WAY

‘รถเมล์ท้องถิ่น’ 2 พรรคการเมืองมองต่างมุมอย่างไร?

ภายหลังร่างแก้ไข พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ที่นำเสนอโดย นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถูกควํ่ากลางสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 1 หลังมีมติไม่เห็นชอบ 251 ต่อ 151 เสียง ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าทำไม สส. ในฝ่ายรัฐบาลจึงควํ่าร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ซึ่งต่อมาทางพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลได้ออกมาให้เหตุผลว่า รถเมล์ท้องถิ่น ทำได้เลย! เพราะมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว ขณะที่พรรคประชาชนได้ออกมาโต้โดยให้เหตุผลว่า กฎหมายเดิมไม่ได้ให้อำนาจท้องถิ่นในทางปฏิบัติ โครงสร้างยังคงรวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลางเช่นเดิม

ที่มา:
-https://x.com/PheuThaiParty/status/1829055197806801009
-https://x.com/PPLEThai/status/1829090360271966251
https://www.parliament.go.th/section77/manage/files/file_20230901133928_3_287.pdf

“สมชาย นีละไพจิตร ถูกอุ้มหายในรัฐบาลทักษิณ ปีนี้ลูกสาวคุณทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยคุณทักษิณเองก็ยังมีบทบาททางการเมือง ก็อยากทราบว่าลูกสาวคุณทักษิณในฐานะนายกรัฐมนตรี จะคืนความเป็นธรรมให้ครอบครัวคนถูกอุ้มหายอย่างไร”

ข้างต้นคือเสียงสะท้อนจาก อังคณา นีละไพจิตร เนื่องใน #วันแห่งการรำลึกถึงผู้ถูกบังคับสูญหายสากล 30 สิงหาคม โดยครอบครัวของผู้ถูกบังคับให้สูญหายร่วมกับมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ องค์กร Protection International และมูลนิธิ Forum Asia จัดงานแถลงข่าว ‘Faces of the Victims: A Long Way to Justice ใบหน้าของเหยื่อ: เส้นทางที่ยาวไกลสู่ความยุติธรรม’ เพื่อทวงถามความคืบหน้าและยื่นข้อเรียกร้องต่อการแก้ปัญหาคนหายของรัฐไทย หลังมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 เป็นเวลาปีกว่า แต่กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ

ในการแถลงข่าวประกอบด้วยครอบครัวเหยื่อที่เข้าร่วมงาน อาทิ อังคณา นีละไพจิตร ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชน อดีตสมาชิกคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการสูญหายโดยถูกบังคับ (WGEID) วุฒิสมาชิก และภรรยาของทนายสมชาย นีละไพจิตร ซุย เม็ง (Shui Meng) ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและภรรยาของสมบัด สมพอน ผู้นำภาคประชาสังคมลาวที่ถูกบังคับสูญหายในปี 2012 พิณนภา พฤกษาพรรณ (มึนอ) ผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนสตรี และภรรยาของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยง ‘บิลลี่’ พอละจี รักจงเจริญ และ สีละ จะแฮ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชนเผ่าลาหู่ รวมถึงญาติของเหยื่อจากการบังคับสูญหายชาติพันธุ์ลาหู่

ทั้งนี้ ครอบครัวของผู้ถูกบังคับให้สูญหายได้ร่วมกันแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการยื่นข้อเรียกร้องผ่านการส่งจดหมายฉบับใหญ่เพื่อติดตามความยุติธรรมให้กับผู้สูญหายและครอบครัวให้กับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยติดแสตมป์หน้าซองเป็นรูปของบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหาย พร้อมยื่น 7 ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล

#วันผู้สูญหายสากล #สมชายนีละไพจิตร #สมบัดสมพอน #บิลลี่พอละจี #จะฟะจะแฮ

https://waymagazine.org/international-day-of-the-disappeared/

ตอนสร้างก็แค่อยากสูงๆ เด่นๆ

primitive comic by Antizeptic

ทอ. เลือกเครื่องบิน JAS-39 Gripen E/F จากสวีเดน ไทยได้อะไร

เมื่อกลางดึกของวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา กองทัพอากาศ (ทอ.) ได้เผยแพร่เอกสาร ข่าวกองทัพอากาศ ระบุว่า กองทัพอากาศได้ทำการคัดเลือกเครื่องบินขับไล่ (บข.) แบบใหม่ เพื่อทดแทน บข. แบบ 19/ก (F-16 A/B) ที่ประจำการใน ทอ. มาตั้งแต่ปี 2531 คณะกรรมการพิจารณาเลือกแบบและกำหนดวิธีการจัดหา กองทัพอากาศ ได้ลงมติเอกฉันท์เลือกเครื่องบินขับไล่แบบ JAS-39 Gripen E/F จากบริษัท SAAB ประเทศสวีเดน จำนวน 1 ฝูง 12 ลำ มูลค่า 60,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากปี 2568-2577 ทำให้ SAAB กำชัยเหนือ F-16 Block 70/72 จากบริษัท Lockheed Martin จากสหรัฐอเมริกา ภายหลัง ทอ. ใช้เวลาดำเนินการพิจารณาในการคัดเลือกอย่างละเอียดรอบคอบกว่า 10 เดือนด้วยกัน โดยตั้งอยู่บนนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (offset policy)

ดังนั้น การคัดเลือก บข. แบบใหม่ในครั้งนี้ ตัวเลือกทั้ง 2 แบบคือ F-16 Block 70/72 และ JAS-39 Gripen E/F นั้น หลายฝ่ายลงความเห็นว่า สมรรถนะ ขีดความสามารถที่สนองต่อความต้องการทางยุทธการตามหลักนิยมและยุทธศาสตร์ของ ทอ. ไม่มีความแตกต่างมากนักในข้อถกเถียงเชิงเหตุผล

แต่การเลือก บข. แบบใหม่นั้น เป็นการคัดเลือกครั้งประวัติศาสตร์ของกองทัพไทย ที่มุ่งเน้นให้นํ้าหนักไปที่ offset policy ที่จะช่วยสร้างมาตรฐานในการจัดซื้ออาวุธของกองทัพไทยในอนาคต โดยวางอยู่บนนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ เพื่อนำไปสู่การพึ่งพาตนเอง และการเสริมมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าของงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน ตามสภาพงบประมาณที่มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไม่ใช่เพียงแค่ ‘เอาเงินไปแลกอาวุธ’

