โล๊ะบ้าน

กี่บาทคะ

พิกัด : หนังสือ I AM THE BEST Money Mastery มั่งคั่งทั้งชีวิต ทำไมคนส่วนใหญ่จึงขาดความรู้ด้านการเงิน? กับดักที่น่ากลัวคือ ความคุ้นชินที่ว่าเรื่องการเงินเป็นเรื่องที...

อยากมีโมเม้นนี้บ้าง

💯

เจอกันรึยัง

ช่วยกัน

ทำไมมมม

ว้ายยย แรงมากคุณน้า

ถ้าผู้ชายยัง ‘ไม่หย่านมแม่’
อย่ามีเมีย คือ ทางเลือกที่ดีที่สุด


1) หลังจากดู Trailer ของ EP นี้ ก็พอจะเดาทางได้ว่า 'ทองดี' ต้องมีปัญหากับแม่สามี เป็นปัญหาแบบ "แม่ผัว-ลูกสะใภ้" ที่เป็นปัญหาครอบครัวเอเชีย ซึ่งหลายๆคู่คงเจอไม่ต่างจากที่ทองดีต้องต่อสู้ เพื่อที่จะอยู่ให้ได้ในครอบครัวที่อยู่ได้ยาก

2) เรามองว่า "วีระชัย" ยังไม่พร้อมที่จะสร้างครอบครัว ตราบใดที่เขายังมีแม่บงการชีวิตเขาอยู่อย่างนั้น แสดงว่า เขาจะต้องพึ่งพาการตัดสินใจทุกอย่างโดยยึดโยงชีวิตของเขากับแม่เขาตลอดเวลา ไม่ว่าแม่สั่งหรือบอกอะไร เขามีหน้าที่ทำตาม

3) ถ้ามีครอบครัว แล้วต้องอยู่บ้านเดียวกันกับครอบครัวของสามีหรือภรรยา เป็นแบบครอบครัวขยาย มันจะมีแต่เรื่องเต็มไปหมด เพราะมันต้องคอยบริหารความคิดของคนหลายคน มีแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย เพราะมันต้องคอยบริหารความพึงพอใจของทุกคน การอยู่ร่วมกันที่ดูเหมือนจะอบอุ่น กลับเอาความลำบากใจมาให้

4) คนที่ยังตัดสินใจอะไรเองไม่ได้แบบวีระชัย ก็ยังไม่พร้อมสร้างครอบครัวกับใคร เพราะเขายังไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะคิดอะไรเองได้ ดังนั้น การสร้างครอบครัวที่เป็นภาระหนัก ก็จะเต็มไปด้วยการถูกบางการจนขาดอิสระ

5) อยากมีครอบครัวที่ไร้ปัญหา ทางที่ดีที่สุด คือแยกไปอยู่กันสามี-ภรรยา แบบครอบครัวเดี่ยวจะสบายใจกว่า เพราะมันลดแรงปะทะ และความไม่พอใจจากมือที่ 3 4 5 ที่จะคอยเข้ามาแทรกแซงในชีวิต ลดเสียงบ่น คำพูดสื่อสารความไม่พอใจกัน และลดอคติจากความขัดแย้งลงไปได้มาก

6) แม้เราไม่ได้บอกว่าทองดีเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมมากขนาดนั้น แต่ก็จะเห็นว่า วีระชัยก็ปกป้องดูแลความสุข และความสบายใจให้กับทองดีไม่ได้เลย เธอต้องเผชิญหน้ากับการบงการของแม่อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไร ผู้ชายที่ปกป้องเมียไม่ได้ ก็ยังไม่ควรมีเมียจริงๆนั่นแหละ

7) คนจะสร้างครอบครัวได้ จะมีความสุขกับภรรยา และปกป้องภรรยาได้ อย่างน้อยที่สุด เขาต้องหวงแหน และปกป้องพื้นที่ของตัวเอง และความสุขส่วนตัวของตัวเองให้เป็นก่อน แต่วีระชัยยังไม่สามารถทำมันได้ ก็ชี้ว่าเขายังไม่พร้อมมีใครจริงๆ

