Jigsaw Academy Football Club

โค้ชพาลูกเตะบอลเดินสาย พ่อแม่ทำอย่างไรดี
------------------

ปฏิเสธ ไมได้ว่า พ่อแม่ บางครั้ง หลังจากที่รับทราบข้อมูลว่า การแข่งขันเยอะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตัวเด็ก ต้องมีการซ้อม และการแข่งขันอย่างเหมาะสม

แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายอคาเดมี ก็นำเด็กไปเตะบอลเดินสาย เพื่อความอยู่รอดของอคาเดมี หาเงินรางวัลมาจุนเจือทีม ทำให้เด็กมีการแข่งขัน สร้างชื่อให้อคาเดมี สร้างชื่อให้กับตัวเด็ก

ผู้ปกครอง เลยเกิดความสงสัย ว่าจะพูดคุยกับอคาเดมี อย่างไร เพราะถ้าปล่อยปละละเลยก็รู้สึกว่านั่นลูกของเรานะ มันก็ไมได้

ถ้าพูดเยอะไป ขอร้องเยอะไป มีเงื่อนไขเยอะไป ก็จะทำให้ลูกของเรา กลายเป็นว่ามีสิทธิพิเศษอีก โค้ชก็บอกว่างานของโค้ช พ่อแม่มีแค่ดูแล ถ้าเข้าไปก้าวก่ายมากเกินไป มันก็จะส่งผลเสียต่อตัวลูก

มันเลยเกิดคำถามว่า ถ้าพ่อแม่ทราบแล้วว่าแข่งขันเยอะ มันไม่ดี แต่โค้ชก็ยังพาเตะบอลเดินสายอยู่แล้วจะทำอย่างไร

คำตอบก็คือ การพูดคุย สื่อสารกับโค้ช เพื่อให้ความเข้าใจ เราทราบตรงนี้มา พ่อแม่ก็ต้องพยายามทำการบ้านเกี่ยวกับตัวลูก หรือศึกษาหาข้อมูล เพื่อมายืนยันกับโค้ชว่าแข่งขันเยอะไป ไม่ดี ไม่ใช่ไปโวยวาย พยายามปรับความเข้าใจ

เพราะโค้ชก็อยากให้เด็กได้ดี พ่อแม่ก็อยากให้ลูกได้ดี เมื่อความหวังดี มันแตกต่างกัน ไปคนละทิศคนละทางกัน มันก็ต้องมองหาจุดที่ลงตัวและดีที่สุดให้กับเด็กให้เจอ และมันจะกลายเป็นประโยชน์ต่อตัวโค้ชและตัวของผู้ปกครอง

หลายคนบอกว่าคนละส่วน ไม่ควร แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าผู้ปกครองและโค้ชเข้าใจ เดินหน้าไปทิศทางเดียวกัน คนที่จะได้กับได้ก็มีแต่ตัวลูก ถ้าโค้ชไปทาง ผู้ปกครองไปทาง แม้จะหวังดีทั้งคู่สุดท้ายผลเสียก็อยู่กับตัวลูก

ถ้าไม่เห็นด้วย ไม่ลงตัว ผู้ปกครองก็มีสิทธิ์ที่จะมองหาสิ่งที่ดีกว่า หรือสิ่งที่เหมาะสมกว่าให้กับตัวลูก และที่สำคัญก็ต้องถามเด็ก ว่าเขาคิดอย่างไรรู้สึกอย่างไร อย่าไปบังคับ เพราะความหวังดี มันอาจจะเป็นดาบสองคมที่ย้อนมาทำร้ายได้เสมอ

ปิดเทอมเเล้ว ดูเเลสุขภาพกันด้วยนะครับเด็กๆ กินร้อน ช้อนกลาง หมั่นล้างมือกับเจลเเอลกอฮอล์บ่อยๆ ใส่เเมสก่อนออกจากบ้านอย่าให้ขาด ที่สำคัญการ์ดอย่าตกกันนะครับ !! 🛡❌🦠

#ด้วยรัก ❤️

Jigsaw academy football club 🐝🖤💛

⚽️ เสาร์ - อาทิตย์นี้ไม่รู้จะพาเด็กๆไปไหน ทางศูนย์ฝึกฟุตบอลเยาวชนตัวต่ออันดามัน เราเปิดรับสมัคร น้องๆที่สนใจในกีฬาฟุตบอลได้เรียนรู้ทักษะฟุตบอลขั้นพื้นฐานกับครูผู้ฝึกสอนมืออาชีพ พร้อมด้วยอุปกรณ์และสนามที่ได้มาตรฐาน 💯 เข้ามาทดลองเรียนก่อนตัดสินใจเรายินดีต้อนรับอย่างยิ่งเลยครับ 🤟🏾

#สอนฟุตบอลขั้นพื้นฐานวันเสาร์อาทิตย์ #เรียนฟุตบอลขั้นพื้นฐาน #เปิดรับสมัครสอนฟุตบอล #คอสเรียนฟุตบอลขั้นพื้นฐานเสาร์อาทิตย์

สนใจสอบถาม : 📞 095-4108403(โค้ชวิค)
: 📞 088-8928351(โค้ชเอก)
หรือกดตรงนี้เลยครับ 👇🏻👇🏻👇🏻
https://line.me/ti/p/trvawOp6jV
https://line.me/ti/p/2Ue0tDUiEh
▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️

🐝⚽

เมื่อคุณเชื่อมั่นว่ามันจะสำเร็จ
คุณก็จะเห็นโอกาสมากมาย
อยู่ต่อหน้าคุณ

แต่เมื่อหนึ่งเมื่อใดก็ตาม
ที่คุณเชื่อว่ามันจะล้มเหลว
คุณก็จะมองเห็นอุปสรรคมากมาย
ขว้างหน้าเต็มไปหมด

รับสมัครน้องๆที่สนใจเรียนฟุตบอลขั้นพื้นฐาน
💥💥มาทดลองเรียนกันก่อนตัดสินใจฟรี !!!💥💥

✅ สอนฟุตบอลขั้นพื้นฐาน ⚽️📚
✅ อายุ 7-14 ปีขึ้นไป ▶️
✅ เรียนตอนเย็นของวันเสาร์ - อาทิตย์ 🧰
✅ เวลา 16.30 -18.30 น. ⏰
✅ ณ.สนาม Andaman Sport Club ⛳️
✅ ไม่มีพื้นฐานทางด้านฟุตบอลก็เรียนได้ ⚽️🥅
✅ สนใจติดต่อ : ☎️ 095-4108403(โค้ชวิค)
: ☎️ 088-8928351(โค้ชเอก)

หรือกดตรงนี้เลยครับ 👇🏻👇🏻👇🏻
https://line.me/ti/p/trvawOp6jV
https://line.me/ti/p/2Ue0tDUiEh

▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️

* สร้างเสริม ต่อเติมฝัน เพียรฝึกฝน รู้ชนะ รู้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา *

เสาร์-อาทิตย์นี้ เรามีนัดกัน 16:30 น. เหมือนเดิมนะครับลูก !!