ศึก offset จบสิ้น เมื่อ SAAB เกทับเน้นๆ

เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา SAAB ผู้ผลิตอาวุธจากประเทศสวีเดน ได้นำเสนอ offset ให้ไทย เพราะเป็นไปตามสมุดปกขาวของ ทอ. สำหรับการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีราคาสูง สามารถชดเชยและสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งทาง SAAB นำเสนอมูลค่า offset จำนวน 130 เปอร์เซ็นต์ จากมูลค่าโครงการ 60,000 ล้านบาท ที่จะสามารถสร้างเศรษฐกิจไทยได้มากถึง 78,000 ล้านบาท

หากแยกเป็น direct offset คาดว่า ทอ. จะได้รับ ได้แก่

- ลิขสิทธิ์ระบบ Data Link
- การอัปเกรดระบบและขยายอายุการใช้งานของ Airborne Early Warning อย่างน้อยไปอีก 15 ปี
- การซ่อมบำรุง
- ห่วงโซ่อุปทานของ Gripen

ห่วงโซ่อุปทานของ Gripen หมายความว่า อุตสาหกรรมไทยจะเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตและให้บริการของ SAAB ที่จะสามารถยกระดับอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทยได้ นอกจากนี้ ยังมีการรายงานจากนักข่าวสายทหารว่า อาจจะมีการแถมจรวดนำวิถีจากอากาศสู่อากาศ Meteor (Beyond-visual-range missile) จำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งเป็นจรวดนำวิถีในระยะยิงประมาณ 200 กิโลเมตร

ขณะที่ indirect offset ที่จะช่วยสร้างเศรษฐกิจไทยจะประกอบไปด้วย

- การลงทุนจากต่างประเทศโดยตรง (FDI) อาทิ อุตสาหกรรมการเกษตร ป่าไม้ อุตสาหกรรมพลเรือน เทคโนโลยีไซเบอร์
- ความร่วมมือทางการศึกษา วิจัย และการสร้างทักษะแรงงาน
- การวิจัยและพัฒนา
- การถ่ายทอดเทคโนโลยี

ทั้งหมดนี้จะมีมูลค่าต่อเศรษฐกิจไทยกว่า 78,000 ล้านบาท เพิ่มจากงบประมาณที่ใช้ไป 130 เปอรเซ็นต์ จากการตั้งต้นโครงการ 60,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี เพจสายทหารอย่าง thaiarmedforce.com วิเคราะห์ว่า การสื่อสารของกองทัพอากาศที่ผ่านมา บ่งบอกมาโดยตลอดว่าจะเลือก Gripen ซึ่งเป็นการตัดสินใจไว้นานแล้วก่อนจะประกาศอย่างเป็นทางการ ข้อเสนอทางเศรษฐกิจ ซึ่งกองทัพอากาศทำถูกและออกแบบโครงการได้ดีเยี่ยม จนประเทศไทยกำลังจะได้รับข้อเสนอทางเศรษฐกิจจากการซื้ออาวุธที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ต่อให้ไทยได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจกลับมาเพียงครึ่งเดียว หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังถือว่าคุ้มค่ามาก

อ้างอิง:

- https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1258378945554608&id=100041475443532&mibextid=qi2Omg&rdid=LzW0xgf1XyLR2fIj
- https://www.facebook.com/photo?fbid=1049830033273195&set=pb.100047386231809.-2207520000

“รู้สึกตลก …
ไม่ได้รู้สึกตกใจที่ต้องหยุดทำงานนี้สักที หลังทำมา 20 ปี”

ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน #บ้านกาญจนาภิเษก โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊กส่วนตัว หลังได้รับแจ้งจากกองทรัพยากรบุคคลกรมพินิจฯ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 67 ว่า งบปี 68 ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านเด็กและเยาวชนที่ทิชาครองในฐานะ ผอ.บ้านกาญจนาภิเษก งบนี้จะถูกตัด หรือยุติการทำหน้าที่ ผอ.บ้านกาญจนาภิเษก

หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุเพราะทิชาวิจารณ์การเมืองและ ม.112 มากไป

20 ปีที่ผ่านมา ทิชาทำอะไร และไปขัดแข้งขัดขาใครบ้าง WAY ชวนย้อนอ่านความคิดและจุดยืนของเธอ จากวงเสวนาในวาระครบรอบ 20 ปี ‘ฝ่าอำนาจนิยม สู่อำนาจร่วม’ บ้านกาญจนาภิเษก 1 องค์กร 2 วัฒนธรรม

---
20 ปี บ้านกาญจนาภิเษก เปลี่ยน ‘คุกเด็ก’ ให้เป็นบ้านแห่งโอกาส หยุดวงจรโรงงานผลิตผู้แพ้
https://waymagazine.org/20th-bankanchanapisek/

text: ศศิพร คุ้มเมือง

สภาควํ่า ร่าง พ.ร.บ. ขนส่งทางบก

เสนอโดย สส. พรรคประชาชน

ให้อำนาจท้องถิ่นมี 'รถเมล์' สร้างระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่

หลังมีมติไม่เห็นชอบ 251 ต่อ 151

ฤดูฝนปีนี้หนักหน่วงแสนสาหัสมากกว่าที่คิด หลายจังหวัดทางภาคเหนือของไทย เช่น เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และสุโขทัย ถูกมวลน้ำปริมาณมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมจนเสียหายเป็นวงกว้าง ขณะเดียวกัน ทางภาคใต้ที่จังหวัดภูเก็ตก็เกิด #ดินถล่ม ครั้งรุนแรง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 13 ราย

การถล่มของดินสามารถอธิบายได้ด้วยหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยทางธรรมชาติและปัจจัยที่เกิดจากฝีมือมนุษย์เอง เช่น ถ้าดินมีอัตราการผุพังสูง พืชพรรณที่ช่วยยึดเกาะหน้าดินหายไป ผิวดินถูกแผ้วถางจนหลุดร่อน พื้นดินถูกเปลวไฟแผดเผาอย่างรุนแรง ฝนตกต่อเนื่องเป็นเวลานานจนดินอิ่มน้ำ มวลดินได้รับแรงสั่นสะเทือนจนปริแตก มีสิ่งก่อสร้างน้ำหนักมากกดทับมวลดิน มีฝายหรืออ่างเก็บน้ำอยู่บนภูเขา