8 ) การอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยสงครามประสาท บั่นทอนสุขภาพจิต และกำลังในการใช้ชีวิตมากเกินไป ไม่ควรมีใครเข้ามาในชีวิตใคร แล้วไปทำให้ชีวิตเขาแย่ลง แต่การมีกันและกันต้องทำให้ชีวิตคนทั้งคู่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น และก้าวหน้าไปด้วยกันได้

9) บทเรียนจากการสร้างครอบครัวผ่านละครทองประกายแสด กำลังบอกผู้หญิงทุกคนว่าเลือกผู้ชายดีๆ ดูคนที่พร้อมจะมีครอบครัว จะได้ไม่เหนื่อยทีหลัง บางคนคบมาแสนนาน เสียเวลาเรียนรู้กันตั้งนาน แต่เข้าไปในครอบครัวเขาไม่ได้ เท่ากับเวลาที่คบกันมา มันอาจจะสูญเปล่า รู้จักครอบครัวเขาให้มาก ก็เป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจ

10) สงครามในครอบครัว ที่มีคนต้องเลือก ระหว่างเป็นลูกที่ดี กับเป็นคนรักที่ดี มันไม่ควรต้องเลือก แต่ครอบครัวที่ดีมันจะสามารถเป็น 2 บทบาทนั้นไปด้วยกันได้ และบริหารครอบครัวให้มีความสุขในบ้าน ไม่ใช่สงครามประสาท มีแต่ไฟในบ้าน ถ้าเขาบริหารไม่ได้ ก็ปล่อยเขาไปจัดการตัวเองเถอะ

ให้เขาอยู่ในอ้อมอกแม่ แต่เราต้องออกมา ชีวิตเราต้องไปต่อ

#ตุ๊ดส์review

https://www.facebook.com/share/jDm2vCmQMsNEHm3a/?mibextid=WC7FNe

“แนนนี่ แพรธารา”เซเลบริตี้คุณแม่ลูกแฝด นักจัดดอกไม้ที่ทุกคนชื่นชอบ | THE POINT | LINE TODAY เป็นอีกครั้งที่ The Point มักจะนำเสนออินฟูเลนเซอร์ที่มีความสามารถหลากหลายด้านมาทำเสนอให้กับแฟนเพจทุกคนได้รู....

เคลียร์บ้าน เคลียร์ตู้กัน

มหกรรม Mid Year เคลียร์ครึ่งปี
เคลียร์พื้นที่ต้อนรับสิ่งใหม่ ๆ รับครึ่งปีหลังกัน
ครึ่งแรกของปีกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้
คงต้องฝ่าด่าน 1.1 แฟลชเซลล์ ครึ่งเดือนครึ่งราคา
ไหนจะกองพัสดุที่ยังไม่ได้แกะอีกก็มาก
พื้นที่จะไว้ก็น้อยลงทุกที ราวแขวนก็เริ่มแน่นแล้วสิ
มหกรรม Mid Year เคลียร์ครึ่งปี
ยินดีรับบริจาค เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ
เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่า ของใช้ในบ้าน
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กระดาษ หนังสือ
รวมถึงสิ่งของอื่นๆ ทุกประเภท
ส่งมาที่มูลนิธิกระจกเงาได้เลย
เพราะของเหลือใช้ยังมีประโยชน์ต่อผู้มีรายได้น้อย
ผู้ป่วยติดเตียงยากไร้ คนชราไร้บ้าน
และเด็กที่ขาดแคลน ฯลฯ
สิ่งของบางประเภทบางส่วนำมาระดมทุน
รายได้จากของเหล่านั้น จะถูกในมาใช้
เพื่อบริหารจัดการโครงการต่างๆ ในภารกิจเพื่อสังคม
ภายใต้มูลนิธิกระจกเงา
-----------------------------------------------
สามารถส่งของบริจาค ได้ที่
มูลนิธิกระจกเงา เลขที่ 191
ซอย วิภาวดีรังสิต 62 แยก 4-7
แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่
กรุงเทพมหานคร 10210
โทร : 061-9091840 หรือ 063-931-6340

