว้ล่วงหน้า เพื่อลดความกดดันทางการเงิน
การสู้คดีครอบครัวเป็นเรื่องที่ต้องการการเตรียมตัวอย่างละเอียดความรอบคอบ และการปรึกษาทนายผู้เชี่ยวชาญ การรักษาความเป็นธรรมและภาวะจิตใจที่ดีจะช่วยให้คุณมีโอกาสในการได้รับผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
***************************************
4. สู้คดีแพ่งอย่างไรให้ชนะ
การสู้คดีแพ่งให้ชนะมีขั้นตอนที่สำคัญดังนี้:
1. **หาทนายความ:** เลือกทนายความที่มีประสบการณ์ในคดีแพ่งเพื่อเป็นที่ปรึกษาและผู้แทนในคดี
2. **เก็บรวบรวมหลักฐาน:** รวบรวมและจัดเตรียมหลักฐานที่จะสนับสนุนข้อเท็จจริงที่ต้องการพิสูจน์ในคดี
3. **ศึกษารายละเอียดคดี:** ตรวจสอบคำร้องและคำตอบ รวมถึงเอกสารและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
4. **ค้นหาพยาน:** จัดหาพยานที่จะสามารถมายืนยันข้อเท็จจริงในคดีของคุณ
5. **พิจารณาเจรจาต่อรอง:** หากเป็นไปได้ เจรจาข้อต่อรองหรือการประนีประนอมข้อพิพาทเพื่อหาทางออกที่ยอมรับได้ทั้งสองฝ่าย
6. **เตรียมการสู้คดี:** วางกลยุทธ์ในการสู้คดีให้รอบคอบ และเตรียมตัวในการไต่สวนพยานและการสืบพยานในศาล
7. **ปฏิบัติตามคำแนะนำทนาย:** ฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำจากทนายความเพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปอย่างราบรื่น
การทำความเข้าใจในขั้นตอนและปฏิบัติตามกระบวนการอย่างถูกต้องสามารถเพิ่มโอกาสในการชนะคดีแพ่ง
หากต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม สามารถปรึกษาได้ที่เบอร์ 099 464 4445 หรือเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.สู้คดี.com
3. สู้คดีอาญาอย่างไรให้ชนะ
การสู้คดีอาญาให้ชนะมีขั้นตอนที่สำคัญดังนี้:
1. หาทนายความ: ติดต่อทนายความที่เชี่ยวชาญในคดีอาญา เพื่อขอคำปรึกษาและการเป็นตัวแทน
2. เก็บหลักฐาน: รวบรวมและเก็บรักษาหลักฐานทุกอย่างที่อาจเป็นประโยชน์ในการสู้คดี
3. ศึกษาข้อกล่าวหา: ศึกษาข้อกล่าวหาและเข้าใจรายละเอียดและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
4. สืบสวนสนับสนุน: ค้นหาพยานหรือหลักฐานที่อาจช่วยควบคุมข้อกล่าวหาหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์
5. พิจารณาข้อต่อรอง: ในบางกรณี การเจรจาข้อต่อรองกับฝ่ายโจทก์อาจเป็นทางเลือกที่ดี
6. เตรียมการสู้คดี: วางแผนการสู้คดีและเตรียมคำถามสำหรับพยาน
7. ปฏิบัติตามคำแนะนำทนาย: ฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำจากทนายความอย่างเคร่งครัด
การศึกษาขั้นตอนและการปฏิบัติตามกระบวนการกฎหมายอย่างถูกต้องสามารถช่วยเพิ่มโอกาสการชนะคดี
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
***************************************
2. สู้คดีอย่างไรให้ชนะ
การสู้คดีอย่างมีประสิทธิภาพและมีโอกาสชนะสูงมีขั้นตอนที่ควรพิจารณาดังนี้:
1. **เลือกทนายความที่เชี่ยวชาญ**: เลือกทนายความที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในประเภทคดีของคุณ เขาจะสามารถให้คำปรึกษาและแนวทางที่เหมาะสมได้
2. **เตรียมตัวให้พร้อม**: รวบรวมข้อมูล, หลักฐาน, และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีให้ครบถ้วน เอกสารเหล่านี้มีความสำคัญการพิจารณาคดีของศาล
3. **ศึกษาคดี**: เรียนรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องและกระบวนการศาล เข้าใจสิทธิและภาระหน้าที่ของคุณเอง
4. **ประสานงานกับทนายความ**: ร่วมมือกับทนายความในการเตรียมคดี อย่าละเลยที่จะถามถึงกระบวนการต่างๆ ที่คุณไม่เข้าใจ
5. **พยานและหลักฐาน**: หากมีพยานที่สามารถให้การเกี่ยวกับคดีของคุณ ควรเตรียมพยานให้พร้อม และเตรียมหลักฐานที่ชัดเจนและได้มาตรฐาน
6. **พิจารณาการเจรจาหรือการประนีประนอม**: หากมีโอกาสที่จะเจรจาหรือประนีประนอม ควรพิจารณาเพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี
7. **การเตรียมตัวก่อนการศาล**: ฝึกตนเองสำหรับการสอบปากคำหรือให้การในศาล ฝึกซ้อมกับทนายเพื่อให้ทราบคำถามที่จะถูกถาม
8. **รักษาความซื่อสัตย์**: พูดความจริงเมื่ออยู่ต่อหน้าศาล ความซื่อสัตย์ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ดี และทำให้ทนายสามารถช่วยเหลือได้เต็มที่
9. **สุขภาพที่ดี**: รักษาสุขภาพกายและจิตใจให้พร้อมเนื่องจากการสู้คดีอาจใช้เวลานานและมีความเครียด
10. **วางแผนการเงิน**: เตรียมค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี และพูดคุยกับทนายล่วงหน้าเกี่ยวกับค่าธรรมเนียม
