คริสตจักรพระคุณแห่งชีวิต

https://www.youtube.com/watch?v=Mhm65dN0woU

เทศนาวันอาทิตย์ที่ 11สิงหาคม 2567 เรื่องความจริงของพระเจ้า ตอนที่ 1 มนุษย์ภายใน ขอพระพรมีแด่ท่านศบ.พีรศ้กดื์ สุขเป็นแก้ว #ข่าวประเสริฐของพระเจ้า #มีพระสิริของพระเจ้า #ความจริงของพระเจ้า

https://www.youtube.com/watch?v=NNwth9AyVYs

เทศนาวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2567 เรื่อง มีพระสิริของพระเจ้า ตอนที่ 3 ผลของการรับพระสิริ ขอพระพรมีแด่ท่านศบ.พีรศ้กดื์ สุขเป็นแก้ว #ข่าวประเสริฐของพระเจ้า #มีพระสิริของพระเจ้า

ทำไมเรารู้ว่า พระเยซูคริสต์ สิ้นพระชนม์ที่อายุ 33 ปี แบ่งปันวันนี้
1. เรารู้ว่าพระเยซู เริ่มงานรับใช้ที่ อายุ 30 ปี
ลูกา 3:23.... 23เมื่อพระเยซูทรงเริ่มพระราชกิจนั้น พระองค์มีพระชนมายุประมาณสามสิบพรรษา ในความคิดของคนทั่วไป เข้าใจว่าพระองค์เป็นบุตรของโยเซฟซึ่งเป็นบุตรของเฮลี ...นักประวัติศาสตร์ ชาวยิว ชื่อ Eusebius บันทึกว่า พระเยซู สิ้นพระชนม์ที่กางเขน เมื่ออายุ 33 ปี
2. เราเริ่มต้นนับ คริสตศักราช จากวันเกิดของพระคริสต์ และ ใช้ A.D. ภาษาไทยคือ ค.ศ. ดังนั้น พระคริสต์
สิ้นพระชนม์ที่ ค.ศ.33 และต่อมาอีก 37 ปี ถึง ปี ค.ศ. 70 เยรซาเล็ม และ วิหารของพระเจ้า ในกรุงเยรูซาเล็ม ก็ถูกทำลายลง เป็น การสิ้นยุค หรือ จบ พันธสัญญาเก่า จบธรรมบัญญัติของโมเสส ไม่มีพิธีกรรมต่างๆที่กระทำในวิหาร เช่น การฆ่าแพะเพื่อรับบาปอีกต่อไป
3. คำว่า A.D. ย่อมาจาก Anno Domini, เป็นภาษาลาติน แปลว่า ปีขององค์พระผู้เป็นเจ้า (“in the year of the Lord”,)
และมีอีกคำคือ B.C. มาจากคำว่า Before Christ แปลว่า ก่อนพระคริสต์ (มาบังเกิด) ครับ

คำเตือนจากพระคัมภีร์ที่วันนี้ เป็นจริงอยู่มากพอสมควร
1 ทิโมธี 4:1-5….1พระวิญญาณตรัสอย่างชัดแจ้งว่า ต่อไปภายหน้าจะมีบางคนละทิ้งความเชื่อ โดยหันไปเชื่อฟังวิญญาณทั้งหลายที่ล่อลวง และคำสอนของพวกผี 2ซึ่งมาจากความหน้าซื่อใจคดของพวกที่ชอบโกหก คือคนทั้งหลายที่มีมโนธรรมตายด้าน(ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ที่ถูกนาบด้วยเหล็กร้อนแดงจนตายด้าน) 3พวกเขาห้ามการแต่งงาน ห้ามรับประทานอาหารบางชนิด ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ให้พวกที่เชื่อ และรู้จักความจริงรับประทานได้ด้วยใจขอบพระคุณ 4เพราะว่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างไว้นั้นดี ไม่มีอะไรต้องห้าม ถ้ารับประทานด้วยความขอบพระคุณ 5เพราะว่าสิ่งนั้นได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ด้วยพระวจนะของพระเจ้าและคำอธิษฐาน
ข้อพระคัมภีร์ข้างบนนี้ สอนอะไรเรา
1. คริสเตียน ไปเชื่อฟังวิญญาณอื่นๆ ที่ไม่ใช่พระเจ้า เป็น ผี อันเป็นวิญญาณที่มาล่อลวง
2. การสอนของผี ทำให้มีผู้รับใช้ ..... ห้ามการแต่งงาน....ห้ามกินอาหารบางชนิด (เช่น ปัจจุบัน บางแห่ง ห้ามกิน หมู
ห้ามกินปลาดุก) ……. มนุษย์คนอื่นที่ยังไม่เชื่อพระเจ้า ไม่ใช่คนหรือ ถึงห้ามเขาไปแต่งงานด้วย.......
สิ่งที่เปาโลกล่าวห้ามแต่งงานนั้น เปาโล กล่าวในสถานะของคนยิวที่...เชื่อพระเจ้าแล้วถูก ข่มเหงและฆ่าและรึงกางเขน และ เยรูซาเล็ม วิหารในเยรูซาเล็ม กำลังจะถูกทำลาย ในปี ค.ศ. 70 ครับ........มาดูเปาโลกล่าวว่า
1 โครินธ์ 7:8,34-35.... 8ข้าพเจ้าขอกล่าวกับพวกที่ไม่แต่งงานและพวกแม่ม่ายว่า การที่พวกเขาจะอยู่เหมือนข้าพเจ้าก็ดีแล้ว…….(34-35)…. 34เป็นการสองฝักสองฝ่าย หญิงที่ไม่แต่งงาน และหญิงพรหมจารี ก็ห่วงใยในสิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเธอจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ทั้งกายและจิตวิญญาณ แต่หญิงที่แต่งงานแล้วก็พะวงในสิ่งที่เป็นของโลกนี้ เพื่อจะให้เป็นที่พอใจของสามี 35ข้าพเจ้าพูดอย่างนี้ ก็เพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลาย ไม่ใช่จะเอาบ่วงคล้องท่าน แต่เพื่อชีวิตที่เหมาะสม และเพื่อให้การอุทิศตัวต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ถูกจำกัด
3. พระคัมภีร์บอกว่า....พระเจ้า ทรงอยู่ในทุกคน....แล้วทำไมจะแต่งงานด้วยไม่ได้
เอเฟซัส 4:6....พระเจ้าองค์เดียวผู้เป็นพระบิดาของทุกคน พระองค์ทรงมีอำนาจเหนือ(ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ทรงอยู่เหนือ) สรรพสิ่ง ทรงทำการผ่าน สรรพสิ่งและ....ทรงอยู่ในทุกคน....
4. พระคำบอกว่า เมื่อขอบคุณพระเจ้าแล้ว อะไร ก็กินได้ครับ
สรุป .....ระวัง อย่าไปฟัง พวกผีสอนครับ