พิกัดบริจาคด้วยตัวเอง
https://maps.app.goo.gl/p3XcB19mhS5dsosg9

บริการรถรับของบริจาคถึงหน้าบ้าน
ติดต่อไลน์ไอดี : (มี @ ด้วยนะคะ)
เพื่อทำการลงทะเบียนนัดรับของบริจาคค่ะ

#มูลนิธิระจกเงา #ครึ่งปีเคลียร์บ้าน
#การแบ่งปันของคุณเปลี่ยนแปลงสังคมได้

ขอให้ทุกคนมีเงินออม

[ ]'ทำไมคนญี่ปุ่นถึงมีเงินออม 250 ล้านล้านบาท?'
รู้จัก 'คะเคโบะ (Kakeibo)' เคล็ดลับออมเงินจากญี่ปุ่นอายุร้อยปี ที่เราก็ทำได้เช่นเดียวกัน
[ 🇯🇵 คนญี่ปุ่นออมเงินได้เก่งแค่ไหน]
ถ้าเราจะบอกว่าคนญี่ปุ่น คือ "ยอดมนุษย์การออม" ก็คงไม่ผิดเท่าไหร่ เพราะเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา เงินออมของคนญี่ปุ่นทั้งประเทศรวมกันมีถึง 1,000 ล้านล้านเยน หรือราว 250 ล้านล้านบาท (ข้อมูลจากธนาคารกลางญี่ปุ่น) ยอดเงินเก็บมหาศาลนี้สูงกว่า GDP ของประเทศไทยถึง 15 เท่า (ปี 2023 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อยู่ที่ 17.9 ล้านล้านบาท)
ถ้าอยากรู้ว่าจำนวนเงินออมมหาศาล 250 ล้านล้านบาทมากแค่ไหน ลองนึกดูว่าเงินจำนวนนี้มากกว่ามูลค่าของบริษัททั้งหมดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งมีมากกว่า 700 บริษัท ถึง 13.35 เท่า (มูลค่ารวมของบริษัททั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ไทยเมื่อปี 2023 อยู่ที่ 18.72 ล้านล้านบาท - อ้างอิงตัวเลขจาก finnomena)
และความน่าสนใจอีกอย่างก็คือยอดเงินนี้เป็นยอดของ ‘เงินสด’ ในธนาคารล้วน ๆ
แม้จะอยู่ในช่วงสภาพแวดล้อมภาวะเงินฝืดที่ยืดเยื้อ แต่เงินออมของคนญี่ปุ่นคิดเป็น 52.6% ของสินทรัพย์ทางการเงินของครัวเรือน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่เยอะ เทียบกับสัดส่วนเงินสดที่คนในประเทศอื่นถือไว้ เช่น อเมริกาและยุโรปถือเงินสดประมาณ 12.6% - 35.5%
นี่หมายความว่าคนญี่ปุ่นมีการออมเงินสด เพื่อใช้ยามฉุกเฉินมากกว่าคนทั่วโลก โดยตัวเลขเงินเก็บนี้เป็นผลลัพธ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมการประหยัดและวินัยในการอดออมที่ฝังรากลึกในสังคมญี่ปุ่นได้ดีเลยทีเดียว
[ 🪙 เคล็ดลับทางการเงินที่สืบทอดมากว่าร้อยปี 'คะเคโบะ (Kakeibo)' ]
การออมเป็นวัฒนธรรมที่ปลูกฝังในญี่ปุ่นมานานกว่า 100 ปี วิธีที่คนญี่ปุ่นใช้ในการบริหารการเงิน ถูกเรียกว่า "คะเคโบะ - แปลเป็นภาษาไทยว่า สมุดบัญชีครัวเรือน" แนวคิดเรื่องคะเคโบะ ถือกำเนิดในปี 1904 โดย ฮานิ โมโกโตะ (Hani Mokoto) นักข่าวหญิงคนแรกของญี่ปุ่น
โมโกโตะต้องการช่วยเหลือผู้หญิงในสมัยนั้นซึ่งปกติแล้วต้องใช้ชีวิตด้วยเงินที่ค่อนข้างจำกัด เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในชีวิตและการออม เธอจึงสร้างระบบการจัดทำงบการเงินที่ผสมผสานประโยชน์ใช้สอย ความเรียบง่าย และความมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะเข้าด้วยกันด้วย