🐝🖤💛
#มาเรียนเหอะอยากสอน 🤙🏼

➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖

หนทางยังไกล อย่าพึ่งถอดใจเพราะคำดูถูก

#คำคมนักฟุตบอล ⚽️

สอบถามได้นะครับ🐝❤️

🐝⚽

เราเจอกันที่นี่ ทุกเสาร์-อาทิตย์ ❤️

รับสมัครน้องๆที่สนใจเรียนฟุตบอลขั้นพื้นฐาน
💥💥มาทดลองเรียนกันก่อนตัดสินใจฟรี !!!💥💥

✅ สอนฟุตบอลขั้นพื้นฐาน ⚽️📚
✅ อายุ 7-14 ปีขึ้นไป ▶️
✅ เรียนตอนเย็นของวันเสาร์ - อาทิตย์ 🧰
✅ เวลา 16.30 -18.30 น. ⏰
✅ ณ.สนาม Andaman Sport Club ⛳️
✅ ไม่มีพื้นฐานทางด้านฟุตบอลก็เรียนได้ ⚽️🥅
✅ สนใจติดต่อ : ☎️ 095-4108403(โค้ชวิค)
: ☎️ 088-8928351(โค้ชเอก)

หรือกดตรงนี้เลยครับ 👇🏻👇🏻👇🏻
https://line.me/ti/p/trvawOp6jV
https://line.me/ti/p/2Ue0tDUiEh

▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️

ขอบคุณมากๆครับผม💚🧡🐝🙏🏽

อภินันทนาการ จาก Andaman Sport ให้กับโค้ชวิคเพื่อใช้ในการฝึกสอนเด็กๆ ในการเล่นฟุตบอลทางสนาม Andaman Sport มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเด็กไทยในการเล่นฟุตบอล ⚽️🥅🏃🏻🏃🏻‍♂️🏆🥇

ขอบพระคุณ​ทางสนาม Andaman Sport Club Krabi มอบลูกฟุตบอลเพื่อให้เด็กๆใช้ในการฝึกซ้อม​มา​ ณ​ โอกาสนี้ด้วยครับ​ ⚽🙏🙏

​💚🧡🐝

เปิดทำการสอนปกติแล้วน่ะครับ

เจอกันทุกวัน​เสาร์​ อาทิตย์​ เวลา​ 16.30​ -​18.30​ น.
💪⚽

อภินันทนาการ จาก Andaman Sport ให้กับโค้ชวิคเพื่อใช้ในการฝึกสอนเด็กๆ ในการเล่นฟุตบอลทางสนาม Andaman Sport มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเด็กไทยในการเล่นฟุตบอล ⚽️🥅🏃🏻🏃🏻‍♂️🏆🥇

🐝💛🖤

*เมล็ดที่หว่านลงไป มันอาจใช้เวลากว่าจะเจริญเติบโต

เด็กแต่ละคน ใช้เวลาเรียนรู้ได้ช้า เร็ว ต่างกัน

แต่ที่แน่ๆ ปลูกข้าวก็ต้องได้ข้าว

ปลูกผัก ก็ต้องได้ผัก

ปลูกอะไร ก็ได้อย่างนั้น*

#มาเรียนเถอะอยากสอน 🥴

ระหว่างทางที่ลูกๆซ้อมและแข่งขัน...ค่าใช้จ่ายของลูกไม่ใช่การลงทุน..มันคือความสุขที่แม่พร้อมจะทำให้หนู."เจ้าเด็กน้อย"

หนูรู้หรือป่าว...แม่หมดค่ารองเท้าให้หนู...ไปเท่าไหร่.
หนูรู้ป่าว...แม่หมดค่าอะคาเดมี่เรียนให้หนู...ไปเท่าไหร่.
หนูรู้ป่าว..แม่หมดค่าขนมให้หนูก่อน-และหลังซ้อม...ไปเท่าไหร่.
หนูรู้ป่าว..แม่หมดค่าน้ำมันไปรับ-ไปส่งหนูซ้อมบอล...ไปเท่าไหร่

เมื่อลูกเริ่มออกแข่งขันได้.
หนูรู้ป่าว..แม่จ่ายค่าเดินทางไปเชียร์หนู...ครั้งละเท่าไหร่
หนูรู้ป่าว..แม่เตรียมของให้หนู...ทุกอย่างพร้อม..ก่อนวันแข่งเสมอ.
หนูรู้ป่าว..แม่หัวใจพองโตเสมอ....ที่หนูจะได้ลงสนาม.
หนูรู้ป่าว..แม่ภาวนาขอให้หนูชนะ..และปลอดภัยทุกครั้ง.
"ความสุขของลูก"..ไม่ต้องมาตีราคาว่าแม่หมดไปเท่าไหร่แล้ว...แม่ขอแค่หนูมีความสุขและทำหน้าที่ของหนูให้ดีก็พอแล้ว....แดดจะร้อน.ฝนจะตกแม่ก็จะไปดูหนู
#คุณแม่นักบอล...ท่านนึงกล่าวไว้

การเล่นฟุตบอลในวัยเด็ก

เด็กอายุ 6-12ปีโดยประมาณ แน่นอนว่าความรู้สึกเด็กถ้าไม่ได้เกี่ยวกับความคาดหวังของผู้ปกครอง เชื่อว่าน้องๆทุกคนล้วนแล้วแต่เล่นฟุตบอลเพื่อความสนุกสนาน

โดยที่ไม่ได้คิดว่าเราจะต้องไปถึงจุดนั้นจุดนี้ สิ่งที่คิดได้ตอนนั้นมีเพียงไม่กี่อย่าง คนอ้วนต้องเป็นประตู เอากระเป๋านักเรียนเป็นเสาประตู ใครเล่นเก่งหน่อยก็เป็นกองหน้า ส่วนกรรมการก็คือเจ้าของลูกฟุตบอลเกมส์จบก็ต่อเมื่อเจ้าของลูกฟุตบอลกลับบ้าน มันเป็นความทรงจำในวัยเด็กที่เล่นไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไร

แต่ต้องบอกได้เลยว่าปัจจุบันความจริงจังมีมากขึ้นกับเด็กเหล่านี้ จะเห็นได้ทั่วไปว่าอคาเดมี่เริ่มมีมากขึ้นการแข่งขันมากขึ้นความสนุกจึงลดลงหลายๆครั้งที่ต้องเห็นเด็กๆร้องไห้เพราะฟุตบอลเพราะถูกบังคับบ้าง ถูกด่าบ้าง เพราะสิ่งเหล่านี้จึงทำให้เด็กนั้นเบื่อและเลิกไปในที่สุด

เพราะฉะนั้นผู้ปกครองก็ควรปล่อยให้เขาได้เล่นปล่อยให้เขาจินตนาการปล่อยให้เขาหาตัวเองให้เจอและผลที่เกิดมันจะดีอย่างแน่นอน

#เตะตีนเปล่า 📚
#บรรยากาศการเรียนฟุตบอลวันที่08-09/08/20 🐝💛🖤

🐝⚽

💬 บรรยากาศการเรียนของวันอาทิตย์ที่ 12/07/20 🐝
รับสมัครน้องๆที่สนใจเรียนฟุตบอลขั้นพื้นฐาน
💥💥มาทดลองเรียนกันก่อนตัดสินใจฟรี !!!💥💥

✅ สอนฟุตบอลขั้นพื้นฐาน ⚽️📚
✅ อายุ 7-14 ปีขึ้นไป ▶️
✅ เรียนตอนเย็นของวันเสาร์ - อาทิตย์ 🧰
✅ เวลา 16.30 -18.30 น. ⏰
✅ ณ.สนาม Andaman Sport Club ⛳️
✅ ไม่มีพื้นฐานทางด้านฟุตบอลก็เรียนได้ ⚽️🥅
✅ สนใจติดต่อ : ☎️ 095-4108403(โค้ชวิค)
: ☎️ 088-8928351(โค้ชเอก)

หรือกดตรงนี้เลยครับ 👇🏻👇🏻👇🏻
https://line.me/ti/p/trvawOp6jV
https://line.me/ti/p/2Ue0tDUiEh

▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️

* สร้างเสริม ต่อเติมฝัน เพียรฝึกฝน รู้ชนะ รู้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา *

ก้าวเล็กๆ ของมนุษย์คนหนึ่งอาจกลายเป็นก้าวอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ

“นีล อาร์มสตรอง” (Neil Armstrong)

#ฝากอะคาเดมี่เล็กๆนี้ไว้ด้วยนะครับ

🐝⚽

บรรยากาศการเรียนการสอนของอาทิตย์ที่ 4-5 กรกฎาคม ถึงแม้เด็กๆบางคนจะเรียนเพิ่มในวันเสาร์ 📚 ก็ไม่ใช่อุปสรรค์ของเรานะครับจะเรียนวันไหนๆก็ไม่เป็นปัญหา 🤪 อาทิตย์เเรกของการเปิดภาคเรียนที่มีการเรียนเพิ่มเติมในวันเสาร์ ส่วนตัวผู้ฝึกสอนเองคิดว่าน้องๆหลายคนคงจะเหนื่อยล้ากับการเรียน อาจจะหยุดพักกันไปก่อน เเต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คิด 🧐💬 ทุกคนยังกระตือรือร้นมาเรียน มาเจอโค้ชเจอเพื่อนๆ บรรยากาศในสนามก็จะคึกคักๆหน่อยๆ 👬👨🏾‍🤝‍👨🏼 ชุดก็จะเเน่นๆลอยๆคับๆ เพราะโควิดเป็นเหตุให้กักตัวอยู่บ้านมาหลายเดือนเเล้วนั่นเองครับ 🍕🍔🍝🤣

สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่อยากให้น้องๆเรียนทักษะฟุตบอลพื้นฐาน,เรียนเพิ่มเติม หรือหากิจกรรมทำในวันหยุด ท่านสามารถพาลูกหลานของท่านเข้ามาดูการฝึกสอน หรือมาทดลองเรียนกับทางอะคาเดมี่ได้ทุกวันเสาร์​เเละวันอาทิตย์​เวลา​ 16.30 -​ 18.30 น.​ ณ​ สนามฟุตบอลหญ้าเทียม​อันดามันสปอร์ตคลับ #พวกเรายินดีต้อนรับอย่างยิ่งครับ​ 🐝💛🖤⚽

#วันเสาร์ปรับเปลี่ยนเวลาเรียนเป็น17_00ถึง19_00น.
#คนเก่งเเพ้คนขยัน 🐝💛🖤
#มาเรียนเถอะอยากสอน ☺️❤️

▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️

* สร้างเสริม ต่อเติมฝัน เพียรฝึกฝน รู้ชนะ รู้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา *

ก้าวเล็กๆ ของมนุษย์คนหนึ่งอาจกลายเป็นก้าวอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ

“นีล อาร์มสตรอง” (Neil Armstrong)

#ฝากอะคาเดมี่เล็กๆนี้ไว้ด้วยนะครับ

สนใจติดต่อ : 📞095-4108403(โค้ชวิค)
: 📞 088-8928351(โค้ชเอก)

หรือกดตรงนี้เลย 👇🏻👇🏻👇🏻
https://line.me/ti/p/trvawOp6jV
https://line.me/ti/p/2Ue0tDUiEh

🐝⚽

📌📌ประชาสัมพันธ์เเจ้งเปลี่ยนเวลาการสอนฟุตบอล📌📌

เนื่องจากการเลื่อนเปิดเทอมจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทำให้ระยะเวลาการเรียนของน้องๆจากปกติลดลง ทางกระทรวงศึกษาธิการมีการชดเชยเวลาเรียนที่ขาดไปด้วยวิธีการต่างๆ ตามที่ได้ให้โรงเรียนมีอิสระในการกำหนดเวลาเรียนของนักเรียนในเเต่ละช่วงชั้นได้เอง ซึ่งบางโรงเรียนอาจจะเรียนเพิ่มเติมในวันเสาร์ด้วย
ดังนั้นทางผู้ฝึกสอนจึงขอเเจ้งเปลี่ยนเวลาเรียนฟุตบอลวันเสาร์ จากเวลาปกติคือ 16.30 - 18.30 เป็น 17.00 - 19.00 #ย้ำนะครับเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น เเละเราจะกลับมาเรียนในเวลาปกติกันจนกว่าจะมีการประกาศเเจ้งให้เรียนปกติจากทางโรงเรียน โดยเริ่มเรียนกันตั้งเเต่วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม (วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป)ส่วนวันอาทิตย์เราจะเรียนกันเวลาเดิม ( 16.30-18.30 ) เเล้วเจอกันนะครับ ♥️

▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️▪️

* สร้างเสริม ต่อเติมฝัน เพียรฝึกฝน รู้ชนะ รู้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา *

ก้าวเล็กๆ ของมนุษย์คนหนึ่งอาจกลายเป็นก้าวอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ

“นีล อาร์มสตรอง” (Neil Armstrong)

#ฝากอะคาเดมี่เล็กๆนี้ไว้ด้วยนะครับ

สนใจติดต่อ : 📞095-4108403(โค้ชวิค)
: 📞 088-8928351(โค้ชเอก)

หรือกดตรงนี้เลยครับ 👇🏻👇🏻👇🏻
https://line.me/ti/p/trvawOp6jV
https://line.me/ti/p/2Ue0tDUiEh

สวัสดีครับผู้ปกครองเเละน้องๆทุกคน หลังจากที่รัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการคลายล็อกระยะ 3 ให้ดำเนินการหรือทำกิจกรรมบางอย่างได้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และขับเคลื่อนกิจกรรมบางอย่างเพิ่มเติมใน 14 กลุ่ม โดยสนามฟุตบอล ฟุตซอล สนามหญ้าเทียม เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผ่อนปรนให้สามารถมาใช้บริการได้ ทางอะคาเดมี่จะทำการฝึกสอนฟุตบอลหลังสถานะการณ์โควิด-19 วันแรกหลังจากที่ปิดกันมาหลายเดือนใน #วันเสาร์ที่20มิถุนายน2563 นี้ ซึ่งเราก็จะมีมาตรการที่จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ให้ได้มากที่สุดมีความปลอดภัยที่สุด โดยแบ่งพื้นที่สนามให้เหมาะสมกับจำนวนเด็กที่มาเรียน เว้นระยะห่างกันตามหลัก Social Distancing และมีการใช้มาตรการของการเรียนฟุตบอลหลังสถานการณ์โควิด-19 ดังนี้

👉🏼 มีการลงทะเบียนก่อนเข้าเเละออกสนามทุกครั้ง
👉🏼 ล้างทำความสะอาดมือด้วยเจลเเอลกอฮอล
👉🏼 วัดอุณหภูมิร่างกายตามเกณฑ์มาตรฐาน
👉🏼 นั่งรอในพื้นที่ที่จัดให้โดยเว้นระยะห่าง
👉🏼 มีการทำความสะอาดอุปกรณ์ก่อนเเละหลังใช้ทุกครั้ง
👉🏼 ออกแบบการฝึกซ้อมให้มีระยะห่าง

📌📌เฟส 3 เปิดแล้ว สามารถทำการฝึกซ้อมได้ แต่เราต้องรักษากฎและมาตรการที่กำหนดด้วยนะครับเด็กๆ (การ์ดอย่าตก) 📌📌