แม้มนุษย์ไม่อาจหยุดยั้งการเกิดขึ้นของภัยพิบัติดินถล่มได้ แต่สามารถบรรเทาความสูญเสียได้ หากเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น การจัดทำ ‘แผนที่ดินถล่ม’ เพื่อแสดงข้อมูลการเกิดดินถล่มในอดีต ตำแหน่ง พิกัด ความแข็งแรงของดิน และความลาดชันของพื้นที่ นำไปสู่การคาดการณ์และประเมินความเสี่ยงในอนาคตได้

อย่างน้อยที่สุดก็ช่วยลดความเสี่ยงของผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และความเสียหายของทรัพย์สินได้

---
ดินถล่ม: ธรณีพิบัติภัยบนภูเขากลางฤดูฝน
https://waymagazine.org/landslide-disaster-of-rainy-season/

text: สมาธิ ธรรมศร

นักการเมืองเป็นผู้ทำงานให้คุณให้โทษต่อสาธารณะโดยตรง บทบาทอาชีพนี้จึงย่อมวิพากษ์วิจารณ์ได้ โดยเฉพาะสังคมไทยที่ชำนาญการด่านักการเมืองเป็นพิเศษ เพราะมันง่าย ด่าเมื่อไหร่ถูกเมื่อนั้น แต่จะเริ่มอึกๆ อักๆ มองสีหน้าคนรอบข้าง หากต้องวิจารณ์อำนาจอื่นที่ลอยตัวอยู่สูงกว่านักการเมือง

การที่เรากล้าวิจารณ์ผู้ใดโดยเปิดเผย น่าจะอยู่บนฐานคิดสำคัญว่าเรามีอำนาจต่อสู้ต่อรองในทางใดทางหนึ่ง ไม่น้อยไปกว่าคนที่เรากำลังวิจารณ์

แต่หากนักการเมืองผู้ใดถูกขยี้ด้วยประเด็นที่ไม่เป็นสาระสำคัญซ้ำๆ ย่อมต้องชวนกันทบทวนอคติ

ไม่ใช่อคติส่วนตัว แต่เป็นอคติทางอำนาจของสังคมนั้นๆ

หนึ่งในอคติที่ตรวจจับแจ่มชัดที่สุดคืออคติทางเพศ ที่แสดงออกกับนักการเมืองหญิง

ประเทศไทยเคยมีนายกรัฐมนตรีหญิงที่ถูกเหยียดขยี้มาแล้วหนึ่งคน และอีกหนึ่งคนมีแนวโน้มชะตากรรมไม่แตกต่างกันนัก

ลองสำรวจดูว่า นอกเหนือจากสังคมไทย นักการเมืองหญิงประเทศไหนต้องเผชิญกับอคติทางอำนาจเหยียดหญิงแบบลึกๆ อีกบ้าง

---
จาก คอ-นก-รีต ถึง ผัดข้าวไม่เปิดแก๊ส การผลิตซ้ำวัฒนธรรม ‘เหยีญด'
https://waymagazine.org/sexism-of-female-politicians/

text: ศศิพร คุ้มเมือง

การสั่งเบรกงบโครงการสร้าง #ฝาย โดยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ด้วยการหั่นงบลงจากเดิม 291,535 ล้านบาท เหลือ 290,098 ล้านบาท ในการประชุมพิจารณาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นำมาสู่การขุดประเด็นโจมตีของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส. เพื่อไทย ที่กล่าวหาว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เป็นเพราะถูก สส. ก้าวไกล ตัดงบสร้างฝาย โดยเฉพาะ #ฝายแกนดินซีเมนต์ 3,000 แห่ง มูลค่า 1,255 ล้านบาท

ที่ผ่านมา การสร้างฝายเคยเป็นกิจกรรมอินเทรนด์ที่หลายหน่วยมักใช้เป็นกิจกรรมสร้างภาพลักษณ์รักษ์โลก แต่ทุกวันนี้พื้นที่หลายแห่งต้องพากันรื้อทิ้ง เพราะได้รับบทเรียนแล้วว่า ฝายไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา แต่กลับยิ่งสร้างปัญหา

ถึงอย่างนั้น ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการสร้างฝายก็ยังไม่หมดไป

บทความนี้ชวนผู้อ่านมาเรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ของลำธาร และการมองเหรียญอีกด้านของการสร้างฝายที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง

ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากพบว่า สิ่งก่อสร้างเหล่านี้แม้จะมีประโยชน์บางแง่มุม แต่ก็ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ และมนุษย์ได้ด้วยเช่นกัน

ลองจินตนาการดูว่า เมื่อลำธารสายหนึ่งซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดหล่อเลี้ยงธรรมชาติ แต่วันดีคืนดีกลับถูกปิดกั้นด้วยฝาย ผลกระทบมหาศาลที่ตามมาก็คือ การรบกวนถิ่นอาศัยของสิ่งมีชีวิตนานาชนิดในลำธาร พืชพรรณริมฝั่งอาจยืนต้นตาย กีดขวางการลำเลียงธาตุอาหารและตะกอน น้ำเน่าเสีย กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง สิ่งมีชีวิตเฉพาะถิ่นเสี่ยงสูญพันธุ์ ทั้งปลา สัตว์ และแมลงหลายชนิด

และเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก กระแสน้ำและตะกอนทะลักทลาย จนถึงจุดหนึ่งฝายก็แตก เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่ม ตลิ่งถูกกัดเซาะ ท้ายสุดก็ส่งผลกระทบมาถึงคน

---

เหรียญอีกด้านของ ‘ฝายชะลอน้ำ’ กิจกรรมอนุรักษ์ป่าหรือคร่าชีวิตลำธาร
https://waymagazine.org/how-weir-effect-in-environment/

text: สมาธิ ธรรมศร

“ถ้ามี congestion charge บางคนก็จะหนีขึ้นทางด่วน เพราะมีตังค์ บางคนอาจจะใช้คาร์พูลไปด้วยกันหลายคนหน่อย เพราะไม่อยากเสียตังค์ มันก็จะทำให้ระบบการจราจรดีขึ้นได้”