วิธีนี้ใช้แค่ ‘สมุดบัญชีครัวเรือนและปากกา’ เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนของทุกเดือน ต้องคำนวณเงินที่จะได้เข้ามา แล้วลบค่าใช้จ่ายประจำ (ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต และค่าใช้จ่ายหนี้ต่างๆ) ที่เหลือคือเงินที่เราสามารถใช้และเก็บออมได้ในแต่ละเดือน
ทีนี้หลังจากหักเงินส่วนที่ออมออกไปแล้ว ทุกครั้งที่คุณใช้จ่ายอะไร ให้เขียนลงไปในสมุดบันทึก โดยเขียนติดไปด้วยว่าเป็นหมวดหมู่ไหนใน 4 หมวดนี้ คือ หมวดจำเป็น (Essentials), ไม่จำเป็น (Non-Essentials), ศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาตัวเอง (Culture), รายจ่ายที่ไม่คาดคิด (Unexpected)
พอถึงสิ้นเดือนก็จะมานั่งรีวิวการเงินของตัวเองกัน ดูว่าแต่ละหมวดเราใช้เงินไปเท่าไหร่ เงินที่หักเพื่อเก็บออมได้ตามที่ตั้งใจไหม แล้วก็ไปเทียบกับเป้าหมายที่วางเอาไว้ให้กับตัวเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดในหลักการนี้คือการมีสติและเตือนสติให้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ ก่อนที่จะเปิดสมุดบัญชีขึ้นมาด้วยซ้ำ
[ 🤔 ในวัฒนธรรมของญี่ปุ่นแล้ว ต้องคิดอะไรบ้างขณะเลือกซื้อของ ]
หลักการ 7 ข้อในการพิจารณาก่อนซื้อของ และ 6 ข้อในการยับยั้งชั่งใจก่อนตัดสินใจซื้อสำหรับคนที่อยากเอาไปปรับใช้กับการใช้จ่ายของตัวเอง หลักการทั้งหมดนี้เราได้สรุปข้อมูลมาจากรายการ ‘เศรษฐกิจติดบ้าน ช่อง Thai PBS’
หลักการ 7 ข้อในการพิจารณาก่อนซื้อของชาวญี่ปุ่น
1.อยู่ได้ไหมถ้าไม่ซื้อ (need หรือ want)
2.มีเงินพอซื้อหรือไม่ ต้องเอาเงินนี้ไปใช้กับอะไรก่อนหรือเปล่า
3.ซื้อไปแล้วได้ใช้ไหม
4.ซื้อมาแล้วมีที่เก็บไหม - จะเอาวางไว้ตรงไหน
5.ทำไมถึงอยากได้ของชิ้นนี้
6.อารมณ์ตอนซื้อของเป็นอย่างไร
7.ซื้อมาแล้วชีวิตจะเป็นอย่างไร
6 หลักการ ในการยับยั้งชั่งใจก่อนตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่าง
1.อยากได้อะไรให้รอไว้หนึ่งวันก่อนแล้วค่อยซื้อ ถ้าไม่อยากได้จริง ๆ เดี๋ยวก็ลืมไปเอง
2.อย่าโดนป้ายลดราคาหลอก นึกถึงความจำเป็นก่อนซื้อเสมอ
3.ดูยอดเงินในบัญชีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้พลาดการอัปเดตทุกการใช้จ่าย
4.พยายามใช้เงินสดให้มากขึ้น เพื่อจำกัดการใช้เงินเกินงบ
5.ตั้งเตือนเวลาที่เราจะต้องใช้เงิน
6.คิดซะว่าถ้าเปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ เราก็อาจจะไม่ต้องใช้มันอีกหรือเปล่า
[ 📊 เก็บเงินไว้แล้วเศรษฐกิจจะโตได้ยังไง ]
สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมเก็บเงินสดมากกว่าเอาไปลงทุน เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 ช่วงนั้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคยพุ่งขึ้นไปสูงสุดประมาณ 38,000 กว่าจุด ก่อนจะเกิดฟองสบู่ญี่ปุ่นกระทบเศรษฐกิจและดัชนีนิเคอิ 225 (Nikkei 225 หมายถึงดัชนีหุ้นที่แสดงภาพรวมของตลาดหุ้นญี่ปุ่น) ก็ไม่เคยเห็นเลข 3 ในดัชนีนิเคอิมายาว นานถึง 32 ปี
เหตุการณ์ฟองสบู่ครั้งนั้นทำให้คนญี่ปุ่นเห็นความสำคัญของการออมเงินสดและระมัดระวังในการใช้เงินมากขึ้น
แต่ในช่วงหลัง 2-3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลกระตุ้นให้คนญี่ปุ่นนำเงินสดที่มีไปลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น และคนญี่ปุ่นเองก็เริ่มตระหนักแล้วว่าการเก็บเงินสดมัน ไม่งอกเงย จึงเริ่มเปลี่ยนรูปแบบใหม่โดยเริ่มต้นจากการเอาเงินบางส่วนเข้าไปในตลาดหุ้น
พอคนญี่ปุ่นเริ่มเอาเงินเก็บกลับมาลงทุนอีกครั้ง เศรษฐกิจหุ้นญี่ปุ่นก็พลิกผันจากที่เศรษฐกิจซึมมายาวนาน จนตอนนี้เศรษฐกิจที่ซึมมานาน ตลาดหุ้นญี่ปุ่นไต่ขึ้นมาอยู่ในระดับ New All Time High ที่ราว 40,000 จุด (ตอนนี้ปรับฐานลงมาเหลือประมาณ 35,000 จุด แต่ก็ถือว่าขึ้นมาประมาณ 400% จากจุดต่ำสุดที่แตะ 7,000 จุดช่วงเดือนมีนาคม 2009)
โทโมะ คิโนชิตะ นักกลยุทธ์ตลาดระดับโลกของ Invesco Asset Management กล่าวว่า ตลาดที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้มีกําไรจากการลงทุนเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย เขาประมาณไว้ว่า 1 ใน 10 ครัวเรือนในญี่ปุ่นมีรายได้จากการลงทุนถึง 6 ล้านเยน หรือราว ๆ 1.4 ล้านล้านบาท ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ดัชนีเฉลี่ยหุ้นนิเคอิปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
[ 🏆 สรุป ]
'ทำไมคนญี่ปุ่นถึงมีเงินออม 250 ล้านล้านบาท?' เห็นได้ชัดเลยว่าความมั่งคั่งของคนญี่ปุ่นเป็นผลลัพธ์ที่มีรากฐานมาจากวินัยการออม ด้วยปัจจัยสำคัญ 2 ประการ
1. ออมก่อนใช้เสมอ วิธีนี้เป็นการผลมาจากฝึกฝนวินัยทางการออมอย่างสม่ำเสมอ สิ่งนี้เป็นรากฐานสำคัญที่สุดของความมั่งคั่ง
2. ใช้สติในการใช้จ่าย หลัก 'คะเคโบะ (Kakeibo)' ที่เป็นเคล็ดลับทางการเงินนี้ให้ความสำคัญกับการจดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างละเอียด เพื่อช่วยสร้างความตระหนักรู้ในการใช้และออมเงินอย่างประสิทธิภาพ
ทั้งหมดนี้นำมาสู่ข้อสรุปที่ว่า ถ้าใครอยากมีเงินออมเยอะ ๆ แบบคนญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องคิดให้ซับซ้อน เพียงแค่ ‘ออมก่อนใช้’ และ ‘มีสติในการใช้เงิน’ ทำควบคู่สองสิ่งนี้สม่ำเสมอการออมเงินก็จะไม่ใช่เรื่องยากและเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะมีเงินไปต่อยอดและลงทุนได้ด้วย!