#ขออภัยในความไม่สะดวก 🙏🏽🙏🏽🙏🏽
#เจอกันวันที่20มิถุนายน2563ครับ
🐝⚽

สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจนะครับสามารถพาลูกหลานของท่านเข้ามาดูการฝึกสอนพื้นฐาน​ฟุตบอล หรือมาทดลองเรียนกับทางอะคาเดมี่ได้ทุกวันเสาร์​ -​ อาทิตย์​ เวลา​ 16.30 -​ 18.30 น.​ ณ​ สนามฟุตบอลหญ้าเทียม​อันดามันสปอร์ตคลับ​กระบี่​ 🐝🧡🖤⚽

* สร้างเสริม ต่อเติมฝัน เพียรฝึกฝน รู้ชนะ รู้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา *

ก้าวเล็กๆ ของมนุษย์คนหนึ่งอาจกลายเป็นก้าวอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ

“นีล อาร์มสตรอง” (Neil Armstrong)

#ฝากอะคาเดมี่เล็กๆนี้ไว้ด้วยนะครับ
สนใจติดต่อ : 📞095-4108403(โค้ชวิค)
: 📞 088-8928351(โค้ชเอก)

⚽️🐝💛🖤

เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์
บทพิสูจน์ของ “ไอ้เด็กตัวเท่าลูกหมา”
—————————

มึงติดยา ป่าวเนี้ย ตัวถึงผอมขนาดนี้ !!
ตัวเท่าลูกหมา....มึงไปสู้ใครเขาได้ !!!
และอีกหลากหลายถ้อยคำ...ดูถูก...

ถ้อยคำเหล่านี้ถือเป็นคำดูถูก...ที่ “เท่ห์” เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์” ดาวเตะร่างเล็ก...จำฝังใจมาตลอด และอยากลบคำสบประมาทนี้ออกไปจากใจให้ได้มากที่สุด...

“เจริญศักดิ์” เล่าว่า “เขาเติบโต มาจากครอบครัวเกษตรกร เพราะที่บ้านมีอาชีพเลี้ยงวัวขาย และสมัยเด็กเขาเป็นเด็กเลี้ยงวัว และชีวิตค่อนข้างลำบาก และหลายคนมักดูถูกว่า “เขา” คงไปไม่ได้ไกลหรอก

ตัวก็เล็ก..จะไปสู้ใครเขาได้....ทำให้ที่ผ่านมาผมจำฝังใจกับคำนี้มาโดยตลอด...

ส่วนเส้นทางชีวิตนักฟุตบอลนั้น ตอนเด็กๆ ผมมีความฝันว่าสักวันหนึ่ง จะต้องเป็นนักฟุตบอลทีมชาติให้ได้ เพื่อทำให้ครอบครัวของมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้

ทำให้เลยเริ่มการเล่นฟุตบอลกับเพื่อนแถวบ้าน ตั้งแต่อายุ 9 ขวบและออกตระเวนแข่งขันจนทำให้มีชื่อเป็นติดทีมเยาวชนของจังหวัดกาญจนบุรี

และมีครั้งหนึ่งเคยมีแมวมองของ “กิเลน” มาเห็นและมาติดต่อเคยจะเอาเข้าไปอยู่ในอะคาเดมี่มาแล้ว แต่ตอนนั้นผมยังเด็กมาห พ่อเลยไม่ให้ไปเพราะความเป็นห่วงเพราะมันห่างไกลบ้านทำให้เลยพลาดการได้เข้าไปอยู่ทีมยักษ์ใหญ่ อย่าง “เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปโดยปริยาย

แต่ผมก็ไม่ได้เสียใจนะ เพราะตอนนั่นผมยังเด็กมาก

แต่เมื่อป.6 ผมตัดสินใจขอพ่อ พร้อมหิ้วสตั๊ดคู่ใจออกเดินล่าฝันไปคัดตัวที่ โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐม จนเขามีชื่อติดเขาไปอยู่ในรั้วกีฬานครปฐม สมใจ

อย่างไรก็ดี ชีวิตนักฟุตบอลที่เขาวาดฝันไว้มันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะการห่างจากบ้านครั้งแรกในชีวิต มันทำให้เขาแทบจนทนไม่ได้ เพราะดวยการฝึกซ้อมที่หนัก บวกกับความ คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อคิดถึงแม่ ทำให้เกือบตัดสินใจกลับบ้านและเลิกเล่นฟุตบอล

แต่ทว่าด้วยคำพูดดูถูกต่างๆนานาที่ผ่านมา ทำให้ผมคิดได้ว่าหากกลับบ้านไปตอนนี้ เขาต้องถูกตราหน้า แบบทุกคนพูดดูถูกไว้แน่นอนทำให้ผมจึงพยายามอดทน จนสามารถผ่านช่วงเวลาที่แสนทรมานนั้นมาได้

จนกระทั่งก่อนจบ ม.6 โค้ชที่โรงเรียนกีฬานครนครปฐม ได้นักฟุตบอลไปคัดตัวกับทีม “แอร์ฟอร์ซ “ ซึ่งสมัยนั้นมี “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ เป็น “กุนซือใหญ่” ซึ่ก็ได้ไปคัดด้วย

การคัดตัวครั้งนั้น “ฝีเท้า” ของ “เจริญศักดิ์” ก็ไปเตะตา “โค้ชเตี้ย” เข้าอย่างจัง จนทำให้ “กุนซือมาดกวน” ถึงกับเรียกเขาไปคุยพร้อมนักเตะอีก 3 คน พร้อมบอกว่ามาอยู่กับแอร์ฟอร์ซไหม และอยากเอ็งฝีเท้าดีจริง ข้าเซ็นสัญญากับ เอ็งแน่ !!!

ด้วยคำพูดของ “โค้ชเตี้ย” ทำให้ผมจึงตกลงปลงใจที่จะอยู่กับ “แอร์ฟอร์ซ”

จากนั้นไม่นาน “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ ก็จับผมเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ เป็นครั้งแรกในชีวิตผมดีใจมาก และเมื่อเงินเดือนออกเดือนแรกผมตัดสินใจโอนให้แม่ทั้งหมดทันที และผมก็ยังรู้ถึงความภูมิใจนั้นอยู่เลย

และต้องบอกว่า “แอร์ฟอร์ซ” และ “โค้ชเตี้ย” นี่แหละช่วยขัดเกลาผม จนผมสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม “แอร์ฟอร์ซ” ได้สำเร็จ

ทว่าชีวิตผมต้องมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง ในปี 2017 อย่างที่รู้กันว่ามันประเด็นดราม่าระหว่าง สะสม พบประเสริฐ กุนซือแอร์ฟอร์ซ กับ เอเย่นต์ของผม ในกรณีการเรียกร้องค่าเหนื่อยเกินเพดานของสโมสร จนทำให้เขาถูกสโมสรฯ ขึ้นบัญชีขายในที่สุด และย้ายไปร่วมทัพ “พัทยา ยูไนเต็ด” ซึ่งผมก็ไม่อยากพูดถึงมันอีกแล้ว

แต่ผมก็ยอมรับว่าการออกมาจากถิ่น “แอร์ฟอร์ซ” ในครั้งถือเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมากในชีวิตครั้งหนึ่งเลยก็ได้ เพราะเขารู้สึกว่า “แอร์ฟอร์ซ” และ “โค้ชเตี้ย” คือคนที่ให้โอกาสเขา และผมก็ไม่เคยลืม

อย่างไรก็ดีย้ายมาอยู่ที่ พัทยา ยูไนเต็ด ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต เพราะมันถือการออกมาเริ่มต้นใหม่ ซึ่งปีแรกก็ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่นสักเท่าไหร่

ถามว่าท้อไหมบอกตรงว่ามันก็มีครับ แต่ผมก็คิดว่า เราไม่สู้ เราคงอยู่ได้แค่นี้” ทำให้ผมตัดสินใจอยู่ “พัทยา ยูไนเต็ด” ต่อเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