การตาย ตามความหมายของพระคัมภีร์ ต้องตีความให้ถูกต้อง
1 โครินธ์ 15:21-22…….21เพราะว่าในเมื่อความตายเกิดขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่ง การเป็นขึ้นจากความตาย (การมีชีวิตที่ไม่มีบาปอีกต่อไป) ก็เกิดขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน 22เพราะว่า เช่นเดียวกับที่ทุกคนต้องตายโดยเกี่ยวเนื่องกับอาดัม ทุกคนก็จะได้รับชีวิตโดยเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์
• ขอให้ทุกท่านพิจารณาข้อพระคัมภีร์นี้ อย่างมีสติ หมายความว่า เพราะ คนเดียวคือ อาดัม ทำบาป ก็เพราะ คนเดียว
คือ พระเยซูคริสต์ ที่ทำให้พ้นบาป คือ การไถ่บาป หรือ ลบบาป ออกจากวิญญาณมนุษย์ทุกคน สำเร็จแล้วครับ ดังนั้น เราบอกว่า ทุกคนรอดหมดครับ
• สิ่งที่คริสเตียนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจคือ การเป็นจากความตายนั้น หมายถึง วิญญาณที่แต่เดิมมีบาป ก็ไม่มีบาปแล้ว
เราจึงเห็นว่า ตอนที่พระเจ้า บอกอาดัมว่า เมื่อเจ้ากิน ผลจากต้นไม้แห่งชีวิต เจ้าจะต้องตาย หมายถึง ตายทั้งที่วิญญาณ คือ การมีบาป และ ตายทางร่างกาย คือ กลับไปเป็นดิน
• การตายครั้งแรก หลังจากที่อาดัม กินผลไม้ คือ การตายฝ่ายวิญญาณ เขาเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า จึงหนีไป
ซ่อนที่พุ่มไม้ .....
ปฐมกาล 3:8.... 8เวลาเย็นวันนั้น เขาทั้งสองได้ยินเสียงพระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวน ชายนั้นกับภรรยาก็หลบไปซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้ในสวนนั้น ให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า (นี่คือ การที่ทั้งสอง หนีจากพระเจ้า เป็นการตายทางฝ่ายวิญญาณ เปาโลใช้คำว่า เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า) และ
• การตายครั้งที่สองของอาดัม........อาดัมได้ใช้ชีวิตต่อมา จึงตายทางฝ่ายร่างกาย.....
ปฐมกาล 5:5...รวมอายุของอาดัมได้เก้าร้อยสามสิบปีจึงสิ้นชีวิต
• เหตุนี้ เวลาเราเห็นคำว่า เป็นขึ้นมาจากความตาย จึงต้อง แยกแยะให้ออกว่า เป็นขึ้นมาจาก การตายทางฝ่าย
วิญญาณ (spiritual death) หรือ ทางฝ่ายร่างกาย (physical death) จึงสามารถอ่านพระคัมภีร์ และเข้าใจอย่างถูกต้อง การที่คริสตจักร สั่งให้ลูกโบสถ์ อ่านพระคัมภีร์ทุกวัน โดยไม่มีการสอนควบคู่กันไปด้วย ผู้อ่านจึงเข้าใจพระคัมภีร์ อย่างสับสน และ ย้อนแย้ง ครับ

พระบิดาไม่เคยทอดทิ้งพระเยซูแม้กำลังจะสิ้นพระชนม์บนกางเขน
พระบิดาอยู่กับพระเยซูเสมอ และ วันนี้ พระบิดา อยู่กับท่านเสมอและตลอดไป
พระเยซูบอกพระบิดาว่า
ลูกา 23:44-46.... 44เวลานั้นประมาณเที่ยงวัน เกิดมืดมัวทั่วทั้งแผ่นดินจนถึงบ่ายสามโมง 45ดวงอาทิตย์ก็มืดไป ม่านในพระวิหารก็ขาดตรงกลาง 46พระเยซูทรงร้องเสียงดังตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอฝากจิตวิญญาณ (ยกมอบจิตวิญญาณ) ของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์” ตรัสอย่างนั้นแล้วก็สิ้นพระชนม์
วิวรณ์ 21:3...สามี 3ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากพระที่นั่งว่า “ดูเถิด พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตกับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา
เราต้องมีความเชื่อ และตระหนักอยู่เสมอว่า พระเจ้า ทรงสถิตภายในท่าน

สวัสดีครับ อาทิตย์นี้ผมไม่ค่อยได้แบ่งปันอะไร ไม่ค่อยว่างครับ
ได้เทศนา วิวรณ์ จบแล้ว เวลาไปอ่านพระคัมภีร์ จะเข้าใจมากขึ้น นะครับ
สิ่งที่ช่วยจากความรู้ว่า วิวรณ์จบแล้วคือ อะไรๆ ที่เขียนในพระคัมภีร์ ของหนังสือพันธสัญญาใหม่
จะเป็นความลำบาก ความทุกข์ยาก ก็เพราะ การที่ทหารโรมันจะบุกเข้าทำลาย เยรูซาเล็มนั้น ใกล้เข้ามาแล้ว
ผู้เชื่อพระเยซู ทุกคนรู้ครับ เช่น
2 เธสะโลนิกา 1:3-7... 3 พี่น้องทั้งหลาย เราต้องขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเรื่องสมควรยิ่งเพราะความเชื่อของท่านจำเริญขึ้น และความรักของท่านทุกคนที่มีต่อกันทวีขึ้นด้วย 4ฉะนั้นเราเองจึงอวดท่านต่อบรรดาคริสตจักรของพระเจ้า ในเรื่องความทรหดอดทน และความเชื่อของท่านในยามที่............ถูกข่มเหงนานาประการ และที่ท่านอดทนต่อความยากลำบาก......นั้น 5เรื่องนี้ชี้ชัดถึงการพิพากษาอันยุติธรรมของพระเจ้า ซึ่งจะพิสูจน์ว่าท่านเป็นผู้สมควรกับแผ่นดินของพระเจ้า ซึ่งท่านทั้งหลายกำลังทนทุกข์อยู่เพราะเห็นแก่แผ่นดินนั้น 6พระเจ้าทรงยุติธรรม คือพระองค์จะทรงเอาความยากลำบาก ไปสนองคนเหล่านั้นที่ก่อความยากลำบากให้กับท่าน 7และจะทรงให้ท่านที่รับความยากลำบากนั้นได้รับความบรรเทาด้วยกันกับเรา เมื่อพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปรากฏจากสวรรค์ พร้อมกับหมู่ทูตสวรรค์ผู้มีฤทธิ์ของพระองค์
คำว่า.....ท่านที่รับความยากลำบากนั้นได้รับความบรรเทา......หมายถึง การถูกข่มเหง ก่อนที่พระเยซูจะกลับมา คือ กลับมาในวันที่ เยรูซาเล็มถูกทหารโรมันทำลาย ในปี ค.ศ. 70 ซึ่งผ่านไปแล้ว จบแล้ว
เราก็ไม่เอาตนเองไปอยู่ในพระคัมภีร์นะครับ หลายๆข้อความ ไม่เกี่ยวกับเราครับ
ทีนี้ ก็ควรเข้าใจด้วยว่า
พระเยซู เกิดมาภายใต้ธรรมบัญญัตินะครับ การอ่านคำพูดใดๆของพระเยซู ต้องรู้ว่า ประโยคใดที่พระเยซู พูด อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติ
กาลาเทีย 4:4-5.... จักรวาล 4แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ 5เพื่อจะทรงไถ่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อให้เราได้รับฐานะเป็นบุตร
และ ถ้อยคำที่พระเยซูพูด และเรานำมาใช้ได้ ต้องเป็นถ้อยคำที่มีความหมาย หลังจากพระเยซู ตายที่กางเขน คือ พันธสัญญาใหม่ เกิดขึ้น เมื่อพระเยซูตายที่กางเขนแล้วครับ
ฮีบรู 9:16-17... 16เพราะว่าในกรณีที่เกี่ยวกับหนังสือพันธสัญญา ก็จะต้องพิสูจน์ว่าผู้ทำหนังสือนั้นตายแล้ว 17คนนั้นต้องตายเสียก่อน หนังสือพินัยกรรมจึงจะมีผล แต่ถ้าผู้ทำยังมีชีวิตอยู่ พินัยกรรมนั้นก็ใช้ไม่ได้
พรุ่งนี้มีโบสถ์ครับ