การสู้คดีอย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยการเตรียมตัวที่ดี ทนายความที่มีฝีมือ และความรู้ความเข้าใจในกฎหมายและกระบวนการของศาล เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะคดีของคุณ
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 081 803 4097 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
***************************************
1. วิธีเลือกทนายความ
การเลือกทนายความที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ มีขั้นตอนดังนี้:
1. **ประเมินความต้องการของคุณ**: เริ่มจากการกำหนดประเภทของคดี เช่น คดีแพ่ง คดีอาญา คดีครอบครัว เป็นต้น
2. **ค้นหาและวิจัย**: ค้นหาทนายความที่มีประสบการณ์ตรงในประเภทของคดีที่คุณต้องการ ตรวจสอบรีวิวและคำแนะนำจากลูกค้าเก่า
3. **ตรวจสอบใบอนุญาต**: ต้องแน่ใจว่าทนายความมีใบอนุญาตที่ถูกต้องและเป็นสมาชิกของสภาทนายความ
4. **สัมภาษณ์ทนาย**: พูดคุยกับทนายเพื่อสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์, วิธีการทำงาน, ค่าบริการ, และแนวทางการแก้ไขปัญหา
5. **พิจารณาความสะดวก**: ทนายควรมีสำนักงานหรือที่ตั้งที่สะดวกในการเดินทาง และสามารถตอบรับคำถามหรือข้อสงสัยของคุณได้รวดเร็ว
6. **เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย**: ตรวจสอบค่าใช้จ่ายและเงื่อนไขการจ่ายเงิน
7. **ความเข้ากันได้**: คุณควรรู้สึกสบายใจและมั่นใจในการทำงานร่วมกับทนายคนนี้
ทำตามขั้นตอนข้างต้นเพื่อช่วยให้คุณเลือกทนายความที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการช่วยแก้ไขปัญหาของคุณ
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
********************************
ทนายเล่าเรื่อง ค่าเลี้ยงดูบุตร ผิดนัดไม่ชำระตามที่ตกลงบังคับคดีได้
ฎีกาที่ 5467/2550
โจทก์จำเลยตกลงกันให้โจทก์เป็นฝ่ายชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเป็นรายเดือนในอนาคตและกำหนดวิธีการชำระเงินไว้ถูกต้องตรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1598/40 แล้ว เพียงแต่มีเงื่อนไขเป็นบทบังคับในกรณีไม่ปฏิบัติตามสัญญาว่าหากโจทก์ผิดสัญญาไม่ว่าข้อหนึ่งข้อใดหรืองวดหนึ่งงวดใด ให้ถือว่าโจทก์ผิดสัญญาทั้งหมดยอมให้จำเลยบังคับคดีเต็มตามจำนวนเงินตามข้อตกลงได้ทันที อันเป็นความประสงค์ของโจทก์จำเลยในการทำนิติกรรมสัญญาโดยไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตามมาตรา 150 จึงมีผลใช้บังคับกันได้โดยชอบ
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
*********************************
การสู้คดีอาญาให้ชนะมีขั้นตอนที่สำคัญดังนี้:
1. หาทนายความ: ติดต่อทนายความที่เชี่ยวชาญในคดีอาญา เพื่อขอคำปรึกษาและการเป็นตัวแทน
2. เก็บหลักฐาน: รวบรวมและเก็บรักษาหลักฐานทุกอย่างที่อาจเป็นประโยชน์ในการสู้คดี
3. ศึกษาข้อกล่าวหา: ศึกษาข้อกล่าวหาและเข้าใจรายละเอียดและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
4. สืบสวนสนับสนุน: ค้นหาพยานหรือหลักฐานที่อาจช่วยควบคุมข้อกล่าวหาหรือพิสูจน์ความบริสุทธิ์
5. พิจารณาข้อต่อรอง: ในบางกรณี การเจรจาข้อต่อรองกับฝ่ายโจทก์อาจเป็นทางเลือกที่ดี
6. เตรียมการสู้คดี: วางแผนการสู้คดีและเตรียมคำถามสำหรับพยาน
7. ปฏิบัติตามคำแนะนำทนาย: ฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำจากทนายความอย่างเคร่งครัด
การศึกษาขั้นตอนและการปฏิบัติตามกระบวนการกฎหมายอย่างถูกต้องสามารถช่วยเพิ่มโอกาสการชนะคดี
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
***************************************
มาตรา 1516 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของประเทศไทยกำหนดเหตุในการหย่าร้างดังนี้:
1. คู่สมรสคนหนึ่งประพฤติผิดอย่างร้ายแรง
2. ถูกจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด
3. การทอดทิ้งคู่สมรสอีกฝ่ายไปเกินกว่า 1 ปี
4. การกระทำของคู่สมรสฝ่ายหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้
5. คู่สมรสคนหนึ่งเป็นบ้า
6. การไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
7. การใช้ความรุนแรงโดยคู่สมรส
8. การไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติได้
9. คู่สมรสคนหนึ่งทำการแต่งงานใหม่ในต่างประเทศทั้งที่มีการสมรสในประเทศไทย
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม โปรดแจ้งให้ทราบครับ!