จากวิสัยทัศน์หลากหลายประเด็นในปาฐกถา Vision for Thailand 2024 ของ ทักษิณ ชินวัตร หนึ่งในนั้นที่แตะถึงกลุ่มทุนใหญ่และการ "เก็บเงินคนรวยมาช่วยคนจน" คือการผลักดัน #รถไฟฟ้า20บาทตลอดสาย ให้เกิดขึ้นจริงครบทุกสาย เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนในเมืองหลวง และผลพลอยได้อีกทางคือการบรรเทาปัญหาจราจรติดขัด

การเก็บค่ารถติดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศสิงคโปร์ในปี 1975 และสามารถลดการจราจรติดขัดในเขตใจกลางเมืองได้ทันที 45 เปอร์เซ็นต์ ลดอุบัติเหตุได้ 25 เปอร์เซ็นต์ ระดับการจราจรติดขัดลดลงกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณผู้ใช้งานระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณภาพอากาศในสิงคโปร์ดีขึ้น สามารถสร้างรายได้เข้ารัฐจากค่ารถติดเพื่อนำไปสนับสนุนการใช้งานระบบขนส่งสาธารณะที่มีราคาถูกลง การบริการที่ดีขึ้น และมีเครือข่ายการใช้งานทั่วถึงครอบคลุมมากขึ้น

สิงคโปร์โมเดลเช่นนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เช่น กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน รวมไปถึงมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

นโยบายนี้ไม่ใช่ของใหม่ในมหานครต่างๆ ทั่วโลก แต่ในท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้นี้แสดงถึงการคาดคะเนถึงแรงต้าน เพราะการเก็บค่าธรรมเนียมหรือภาษีนั้น เป็นดั่งของแสลงของรัฐบาลที่ต้องการความนิยมเสมอมา และนี่ย่อมหมายถึงความท้าทายในการนำ vison ไปสู่ misson ของการปฏิบัติจริงภายใต้การนำของรัฐบาลเพื่อไทย

https://waymagazine.org/congestion-charge-traffic-charge/

นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ดูหนังที่สร้างจากนวนิยายของ เจมส์ เอ มิชเชนเนอร์ (James A Michener 1907–1997) นักเขียนรางวัลพูลิตเซอร์มาแล้วหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ Hawaii (1959) ที่เคยเขียนให้ WAY เมื่อหลายเดือนก่อน

นวนิยายของ เจมส์ เอ มิชเชนเนอร์ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าจากดินแดนต่างๆ บนโลก เช่น ตะวันตกของอเมริกา ฮาวาย อลาสกา เท็กซัส เม็กซิโก คาริบเบียน ตัวเรื่องมีรายละเอียด ซับซ้อน หนังสือส่วนใหญ่ของเขาจึงค่อนข้างหนา

ความหนาไม่ได้แปลว่าต้องดีเสมอไป แต่แปลว่าเมื่อมันถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ผู้สร้างและผู้เขียนบทจะต้องจับสาระสำคัญของเส้นเรื่องให้ได้ มิเช่นนั้นของดีๆ จะสูญเปล่า

ฉากเหตุการณ์ใน Caravans (1978) อยู่ในอัฟกานิสถาน เล่าเรื่องเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐกับภารกิจตามหาสุภาพสตรีพลเมืองสหรัฐที่หายตัวไปในทะเลทราย ก่อนจะพบว่าเธอติดสอยห้อยตามไปกับชนเผ่าโคจิ (Kochi) ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทราย

เนื้อเรื่องมีอยู่ประมาณนี้ แต่นายแพทย์ประเสริฐต้องการเขียนถึง

ต้องการเขียนถึงเนื่องจากว่า เป็นการดูหนัง 2 ชั่วโมงที่พบว่า หนังไม่ได้พาไปไหน และไม่มีใครได้อะไรเลย

ไม่มีใครได้อะไร เหมือนเวลาที่สูญเปล่าไป 20 ปีในประเทศนี้

https://waymagazine.org/caravans-1978-prasert-p-karnpim/

วิธีหาเงินทำ #รถไฟฟ้า20บาท แบบ #ทักษิณ ทำได้ถ้ามี Congestion Charge

การขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในงาน Nation TV Dinner Talk: Vision for Thailand 2024 นับเป็นการขึ้นเวทีใหญ่ครั้งแรกของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ ภายหลังเดินทางกลับประเทศไทยครบรอบ 1 ปี และเพิ่งพ้นมลทินได้รับพระราชทานอภัยโทษครั้งล่าสุด

การแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นจำนวนมากที่โหยหา ‘ผู้นำประเทศ’ ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย ภายหลังอยู่ในยุคมืดที่มีผู้นำไร้วิสัยทัศน์มานานกว่าทศวรรษ ภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งครั้งหนึ่งทักษิณเองก็เคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลประยุทธ์ไว้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าในปัจจุบันความเป็นจริงทางการเมืองนั้น พรรครวมไทยสร้างชาติที่เคยชูพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีจะร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ตาม ซึ่งทักษิณก็กล่าวบนเวทีว่าถึงเวลาแห่งการปรองดองสมานฉันท์แล้ว

การแสดงวิสัยทัศน์ในครั้งนี้เป็นการแสดงออกถึงความสามารถด้านเศรษฐกิจของทักษิณ เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอด ประหนึ่งหัวโต๊ะ Think Tank มีหลากหลายประเด็นทางเศรษฐกิจและแนวทางการแก้ไขที่ครอบคลุมกับสิ่งที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ แม้จะไม่ลงรายละเอียดมากนัก แต่ ‘วิสัยทัศน์’ จะเกิดดอกออกผลได้ก็ต่อเมื่อนำไปสู่การ ‘ปฏิบัติ’ หรือที่ทักษิณเน้นยํ้าว่าต้องลงมือทำ ในอีกแง่หนึ่งคือ การส่งต่อ Vision ไปสู่ Mission ที่เป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลชุดแพทองธาร ชินวัตร

ในหลายช่วง ทักษิณได้กล่าวถึงแนวนโยบายการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ และการสนับสนุนส่งเสริมการใช้งานรถไฟฟ้าที่มีความสะดวกและรวดเร็ว ด้วยวิธีเก็บ ‘congestion charge’ หรือค่าธรรมเนียมรถติด หรือค่ารถติด เพื่อนำไปสู่การตั้ง ‘infrastructure fund’ หรือกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะนำเงินจากกองทุนตรงนี้มาสนับสนุนการเดินทางราคาถูกของประชาชน โดยอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้กล่าวว่า

“ถ้ามี congestion charge บางคนก็จะหนีขึ้นทางด่วน เพราะมีตังค์ บางคนอาจจะใช้คาร์พูลไปด้วยกันหลายคนหน่อย เพราะไม่อยากเสียตังค์ มันก็จะทำให้ระบบการจราจรดีขึ้นได้”

Congestion Charge คืออะไร?