https://www.youtube.com/watch?v=5UGQ5bxiD_Q

เทศนาวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฏาคม 2567 เรื่อง มีพระสิริของพระเจ้า ตอนที่ 1 เพราะทุกคนพ้นบาปแล้ว ขอพระพรมีแด่ท่านศบ.พีรศ้กดื์ สุขเป็นแก้ว #ข่าวประเสริฐของพระเจ้า #มีพระสิริของพระเจ้า

https://youtu.be/_WJn_QYP9zE

เทศนา อา 14 ก ค 67 เรื่อง วิวรณ์จบแล้ว ตอนที่ 18 พระคุณอยู่กับมนุษย์ทุกคน คำเทศนาโดย ศบ.พีรศักดิ์ สุขเป็นแก้วคริสตจักร พระคุณแห่งชีวิตคำเทศนาเรื่อง วิวรณ์จบแล้ว ตอนที่ 18 พระคุณอยู.....

https://youtube.com/live/A56dLk9H5-8

เทศนาวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฏาคม 2567 เรื่องวิวรณ์จบแล้ว ตอนที่ 17 เยรูซาเล็มใหม่ ขอพระพรมีแด่ท่านศบ.พีรศ้กดื์ สุขเป็นแก้ว #ข่าวประเสริฐของพระเจ้า #วิวรณ์จบแล้ว

https://youtube.com/live/3yrtF-BIXrs

เทศนาวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2567 เรื่องวิวรณ์จบแล้ว ตอนที่ 16 หมดยุคพันปี ขอพระพรมีแด่ท่านศบ.พีรศ้กดื์ สุขเป็นแก้ว #ข่าวประเสริฐของพระเจ้า #วิวรณ์จบแล้ว

แบ่งปันวันนี้ มาดูว่าพระเจ้า บอกอะไรเราที่เคลื่อนไหวและเป็นอยู่ในพระเจ้า
กิจการ 17:22-28..... 22เปาโลจึงยืนขึ้นกลางสภาอาเรโอปากัสแล้วกล่าวว่า “นี่แน่ะ ท่านทั้งหลายที่เป็นชาวเอเธนส์ ข้าพเจ้าเห็นว่าพวกท่านเป็นคนเคร่งศาสนาในทุกด้าน 23เพราะว่าขณะข้าพเจ้าเดินไปรอบๆเมืองและสังเกตดูสิ่งที่ท่านนมัสการนั้น ข้าพเจ้าพบแท่นหนึ่ง มีคำจารึกว่า “แด่พระเจ้าที่ไม่รู้จัก” เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงมาประกาศให้พวกท่านรู้ถึงพระเจ้าองค์ที่ท่านไม่รู้จักแต่ ยังนมัสการอยู่ 24พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกกับสิ่งทั้งปวงที่มีอยู่ในนั้น เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก พระองค์ไม่ได้สถิตในวิหารที่มนุษย์สร้างขึ้น 25พระองค์ไม่จำเป็นต้องให้มือมนุษย์มารับใช้ราวกับว่ามีความต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะพระองค์ต่างหากที่ทรงเป็นผู้ประทานชีวิตและลมหายใจและสิ่งสารพัด แก่คนทั้งปวง 26พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ทุกชาติมาจากคนๆเดียวให้อยู่ทั่วพิภพโลก และทรงกำหนดเวลาและเขตแดนให้เขาทั้งหลายอยู่ด้วย 27เพื่อพวกเขาจะได้แสวงหาพระเจ้าและมุ่งหวังจะค้นหาและพบพระองค์ ที่จริงพระองค์ไม่ทรงอยู่ห่างไกลจากเราทุกคนเลย 28เพราะว่า 'เรามีชีวิต และไหวตัว และเป็นอยู่ในพระองค์' ตามที่กวีบางคนในพวกท่านกล่าวว่า 'แท้จริงเราเป็นเชื้อสายของพระองค์'
Acts 17:22-28….Young's Literal Translation….22 And Paul, having stood in the midst of the Areopagus, said, `Men, Athenians, in all things I perceive you as over-religious;
23 for passing through and contemplating your objects of worship, I found also an er****on on which had been inscribed: To God -- unknown; whom, therefore -- not knowing -- ye do worship, this One I announce to you. 24 `God, who did make the world, and all things in it, this One, of heaven and of earth being Lord, in temples made with hands doth not dwell, 25 neither by the hands of men is He served -- needing anything, He giving to all life, and breath, and all things; 26 He made also of one blood every nation of men, to dwell upon all the face of the earth -- having ordained times before appointed, and the bounds of their dwellings -- 27 to seek the Lord, if perhaps they did feel after Him and find, -- though, indeed, He is not far from each one of us, 28 for in Him we live, and move, and are; as also certain of your poets have said: For of Him also we are offspring.
ถ้อยคำพระเจ้าที่กล่าวตามข้อพระคัมภีร์ กิจการ 17:22-28 สรุปได้ว่า
1. ทุกคน (ในเมืองเอเธนส์) แสวงหาพระเจ้า จึงปั้นรูปแล้วนมัสการรูปปั้นนั้น แล้วเขียนว่า.....แด่พระเจ้า ที่ไม่รู้จัก
2. พระเจ้าสร้างโลกและทุกสิ่งที่อยู่ในโลก (และไม่มีข้อพระคัมภีร์ใดที่บอกว่าพระเจ้าสร้าง..นรก)
3. พระเจ้าองค์นี้ มิได้ สถิต (อยู่) ในวิหารใดๆ ที่สร้างด้วย มือของมนุษย์….ย้ำ....พระเจ้าไม่ได้อยู่ในวิหาร หรือ สถานนมัสการ หรือ โบสถ์ใดๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น (เพราะ.....ปัจจุบัน พระเจ้า ทรงสถิต อยู่ในร่างกายมนุษย์ทุกคนแล้ว...
4. พระเจ้าไม่จำเป็นต้องให้มนุษย์มารับใช้ (เพราะ การรับใช้ เป็น การทำงานของพระเจ้าพระวิญญาณผ่านร่างกายผู้เชื่อ/คริสเตียน)
5. พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ทุกชาติมาจากคนๆเดียว (คืออาดัม)
6. มนุษย์ทุกคนในปัจจุบันนี้ (ไม่ใช่เฉพาะผู้เชื่อหรือคริสเตียน).... มีชีวิต และไหวตัว และเป็นอยู่ในพระองค์
7. มนุษย์ทุกคนในปัจจุบันนี้ (ไม่ใช่เฉพาะผู้เชื่อหรือคริสเตียน)....เป็นเชื้อสายของพระองค์