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง เช่าซื้อ ผ่อนบางไม่ผ่อนบางผลเป็นอย่างไร ดูเรื่องนี้ครับ
ฎีกาที่ 1042/2561
แม้ผู้เช่าซื้อจะผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้องวดใดงวดหนึ่ง ก็ไม่อาจถือว่าสัญญาเช่าซื้อต้องเลิกกันทันทีโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนตามสัญญาข้อ 6 เพราะอาจมีกรณีผู้ให้เช่าซื้อผ่อนผันการผิดนัดงวดนั้นดังที่ระบุในสัญญาข้อ 9 การที่โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อแล้ว 33 งวด โดยเป็นการชำระไม่ตรงตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญาแต่จำเลยยอมรับค่าเช่าซื้อดังกล่าว แสดงว่าจำเลยยอมผ่อนผันการผิดนัดครั้งนั้นให้โจทก์โดยไม่ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันทันทีเพราะเหตุโจทก์ผิดนัด นอกจากนี้ยังปรากฏว่า หลังจากมีการยึดรถขุดที่เช่าซื้อคืนมาแล้ว จำเลยยังส่งหนังสือแจ้งเตือนให้โจทก์ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 34 ถึงงวดที่ 36 อีก 2 ฉบับ โดยฉบับสุดท้ายขอให้โจทก์ติดต่อชำระเงินส่วนที่เหลือทั้งหมดพร้อมค่าใช้จ่าย มิฉะนั้นจำเลยจะนำรถขุดออกขายแก่บุคคลภายนอก เป็นพฤติการณ์ที่ประกอบกันแสดงให้เห็นว่าจำเลยยังคงผ่อนผันการผิดนัดให้โจทก์อีกเหมือนเช่นที่เคยปฏิบัติ โดยหากโจทก์นำค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระไปชำระแก่จำเลยพร้อมเบี้ยปรับฐานชำระล่าช้า จำเลยก็จะยินยอมให้โจทก์รับรถขุดที่เช่าซื้อกลับคืนไปและชำระค่าเช่าซื้อต่อไปจนกว่าจะครบตามสัญญา ส่วนหนังสือบอกเลิกสัญญาที่จำเลยให้ลูกจ้างของจำเลยนำติดตัวไปเพื่อดำเนินการยึดรถขุดแล้วลูกจ้างของจำเลยนำไปมอบให้แก่ผู้ขับรถขุดภายหลังจากทำการยึดรถขุดแล้วนั้น กรณีมิใช่การมอบให้แก่โจทก์หรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์ ทั้งหนังสือดังกล่าวมิได้กำหนดเวลาให้โจทก์ชำระหนี้ในเวลาอันสมควรเสียก่อน กลับมีการมอบให้ภายหลังการยึดรถขุด ทั้งข้อความในหนังสือดังกล่าวระบุว่าผู้เช่าซื้อผิดสัญญาจึงเลิกสัญญากับผู้เช่าซื้อขัดแย้งกับที่จำเลยยังคงออกหนังสือแจ้งเตือนให้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างภายหลังจากที่ยึดรถขุดคืนมาแล้วดังกล่าวการบอกเลิกสัญญาของจำเลยจึงไม่ชอบ สัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยยังไม่เลิกกัน จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดรถขุดที่เช่าซื้อคืนได้ การที่จำเลยยึดรถขุดดังกล่าวมา จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง เช่่าซื้อรถยนต์ ผู้เช่าซื้อเป็นโจทก์ฟ้องไฟแนนซ์ที่ยึดรถหลังจากมีคำพิพากษาแล้ว ศาลฎีกาพิพากษาว่า ไฟแนนซ์ไม่ได้กระทำละเมิด โจทก์ไม่ได้ขาดประโยชน์จากการใช้รถครับ ไม่เป็นละเมิดครับ
ฎีกาที่ 5714/2562
หนี้ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีอื่นนั้น มิใช่การอันมีกำหนดพึงกระทำเพื่อชำระหนี้มีหลายอย่างซึ่งลูกหนี้มีสิทธิที่จะเลือกกระทำเพียงการใดการหนึ่งแต่อย่างเดียวได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 198 แต่เป็นกรณีที่คำพิพากษาได้กำหนดขั้นตอนการชำระหนี้ไว้เป็นลำดับแล้ว กล่าวคือ โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาต้องส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนจำเลยก่อนเป็นลำดับแรก หากคืนไม่ได้จึงให้ใช้ราคาแทน ดังนั้น เมื่อรถที่เช่าซื้อยังอยู่ในสภาพที่ส่งมอบคืนได้ โจทก์จะเลือกปฏิบัติตามคำพิพากษาด้วยการชำระราคาแทนโดยไม่ส่งมอบรถคืนจำเลยไม่ได้ ที่โจทก์นำเงินราคาใช้แทนกับหนี้อย่างอื่นตามคำพิพากษารวม 274,468.09 บาท ไปวางศาลเพื่อชำระแก่จำเลย ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยยอมรับเงินราคาใช้แทนดังกล่าวไปจากศาล หรือมีพฤติการณ์อื่นที่แสดงว่าจำเลยสละสิทธิที่จะบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาในลำดับแรก โจทก์จึงไม่หลุดพ้นจากหนี้ที่จะต้องส่งมอบรถคืน การที่โจทก์นำเงิน 274,468.09 บาท ไปวางศาลจึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้เสร็จสิ้นครบถ้วนตามคำพิพากษา
เมื่อโจทก์ยังมีหนี้ที่ต้องส่งมอบรถคืนแก่จำเลยและไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะครอบครองใช้รถของจำเลยได้โดยชอบอีกต่อไป แม้จำเลยผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์จะติดตามเอารถคืนโดยไม่ได้ร้องขอต่อศาลให้บังคับคดีโดยทางเจ้าพนักงานบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค 4 ก็ตาม ก็ไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเพราะขาดประโยชน์ที่ไม่ได้ใช้รถหรือเสียโอกาสที่จะได้กรรมสิทธิ์ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบที่จะเป็นละเมิด ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำละเมิดและพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง การเช่าซื้อรถจะซื้อในนามตนเองหรือตัวแทนก็ได้ ใครครอบครองรถ ใครชำระเงินดาวน์หรือผ่อนชำระคนนั้นเป็นผู้เสียหาย ดูคำพิพากษาคดีนี้ครับ
ฎีกาที่ 6117/2562