#เก็บเงินแบบญี่ปุ่น #คะเคโบะ

https://www.facebook.com/share/p/M11xPNFmmPXF5AHw/?mibextid=WC7FNe

จริงที่สุดค่ะ 😊💛✌️

ปัญหาโลกแตก แม่ผัว vs ลูกสะใภ้

ปัญหาแม่สามี VS ลูกสะใภ้

บทสนทนาจากคลิปเก่าของ IG : pawindrmom เล่ามุมมองระหว่างแม่ลูกน่าสนใจมากครับ เลยนึกไปถึงข่าว #นายใบเฟิร์น #นายณภัทร #ใบเฟิร์นพิมพ์ชนก ในประเด็นต่างๆ ดังนี้

1) คนเป็นพ่อแม่ให้ชีวิตลูก แต่ไม่ได้มีสิทธิ์ครอบครองชีวิตลูก ชี้เป็นชี้ตาย ให้ลูกเดินทางซ้าย หรือขวา เพราะชีวิตเขาต้องเป็นของเขาเอง

2) ลูกต้องเป็นคนเลือกชีวิตของเขาเอง และ handle ตัวเองให้มีชีวิตที่ดี ด้วยตัวเองได้ มีอำนาจที่จะกำหนดความต้องการของตัวเองได้อย่างมีอิสระ

3) ความสุขของลูก ควรเป็นความสุขของพ่อแม่ ที่ได้เห็นลูกมีความสุข ให้ลูกได้เป็นและใช้ชีวิตของเขาไปได้ดี และตนเองเป็นเพียงกองหนุน มองจากข้างหลังคอย support ความฝัน ไม่ใช่บังคับให้ทำตามตัวเองต้องการ

4) ลูกไม่ได้มีหน้าที่แค่เป็นลูก ลูกยังต้องเติบโตไปเป็นสามีภรรยาที่ดี และเป็นพ่อแม่ที่ดีของลูกของเขาเองในอนาคต ต้องไว้ใจลูก และให้เขาได้ใช้ชีวิตใน part อื่น ในบทบาทหน้าที่อื่น ของชีวิตลูกที่ต้องดำเนินชีวิตให้เป็นให้ได้ด้วย

5) จริงอยู่ว่าไม่มีใครรักลูกเรา เท่าเรา เพราะเราเลี้ยงเขามา พ่อแม่มีสิทธิ์จะคิดแบบนี้ แต่เราต้องเชื่อใจลูกในทางเดินชีวิตและสิ่งที่ลูกเลือกมาแล้ว เคารพชีวิตเขา และให้คุณค่ากับทางเลือกและการตัดสินใจของเขา ต่อให้เขาผิดพลาด เขาควรมีโอกาสเรียนรู้ชีวิตด้วยตนเอง

6) พ่อแม่ไม่ได้มีหน้าที่เรียกร้องความสนใจให้ลูกต้องคอทำหน้าที่ลูกที่ดี เพราะพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมาดีพอ ลูกจะทำหน้าที่นั้นด้วยตัวของเขาเองอยู่แล้ว โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องเรียกร้อง หรือแย่งความสนใจของลูกมาอยู่ที่ตนเอง