ใครคือเพื่อนบ้านของท่านตามพระคัมภีร์
เพราะ พระเจ้าบอกว่า จงรักพระเจ้าของท่านอย่างสุดจิตสุดใจของท่าน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เมื่อมีคนหนึ่งถามว่า....ใครคือเพื่อนบ้าน...พระเยซูตอบว่า......
ลูกา 10:25-35....คนหนึ่งยืนขึ้นทดสอบพระองค์ ทูลถามว่า “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำอะไร เพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร์ ? ” 26พระองค์ตรัสตอบว่า “ในธรรมบัญญัติเขียนว่าอย่างไร? ท่านอ่านแล้วเข้าใจอย่างไร?” 27เขาทูลตอบว่า “จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดกำลังของท่าน และด้วยสุดความคิดของท่าน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ” 28พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงไปทำอย่างนั้นแล้วจะได้ชีวิต” 29แต่คนนั้นต้องการจะรักษาหน้า จึงทูลพระเยซูว่า “ใครเป็นเพื่อนบ้านของข้าพเจ้า?” 30พระเยซูตรัสตอบว่า “มีชายคนหนึ่งลงจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค และเขาถูกพวกโจรปล้น พวกโจรแย่งชิงเสื้อผ้าของเขา ทุบตีเขา แล้วทิ้งเขาไว้ในสภาพที่เกือบจะตายแล้ว 31เผอิญมีปุโรหิตคนหนึ่งเดินมาตามทางนั้น เมื่อเห็นคนนั้นแล้วก็เดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง 32คนเลวีก็เหมือนกัน เมื่อมาถึงที่นั่นและเห็นแล้วก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง 33แต่เมื่อชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้คนนั้น เห็นแล้วก็มีใจสงสาร 34จึงเข้าไปหาเขา เอาเหล้าองุ่นกับน้ำมันเทใส่บาดแผลและเอาผ้ามาพันให้ แล้วให้เขาขึ้นขี่สัตว์ของตนเองพามาถึงโรงแรม และดูแลรักษาพยาบาลเขา 35วันรุ่งขึ้นก่อนจะไป เขาเอาเงินสองเดนาริอันให้กับเจ้าของโรงแรม บอกว่า 'ช่วยรักษาเขาด้วย สำหรับเงินที่ต้องเสียเกินกว่านี้ จะใช้ให้เมื่อกลับมา' 36ท่านเห็นว่าในสามคนนั้น คนไหนถือได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านของคนที่ถูกปล้น?” 37เขาทูลตอบว่า “คือคนนั้นแหละที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น”
• แต่นี่คือ คำพูดของพระเยซู ก่อนไปตายที่กางเขนครับ พันธสัญญาใหม่ ยังไม่เกิดนะครับ เมื่อพันธสัญญาใหม่เกิด
แล้ว เรารักพระเจ้า และ ทุกๆคนได้ เป็น เพราะพระเจ้ารักเราก่อน และเป็น ผลของพระวิญญาณครับ
1 ยอห์น 4:19....เรารัก (พระเจ้าและเพื่อนบ้าน) ก็เพราะ เราได้รู้ เราได้เห็น เราได้พิสูจน์ว่า)....พระองค์ทรงรักเราก่อน ......และ ผลของพระวิญญาณคือ....
กาลาเทีย 5:22-23....ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ 23ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน .....เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย.....ต้องแปลว่า เรื่องอย่างนี้ ธรรมบัญญัติ ไม่สามารถทำได้...
• ลองอ่านข้อพระคัมภีร์อื่นๆ ดูนะครับ
1 โครินธ์ 15:55.... 56เหล็กไนของความตายนั้นคือบาป และอำนาจของบาปคือธรรมบัญญัติ .....
• เราจึงเห็นได้ว่า ทันที ที่โมเสส ลงมาจากภูเขา นำเอา หินที่จารึกรรมบัญญัติ หรือ บัญญัติ 10 ประการ ลงมา โมเสส
ทำผิดธรรมบัญญัติ คือ ทำบาป เป็นคนแรก เพราะ เขาสั่งฆ่าคนยิวที่เขาพาออกมาจากอียิปต์ทันที 3000 คน.....
• เหตุผลมาจากข้อพระคัมภีร์ที่ว่า 2 โครินธ์ 3:6.....ด้วยว่าตัวอักษรที่เขียนไว้นั้น (บัญญัติ 10 ประการ) ทำให้ตาย แต่
พระวิญญาณประทานชีวิต ....