สิทธิที่จะได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตามสัญญาเช่าซื้อไม่ใช่สิทธิเฉพาะตัว การที่ผู้เสียหายที่ 2 ขอให้จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถกระบะจากผู้เสียหายที่ 1 แทนผู้เสียหายที่ 2 ถือได้ว่า ผู้เสียหายที่ 2 มอบหมายหรือเชิดจำเลยเป็นตัวแทนในการทำสัญญาเช่าซื้อรถกระบะจากผู้เสียหายที่ 1 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 821 แม้จำเลยมีชื่อเป็นผู้เช่าซื้อ แต่จำเลยเป็นเพียงตัวแทนของผู้เสียหายที่ 2 ผู้เสียหายที่ 2 เป็นผู้มีสิทธิครอบครองรถที่เช่าซื้อ การที่จำเลยเอารถที่เช่าซื้อไปจากผู้เสียหายที่ 2 เป็นการแย่งการครอบครองและเป็นการบังคับสิทธิทางแพ่งของตนโดยพลการ จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้ว แต่พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องไม่ร้ายแรง หลังเกิดเหตุจำเลยส่งมอบรถคันเกิดเหตุคืนให้แก่ผู้เสียหายที่ 2 ถือได้ว่าจำเลยพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดแล้ว ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการกำหนดโทษไว้ ซึ่งน่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยและสังคม แม้จำเลยไม่ได้กล่าวอ้างปัญหาข้อนี้ในชั้นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายยเล่าเรื่อง เช่าซื้อรถมา รถไม่หายเอาความเท็จไปแจ้งความ เป็นความผิดทางอาญาครับ
ฎีกาที่ 981/2561
การที่จำเลยรู้ว่ามิได้เกิดเหตุลักทรัพย์รถกระบะ แต่กลับแจ้งแก่พนักงานสอบสวนว่ามีคนร้ายลักทรัพย์รถกระบะที่จำเลยเช่าซื้อไป เพื่อจะนำเงินที่ได้รับจากบริษัทผู้รับประกันภัยไปชำระค่างวดแก่ธนาคาร ก. ผู้ให้เช่าซื้อ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 173 อันเป็นบทบัญญัติเฉพาะแล้ว ไม่จำต้องปรับบทตามมาตรา 137 อันเป็นบทบัญญัติว่าด้วยการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานทั่ว ๆ ไปอีก และเมื่อไม่เกิดมีความผิดอาญาฐานลักทรัพย์เกิดขึ้นในคดีนี้ จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 172
มาตรา 173 “ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่า ได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท”
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง ทำสัญญาเช่าซื้อแทนบุุคคลอื่น ซื่งเครดิตไม่ผ่านหรือติดเครดิตบูโร ตนต้องรับผิดชอบตามสัญญาเช่าซื้อนั้น
ฎีกาที่ 5367/2562
คดีนี้จำเลยที่ 1 ให้การว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อแทนจำเลยร่วม คดีจึงมีประเด็นว่า จำเลยร่วมต้องรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อต่อโจทก์หรือไม่ โดยโจทก์นำสืบว่าโจทก์ไม่ทราบว่าจำเลยร่วมเกี่ยวข้องกับการเช่าซื้อรถยนต์พิพาท ส่วนจำเลยร่วมยอมรับว่าจำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อแทนจำเลยร่วมจริง ซึ่งศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่า จำเลยร่วมในฐานะตัวการไม่เปิดเผยชื่อต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ต่อโจทก์ จึงถือว่าประเด็นที่ว่าจำเลยร่วมเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อหรือไม่ เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น
การที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์แทนจำเลยร่วมโดยโจทก์ไม่ทราบมาก่อน จำเลยร่วมจึงอยู่ในฐานะเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อยอมให้จำเลยที่ 1 ตัวแทนแสดงออกนอกหน้าเป็นตัวการไปทำสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 806 ตอนท้ายบัญญัติว่า ถ้าตัวการผู้ใดได้ยอมให้ตัวแทนของตนทำการออกหน้าเป็นตัวการไซร้ ท่านว่าตัวการผู้นั้นหาอาจทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของบุคคลภายนอกอันเขามีต่อตัวแทน และเขาขวนขวายได้มาแต่ก่อนที่รู้ว่าเป็นตัวแทนนั้นได้ไม่ ดังนั้น เมื่อมีการผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ และโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนย่อมผูกพันและต้องรับผิดตามสัญญาเช่าซื้อที่ทำไว้กับโจทก์ จำเลยร่วมหาอาจทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของโจทก์ในอันที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 เนื่องจากจำเลยที่ 1 ผิดสัญญากับโจทก์ได้ไม่ และเมื่อจำเลยทั้งสองชำระหนี้ให้โจทก์แล้วจะไปไล่เบี้ยเอากับจำเลยร่วมได้อย่างไรก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันต่อไป จำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง เป็นผู้ค้ำประกันก็ต้องทำใจ ก้มหน้ารับกรรมครับ
ฎีกาที่ 5788/2562
จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันเป็นประกันการชำระหนี้และการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อก่อนวันที่ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ.2557 ใช้บังคับ โดยพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวไม่ได้บัญญัติถึงการใช้บังคับมาตรา 681/1 ไว้เป็นอย่างอื่น ข้อสัญญาที่กำหนดให้จำเลยที่ 2 รับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมจึงใช้บังคับได้ ส่วนมาตรา 686 ที่แก้ไขใหม่ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 20) พ.ศ.2557 กำหนดให้เจ้าหนี้ต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด หากเจ้าหนี้มิได้มีหนังสือบอกกล่าวภายในกำหนดเวลา 60 วัน นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัด ให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากดอกเบี้ยและค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้บรรดาที่เกิดขึ้นภายหลังจากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวนั้น มาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวให้มาตรา 686 ใช้บังคับนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระหนี้ภายหลังที่พระราชบัญญัติฯ ใช้บังคับแล้ว และโจทก์มีหนังสือบอกกล่าวและบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยที่ 2 แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 แม้จะเป็นการบอกกล่าวล่วงพ้นกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ผิดนัด แต่การส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์กรณีที่สัญญาเช่าซื้อเลิกกันนั้นเป็นหนี้ประธาน มิใช่ดอกเบี้ย ค่าสินไหมทดแทน หรือค่าภาระติดพันอันเป็นอุปกรณ์แห่งหนี้ จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนหรือใช้ราคาแทนแก่โจทก์
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง การเช่าซื้อรถยนต์ ถ้าผู้เช่าซื่อได้คืนรถยนต์ไปแล้ว ไม่สามารถเรียกค่าขาดประโยชน์หรือส่วนต่างได้
ฎีกาที่ 4607/2562
แม้ตามสัญญาเช่าซื้อ ข้อ 12 จะให้สิทธิผู้เช่าซื้อในการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อเสียเมื่อใดก็ได้ โดยผู้เช่าซื้อจะต้องส่งคืนและส่งมอบรถยนต์ในสภาพที่ซ่อมแซมเรียบร้อยและใช้การได้ดีในสภาพเช่นเดียวกับวันที่รับมอบรถยนต์ไปจากเจ้าของพร้อมทั้งอุปกรณ์ และอะไหล่ทั้งหมดให้แก่เจ้าของ ณ สำนักงานของเจ้าของ แต่สัญญาข้อดังกล่าวยังระบุเงื่อนไขต่อไปอีกว่า ”และชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญานี้อยู่ในเวลานั้นทันที..." แสดงให้เห็นว่า กรณีที่จะถือว่าเป็นการเลิกสัญญาตามสัญญาเช่าซื้อข้อดังกล่าว ก็ต่อเมื่อจำเลยที่ 1 ต้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์พร้อมกับชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญานี้อยู่ในเวลาที่ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์แล้ว เมื่อโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่า นอกจากจำเลยที่ 1 จะส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์แล้ว จำเลยที่ 1 ได้ชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระหรือเป็นหนี้ตามสัญญาแก่โจทก์ทันที อันเป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาเพื่อใช้สิทธิเลิกสัญญา กรณีจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อตามสัญญาข้อ 12 ที่จะทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาตามสัญญาข้อ 13 พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์โดยไม่ปรากฏข้อโต้แย้งคัดค้านของโจทก์ ถือว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่างสมัครใจเลิกสัญญาต่อกันโดยปริยาย โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคาอันเป็นค่าเสียหายตามข้อตกลงในสัญญาเช่าซื้อได้“
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง หย่าแล้วก็ฟ้องชู้ได้
ฎีกาที่ 4261/2560
โจทก์ในฐานะภริยามีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่แสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีในทำนองชู้สาว ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1523 วรรคสอง แม้ขณะฟ้องจะได้จดทะเบียนหย่ากันแล้ว กรณีมิใช่การกระทำละเมิด
ส่วนปัญหาจำเลยต้องใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์หรือไม่ เห็นสมควรวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนให้ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย เนื่องจากคู่ความได้สืบพยานกันเสร็จสิ้นแล้ว
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง เหตุฟ้องหย่าว่าด้วยกฎหมายครอบครัว มาตรา 1516 หย่าหรือไม่หย่าให้ดูการวินิจฉัยของศาลครับ
ฎีกาที่ 157/2561
การที่จำเลยมีหนังสือร้องเรียนโจทก์ในเรื่องความประพฤติส่วนตัวของโจทก์ ซึ่งจำเลยในฐานะภริยาย่อมต้องมีความรักและหึงหวงสามีอันเป็นสิทธิของจำเลยย่อมกระทำได้ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาว่ากล่าวตักเตือนโจทก์ อีกทั้งโจทก์ไม่ได้ถูกดำเนินการทางวินัยแต่อย่างใด การที่จำเลยฟ้องเรียกค่าทดแทนจาก ส. เป็นอีกคดีหนึ่งจนศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ ส. ชำระค่าทดแทนแก่จำเลย 500,000 บาท ก็แสดงให้เห็นว่าจำเลยได้กระทำเพื่อรักษาสิทธิในครอบครัวเพื่อไม่ให้ ส. เข้ามาเกี่ยวข้องกับโจทก์ซึ่งเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยอันจะทำให้เกิดความร้าวฉานในครอบครัว แม้จำเลยจะเป็นผู้ออกจากบ้านพักโจทก์ไปก็เพราะโจทก์เปลี่ยนกุญแจบ้านทำให้จำเลยกลับเข้าไปในบ้านไม่ได้ ก็ไม่ใช่กรณีที่จำเลยสมัครใจแยกกันอยู่กับโจทก์ ทั้งพฤติกรรมของโจทก์ก็เป็นฝ่ายไปยกย่องหญิงอื่นคือ ส. เป็นภริยา จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยละทิ้งร้างโจทก์ไปเกินกว่าหนึ่งปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (4)