Congestion charge หรือ congestion pricing คือ ค่าธรรมเนียมรถติด จะจัดเก็บจากผู้ใช้ยานพาหนะที่นำพาหนะมาใช้บนถนนที่มีการจราจรติดขัดหรือในระหว่างชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งมาตรการนี้เป็นความพยายามในการลดปัญหาการจราจรที่ติดขัด รวมไปถึงผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ด้วยการเก็บค่าธรรมเนียมจากคนที่ทำให้รถติด ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ยานพาหนะมีต้นทุนที่สูงขึ้น และอาจนำไปสู่การใช้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะแทน

การเก็บค่ารถติดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศสิงคโปร์ในปี 1975 หลังมีการเสนอโครงการ Area Licensing Scheme (ALS) ในการเก็บค่าผ่านทางสำหรับผู้ขับขี่ยานพาหนะเมื่อเดินทางสู่ย่านกลางเมือง (central area) ก่อนจะเปลี่ยนเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Road Pricing: ERP) ในปี 1998

มาตรการ ALS สามารถลดการจราจรติดขัดในเขตใจกลางเมืองได้ทันที 45 เปอร์เซ็นต์ ลดอุบัติเหตุได้ 25 เปอร์เซ็นต์ การเคลื่อนตัวของยานพาหนะเพิ่มขึ้นจาก 11 ไมล์ต่อชั่วโมง เป็น 21 ไมล์ต่อชั่วโมง ภายหลังระบบอิเล็กทรอนิกส์ถูกใช้งานในปี 1998 ระดับการจราจรติดขัดลดลงกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณผู้ใช้งานระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมลดลง ทำให้คุณภาพอากาศในสิงคโปร์ดีขึ้น สามารถสร้างรายได้เข้ารัฐจากค่ารถติดเพื่อนำไปสนับสนุนการใช้งานระบบขนส่งสาธารณะที่มีราคาถูกลง การบริการที่ดีขึ้น และมีเครือข่ายการใช้งานทั่วถึงครอบคลุมมากขึ้น

สิงคโปร์โมเดลเช่นนี้ ได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก เช่น กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน รวมไปถึงมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่มีปัญหาการจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก ซึ่งคณะกรรมการบริหารการขนส่งนิวยอร์ก ได้มีมติอนุมัติให้เก็บค่าธรรมเนียมรถติด เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ด้วยอัตรา 15 ดอลลาร์ หรือประมาณ 548 บาทต่อรถยนต์นั่งส่วนบุคคลต่อวัน

คนไทยมีรถ ‘ไม่ได้รวย’ ทุกคน?

อย่างไรก็ตาม การแสดงวิสัยทัศน์นี้ อาจนำไปสู่การศึกษาและถกเถียงได้ในอนาคตว่า มันจะเวิร์กสำหรับกรุงเทพฯ หรือไม่ เพราะในความเป็นจริงแล้ว congestion charge อาจตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า คนมีรถยนต์นั้นมีฐานะทางเศรษฐกิจดี แต่ก็เกิดคำถามตามมาอีกว่า ระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ เองนั้น มีการเชื่อมโยงทั่วถึงในทุกเส้นทางแล้วหรือไม่

ขณะเดียวกัน คนจำนวนมากที่ต้องเดินทางจากที่พักอาศัยในเขตปริมณฑล ซึ่งโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนมีจำกัดมากกว่าใจกลางกรุงเทพฯ ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเพื่อเดินเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ หลายครั้งหลายคราเรามักจะได้ยินว่า การใช้รถยนต์ส่วนบุคคลหรือจักรยานยนต์เป็นการเดินทางที่ประหยัดกว่าการเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้าเสียอีก ดังนั้นจึงต้องพิจารณาว่า คนที่มีรถส่วนตัวเป็นผู้มีฐานะดีจริงหรือ และหากมีการเก็บค่ารถติดจริง จะเป็นการผลักภาระให้ผู้มีรายได้น้อยหรือไม่ และรัฐจะต้องเข้าไปสนับสนุนอะไรบ้างเพื่อก่อให้เกิดระบบขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพจริงๆ สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในเขตชานเมือง

แม้ว่าทักษิณได้แสดงวิสัยทัศน์ไปแล้วว่า ต้องการเห็น รถไฟฟ้า 20 บาท เกิดขึ้นจริง จากการดึงสัมปทานกลับมาเป็นของรัฐ แล้วให้เอกชนเข้าไปบริหาร แต่ในความเป็นจริงปัญหาราคาค่าโดยสารโดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น มีความเป็นไปได้ยากว่าราคาจะถูกลง และจำเป็นจะต้องเจรจาพูดคุยกับภาคส่วนต่างๆ เพื่อหาข้อสรุปตรงกลางที่สามารถประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายได้ก่อน

อ้างอิง

https://www.edf.org/sites/default/files/6116_SingaporeTraffic_Factsheet.pdf
-https://siamrath.co.th/n/525035

นอกเหนือจากนโยบายเรือธงเด่นๆ อย่าง #ดิจิทัลวอลเล็ต ยังมีอีกหลายนโยบายที่พรรคเพื่อไทยได้ประกาศไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ซึ่งปรากฏชัดเจนอยู่บนเว็บไซต์ของพรรคเช่นกัน