ทำความเข้าใจการฟื้นคืนจากความตาย
วิวรณ์ 20:4.....ข้าพเจ้าเห็นดวงวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกตัดศีรษะเพราะการเป็นพยานถึงพระเยซู และเพราะพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาไม่ได้บูชาสัตว์ร้ายหรือรูปของมัน และไม่ได้รับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา เขาทั้งหลายกลับมีชีวิตขึ้นอีกและครอบครองร่วมกับพระคริสต์เป็นเวลาหนึ่งพันปี
• เราจะเห็นว่า เป็น การฟื้นคืนจากความตาย ทางฝ่ายวิญญาณ เพราะ ข้อพระคัมภีร์ ข้างบนนี้ กล่าวถึง..... คน
ทั้งหลายที่ถูกตัดศีรษะเพราะการเป็นพยานถึงพระเยซู......พวกเขากลับมีชีวิตขึ้นอีก และครอบครองร่วมกับพระคริสต์เป็นเวลา 1000 ปี (ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในศตวรรษแรกตามที่สอนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว) หมายความว่า พวกเขา มีวิญญาณใหม่ ครับ ไม่ได้มีร่างกายใหม่ครับ เป็น Spiritual Resurrection ครับ
• การฟื้นคืนจากความตาย ทางฝ่ายวิญญาณ หรือ Spritual Resurrection เป็นการได้รับ วิญญาณใหม่ที่บริสุทธิ์
ของพระเยซูคริสต์ครับ
• เราจะเห็น คนตาย (คือ คนทั้งหลายที่ถูกตัดศีรษะเพราะการเป็นพยานถึงพระเยซู และเพราะพระวจนะของพระ
เจ้า) และ คนเป็น (คือ พวกเขาที่ไม่ได้บูชาสัตว์ร้ายหรือรูปของมัน และไม่ได้รับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา) ....กลับมีชีวิตขึ้นมาอีก หมายความว่า ทั้งสองกลุ่ม คนตาย (อยู่ในหลุมฝังศพแล้ว) และ คนเป็น (ยังมีชีวิตอยู่) ได้รับการ......ฟื้นคืนจากความตาย ทางฝ่ายวิญญาณ หรือ Spritual Resurrection เป็นการได้รับ วิญญาณใหม่ที่บริสุทธิ์ ของพระเยซูคริสต์ครับ.....
วิวรณ์ 20:5....ส่วนคนอื่นๆที่ตายไปแล้วไม่ได้กลับมีชีวิตขึ้นอีกจนกว่าจะครบหนึ่งพันปี
• ตรงนี้จะหมายถึง ผู้ที่ไม่เชื่อ ผู้ที่หลงหาย จะฟื้นขึ้น (ได้รับวิญญาณใหม่ของพระเยซูคริสต์ เป็น Spritual
Resurrection) เมื่อครบ 1000 ปี คือ วันสิ้นยุคครับ เป็นวันแห่งการเก็บเกี่ยว หรือ อีกกรณีหนึ่ง คือ หลังจากพระเยซูคริสต์ตายบนกางเขน พระองค์ไปประกาศข่าวประเสริฐให้เขาที่แดนคนตาย เขาก็ ฟื้น คือ ได้รับวิญญาณของพระคริสต์ครับ
• การข้ามจากความตายให้กลายเป็นผู้ที่มีชีวิต พระเยซูกล่าวก่อนไปตายที่กางเขน ข้อพระคัมภีร์ข้างล่างนี้ หมายถึง
คนตาย คือ คนที่ตายทางฝ่ายวิญญาณ เหมือน อาดัมภายหลังกินผลไม้ จาก ต้นไม้แห่งชีวิต (จึงมีบาปที่ทำให้ตาย ฝ่ายวิญญาณ ส่วนร่างกาย มาตายทีหลังเพราะมีบาปนี้)
ยอห์น 5:24..... 24เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า ถ้าใครฟังคำของเราและวางใจ (เชื่อพระบิดา เชื่อพระเจ้า) ผู้ทรงใช้เรามา คนนั้นก็มีชีวิตนิรันดร์และไม่ถูกพิพากษา แต่ผ่านพ้นความตายไปสู่ชีวิตแล้ว
• ทั้งการฟื้นจากความตายครั้งแรก และ การฟื้นจากความตาย ครั้งที่สอง เป็น การฟื้นจากความตาย ที่วิญญาณ
เท่านั้นครับ เพียงแต่ การฟื้นจากความตายครั้งแรก (First Resurrection) คือ ผู้ที่ร่างกายตายแล้ว วิญญาณ ฟื้นครับ ส่วน การฟื้นครั้งที่สอง (Second Resurrection) ที่พระคัมภีร์กล่าว เป็นการฟื้น ที่มีกายภาพ คือ ร่างกานยังมีชีวิตอยู่ แต่เชื่อพระเจ้า ก็ถือว่าเป็น การฟื้นจากความตาย ครั้งที่สอง (Second Resurrection) ครับ
• ให้อ่านให้เข้าใจ เวลา ฟังเทศนาเรื่องวิวรณ์ จะง่ายขึ้น และเวลาไปอ่านพระคัมภีร์เอง จะเข้าใจมากขึ้นครับ

https://youtu.be/BMQB0wKZ3ZY อยากให้ทุกท่านเข้าใจว่า คริสเตียน ไม่ใช่เจ้าสาวพระคริสต์ครับ แต่แต่งงานกันแล้วครับ

เทศนาวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2567 เรื่องวิวรณ์จบแล้ว ตอนที่ 15 แต่งงานกับพระคริสต์แล้ว ขอพระพรมีแด่ท่านศบ.พีรศ้กดื์ สุขเป็นแก้ว #ข่าวประเสริฐของพระเจ้า #วิวรณ์จบแล้ว