จากนั้นฤดูกาล 2019 พัทยา ยูไนเต็ด จะเปลี่ยนมาชื่อมาเป็น “สมุทรปราการซิตี้” และมีความเปลี่ยนแปลงในทีมเยอะมาก ร่วมถึงมีปรับแผนการเล่น ทำผมเองได้รับโอกาสลงเล่นมากขึ้นในตำแหน่งตัว “ริมเส้นฝั่งขวา”

ทำให้เวลานั่นผมเองพยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก เพราะคิดว่าโอกาสมาถึงแล้วเราต้องคว้ามันไว้ให้ได้ และผมก็ทำสำเร็จ ได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันถือจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตค้าแข้งของผม เพราะมันทำให้ได้มีชื่อขึ้นไปติดทีมชาติ ยู 23

ส่วนการทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมได้รับตำแหน่ง “ดาวซัลโว” ทัวร์นาเมนท์ดังกล่าวมาครองได้อีกด้วยหลังทำผลงานยิง 3 ประตูนั้น

“เจริญศักดิ์” กล่าวว่า “การที่ผมสามารถก้าวมาถึงจุดได้ในวันนี้ ต้องบอกว่า มันนับเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่จากความพยายามของผม และผมต้องขอบคุณ ไม่ว่าจะเป็นขอบครัวครัวผม โค้ชทุกคน และแฟนบอลทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ผมมาตลอด ผมรู้สึกภูมิใจมากๆ ที่สามารถลบคำสมประมาทของคนที่เคยดูถูกผมไว้ได้ในวันนี้”

“เป้าหมายของผมนับจากนี้ แน่นอนครับความฝันของผมคือการติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ แและผมจะพยายามทำมันให้ได้”

“ส่วนการไปเล่นลีกต่างๆ ประเทศ แน่นอนมันเป้าหมายต่อไป ไม่มีใครอยากย่ำอยู่กับที่หรอก แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้ขอทำให้หน้าตัวเองให้ดีที่สุดก่อนและยังอยากพาสมุทรปราการซิตี้ คว้าแชมป์ไทยลีกให้ได้ก่อน” เจริญศักดิ์ กล่าว

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องราวชีวิตบางส่วนของ “เท่ห์” เจริญศักดิ์ วงกรณ์ ดาวเตะทีมชาติไทยดีกรี “ดาวซัลโว” ศึกแชมป์เอเชีย 2020 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี

ที่เชื่อได้ว่าอีกไม่นาน...จะกลายเป็น “นักเตะซุป’ตาร์” ขวัญใจแฟนฟุตบอลชาวไทยได้ในอนาคต

และเชื่อเหลือเกิน “คนที่เคยดูถูกเขา” ในอดีตที่ผ่านมา...จะต้องกลับมา “ซูฮก” เขาอย่างแน่นอน...

Passion ❤️

บทที่ 25.1 การสร้างแรงจูงใจ (ภายใน) Passion
-------------------------------

อย่างที่ทราบว่า นอกจากการพัฒนาความสามารถแล้ว อีกสิ่งก็คือการสร้างแรงจูงใจ และหัวข้อแรก ของการสร้างแรงจูงใจจากภายใต ก็คือการสร้าง Passion

Passion คำนี้ มีความหมายตามรากศัพท์ ว่า ความหลงใหล, กิเลส ความอยาก

Passion ในกีฬาฟุตบอล จึงหมายถึง การหลงรักมันอย่างไม่มีเงื่อนไข รู้สึกว่าเราไม่สามารถขาดมันได้ มันจึงเป็นแรงจูงใจที่สำคัญมาก

เพราะนักฟุตบอลหลายคนที่เลิกเล่นไป ส่วนใหญ่แล้ว เป็นเพราะเขาขาด Passion เพราะเขายังรักมันไม่มากเพียงพอ หากคุณ มี Passion กับมัน คุณจะรู้สึกว่า ฟุตบอลคือสิ่งที่คุณขาดไม่ได้เลย

ซึ่งส่วนใหญ่ มันต้องเกิดจากการปลูกฝัง การสร้างแรงจูงใจที่ดี ทำให้เขารู้สึกสนุกกับฟุตบอล มีความอยากที่จะเล่นกับฟุตบอลตลอดเวลา

เพราะในขั้นตอนแรกของเด็กที่อยากเล่นฟุตบอล มันจะมีอยู่ 2 ทาง คือ เด็กมีความอยากเล่นเอง เพราะเขาอยากสนุกกับมัน กับ สองคือ ถูกพ่อแม่บังคับ

ซึ่งทั้งสองวิธี มันมีตัวเลขบอกว่า นักฟุตบอลส่วนใหญ่ ที่ไปรอดจากระดับเยาวชน เป็นเพราะเขามี Passion จากตัวเอง เพราะเวลาที่เขาเจอปัญหาอะไร แต่หากเขา มี Passion กับฟุตบอล เขาก็จะผ่านปัญหาและอุปสรรคเหล่านั้นไปได้

แต่เด็กที่ถูกผู้ใหญ่บังคับ ก็ไม่ใช่ว่าจะไปไม่รอด แต่ระหว่างทางที่เขาเป็นนักฟุตบอล พ่อแม่ ก็ต้องพยายามปลูกฝัง Passion ที่มีต่อฟุตบอลให้กับเขาเช่นกัน

การสร้าง Passion จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในเด็ก ที่จะได้มาเข้าร่วมโครงการ Grassrotts ที่จะมีความสนุก ความรู้สึกที่รู้สึกว่าฟุตบอลจะนำอะไรมาให้ตัวเขา ทั้งเพื่อน ทั้งความสนุก เป็นต้น

เปรียบดังชีวิต หากเรามีแฟน และเรามี Passion เราก็จะพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ตัวเขามาครอบครอง ไม่ว่าจะพยายามลดน้ำหนัก พยายามทำตัวเป็นคนดี เลิกต่ออบายมุขต่างๆ

แต่เมื่อคุณหมด Passion กับมัน คุณก็จะไม่สนใจอะไรเลย นั่นจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับ Passion

🐝🖤💛

#อย่าลืมฝึกฝนเเละทบทวนบ่อยๆ
#รอให้สถานะการณ์ดีขึ้นกว่านี้อีกหน่อยเรามาเจอกันนะครับ

ออกตัวช้ากว่า ไม่ได้แปลว่าจะแพ้เสมอไป เพราะความถูกต้องสำคัญกว่าความเร็ว
----------------------------------------

หลายคนมักกังวลว่า ถ้าเราเริ่มเล่นฟุตบอลช้ากว่าคนอื่น เราจะแพ้คนที่เริ่มต้นเร็วกว่า

บางคนเริ่มเล่นฟุตบอลอาจจะตอน 11 ขวบ บางคนอาจจะไปเริ่ม 14 ขวบ บางคนอาจจะเริ่ม 6 ขวบ แต่มันก็ไม่ใช่เสมอไป ว่าคนที่เริ่มช้ากว่า จะต้องแพ้คนที่เริ่มเร็วกว่า

แน่นอนว่าการเริ่มต้นที่เร็วมันเป็นสิ่งที่ดี แต่หากเราเริ่มต้นไม่ถูกต้อง มันก็มีสิทธิ์ที่จะแพ้คนที่เริ่มต้นทีหลัง

เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญก็คือ ความถูกต้องเสมอ มันก็เหมือนการยิงประตู ยิงเร็วยิงแรงไม่ได้แปลว่าจะเข้าเสมอไป แต่หากเรายิงเข้าเป้า และมีความแม่นยำ มันก็อาจจะได้ผลมากกว่า