ส่วนที่จำเลยเพียงแต่ใช้นิ้วจิ้มที่หน้าอกและยันที่หน้าอกของ ท. มารดาของโจทก์ 1 ครั้ง การกระทำดังกล่าวเป็นเพียงการใช้กิริยาที่ไม่เหมาะสมและไม่สมควรเยี่ยงบุตรสะใภ้พึงปฏิบัติต่อมารดาของสามีเท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นการทำร้ายร่างกายหรือจิตใจบุพการีอีกฝ่ายหนึ่งเป็นการร้ายแรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (3) จึงไม่มีเหตุฟ้องหย่าจำเลยได้
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง คำว่า “ชู้” ต้องกระทำโดยเปิดเผย
ฎีกาที่ 2588/2561
โจทก์นำสืบว่า จำเลยได้มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับ ช. สามีโจทก์ โดยได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งข้อความทางโทรศัพท์ ส่งข้อความ (Chat) ทางระบบเครือข่ายไลน์ มีการนัดหมายกันไปมีเพศสัมพันธ์กันตามสถานที่ต่างๆ และมีคลิปวิดีโอภาพการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับ ช. รวมถึง ช. ได้ส่งดอกไม้ให้จำเลยเป็นประจำ และโอนเงินเข้าบัญชีจำเลย โจทก์ได้มีหนังสือร้องเรียนถึงพฤติกรรมจำเลยไปที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคาร ก. เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมและตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยจำเลย แต่โจทก์มีตัวโจทก์มาเบิกความเพียงปากเดียวว่า จำเลยกับ ช. มีพฤติกรรมดังกล่าว แม้จำเลยยอมรับในรายงานกระบวนพิจารณาว่า จำเลยมีเพศสัมพันธ์กับ ช. จริง แต่จำเลยก็ไม่ได้รับว่าตนเองอยู่ในฐานะภริยาอีกคนของ ช. หรือ ช. ได้มีพฤติกรรมยกย่องตนเองฉันภริยาแต่อย่างใด ภาพถ่ายและคลิปวิดีโอโจทก์ได้มาจาก ช. ทั้งสิ้น โดย ช. เก็บไว้ในโน๊ตบุ๊ก flashdrive และ external harddisk ช. เป็นผู้อธิบายให้โจทก์ฟังว่าสถานที่ต่างๆ คือที่ใดแสดงให้เห็นว่า การที่โจทก์รู้เห็นถึงความสัมพันธ์ของ ช. กับจำเลยเกิดจากคำบอกเล่าของสามีของโจทก์เองหาใช่การกระทำของทั้ง ช. และจำเลยที่มีการแสดงออกโดยเปิดเผยจนเป็นที่รับรู้และเข้าใจต่อบุคคลอื่นไม่ ไม่ปรากฏพฤติกรรมว่า ช. ได้เลี้ยงดูยกย่องจำเลยเป็นภริยา หรือแยกไปอาศัยอยู่กินด้วยกัน หรือพาจำเลยไปเปิดตัวต่อผู้อื่นในที่ชุมชน หรือพาไปตามสถานที่ต่างๆ แบบเปิดเผย ไม่มีการแสดงออกทั้งภาพถ่าย และการระบุสถานะในสื่อสังคมออนไลน์ปรากฏต่อสาธารณชน ไม่มีพยานบุคคลอื่นที่รู้เห็นความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสองไม่ว่าพนักงานโรงแรม พนักงานรักษาความปลอดภัย บิดามารดา เพื่อร่วมงานของจำเลยที่ธนาคาร ก. ที่สาขาพัทยา เพื่อนร่วมงานของโจทก์ เพื่อนของ ช. ลำพังเพียงรูปถ่ายของจำเลยกับ ช. ที่ไปมีเพศสัมพันธ์ตามสถานที่ต่างๆ และคลิปวิดีโอที่โจทก์ได้มาจากสามีตนเอง ไม่ใช่สิ่งที่สื่อถึงเจตนาที่แท้จริงของบุคคลทั้งสองว่าต้องการมีความสัมพันธ์แบบเปิดเผย โจทก์กลับนำพยานหลักฐานต่างๆ เหล่านี้มาได้ด้วยความยินยอมของ ช. โจทก์ส่งภาพการมีเพศสัมพันธ์ของจำเลยกับ ช. ไปให้ ส. น้องสาวจำเลยทางเครือข่ายไลน์ ทำให้เป็นที่เผยแพร่ไปในสังคม อันเป็นการกระทำด้วยตัวโจทก์เอง หาใช่จำเลยเป็นคนเผยแพร่ไม่ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลสองคนที่ย่อมต้องปกปิด แอบลักลอบกระทำกันในที่ลับ จึงไม่อาจเรียกค่าทดแทนได้“
ทนายเล่าเรื่อง อุบัติเหตุใดอันเกิดจากสายไฟฟ้า สายสัญญาณ เสาไฟฟ้า ฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ที่ศาลยุติธรรม
ฎีกาที่ 1/2564
คดีนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โจทก์ ยื่นฟ้องบริษัท ท. จำกัด (มหาชน) จำเลย อ้างว่า จำเลยกระทำละเมิดโดยพาดสายสื่อสารโทรคมนาคมบนเสาไฟฟ้าของโจทก์ในพื้นที่อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ โดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายและมิได้รับอนุญาตจากโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย กับให้จำเลยรื้อถอนสายสื่อสารโทรคมนาคมออกจากเสาไฟฟ้าของโจทก์ หากไม่ดำเนินการให้โจทก์รื้อถอนโดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย เห็นว่า แม้โจทก์จะเป็นรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. ๒๕๐๓ มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าโดยรัฐเป็นเจ้าของกิจการ จึงเป็นหน่วยงานทางปกครอง ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่เหตุแห่งการฟ้องคดีสืบเนื่องมาจากการที่จำเลยพาดสายสื่อสารโทรคมนาคมบนเสาไฟฟ้าของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาต เนื้อหาในคดีจึงเป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและให้รื้อถอนสายสื่อสารโทรคมนาคมที่พาดบนเสาไฟฟ้าของโจทก์โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเนื่องมาจากการกระทำละเมิดและเป็นกรณีที่โจทก์ใช้สิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลยในฐานะเอกชนทั่วไปซึ่งไม่เข้าลักษณะคดีพิพาทซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ แต่เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนและงดเว้นกระทำการอันเกิดจากมูลละเมิดซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง บ้านคือวิมานของเรา แต่ถ้าก่อสร้างแล้วชำรุดบกพร่องใครต้องรับผิดชอบ