ความล้ำลึกของพระเจ้าในเรื่องความบาปของมนุษย์
ต้องการสื่อสารว่า การที่อาดัมและเอวา ล้มลงในความบาปนั้น เป็น ความตั้งใจ ของพระเจ้า มิได้เป็น การบังเอิญ
เมื่อท่านทราบแล้วก็อย่าใช้ความพยายามไปบอกเล่าพี่น้องคริสเตียนที่เชื่อว่า อาดัม ทำอะไรๆ ที่แย่ๆ เพราะ ดื้อกับพระเจ้า จึงไปกิน ผลไม้ จาก ต้นไม้แห่งสำนึกดีสำนึกชั่ว ขอยกข้อพระคัมภีร์มาให้อ่านกันบ้าง สัก 2 ข้อ (มีหลักในการตีความว่า อะไรในพระคัมภีร์ที่เป็นความจริงและเอามาเชื่อได้ ต้องมีอย่างน้อย 2 ข้อขึ้นไป)
1. พระเจ้าเลือกเรา ตั้งแต่ก่อนสร้างโลก เพื่อให้เป็น บุตรของพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์
2. (หมายถึงมนุษย์ทั้งโลกนะครับ เพราะมีผู้สอนมักอ้างว่า พระเจ้าเลือกเฉพาะ คริสเตียน ไม่ใช่นะ
ครับ คำว่าเรา คำว่า ทุกคน คำว่าทั้งหมด จะหมายถึงมนุษย์ทั้งโลกครับ ถ้าบอกว่า หมายถึงเฉพาะ คริสเตียน ก็ไม่ต้องอ่านพระคัมภีร์เลย เพราะ หนังสือ โรม เปาโลก็เขียนถึงคนในกรุงโรม แล้ว เอามาใช้สำหรับคริสเตียนทำไม เห็นอะไรไหม)
เอเฟซัส 1:4-6…4ดังเช่น ในพระคริสต์ พระเจ้า.....ทรงเลือกเราตั้งแต่ก่อนทรงสร้างโลก.....เพื่อให้เราบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์ 5พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ล่วงหน้าด้วยความรัก(ภาษากรีก วลีนี้อาจเป็นเนื้อความของข้อ 4 และแปลได้อีกว่า ทรงเลือกเราด้วยความรัก) ให้.....เป็นบุตรของพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์......ตามความชอบพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์ 6เพื่อเป็นที่ยกย่องพระคุณอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ที่ทรงให้แก่เราเปล่าๆ ในพระเยซู(ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ในผู้) ที่พระองค์ทรงรัก
3. พระเจ้ากำหนดพระเยซู ให้มา ไถ่บาป (การไถ่บาปเฉพาะที่วิญญาณนะครับ) กำหนดไว้ตั้งแต่ ก่อนสร้างโลกครับ
1 เปโตร 1:19-20.... 19แต่ด้วยพระโลหิตล้ำค่าของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ไร้ตำหนิและไร้จุดด่างพร้อย 20พระคริสต์ทรงถูก......กำหนดไว้ก่อนทรงสร้างโลก......แต่ทรงปรากฏพระองค์ในวาระสุดท้ายนี้ เพื่อพวกท่าน
4. จะบอกว่า เป็นความตั้งใจของพระเจ้า เพื่อให้ อาดัมและเอวา ล้มลงในความบาปก่อน แล้ว สืบทอดต่อเนื่องไปยัง
มนุษย์ทุกคน ด้วยเหตุผลคือ.....ในขบวนการสร้าง มี กฎแห่งการตรงกันข้ามเสมอ ถ้ามนุษย์ ไม่รู้จักความมืด จะไม่รู้จัก แสงสว่าง มนุษย์ ถ้าไม่รู้จักดื้อหรือไม่เชื่อฟังพระเจ้า จะไม่รู้จัก หรือ มองไม่เห็น พระเมตตา พระคุณ และความดีงามของพระเจ้า
โรม 11:32.... 32เพราะว่า......พระเจ้าทรงกำหนดให้มนุษย์ทุกคนอยู่ในฐานะที่ไม่เชื่อฟัง เพื่อพระองค์จะได้ทรงพระเมตตาแก่เขาทุกคน....(สังเกตคำว่า ทุกคน นะครับ ทุกคน คือ ทุกคน อย่าไปฟัง ผู้สอนที่ แถ ว่า หมายถึง เฉพาะ คริสเตียนเท่านั้น)
5. โดยเหตุนี้ เมื่อท่านมาเชื่อพระเจ้าแล้ว ชีวิตของท่าน จึง ควรเชื่อ ตามข้อพระคัมภีร์ข้างล่างนี้ครับ
โรม 9:16.... 16เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งจึงไม่ขึ้นกับความตั้งใจหรือความมานะของมนุษย์ แต่ขึ้นอยู่กับพระเมตตาของพระเจ้า
6. ทั้งหมดนี้ เป็น...กฎแห่งการตรงกันข้าม...(The Opposite Rules of The Universe)….ที่เราสามารถเห็นได้จากข้อ
พระคัมภีร์ เช่น ……มีวาระสงครามและวาระสันติ...
ปัญญาจารย์ 3:1-8.....1มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์ 2มีวาระเกิด และวาระตาย มีวาระปลูก และวาระถอนสิ่งที่ปลูกทิ้ง 3มีวาระฆ่า และวาระรักษาให้หาย มีวาระรื้อทลายลง และวาระก่อสร้างขึ้น 4มีวาระร้องไห้ และวาระหัวเราะ มีวาระไว้ทุกข์ และวาระเต้นรำ 5มีวาระโยนหินทิ้ง และวาระเก็บรวบรวมหิน มีวาระสวมกอด และวาระงดเว้นการสวมกอด 6มีวาระแสวงหา และวาระทำหาย วาระเก็บรักษาไว้ และวาระโยนทิ้งไป 7มีวาระฉีกขาด และวาระเย็บ วาระนิ่งเงียบ และวาระพูด 8มีวาระรัก และวาระเกลียด วาระสงคราม และวาระสันติ
ต้องการสื่อสารและสรุปให้ท่านว่า สติปัญญาของมนุษย์ เกินกว่า จะเข้าใจพระเจ้าได้ อย่าสงสัยในสิ่งใดๆเลย ที่สำคัญในวันนี้คือ ใน .... เอเฟซัส 1:5 กำหนดล่วงหน้าให้เราเป็น บุตรชายบุตรสาวของพระเจ้า ครับ

https://www.youtube.com/watch?v=BMQB0wKZ3ZY&t=605s

เทศนาวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2567 เรื่องวิวรณ์จบแล้ว ตอนที่ 15 แต่งงานกับพระคริสต์แล้ว ขอพระพรมีแด่ท่านศบ.พีรศ้กดื์ สุขเป็นแก้ว #ข่าวประเสริฐของพระเจ้า #วิวรณ์จบแล้ว

ยังมีคำในพระคัมภีร์อีกหลายๆคำ ที่ท่านจะรู้สึกว่า มันย้อนแย้งกัน เช่น ....
1. ยอมจำนน.....คำถามคือ.....ตั้งแต่ท่านเกิดมา ท่านไปทำสงครามอะไรกับพระเจ้าที่มาถึงตอนนี้ ต้องยอมจำนน
2. กลับใจใหม่......คำถามคือ .....ใจเก่าท่านทำอะไรผิด เกิดมาก็ยังไม่เคยรู้จักพระเจ้า แล้วบอกว่า....ต้องกลับใจใหม่
3. คืนดีกัน.....คำถามคือ....ตั้งแต่เกิดมา ท่านไปทะเลาะอะไรกับพระเจ้า ถึงต้องยกนิ้วก้อยให้พระเจ้า แล้วบอกว่า มาคืนดีกันนะ
ถ้อยคำเหล่านี้ ผู้เขียน หมายถึง เป็น....เรื่องราว ระหว่าง คนยิว กับ พระเจ้า ครับ
ตอนเกิด ก่อนเกิด เป็น วุ้นอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ พอมาเกิด แล้วแนะนำให้รู้จักพระเจ้า มาบอกเราว่า.....ต้องยอมจำนน..นะ...ต้องกลับใจใหม่..นะ...ต้องคืนดีกันกับพระเจ้า..นะ....ถ้าสอนอย่างนี้ ผมฟังแล้ว เพี้ยน ครับ