บางคนเริ่มเล่นฟุตบอลตอน 6 ขวบ แต่เริ่มไม่ถูกหลัก ไปโดนสอนแบบแท็คติกแบบทีม หรือ ทักษะขั้นสูง ก็จะทำให้เขาเบื้อฟุตบอลได้รวดเร็ว

ขณะเดียวกัน หากคนที่เริ่มเล่นตอน 11 ขวบ หากเริ่มต้นอย่างถูกต้อง ได้รับการปูพื้นฐานที่ถูก ในเรื่องของ Individual Tactics ได้รับการอบรมสั่งสอนเรื่องทัศนคติอย่างถูกวิธี ก็มีโอกาสที่จะแซงคนที่เริ่มเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เหมือนกัน

เพราะฉะนั้นความเริ่มต้นเร็วไม่ใช่เป็นตัวตัดสินเสมอไป แต่การเริ่มต้นอย่างถูกต้องถูกวิธี ต่างหาก ที่สำคัญ

แน่นอนว่าเริ่มเร็วกว่า มันก็ดีกว่าก็จริง แต่เรื่มช้ากว่า ก็ไม่ได้แปลว่าจะแพ้เสมอไป

เพราะกีฬาฟุตบอล มันมีองค์ประกอบมากมาย คนที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่เริ่มเร็ว แต่คือคนที่เริ่มต้นอย่างถูกต้อง ในเรื่องของการพัฒนาพื้นฐาน

มันก็เปรียบเหมือนกับการทำงาน คนที่อายุมากกว่า ไม่ใช่คนที่เก่งกว่าเสมอไป แต่หากคนรุ่นใหม่ ที่มาทำทีหลัง หากพัฒนาตัวเอง ตามเทรนด์ ก็มีสิทธิ์แซงคนที่อายุมากกว่าเช่นกัน

⚽️❤️

ชัยชนะของบอลเด็ก สิ่งสำคัญที่สุดยามชนะ ต้องทำอย่างไร
-------------------------------

ก่อนหน้านี้ บทความหลายบทความ เราพูดเสมอว่า ชัยชนะ หรือ พ่ายแพ้ ในฟุตบอลเด็กมันไม่สำคัญ มันคือเรื่องของพัฒนาการ เราได้พูดถึงว่าทำไม ฟุตบอลเด็กต่างประเทศถึงไม่ซีเรียส ที่ผลแพ้ชนะ

แต่อีกสิ่งก็คือ ยามที่เด็กชนะ เราก็ไม่ควรไปพูดในทำนอง เชิง ทำลายความมั่นใจ ยกตัวอย่าง ที่เราเห็นหลายคอมเมนต์ บอก โธ่ เด็กไทยตอนเด็กก็ชนะได้ทั้งหมด ตอนโตก็สู้เขาไม่ได้ คู่ต่อสู้อายุน้อยกว่า เราชนะไปไม่ได้อะไรเลย แต่เขาได้ประสบการณ์เต็มๆ

พอคิดแบบนี้ พูดแบบนี้ มันเหมือนเป็นการบั่นทอนจิตใจของเด็กชั้นดีเลยก็ว่าได้ ทำให้เด็กที่กำลังเล่นฟุตบอลอย่างสนุกสนาน ต้องมากังวล สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นอย่างไร

หลายครั้งที่เราเห็นแฟนบอลโจมตี เวลาเราแพ้ ก็มีมากมาย ยามชนะ หลายครั้งก็มักจะหาข้ออ้างมาทำลายความมั่นใจ ยกตัวอย่างเช่น แมตช์อุ่นเครื่อง รายการ M-150 คัพ ที่ทีมชาติไทย U23 ชนะ ทีมญี่ปุ่น U23 ได้ หลายคนต่างออกความเห็นว่า โถ่ญี่ปุ่น ชุดบี เขามาไม่เต็ม เขาทดลองทีม อย่างนู้น อย่างนี้ อย่างนั้น เป็นต้น

เข้าใจว่าเราไม่อยากให้เด็กๆเหลิง หรือ พึงพอใจกับชัยชนะที่ได้มา แต่สิ่งสำคัญคือ ยามชนะใช่ว่าจะต้องทำลายความมั่นใจเขา แต่ต้องพูดกับเขาเสมอว่า ชนะวันนี้ เราก็ต้องชนะเขาให้ได้ต่อไป ต้องพยายามรักษาระดับ ยกระดับตัวเองให้ได้ต่อไป ไม่ใช่แขวะ ตำหนิ หาข้ออ้างให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นต้น

เพราะการเจอแบบนี้ มันทำให้เด็กไม่รู้ว่าเราควรจะชนะ หรือ แพ้ ทางไหนมันดีกว่า เพราะแพ้ก็โดนด่า ชนะก็โดนด่า ซึ่งนั่นถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะมันจะทำให้เขาต้องรู้สึกพะวงไปหมด กับอนาคต ที่เขายังไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร

ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจ สถานการณ์ ยามที่พ่ายแพ้ สิ่งสำคัญก็คือกำลังใจ และมองหาบทเรียนที่ต้องพัฒนา ไม่ใช่คำดุด่า โจมตี ทำให้เด็กรู้สึกสนุกอยู่แม้จะแพ้ และทำให้เขามีอารมณ์ที่อยากจะพัฒนา มากกว่าจะไปจมปลักกับความผิดพลาด

หรือ ยามที่เราชนะ ก็ไม่ต่างกัน พวกเขายังต้องการกำลังใจ คำชมเชย แต่ตรงนั้น ก็ต้องมองหาบทเรียนที่ต้องพัฒนา เช่นกัน ไม่ใช่คำกระแนะกระแหน หรือ การแขวะเป็นต้น แต่ก็ไม่ควรยกยอปอปั้นเกินไป ควรพูดความจริง ในสิ่งที่เขาทำได้ดี และเน้นให้ทำงานหนักต่อเนื่อง

ฟุตบอล หากตัดสินแบบเป็นรูปธรรม ชัยชนะกับความพ่ายแพ้คือสิ่งสำคัญ แต่สิ่งสำคัญที่มากกว่า คือคำว่าพัฒนาการ และทัศนคติ กับสิ่งที่ลงมือทำต่อเนื่อง หลังจากที่การแข่งขันจบลงไป ตัวเด็กทำอย่างไร เขามีวิธีคิดอย่างไร และอีกบุคคลสำคัญก็คือคนรอบข้าง ทั้งโค้ช และผู้ปกครอง จะสอนเขาอย่างไร ในวันที่แพ้ หรือในวันที่ชนะ นั่นเอง

⚽️🧡🖤

จำเป็นหรือไม่ ที่โค้ชต้อง ตะโกนสั่ง เด็กตลอดเวลาในการเล่น
----------------------

คนส่วนใหญ่ มักจะชอบโค้ช ที่มีแคแรคเตอร์ ดุดัน ตะโกนสั่งเด็กอยู่ข้างสนามตลอดเวลา เพราะเปรียบเหมือนว่า ในขณะที่นักเตะเหนื่อย โค้ชเองก็เหนื่อยในการตะโกนสั่งการอยู่ข้างสนามเช่นกัน

หลายคนชอบภาพแบบนี้ เพราะมองว่า มันเป็นภาพของความเป็นหนึ่ง ที่ทุกคนจะต้องเหนื่อยเหมือนกันสู้เท่ากัน ออกแรงเท่ากัน