ดังเช่นนโยบายด้านสิทธิสตรีอย่าง ‘ยกระดับกองทุนพัฒนาสิทธิสตรี’ ที่ต้องการสานต่อจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาทักษะ โดยระหว่างการดำเนินงานของรัฐบาลเศรษฐาได้เดินหน้านโยบายดังกล่าวไปบ้างแล้ว

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายนโยบายที่น่าจับตามองว่า รัฐบาลแพทองธารจะสานต่อและทำให้บรรลุผลได้หรือไม่ ทั้งนโยบาย 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งนำร่องไปแล้วกว่า 40 พื้นที่ โครงการพาสปอร์ตไทยเดินทางได้ทั่วโลก หรือกระทั่งการปัดฝุ่นนโยบายเก่าอย่างเรื่องกาสิโน

WAY ชวนทุกคนย้อนมองและจับตานโยบายเหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน ก่อนมีการแถลงนโยบายอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

#ทักษิณชินวัตร #แพทองธาร #นายกคนที่31

อ้างอิง

(4) https://ptp.or.th/lgbtq
(5) https://www.matichon.co.th/politics/news_4304155
(6) https://www.posttoday.com/smart-life/709082

ส่องนโยบายรัฐบาลเพื่อไทย อันไหน ‘ไปต่อ’ หรือ ‘พอแค่นี้’

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ต่อจาก นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ภายหลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดินมาเป็นเวลาเกือบ 1 ปีเต็ม

ภายหลังจากการรับพระบรมราชโองการ นางสาวแพทองธาร ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนซักถาม หลายคำถามมุ่งเน้นไปที่นโยบายของพรรคเพื่อไทยว่าจะมีการสอนต่อหรือไม่ โดยเฉพาะนโยบาย #ดิจิทัลวอลเล็ต ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลเศรษฐาและเต็มไปด้วยปัญหามากมาย หลังมีข่าวลือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและบิดาของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ‘สั่งเบรก’ ทั้งที่เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลเพื่อไทยตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้ง

ว่าที่รัฐบาล ‘แพทองธาร 1’ จะดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในทิศทางใด จะรับมือกับความร้อนแรงในประเด็นการแก้ไข ม.112 อย่างไร WAY ชวนทุกท่านส่องนโยบายพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2566 จนถึงรัฐบาลเศรษฐา และว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ ถึงความเป็นไปได้ว่า นโยบายไหนจะได้ ‘ไปต่อ’ ‘รอก่อน’ หรือ ‘พอแค่นี้’ ในอนาคตอันใกล้

#ทักษิณชินวัตร #แพทองธาร #ม112

อ้างอิง

(1) https://www.facebook.com/media/set/?vanity=pheuthaiparty&set=a.805751584253826

(2) https://www.senate.go.th/view/386/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/ExclusiveStory/167/TH-TH

(3) https://www.thaipbs.or.th/news/content/335058

สุดารัตน์ ขอโทษที่ทำให้ประชาชนผิดหวัง
‘ไทยสร้างไทย’ เร่งสอบจริยธรรม 6 สส.
ปมโหวตสวนมติพรรค เลือกแพทองธารเป็นนายกฯ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นำคณะกรรมการบริหารพรรคแถลงชี้แจงกรณี 6 สส. พรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน โหวตสนับสนุน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์รู้สึกผิดหวังกับการกระทำของทั้ง 6 สส. นี้ พร้อมกราบขอโทษพี่น้องประชาชนและพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกด้วย

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย จะดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนด้านจริยธรรม สส. 6 คนนี้ ระหว่างนี้ คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเบื้องต้นว่าจะไม่สนับสนุนให้ 6 สส. ดำรงตำแหน่งใดเลยในนามของพรรคไทยสร้างไทย

สมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงออกแถลงการณ์ หลัง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ แสดงพฤติกรรมใช้ความรุนแรงและคุกคามการปฏิบัติหน้าที่ของผู้สื่อข่าว หลังผู้สื่อข่าวถามความเห็นเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อเช้านี้ ทั้งนี้ สมาคมขอให้พลเอกประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว

สมาคมนักข่าวฯ แสดงความกังวลพฤติกรรมคุกคามสื่อ เรียกร้องให้เกียรติผู้ปฏิบัติหน้าที่

จากกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แสดงพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับสื่อมวลชนหลังตั้งคำถามกรณี "แพทองธาร ชินวัตร' หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้รับการโหวตจากที่ประชุมสภาฯ เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมย้อนถาม "ถามอะไรๆ ไม่รู้” สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่าย ข่มขู่ คุกคามสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน จึงขอให้ พล.อ.ประวิตร แสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว

ขณะเดียวกันขอเตือนไปยังบุคคลใดก็ตามพึงระมัดระวังการใช้อารมณ์รุนแรงชั่ววูบอันอาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ และขอให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมคุกคามเหล่านี้ สิ่งสำคัญควรให้เกียรติผู้ปฏิบัติงานในแต่ละวิชาชีพ รวมถึงเคารพการทำหน้าที่ซึ่งกันและกันด้วย

16 สิงหาคม 2567
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

แพทองธาร แถลงขอบคุณคะแนนโหวตนั่งนายกฯ
ทักษิณพูดติดตลก ยินดีที่ลูกรับตำแหน่งก่อนพ่อเป็นอัลไซเมอร์

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ว่าที่ #นายกรัฐมนตรีคนที่31 แถลงข่าวเป็นครั้งแรก ณ วอยซ์เสปซ อดีตสำนักงานช่องวอยซ์ทีวี ที่ทำการพรรคเพื่อไทยแห่งใหม่ ภายหลังสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ 319 เสียง ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา

#แพทองธาร กล่าวว่า ขอขอบคุณเสียงโหวตจากตัวแทนประชาชนทุกท่าน และพร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถตามที่ได้รับมอบหมาย อีกทั้งขอบคุณ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำงานหนักมาตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เราทุกคนพร้อมทำงานหนักเพื่อพี่น้องประชาชนทุกท่านต่อไป

ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า ความตั้งใจแรกในการทำงานของนางสาวแพรทองธารคืออะไร นางสาวแพรทองธารระบุว่า รอการโปรดเกล้าฯ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเสียก่อน แล้วค่อยพูดถึงเรื่องการบริหารหรือการตั้งคณะรัฐมนตรีอีกทีหนึ่ง วันนี้ขอขอบคุณเสียงโหวตก่อน อีกทั้งยังรู้สึกตื่นเต้นเป็นมาก

นางสาวแพทองธารกล่าวอีกว่า ในระหว่างโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่คาดคิดว่าจะได้รับการสนับสนุนมากถึงเพียงนี้ ขณะนั้นตนเองอยู่กับพี่ชายและพี่สาว (นายพานทองแท้ ชินวัตร และนางพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์) ด้านคุณพ่อคุณแม่คือ นายทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ได้โทรศัพท์พูดคุยกันแล้ว

ขณะที่นายทักษิณได้โทรเฟซไทม์เข้ามาอวยพรนางสาวแพทองธาร ขอให้ทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมพูดติดตลกว่า ดีใจอย่างมากที่จะได้เห็นลูกสาวได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ตนเองจะเป็นอัลไซเมอร์

ด้านคุณหญิงพจมานได้พูดคุยกับนางสาวแพทองธารในระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันว่า ให้ค่อยๆ รับประทานอาหาร พร้อมบอกให้ดูแลตัวเองให้ดี

ส่วนคำถามที่ว่า จะสามารถรับแรงกดดันทางการเมืองได้หรือไม่ นางสาวแพทองธารมองว่า สามารถจัดการกับแรงกดดันได้ การทำงานตั้งแต่นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาเล่นการเมือง ไม่เคยคิดว่าตัวเองนั้นเก่งที่สุด แต่มีแรงผลักดันในการทำงานที่ชัดเจน มีทีมที่ดีและมีประสบการณ์ มีความตั้งใจ ไม่ว่าตนเองจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็จะประสบความสำเร็จได้

นอกจากนี้ นางสาวแพทองธารยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวเป็นภาษาอังกฤษมีใจความว่า พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน สร้างคุณภาพชีวิต และให้อำนาจประชาชน (empower) อีกด้วย

ในวันเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ 16 สิงหาคม 2567 ก่อนลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี มีการอภิปรายช่วงระยะเวลาสั้นๆ โดยมีผู้อภิปรายหลักคือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน นอกจากนี้ยังมี สส. จากพรรคการเมืองอื่นร่วมแสดงความคิดเห็นในสภา อาทิ ฐากร ตัณณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หรือกระทั่งคนที่สื่อต่างจับตาอย่าง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ชวนดูปฏิกิริยา สส. ในวันเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก่อนได้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนล่าสุด ด้วยคะแนนเสียง 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง จากจำนวน สส. ทั้งหมด 493 คน

[NEWS] สภาเห็นชอบ 319 เสียง อุ๊งอิ๊ง นั่งนายกฯ คนที่ 31 ไร้เงาป้อม-เหลิม

วันที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ได้รับเสียงสนับสนุนเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ด้วยคะแนนเสียงทั้งสิ้น 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง จากจำนวน สส. ทั้งสิ้น 493 คน ทำให้นางสาวแพทองธารกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยและนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย

โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.จังหวัดสระแก้ว เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อนางสาวแพทองธาร โดยมีผู้รับรองทั้งสิ้น 291 เสียง โดยไม่มีผู้เสนอชื่ออื่นชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ด้าน นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้แต่งกลอนสนับสนุนนางสาวแพทองธารผ่านแพลตฟอร์ม X พร้อมทั้งลุกขึ้นประท้วงไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายคุณสมบัติของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และขอให้ดำเนินการลงคะแนนทันที พร้อมด้วย นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ก็ลุกขึ้นแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการอภิปราย ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา วินิจฉัยให้ประธานวิปรัฐบาลและฝ่ายค้านตกลงกัน จนได้ข้อสรุปว่า ให้สามารถอภิปรายได้ไม่เกิน 20 นาที โดยไม่แตะเรื่องคุณสมบัติหรือนโยบาย

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ใช้เวลาในการอภิปราย แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการใช้ ‘นิติสงคราม’ จากชนชั้นนำในการทำลายอำนาจสูงสุดที่เป็นของประชาชน จึงขอเชิญชวนให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น แก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ให้เป็นไปตามหลักสากล สร้างประชาธิปไตย แม้ว่าพรรคประชาชนจะลงมติไม่เห็นชอบก็ตาม แต่เป็นการสงวนจุดต่าง แสวงจุดร่วมทางการเมือง

ทั้งนี้ สส.พรรคไทยสร้างไทย พรรคฝ่ายค้าน เทคะแนน 6 เสียงสนับสนุนนางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลาการประชุม ไม่เข้าร่วมการโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้

การเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 นี้ เกิดภายหลัง นายเศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา จากปมแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน ผู้เคยต้องโทษละเมิดศาลเป็นรัฐมนตรี

เมื่อวานที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อ นางสาวแพทองธาร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ตามมติกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ที่สะะท้อนเสียงความต้องการของ สส. ในพรรค ก่อนตั้งโต๊ะแถลงข่าว แม้ก่อนหน้านี้จะมีชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ อีกหนึ่งแคนดิเดตออกมา ภายหลังแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดินทางเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อคืนวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา

แพทองธาร นั่ง นายกฯ คนที่ 31

สภาลงมติเห็นชอบ 319 ต่อ 145

พรรคร่วมไม่แตกแถว + ไทยสร้างไทย

ไร้เงา ป้อม-เหลิม

[NEWS] ศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 5-4 ‘เศรษฐา’ หลุดเก้าอี้นายกฯ ครม. พ้นตำแหน่งทั้งคณะ

วันที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 5 ต่อ 4 ถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ หลังวินิจฉัยว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ผู้ถูกร้องที่ 2 คือ นายพิชิต ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เพราะเคยถูกศาลฏีกาสั่งจำคุก 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จากกรณีมอบถุงขนม 2 ล้านบาท ให้กับเจ้าหน้าที่ศาล และสภาทนายความคัดชื่อออกจากทะเบียนทนายความด้วย