7) ปล่อยให้ชีวิตลูกได้ทำหน้าที่ของเขา ตามการเติบโตของชีวิต ที่ต้องมีเป้าหมาย ความต้องการ ความสนใจ สิ่งที่เขารัก อย่าฉุดรั้งชีวิตลูกด้วยการอ้างความรักของตนเองมาครอบงำลูก เพราะนั่นคือ Toxic Relationship ที่ขังชีวิตลูกไว้ให้เป็นไปตามกรอบของตนเอง

8 ) พ่อแม่ดูแลลูกไม่ได้ทั้งชีวิตหรอก สุดท้ายพ่อแม่ต้องตาย แล้วถ้าตนเองใช้ชีวิตด้วยการบังคับลูก แทรกแซงชีวิตลูก แล้ววันที่ตนเองไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ลูกจะอยู่อย่างไร ใช้ชีวิตยังไงต่อ ต้องคิดถึงลูกด้วยว่า เขาต้องมีคนรักของเขาเอง ที่เขาเลือก และต้องอยู่กับเขาเช่นกัน ไม่ใช่มีแค่พ่อแม่ไปทั้งชีวิต

9) อย่าให้ลูกหันไปแล้วไม่เหลือใครในชีวิต เพราะทั้งชีวิตพ่อแม่ให้เลือกแต่บุพการี จนไม่มีชีวิตของตนเอง เพราะจุดจบคือ ความเคว้งคว้าง และอนาคตที่ว่างเปล่า จากการถูกรังแกโดยพ่อแม่ที่ไม่รู้ตัว ว่ากำลังทำผิดกับลูก

10) พ่อแม่ที่ขังชีวิตลูกไว้กับตน ต้องถามใจตัวเองว่า "เรากำลังเห็นแก่ตัว รักแต่ตัวเองอยู่หรือเปล่า?" นี่คือการรักลูกที่ถูกวิธีจริงหรือ? แล้วหวังว่าจะเป็นพ่อแม่หัวสมัยใหม่ที่ดีขึ้น ปล่อยวางให้เป็น ไม่คิดครอบครองชีวิตลูก และให้ลูกได้ใช้ชีวิตของเขาเอง เรียนรู้สุขทุกข์ในแบบของเขา จงมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆก็พอ ไม่ก้าวกายชีวิตใคร เพราะทุกคนล้วนมีชีวิตเป็นของตนเอง

จงอย่าลืม วันหนึ่ง พ่อแม่ทุกคนต้องตาย และลูกต้องใช้ชีวิตของเขาต่อไป และชีวิตของเขาจะอยู่อย่างไรในวันที่ไม่เหลือใครเลย? คิดให้ดี

#ตุ๊ดส์review

ฝากประชาสัมพันผธ์ค่ะ

🚩มูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทย ขอเชิญ ชวน ร่วมกิจกรรม "โครงการน้ำพระทัยพระราชทาน สาธารณสุขเพื่อชุมชนเคลื่อนที่" ครั้งที่ 2 ด้วยความร่วมมือจาก 4 หน่วยงานหลัก
🌸มูลนิธิสมาคมสตรีอุดมศึกษาแห่งประเทศไทยฯ
🌸กรุงเทพมหานคร
🌸สภาสังคมสงเคราะห์
🌸กลุ่มทันตแพทย์บุญญานุภาพ
และสมทบด้วย
🎁โรงพยาบาลมหาไชย
🎁สภาทนายความ
วันเสาร์ที่ 27 ก.ค.67 เวลา 8.00-16.30 น ณ วัดยางพระอารามหลวง เขตสวนหลวง

🛎️บริการทางการแพทย์
-ทันตกรรม
- ตรวจสุขภาพเบื้องต้นและให้คำแนะนำ
-หน่วยปฐมพยาบาล

🛎️บริการสัตวแพทย์
- ทำหมันสุนัขและแมว
-ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า สุนัขและแมว
-ฉีดไมโครชิป สุนัข
จองคิวไม่เกิน 10.00 น.