ฎีกาที่ 8088/2543
โจทก์ทั้งสามซื้อทาวน์เฮาส์หลังพิพาทมาในสภาพใหม่เพิ่งก่อสร้างเสร็จจากจำเลย และเข้าอยู่อาศัยใช้ประโยชน์ได้เพียง 6 เดือน ก็เกิดความชำรุดบกพร่องในส่วนสำคัญหลายรายการ จนไม่อาจใช้อยู่อาศัยได้อย่างปกติสุขหรือเหมาะสมแก่ประโยชน์อันมุ่งจะใช้เป็นปกติต่อไปได้ เป็นการชำรุดบกพร่องก่อนเวลาอันสมควร จึงหาใช่เป็นเรื่องที่ความชำรุดบกพร่องเกิดขึ้นจากธรรมชาติของการใช้สอยไม่ จำเลยผู้ขายย่อมต้องรับผิดในความชำรุดบกพร่องของทาวน์เฮ้าส์นั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา 472
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ปรึกษาทนายแบบสบายๆ
ทนายเล่าเรื่อง ส่งภาพลามกไปให้ผู้เสียหายดู เรียกเอาทรัพย์ เป็นความผิดฐานใด
ฎีกาที่ 1188/2561
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยนำภาพและวิดีโอลามกส่งเข้าระบบคอมพิวเตอร์ ส่งให้บุตรสาวโจทก์ดูเพื่อประจานโจทก์ ซึ่งมีเพียงจำเลยและบุตรสาวโจทก์เท่านั้นที่มีรหัสในการเข้าดูประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าดูได้หากไม่ทราบรหัส จึงไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (4)
จำเลยส่งข้อความทางผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตถึงโจทก์หลายครั้ง ขู่เข็ญโจทก์ให้จ่ายเงินจำเลย มิเช่นนั้นจะเปิดเผยความลับรูปภาพและวิดีโอที่โจทก์ไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายอื่น ในขณะที่ยังไม่ได้หย่าขาดจากจำเลย การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยขู่เข็ญจะเปิดเผยความลับ ซึ่งการเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหายครบองค์ประกอบความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ เมื่อโจทก์ไม่ยินยอมมอบเงินให้ตามที่จำเลยขู่เข็ญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามรีดเอาทรัพย์
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง ความผิดเกี่ยวกับการลักพาตัวเด็ก
ย่อสั้นฎีกาที่ 1140/2487
ฟ้องว่าจำเลยบังอาจเกลี้ยกล่อมพาเด็กอายุ 14 ขวบและ 12 ขวบไปจากผู้ปกครองโดยไม่ระบุว่าเด็กมิได้เต็มใจไปกับจำเลย ถือว่าฟ้องไม่เป็นความผิดตาม มาตรา 274 เกลี้ยกล่อมพี่สาวเด็กให้ลักเงินจากผู้ปกครองแล้วพาพี่สาวเด็กและเด็กไปจากผู้ปกครอง ไม่ถือว่าเป็นการจะหากำไรโดยตรงจากการลักพาเด็กตามเจตนาของมาตรา 275
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง พนักงานอัยการทุจริต
ฎีกาที่ 50/2563
จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน ผ่านการว่าความมาเป็นจำนวนมาก ย่อมคุ้นเคยกับการซักถามพยานในรูปแบบต่าง ๆ เป็นอย่างดี ข้อเท็จจริงปรากฏตามบันทึกการถอดเทปสนทนาระหว่างจำเลยกับ ภ. ว่า ภ. พยายามขอร้องให้จำเลยช่วยเหลือ อ. เพื่อมิให้ถูกดำเนินคดี ซึ่งจำเลยก็มิได้ปฏิเสธ เพียงแต่รอให้ ภ. เสนอจำนวนเงิน และเมื่อ ภ. ซักถาม จำเลยยังพูดอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับขั้นตอนการดำเนินคดีแก่ อ. เพื่อโน้มน้าวให้ ภ. เห็นว่าข้อหานำเมทแอมเฟตามีนเข้ามาในราชอาณาจักรมีอัตราโทษสูง ส่อแสดงว่าจำเลยตอบคำถามของ ภ. ด้วยความสมัครใจ แม้การแอบบันทึกภาพและเสียงการสนทนาระหว่างจำเลยกับ ภ. ตามแผ่นซีดีหมาย วจ.1 และ วจ.2 จะเป็นการแสวงหาหลักฐานโดยมิชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226 ก็ตาม แต่ ป.วิ.อ. มาตรา 226/1 บัญญัติให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบได้ ถ้าการรับฟังพยานหลักฐานนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสียอันเกิดจากผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญา ดังนั้น แม้แผ่นซีดีหมาย วจ.1 และ วจ.2 รวมทั้งบันทึกการถอดเทปสนทนาดังกล่าวจะได้มาโดยมิชอบ ศาลก็นำมารับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
แม้ขณะเกิดเหตุ ป.วิ.อ. มาตรา 226/1 จะยังไม่ประกาศใช้ แต่บทบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายวิธีสบัญญัติและมีผลใช้บังคับทันทีนับแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ คือวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 กรณีเช่นนี้หาใช่เป็นการใช้กฎหมายย้อนหลัง ศาลมีอำนาจนำบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.อ. มาตรา 226/1 มาใช้บังคับแก่คดีนี้ได้
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com
ทนายเล่าเรื่อง ทายาท หมดสิทธิรับมรดก
ด. จดทะเบียนสมรสกับโจทก์ที่ 1 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์(ฉบับเดิม) ในขณะที่ ด. มีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5อยู่แล้ว การสมรสระหว่างโจทก์ที่ 1 กับ ด. จึงเป็นโมฆะตามมาตรา 1490 และ 1445(เดิม) โจทก์ที่ 1จึงมิใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ด. ไม่มีสิทธิได้รับมรดกของ ด.แม้การสมรสระหว่างด. กับโจทก์ที่ 1จะยังไม่มีคำพิพากษาเพิกถอนหรือพิพากษาว่าเป็นโมฆะ แต่ศาลยกขึ้นวินิจฉัยว่าการสมรสเป็นโมฆะได้ เพราะจำเลยได้ต่อสู้เป็นประเด็นไว้