คำว่า เราก็ไม่เอาผิดเจ้าที่พระเยซูกล่าวกับหญิงโสเภณี
เราสามารถแปลต่อว่า และเจ้า....ไม่มีบาปแล้ว......คือพระเยซูยกโทษความผิดบาปให้หญิงนี้
ยอห์น 8:11.... ” 11นางทูลว่า “ท่านเจ้าข้า ไม่มีใครเลย” แล้วพระเยซูตรัสว่า “เราก็ไม่เอาโทษเหมือนกัน จงไปเถิดและจากนี้ไปอย่าทำบาปอีก” (สำเนาโบราณหลายฉบับ ไม่มีข้อความใน 8:11)
John 8:11……New American Standard Bible……11 She said, “No one, [a]Lord.” And Jesus said, “I do not condemn you, either. Go. From now on do not sin any longer.”]]
John 8:11….Young's Literal Translation……11 and she said, `No one, Sir;' and Jesus said to her, `Neither do I pass sentence on thee; be going on, and no more sin.'
John 8:11…..11 She said , No man , Lord . And Jesus said unto her , "Neither do I condemn thee : go , and sin no more .
พระเยซู จะไปสั่ง หญิงโสเภณีว่า อย่าไปทำบาปอีก ไม่ได้ ไม่ได้ เพราะ นั่นอาจเป็น....คำสั่งของโมเสส หรือ บัญญัติ 10 ประการได้ แต่พระเยซู มาทำให้บัญญัติ 10 ประการ สิ้นสุดลง ดังนั้น ถ้าเราอ่านพระคัมภีร์ KJV จะพบประโยคว่า................... and sin no more . ซึ่งคำว่า sin ในภาษาอังกฤษ เป็นได้ทั้งคำ กิริยา และ เป็นได้ทั้ง คำนาม
• ถ้าเป็นคำกิริยา ก็แปลได้ว่า อย่าไปทำ (ทำเป็นกิริยา) บาปอีก
• ถ้าเป็นคำนาม ก็สามารถแปลได้ว่า บาป (ที่เป็นคำนาม) ของเจ้า ไม่มีอีกแล้ว ( no more)
เราสนับสนุนด้วย พระคัมภีร์ สัก 2 ข้อ ว่า ควรแปลว่า บาปของเจ้าไม่มีอีกแล้ว
1. พระคัมภีร์ต่อไปนี้...จะเห็นได้ว่า......บรรดาคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก่อน
มัทธิว 21:31…. 31คนไหนในบุตรสองคนนี้ที่ทำตามใจของบิดา?” พวกเขาทูลตอบว่า “บุตรคน
แรก” พระเยซูตรัสตอบว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า บรรดาคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก่อนพวกท่าน
2. พระเยซูเป็นบุตรมนุษย์ ที่ แม้ก่อนการไถ่บาปที่กางเขน พระองค์ และ สาวกที่พระองค์ ใช้ไป ก็สามารถ ยกโทษ
ความผิดบาปได้
มัทธิว 9:6.... 6ทั้งนี้เพื่อให้ท่านรู้ว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะอภัยบาปได้”
มาระโก 2:10.... 10ทั้งนี้เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าบุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะอภัยบาปได้”
3. ที่มากกว่านั้นคือ พระเยซู ยกโทษให้ พวกที่ฆ่าพระองค์ที่กางเขน
ลูกา 23:34.... 34พระเยซูตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงยกโทษพวกเขาเพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” แล้วพวกเขาก็เอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน
• ให้ท่านตระหนัก นิดนึง ที่ผมเคยพูดเสมอว่า ถ้าพวกที่ฆ่าพระเยซู ที่กางเขน พระเยซู ยังขอพระบิดายกโทษให้ ก็
ไม่มีใครอีกแล้ว ทั้ง ก่อนและหลังกางเขน ที่พระเจ้าจะไม่ยกโทษให้ ไม่ว่า มนุษย์ผู้นั้น จะรู้จักและ/หรือ เชื่อพระเจ้าหรือไม่ ครับ..........พระเยซูคริสต์ เป็นพระผู้ไถ่บาป ให้ คนทั้งโลกครับ .........

https://youtu.be/rnjVoPS11c4

เทศนาวันอาทิตย์ที่ 16 มิ ย 67 เรื่องวิวรณ์จบแล้ว ตอนที่ 14 หญิงแพศยากับสัตว์ร้าย โดย ศ.บ.พีรศักดิ์ สุขเป็นแก้วคริสจักรพระคุณแห่งชีวิตเทศนาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 มิ.ย.67 เรื่อง "วิวรณ์จบแล้ว ตอ.....

ปัญหาใหญ่ของคริสเตียนอีกประการหนึ่งคือ (ตั้งใจอ่านนะ)
การเชื่อว่า เราเป็นตัวของตัวเอง แล้วจะทำอะไรก็ได้
ไม่ใช่นะครับ มนุษย์ไม่เคยมีธรรมชาติของตนเอง ถ้าไม่มีธรรมชาติบาปของซาตาน ก็มีธรรมชาติบริสุทธิ์ของพระเยซูคริสต์
1. มนุษย์ถูกปั้นมาจากดิน แล้วพระเจ้าใส่วิญญาณ หรือ ระบายลมปราณเข้าไปใน ดินที่ปั้นนั้น มนุษย์จึงมีชีวิต…..
ซึ่ง การมีชีวิตหมายถึง มีความสามารถ พูด คิด ทำ อะไรก็ได้ แต่ การ พูด คิด ทำ นั้น มาจาก ข้างใน คือ มาจาก ลมปราณ หรือ วิญญาณของพระเจ้านะครับ
ปฐมกาล 2:7.... 7พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต
2. ต่อมาเมื่อ มนุษย์ทั้งสอง อาดัม และเอวา ดำรงชีวิต สภาพ ความคิดจิตใจ (Soul) ของเรา เริ่มรับ อะไรๆ จาก
ภายนอกเข้ามา เขาจึงเชื่อ งู กินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต แล้วมีธรรมชาติบาป ซึ่งเกิดผลให้ มนุษย์ ต้องตาย.....ทั้งทางวิญญาณ และ ทางร่างกาย มาจนวันนี้ เราได้รับการไถ่แล้ว แต่เป็น การไถ่ทาง วิญญาณเท่านั้น เพราะ เรามีชีวิตโดยวิญญาณ ร่างกายของทุกคนบนโลก ยังไม่ได้รับการไถ่ เปาโล ซึ่งได้รับวิญญาณใหม่แล้ว จึง คร่ำครวญว่า
โรม 7:24-25.... 24โอย ข้าพเจ้าเป็นคนน่าสมเพชอะไรเช่นนี้? ใครจะช่วยให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้ 25ขอบพระคุณพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ฉะนั้นทางด้านจิตใจข้าพเจ้ารับใช้ธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่ทางฝ่ายเนื้อหนังข้าพเจ้ารับใช้กฎแห่งบาป
3. ที่คริสเตียน มีชีวิตที่แย่ๆลง ในทุกวันนี้ เพราะ พวกเขาเชื่อว่า มนุษย์ มีธรรมชาติของตนเอง ดังนั้น จะทำอะไรก็ได้
ซึ่งที่ถูกต้อง ในพันธสัญญาใหม่ เราจึงพยายาม พาท่านเข้าสู่ การให้พระคริสต์ ผู้ทรงสถิตในท่านเป็นผู้ทำ ...... ที่ผ่านมา การร้องเพลงก็ดี การฟังคำสอนก็ดี ที่ทำให้เราเข้าใจว่า เรากับพระเจ้า แยกกัน พระเจ้าอยู่ข้างบนสวรรค์ เราเป็นมนุษย์ อยู่ข้างล่างบนโลก จึง เข้าใจผิด และมีชีวิตที่ แย่เหมือนเดิม หรือ แย่กว่าเดิมอีก .... ซาตาน มันหลอกเอา ....โดยใช้วิธีเดิมคือ อาดัมกับเอวา เหมือนพระเจ้าแล้ว มันบอกว่า ต้องกินๆๆๆ ผลของต้นไม้แห่งการสำนึกดีสำนึกชั่ว จึงจะเหมือนพระเจ้า ซาตานพูดว่า.... .......เจ้ากินผลไม้นั้นวันใด...... .......แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า.......
ปฐมกาล 3:1-5.... 1ในบรรดาสัตว์ป่าที่พระเจ้าทรงสร้างนั้น งูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า “จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆในสวนนี้' ” 2หญิงนั้นจึงตอบงูว่า “ผลของต้นไม้ต่างๆในสวนนี้เรากินได้ 3เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินหรือถูกต้องเลย มิฉะนั้นจะตาย' ” 4งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า “เจ้าจะไม่ตายจริงดอก 5เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า .......เจ้ากินผลไม้นั้นวันใด...... ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น .......แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า....... คือสำนึกในความดีและความชั่ว”
4. มาถึงวันนี้ ซาตานมันหลอกเหมือนเดิม (ทำงานผ่านอาจารย์ทั้งหลาย) คือ หลอกว่า ให้ท่านอยู่ ด้วย...การกระทำ
ต่างๆ ....ติดตามพระเยซู.....ทำตนให้เหมือนพระเยซู...ฯลฯ นะ....ทั้งๆที่ ชีวิตจริง คือ วิญญาณของท่าน เป็น พระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่เหมือนพระเยซูแล้ว พระเยซูจึงกล่าวว่า
ยอห์น 14:20…ในวันนั้นท่านจะรู้ว่าเราอยู่ในพระบิดา และพวกท่านอยู่ในเราและเราอยู่ในท่าน
5. และยอห์นเอง ยังเสริมอีกว่า ท่านเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์แล้ว (ที่วิญญาณ ไม่ใช่การกระทำ)
1 ยอห์น 4:17....เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นเช่นไร เราในโลกนี้ก็เป็นเช่นนั้น
สถานะวันนี้ ซาตาน เข้าครอบครองอาจารย์ผู้รับใช้มากมาย ให้อยู่ด้วยการกระทำ แต่พระคัมภีร์ บอกมากมายว่า ให้อยู่...ด้วยความเชื่อ.....จึงเกิดผลของพระวิญญาณ....แล้วมีพระพร.....ครับ