และพอโค้ชบางคน ไม่ออกมาตะโกนสั่ง หรือนั่งเฉยๆ ก็จะถูกตำหนิ ติเตียนว่า ไม่สนใจเกม ไม่คิดจะกระตุ้นเด็ก คิดอะไรไม่ออกเลยไม่พูดล่ะสิท่า นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น

คำถามคือ การตะโกนสั่งเด็กตลอด 90 นาที มันดีจริงๆหรอ มันช่วยสอนเด็กได้จริงๆหรอ

ความจริงแล้วมันไม่มีการพิสูจน์หรอกว่า การตะโกนหรือไม่ตะโกนจะมีส่วนช่วยให้ทีมฟอร์มดีขึ้น แต่การตะโกนหลายครั้ง มันก็กลายเป็นการทำร้ายนักเตะทางอ้อม เพราะเสียงของโค้ช จะทำให้นักเตะเกิดอาการพะวง ส่งไปทางซ้ายสิ ข้างหน้าเพื่อนว่างเห็นไหม มีตัวด้านหลังอยู่ หันไปดูสิ

นั่นคือสิ่งที่เราพบเจอและได้ยินเสมอ การตะโกนสั่งแบบนี้ แม้มันอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมา แต่ระยะยาว มันก็เกิดปัญหาที่ว่า เด็กจะไม่เข้าใจ ไม่ได้คิดเอง ไม่ได้เล่นด้วยความเข้าใจ แต่ทำไปเพราะทำตามคำสั่งของโค้ชเท่านั้น

และการตะโกนสั่งซ้าย สั่งขวา มันยิ่งแสดงให้เห็นว่า โค้ชไม่ได้ทำให้นักเตะเข้าใจตั้งแต่ในสนามซ้อม เลยต้องคอยสั่งอยู่ตลอดเวลา

ยิ่งเฉพาะมุมมอง คนที่ครองบอลอยู่ในสนาม มองไม่เห็นว่าเพื่อนคนไหนว่าง แต่โค้ชตะโกนบอกว่าไอตรงนี้ว่างจากอีกมุมมอง แล้วเด็กก็ทำตาม โอเคว่าสุดท้ายมันส่งบอลสำเร็จ แต่เด็กเขาจะได้ฝึกไหมว่า เมื่อเขาอยู่จุดนั้น เขาต้องมองอย่างไร สุดท้ายเขาก็จะคิดว่ามองไม่เห็นไม่เป็นไร เดี๋ยวโค้ชก็ตะโกนบอกเอง จนสุดท้าย เขาก็คิดช้า ทำช้า เพราะต้องรอคำสั่งให้ทำอยู่เสมอ จนเขาคิดเองไม่เป็น คิดไม่ได้ว่า เมื่อรับบอลมาแล้ว จะต้องเปิดลำตัวมองหาเพื่อนร่วมทีมคนอื่นอย่างไร ต้องมองอย่างไร เขาถึงจะส่งบอลไปให้เพื่อนได้

เพราะฉะนั้น หลายครั้ง สิ่งที่โค้ชตะโกนสั่งลงไป มันไม่ใช่บอกเด็กว่าต้องทำอะไร บางครั้งก็แค่กระตุ้นว่า มีสมาธิหน่อย ใจเย็นๆ แอบบอกว่าตอนนี้เหลือกี่นาที เพื่อเป็นการกระตุ้น เป็นต้น

หากเปรียบเป็นชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ถ้าหากมีพ่อแม่มาตะโกนสั่ง โอเคเขาทำตาม แต่เขาก็ทำโดยที่ขาดความเข้าใจ ทำไปทำไมก็ไม่รู้ สุดท้ายพอถึงวันที่เขาต้องคิดเอง ต้องไตร่ตรองทุกอย่างเอง เขาก็คิดไม่ได้ และส่งผลเสียต่อตัวเขาระยะยาว

สิ่งสำคัญคือโค้ชต้องสอนให้เขา คิดให้ได้ ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในสนามซ้อมแล้ว พอถึงสถานการณ์จริง เขาจะได้นำสิ่งที่ได้รับการสอน มาปรับใช้ การสั่งการในสนามส่วนใหญ่ เป็นแค่การเตือนสติ เพราะบางครั้งนักเตะก็อาจจะหลงลืมไปบ้าง ซึ่งมันก็เปรียบเหมือนพ่อแม่ ที่สอนลูกแล้ว ก็ต้องแนะนำเสมอ ตลอดเส้นทาง ไม่ใช่บอกหรือสั่งเด็กอย่างเดียว

อย่าตัดสินโค้ชสักคน จากการตะโกนสั่งหรือไม่ตะโกนสั่ง แต่ต้องมองภาพรวมระยะยาว

ยกตัวอย่าง นิชิโนะ เขาก็ไม่ต้องตะโกนสั่งอะไรมากมาย จะมีแค่บางครั้งที่เรียกมาอธิบาย หรือ ติวเพิ่มในรายละเอียดบางอย่างเท่านั้น และส่วนใหญ่เขาก็จะดูอย่างตั้งใจ และคอยโฟกัส และวิเคราะห์เกมไปด้วยในตัว

เพราะฉะนั้นการไม่ตะโกนสั่ง ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่แปลว่า นิชิโนะ ได้อธิบายให้ลูกทีมฟังไปหมดแล้วก็เท่านั้น และก็ต้องดูว่าเด็กเข้าใจกับสิ่งที่เขาบอก เขาสอนในสนามซ้อมหรือไม่ หากไม่ก็ต้องเรียกมาเตือน แล้วแก้ไข ก็เท่านั้น แต่ไม่ใช่การสั่ง การกำกับทุกจังหวะ

เพราะอย่างที่บอกที่สำคัญ ฟุตบอล ณ ตอนนี้ ชัยชนะสำคัญที่สุดก็จริง แต่สิ่งสำคัญที่ไม่แพ้กันก็คือการพัฒนา โดยเฉพาะการตัดสินใจ, มุมมองและความคิดของนักเตะ ที่เขาจะต้องคิดได้เอง พัฒนาตัวเองด้วยตนเอง ไม่ใช่รอแค่คำสั่งที่ต้องทำตามตลอดเวลา

💪🏾❤️⚽️

แบบซ้อม คือสิ่งที่ห้ามเลียนแบบ แต่ต้องเข้าใจมันก่อน
---------------------------

ผู้ที่ต้องการเป็นโค้ชหลายคน มักจะพยายามเข้าหา โค้ชที่เก่ง เพื่อหวังจะขอแบบฝึกซ้อม เพราะหวังว่า หากเราเลียนแบบโค้ชที่เก่ง ซ้อมแบบที่โค้ชที่เก่งทำ และเราจะได้ทีมที่ดี ได้ผลลัพธ์ที่ดี

แต่สุดท้าย พอหลายคนทำแบบนั้น ผลที่ออกมากลับไม่ดี เกิดความสงสัยว่าทำไม เราอุตส่าห์ ดูว่าเขาซ้อมอย่างไรบ้าง ลอกเลียนแบบการซ้อมของเขา แต่ทำไมถึงไม่สามารถทำได้ตามแบบทีมที่เก่ง เขาทำ

สาเหตุสำคัญ คือ มันมีหลายปัจจัย อาทิ ความแตกต่างของนักกีฬา รวมถึง ความเข้าใจในแบบซ้อมของตัวผู้ฝึกสอน

เพราะการจะสร้างทีมที่ดี มันไม่ใช่แบบฝึกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีโค้ชที่ดี รวมถึงนักเตะที่ดี ที่ต้องผสมผสานไป

ลองคิดภาพว่าหากเรา ลอกเลียนแบบการซ้อมมา และเราไม่เข้าใจมันเลย แค่ทำตามที่เขาทำ สุดท้าย การฝึกซ้อมมันก็ไม่มีคุณภาพ