มรดกอยู่ระหว่างจัดการแบ่งให้ทายาท โจทก์ฟ้องคดีแม้จะเกิน 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตาย คดีก็ไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754
เอกสารมีข้อความว่า ’บัดนี้ ว. ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลได้จัดการแบ่งมรดกตามที่ควรได้เป็นจำนวนเงิน10,000 บาทไว้เป็นที่เรียบร้อยซึ่งผู้รับได้รับไว้ถูกต้องทุกประการแล้ว และขอรับรองไว้ในหนังสือนี้ว่า ข้าพเจ้าหมดสิทธิในกองมรดกทั้งหมดด้วย' ซึ่งโจทก์ที่ 1 ที่ 2ลงชื่อไว้ก็ตาม แต่ผู้จัดการมรดกบอกในวันทำเอกสารว่าใครมารับเงินก็ต้องเซ็นชื่อ ในวันทำเอกสารนี้โจทก์ที่2 ที่ 3 ยังไม่ทราบว่ามีที่ดินเป็นทรัพย์มรดกเพราะผู้จัดการมรดกไม่เคยบอกให้ทราบ ทั้งเอกสารก็ไม่ได้ระบุชัดว่าโจทก์ที่ 2 ที่ 3 ไม่ต้องการที่ดินมรดกดังนั้นที่โจทก์ที่ 2 ที่ 3 รับรองว่าหมดสิทธิในกองมรดกด้วยซึ่งหมายความถึงเฉพาะเงินอันเป็นส่วนแบ่งบางส่วนของกองมรดกซึ่งโจทก์ที่ 2 ที่ 3 ได้รับไปเท่านั้น โจทก์ที่ 2ที่ 3 ยังมีสิทธิรับที่ดินซึ่งเป็นมรดก‘
สู้คดีอะไร สู้คดีที่ศาลใหน ปรึกษาได้ที่ 099 464 4445 ค้นหาทนายได้ที่เวปไซต์นี้ www.สู้คดี.com ‘
32. ทนายเล่าเรื่อง ไม่ผิดสัญญาหมั้น ไม่สามารถเรียกค่าทดแทนหรือค่าเสียหายได้
คำพิพากษาฎีกาที่ 597/2540
โจทก์ตกลงแต่งานกับจำเลยที่3โดยวิธีผูกข้อมือแสดงว่าโจทก์และจำเลยที่3มิได้มีเจตนาจะทำการสมรสโดยจดทะเบียนสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1457ดังนั้นทรัพย์สินที่โจทก์มอบให้จำเลยทั้งสองจึงไม่ใช่ของหมั้นเพราะไม่ใช่ทรัพย์สินที่โจทก์มอบให้จำเลยทั้งสามเพื่อเป็นหลักฐานการหมั้นและประกันว่าจะสมรสกับจำเลยที่3และไม่ใช่สินสอดเพราะไม่ใช่ทรัพย์สินที่โจทก์ให้แก่จำเลยที่1และที่2บิดามารดาของจำเลยที่3เพื่อตอบแทนการที่จำเลยที่3ยอมสมรสตามมาตรา1437โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกคืน การที่จำเลยที่3ไม่ยอมให้โจทก์ร่วมหลับนอนนั้นเป็นสิทธิของจำเลยที่3เพราะการสมรสระหว่างโจทก์และจำเลยที่3จะทำได้ต่อเมื่อจำเลยที่3ยินยอมเป็นสามีภริยากับโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1457การที่จำเลยที่3ไม่ยินยอมหลับนอนกับโจทก์ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือผิดสัญญาหมั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนหรือค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1439และมาตรา1440
มีปัญหาปรึกษาทนายใกล้คุณ 099 464 4445 ค้นหาทนายใกล้คุณได้ที่เวปไซต์นี้ www.ทนายใกล้คุhttp://xn--k3c.com/
***************************************
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
วิดีโอทั้งหมด (แสดงผลทั้งหมด)
เบอร์โทรศัพท์
เว็บไซต์
ที่อยู่
Bangkok
10110
Sitthivorakit Bldg. (The Fifth) 9th Fl. Silom Road Soi 3 (Soi Pipat)
Bangkok, 10500
Integrity Legal (Thailand) Co. Ltd is a law office located in Bangkok, Thailand serving clients from
178 อาคารธรรมนิติ ชั้น 4 ซอยเพิ่มทรัพย์ ถนนประชาชื่น 20 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ
Bangkok, 10800
บริษัท ฝึกอบรมและสัมมนาธรรมนิติ จำกัด Dharmniti Seminar and Training Co.,Ltd.
100/11 Kae-ha Klongtoey 4 , Klongtoey
Bangkok, 10110
A charitable foundation in Bangkok's largest slum that for +40 years has given education and community services to the poorest of the poor
Bangkok, 10120
สัมภาษณ์ /รีวิวสินค้า ลงโฆษณา หรือ งานกฎหมาย ติดต่อ 081-258-5681
22 Soi Navamin 90 Navamin Road Ramintra Kannayao
Bangkok, 10230
MTC was established in 2001 to provide Engineering and Consulting services. Our team is ready to hel
14th Floor, GPF Witthayu Tower A 93/1 Wireless Road, Lumpini, Phatum Wan
Bangkok, 10330
LS Horizon Limited is a regional law firm established since 2000 with offices in Thailand and Lao PDR and associated firms in Singapore, Cambodia and Myanmar, which is capable of d...
1/41-1/42-1/43 Panthera Group Building (G Floor), Sukhumvit Soi 39 (Promphong)
Bangkok, 10110
Sunbelt Asia offers all your business needs, from starting a business to work permits and licenses. We also have an extensive listing of businesses in Thailand for sale.
428/174 Blue Lagoon, Kanchanabhisek Road
Bangkok, 10260
อยาไทย บริการทัวเอ็กซ์คลูซีฟทั่วโลกแบบส่วนตัว จัดกรุ๊ปสัมมนาดูงาน team building, leadership camp
28th Floor, BKI Tower 25 South Sathorn Road
Bangkok, 10120
Sage Capital is a SEC-approved financial advisor. Please visit our website www.sage-capital.biz
194 รามอินทรา52/1 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว
Bangkok, 10230
ประธานเครือข่าย ทนายคลายทุกข์ วิทยากรฝึกอบรม กฎหมาย/ทวงหนี้ คอลัมนิสต์โพสทูเดย์ Cop magazine
5/15 ถ. นนทรี แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา
Bangkok, 10120
Thailand's independent property consultants specializing in international standard valuation, survey