ส่วนผู้ถูกร้องที่ 1 คือ นายเศรษฐา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า มีพฤติกรรมเข้าข่ายขาดความซื่อสัตย์สุจริตและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ในการแต่งตั้ง นายพิชิต เมื่อประกอบกับ มาตรา 160 ผู้ถูกร้องที่ 1 จะอ้างว่าไม่รู้ว่าผู้ถูกร้องที่ 2 ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามไม่ได้ เพราะควรรู้ว่าผู้ถูกร้องที่ 2 นั้นเคยถูกต้องโทษมาก่อน แต่ยังแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ย่อมเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะนายกรัฐมนตรีจะต้องเลือกบุคคลที่น่าไว้วางใจมาดำรงตำแหน่ง

ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ขาดคุณสมบัติ ต้องพ้นออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงคณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ส่วนข้อโต้แย้งว่า ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองนั้น เป็นข้อโต้แย้งที่รับฟังไม่ได้

การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เป็นไปตามคำร้องของอดีต สว. กลุ่ม 40 ที่ใช้กลไกตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบกับมาตรา 82 ที่เปิดช่องให้ สส. หรือ สว. 1 ใน 10 สามารถเข้าชื่อร้องต่อประธานสภาเพื่อส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยสมาชิกภาพรวมถึงความเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา 170 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 และศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567

เศรษฐา ตกเก้าอี้ นายกฯ

ศาล รธน. ลงมติ 5 ต่อ 4 ชี้ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ปมตั้ง พิชิต ชื่นบาน

ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์ หลัง #ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 เกิดคำถามมากมายต่อผลตัดสินดังกล่าวและแนวทางการให้เหตุผลทางกฎหมายขององค์คณะตุลาการ รวมถึงเกิดปฏิกิริยาของสังคมที่มีต่อระบบยุติธรรมที่มีแนวโน้มลุกลามไปสู่การชุมนุมระลอกใหญ่

ความเคลื่อนไหวของบรรดานิสิตนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ ตั้งคำถามสำคัญต่อหลักทางวิชาการด้านกฎหมายของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่อาจขัดต่อหลักนิติรัฐและระบอบประชาธิปไตย ทำให้สถาบันตุลาการหมดความน่าเชื่อถือจากการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง และเกิดข้อกังวลว่าอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในระยะยาว

https://waymagazine.org/reaction-to-court-dissolves-move-forward-party/

ประภาส ปิ่นตบแต่ง เกิดในครอบครัวชาวสวนแห่งตำบลงิ้วราย อำเภอนครชัยศรี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี โท และเอกที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เป็นนักวิชาการยุคแรกๆ ที่มีพื้นฐานเติบโตจากการทำงานเอ็นจีโอ (NGOs: Non Governmental Organizations) เริ่มจากงานเย็นโครงการแด่น้องผู้หิวโหย อยู่เบื้องหลังงานวิจัยที่เรียกกันว่า ‘ธีรยุทธโพลล์’ เล่นกับกระแสสังคมในช่วงทศวรรษ 2530 จนถึงงานร้อนอย่างการวางแผนบริหารมวลชน เป็นมือขวาเคียงคู่วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ แม่ทัพแห่งสมัชชาคนจน

‘การเมืองบนท้องถนน 99 วัน สมัชชาคนจน และประวัติศาสตร์การเดินขบวน ชุมนุมประท้วงในสังคมไทย‘ (2541) ของประภาส เป็นงานวิชาการว่าด้วยการเดินขบวนประท้วงเล่มแรกๆ ของสังคมไทย ตามมาด้วย ’กรอบการวิเคราะห์การเมืองแบบทฤษฎีขบวนการทางสังคม’ (2552) ทั้ง 2 เล่มเป็นตำราเรียนที่คณะรัฐศาสตร์เกือบทุกมหาวิทยาลัยต้องใช้ในการเรียนการสอน

ในช่วง 10-20 ปีหลัง อดีตหัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชอบใช้เวลาช่วงวันหยุดไปทำนาที่ตำบลคลองโยง จังหวัดนครปฐม ชาวบ้านละแวกนั้นเรียกเขาว่า ‘ดอกเตอร์ชาวนา’

ส่วนเขาชอบเรียกตัวเองแบบเย้ยหยันว่า ‘ชาวนาวันหยุด’ แต่จริงจังถึงขั้นพัฒนาสายพันธุ์ข้าวเป็นชื่อตนเองว่า ‘หอมประภาส’

ชุมชนบ้านโฉนดชุมชนคลองโยง – ลานตากฟ้า คือรูปธรรมสาธิตให้เห็นรูปแบบหนึ่งของการบริหารจัดการที่ดิน เพื่อให้ชาวบ้านคนยากคนจนเข้าถึงทรัพยากรขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นงานที่ประภาส ปิ่นตบแต่ง ต่อสู้ผลักดันมาทั้งชีวิต

สู้ตั้งแต่บนถนน จนถึงวันที่ต้องทำงานในฐานะสมาชิกวุฒิสภา

ในฐานะเซียนหมากรุกผู้มีฝีมือระดับชั้นได้ถ้วยชนะเลิศกีฬาบุคลากร จุฬาฯ ประภาสยอมรับว่า เขารู้สึกคัน เมื่อเห็นการตั้งกระดานหมากรุกเกมเลือก สว. จนต้องกระโดดลงมาเล่น

นอกจากหมากรุก กิจกรรมผ่อนคลายอีกอย่างหนึ่งที่ประภาสมีฝีมือระดับเล่นอวดได้คือเป่าขลุ่ย

วันไหนดอกเตอร์ชาวนาอารมณ์ดี วัวควายแถวคลองโยง ทุ่งนครชัยศรี อาจได้ยินเสียงขลุ่ยแผ่วหวานลอยมากับสายลม

ไม่วันนี้ก็วันหน้า เพื่อนสมาชิกวุฒิสภาอาจมีวาสนาได้ฟังเสียงขลุ่ยจากเขา สักวัน

---
ประภาส ปิ่นตบแต่ง: สิทธิชุมชนและการรวมตีนของภาคประชาชน จากท้องถนนสู่สภาสูง เพื่อประชาธิปไตยที่กินได้
https://waymagazine.org/interview-prapart-pintobtang-2024/

text: ศศิพร คุ้มเมือง
photo: อนุชิต นิ่มตลุง