🛎️บริการอาหารและเครื่องดื่ม

🛎️บริการให้คำปรึกษา
-ให้คำปรึกษาปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาด้านครอบครัว การรักษาพยาบาล ที่อยู่อาศัย การประกอบอาชีพและการศีกษา
-ให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย

🛎️บริการตัดผม
- ศูนย์ส่งเสริมการบริหารเงินออมครอบครัว

🛎️อื่นๆ
-ร้านธงฟ้าจำหน่ายสินค้าราคาถูก

มูลนิธิกระจกเงา..ขอลุกเป็นไฟ
เปิดรับบริจาคเสื้อผ้าแฟชั่นทุกประเภท
งานนี้รับบริจาคไม่มีวันหยุด
เสื้อผ้าแฟชั่น ทุกแบบ ทุกสไตล์
แฟชั่นแนว Rock แนวหวาน
แนว Y2K ไม่ว่าจะแนวไหนๆ
มูลนิธิกระจกเงาขอรับบริจาค
หากที่บ้านของคุณมีเสื้อผ้าแฟชั่น
ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วโปรดส่งมาที่เรา
เพื่อส่งต่อผู้ที่ต้องการและขาดแคลน
นำไประดมทุนเป็นทุนสนับสนุนภารกิจเพื่อสังคม
ที่อยู่สำหรับการบริจาคเสื้อผ้าแฟชั่น
ได้ที่ #มูลนิธิกระจกเงา
เลขที่ 191 ซอย วิภาวดีรังสิต 62 แยก 4-7
แขวง ตลาดบางเขน เขต หลักสี่ กทม. 10210
โทร 061-9091840
พิกัดบริจาคด้วยตัวเอง ที่
​https://maps.app.goo.gl/QvDKq8XoQUD7N4Fe6

เปิดทำการทุกวัน #ไม่มีวันหยุด
วันจันทร์ ถึง ศุกร์ เวลา 09.30 - 17.00 น.
วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
เวลา 10.00 - 16.00 น.

#มูลนิธิกระจกเงา
#บริจาคเสื้อผ้า
#การแบ่งปันของคุณเปลี่ยนแปลงสังคมได้

"คน" ที่คุณต้องเจอในชีวิต

รบกวนช่วยโหวตหน่อยค่ะเลือกเบอร์ไหนสำหรับโลโก้ร้านดอกไม้ค่ะ

ขอบคุณมากจ้าา

❤️

เมื่อกี้พี่รปภ.แกถามแม่ค้าว่าชามะนาวกี่บาท แม่ค้าบอก30฿ แกกำเงินในมือ100฿ แล้วทำท่ากังวล แกยืนคิดประมาณ2นาที แล้วมองเงินในมือไปมาหลายรอบ อ่านเมนูราคาไปมา แล้วแกก็ตัดสินใจสั่งสั่งชามะนาว สั่งเหมือนตัดใจสั่งเพราะอยากกินจริงๆเรายืนสั่งก่อนหน้าแกคิวนึงถึงเห็นสีหน้าแววตาแกตลอด
เราสั่งเสร็จ เลยให้แม่ค้าคิดเงินรวมที่เราเลย แม่ค้าจึงหันไปบอกพี่รปภ.ว่า พี่เค้าจ่ายให้แล้ว หน้าแกดีใจมาก ยกมือไหว้เราใหญ่เลย / น้ำใจเล็กๆที่ร่วมแบ่งปันกับเพื่อนร่วมโลก
#ความสุขเล็กๆของบ่ายวันนี้
ขอบคุณเรื่องราว : FLOWDESIGN