ทำไมมนุษย์รอดทั้งโลก
1. เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของทุกคน.....1 ทิโมธี 4:10.....10การที่เราตรากตรำทำงานและทนสู้ ก็เพราะเรามีความหวังในพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์........ผู้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของทุกคน.......โดยเฉพาะบรรดาผู้ที่เชื่อในพระองค์
2. พระบิดาส่งพระบุตร มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของทุกคน.....1 ยอห์น 4:14....14และเราได้เห็นและเป็นพยานว่า พระบิดาได้........ทรงใช้พระบุตรมาเป็นพระผู้ช่วยโลกให้รอด.....คำว่า โลก หมายถึงมนุษย์ทั้งโลก ครับ
3. ทุกคนในโลก ได้รับชีวิตใหม่ในพระคริสต์ มุกคน ก็คือ ทุกคน ....1 โครินธ์ 15:22....22เพราะว่า เช่นเดียวกับที่ทุกคนต้องตายโดยเกี่ยวเนื่องกับอาดัม ทุกคนก็จะได้รับชีวิตโดยเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์
4. ทุกคน ทั้งโลก ทำบาป และเสื่อมจาก พระสิริจากพระเจ้า โรม 3:23.....23เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า .....อธิบายว่า พวกเขา จะ ฟ้องผิดกล่าวโทษมนุษย์ ว่า ทุกคนทั้งโลกทำบาปและเสื่อมจากพระสิริจากพระเจ้า ...... แต่ พอพระคริสต์ประทานความรอดให้ด้วยการให้พระวิญญาณใหม่ พวกเขา ก็ว่า.....เฉพาะ คริสเตียน.....ทีทำบาป บอกคนทั้งโลกทำบาป ทีไถ่บาป บอก เฉพาะ คริสเตียน .......
5. ความตาย (ของคนทั้งโลก) เกิดขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่งคือ อาดัม การเป็นขึ้นจากความตาย (ของคนทั้งโลก) ก็ (ย่อม) เกิดขึ้นจาก มนุษย์อีกคนหนึ่งคือพระเยซูครับ.....อ่าน 1 โครินธ์ 15:21-28....21เพราะว่าในเมื่อความตายเกิดขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่ง การเป็นขึ้นจากความตายก็เกิดขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน 22เพราะว่า เช่นเดียวกับที่ทุกคนต้องตายโดยเกี่ยวเนื่องกับอาดัม ทุกคนก็จะได้รับชีวิตโดยเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ 23แต่ว่าจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก ต่อจากนั้นก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ในเวลาที่พระองค์เสด็จกลับมา 24แล้วก็จะเป็นเวลาอวสานซึ่งพระคริสต์จะทรงมอบอาณาจักรแด่พระเจ้าพระบิดา และจะทรงทำลายภูตผีที่ครอบครองทั้งหมด ภูติผีที่มีสิทธิอำนาจและที่มีฤทธานุภาพ 25เพราะว่าพระคริสต์ทรงต้องครอบครองจนกว่าพระเจ้าจะทรง ปราบศัตรูทั้งหมดให้อยู่ใต้พระบาทของพระคริสต์ 26ศัตรูตัวสุดท้ายที่จะถูกทำลายคือความตาย 27เพราะว่า พระเจ้าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจภายใต้พระบาทของพระบุตร(ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ของพระองค์) แต่เมื่อพระคัมภีร์กล่าวว่าทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจนั้น ก็รู้ชัดกันอยู่แล้วว่า ยกเว้นพระเจ้าผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์ 28เมื่อทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์แล้ว เมื่อนั้นพระบุตรพระองค์เองก็จะทรงอยู่ใต้อำนาจพระเจ้า ผู้ทรงให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจพระองค์ เพื่อพระเจ้าจะทรงเป็นเอก(ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ทรงเป็นทุกสิ่ง) ในทุกสิ่ง
……ทุกสิ่งสำเร็จแล้ว เปาโลจึงกล่าวว่า.....2 โครินธ์ 5:17-19.... 16เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไป เราจะไม่พิจารณาใครตามมาตรฐานของโลก แม้ว่าเมื่อก่อนเราเคยพิจารณาพระคริสต์ตามมาตรฐานของโลกก็จริง แต่เดี๋ยวนี้เราจะไม่พิจารณาพระองค์เช่นนั้นอีก 17ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น 18สิ่งทั้งหมดนี้เกิดจากพระเจ้า ผู้ทรงให้เราคืนดีกับพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์ และประทานพันธกิจในเรื่องการคืนดีนี้แก่เรา 19คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกับพระองค์โดยพระคริสต์ ไม่ทรงถือโทษในความผิดของพวกเขา และทรงมอบเรื่องราวการคืนดีนี้ให้เราประกาศ.......คำว่า ให้โลกนี้คืนดีกับพระองค์ คือ มนุษย์ทั้งโลก ครับ .....มนุษย์ทั้งโลกได้รับวิญญาณใหม่แล้ว...กิจการ 2:17.... 17'พระเจ้าตรัสว่า ในวาระสุดท้าย เราจะเทพระวิญญาณของเราบนมนุษย์ทั้งหมด.......
(วันเพนเทคอสต์ที่เทพระวิญญาณลงมา เป็นช่วงเวลาของ วาระสุดท้ายครับ)