หรือต่อให้เราเข้าใจ แต่มันไม่เหมาะสมกับนักกีฬาที่เรามีอยู่ในทีม มันก็ไม่เกิดผลเช่นกัน

เพราะฉะนั้น การวางแผนฝึกซ้อม มันไม่ใช่มองอย่างเดียวว่าทีมที่เก่งเขาทำแบบไหน ซ้อมอย่างไร แต่ต้องมองถึงความเหมาะสมของนักกีฬา และตัวเรา ว่าจะสามารถและทำความเข้าใจ แบบฝึกซ้อมเหล่านั้นได้มากแค่ไหน

หลายคนบอกอยากเล่น แบบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เน้นการครองบอลเพื่อเข้าทำสวยงาม คำถามคือ ผู้เล่นเรามีคุณภาพแบบนั้นหรือไม่ หรืออยากเล่นเคาน์เตอร์ เพรสซิ่ง ดุดัน แบบลิเวอร์พูล นักเตะเรามีแรง หรือพลัง พอที่จะวิ่งกดดันตลอดทั้งเกมหรือเปล่า

เพราะการเป็นโค้ช การพัฒนานักเตะไม่ใช่มองแค่แบบฝึกซ้อมที่ดี แต่ต้องมองหาแบบฝึกซ้อมที่ เหมาะสมกับเด็ก เหมาะสมกับทีมของคุณ นอกจากนี้ตัวเราต้องเข้าใจ และ รู้วิธีการถ่ายทอดให้กับเด็ก

เพราะฉะนั้น มันคงดีกว่า หากเราออกแบบฝึกซ้อมด้วยตัวเอง วางแผนต่างๆ ดีกว่าที่จะไปลอกเลียนแบบคนอื่น ที่เขาประสบความสำเร็จเพียงอย่างเดียว

ช่วงนี้ฝึกที่บ้านกันก่อนนะครับ​ สถานการณ์​ปกติเมื่อไรเจอกันแน่นอนครับ​ 🧡🖤⚽🏃‍♂️💪

จิตวิทยากับกีฬา เป็น ep.สุดท้ายในหัวข้อนี้นะครับ ผมจะเก็บตกเรื่องราวที่คิดว่าน่าสนใจและน่าจะมีประโยชน์ต่อการนำไปปรับใช้กัน ส่วนไหน จุดไหนที่ดูแล้วมีเหตุมีผลที่ดี เหมาะสมกับบริบทในครอบครัวของแต่ละคน ก็ลองนำไปประยุกต์ใช้กันนะครับ

ดอกเตอร์ฟังเรื่องราวของฟุตบอลเด็กในบ้านเราที่ทีมงานถ่ายทอดให้ฟังแล้วมองในหลักจิตวิทยาว่า บ้านเรายังไม่เข้าใจสเตจหรือช่วงวัยแต่ละอายุของเด็ก และยังปฏิบัติไม่เหมาะสมนักตามหลักจิตวิทยาพื้นฐาน

คำว่าสเตจของวัยทำให้ผมย้อนนึกไปถึงครั้งหนึ่งที่ผมได้เข้าไปดูแนวทางของ Academy ต่างประเทศแห่งหนึ่ง ผมพบว่าวัยเด็กช่วงไม่เกินสิบขวบ เค้าฝึกซ้อมกับแบบผ่อนคลายมากๆครับ คือเน้นแบบฝึกที่สนุกสนาน ซ้อมไปเราจะเห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กอยู่ตลอดเวลา

มื้อซ้อมแต่ละครั้งใช้เวลาเพียงแค่ 1.15-1.30 ชม. เท่านั้น แบบฝึกก็ดูเหมือนไม่จริงจัง ไม่เข้มข้น ต่างจาก Academy ในบ้านเรา ที่จะดูจริงจังกว่าด้วยซ้ำ

โค้ชคนหนึ่งที่ไปกับผมถึงกับพูดกับผมว่า "ซ้อมอะไรของมันวะเนี่ย เสียเวลามาดู" และค่อนข้างมีความคิดที่อคติกับ Academy นี้

แต่อย่าลืมนะครับว่าสุดท้ายแล้วพอโตไปในวัยอาชีพจริงๆ นักฟุตบอลไทยไม่เคยสู้ฝรั่งพวกนี้ได้เลยนะครับ

หลังจากจบมื้อซ้อม ผมได้พูดคุยกับโค้ชของ Academy นั้น จึงได้เข้าใจว่า ฝรั่งเขาเน้นฝึกตามช่วงอายุ โดยเน้นที่การสนุกกับการฝึกซ้อม และค่อยๆปรับไปตามสเตจของวัย

คล้ายกับที่ดอกเตอร์พูดกับพวกเราเช่นกัน

เหมือนมะม่วงบ่ม เพื่อเร่งให้สุกเร็ว ส่งขายได้ แต่รสชาติต่างๆมันแตกต่างจากมะม่วงที่สุกเองตามธรรมชาติ

ถ้าอดทนรออีกนิด ค่อยๆปล่อยให้สุกเองตามธรรมชาติ จะขายมะม่วงได้ราคาแพงกว่าด้วยซ้ำ!!!

เด็กก็คือเด็กครับ ไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก ค่อยๆประคับประคองไป อย่าเพิ่งไปรีบ ไปเร่งก่อนวัยอันควร ถามตัวเองกันให้ดีครับว่าเป้าหมายคืออะไร อยากเก่งตอนอาชีพ หรืออยากเก่งแต่บอลเดินสายตอนเด็ก

อีกเรื่องที่ดอกเตอร์ได้คลายความสงสัยตามหลักจิตวิทยาให้พวกเรา ก็คือการที่พ่อหลายๆคนมักมีปัญหากับลูกเวลาสอนลูก

ว่าง่ายๆโค้ชสอนได้ แต่พ่อสอนไม่ได้ สอนทีไรทะเลาะกันทุกที555 ผมเชื่อว่าหลายบ้านเป็นแบบนี้

ดอกเตอร์บอกว่ามันคือเรื่องปกติครับ!!!

เด็กมีมิติในการแยกเเยะต่างจากผู้ใหญ่ เป็นเรื่องปกติที่เด็กจะฟังโค้ชมากกว่าฟังพ่อ ไม่มีอะไรน่ากังวลเลยครับ

ในทางจิตวิทยาบอกว่าเป็นการชี้ว่าเด็กคนนั้นมี self identity คือการพยายามพัฒนาและสร้างตัวตนของตัวเอง เป็นข้อดีด้วยซ้ำครับ

ดังนั้นบ้านไหนที่เป็นแบบนี้ พ่อแม่ก็วางบทบาทของตัวเองให้เหมาะสมนะครับ ผมเคยถามเพื่อนที่เป็นนักฟุตบอล หลายๆคนแทบไม่เคยสอนลูกตัวเองเลยนะครับ ทั้งที่บางคนตอนเล่นฟุตบอลเป็นถึงระดับทีมชาติด้วยซ้ำ เขาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโค้ชครับ

พ่อก็คือพ่อ โค้ชก็คือโค้ช

อีกสิ่งหนึ่งที่ดอกเตอร์กล่าวถึงก็คือ อย่าประเมินอะไรด้วยชัยชนะครับ ไม่ว่าประเมินเด็กหรือประเมินโค้ช บ้านเราหลายๆที่ประเมินผลงานของโค้ชระดับเยาวชนด้วยชัยชนะ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิด

เป้าหมายหลักในช่วงวัยของเยาวชนคือพัฒนาการ ไม่ใช่ชัยชนะ ดังนั้นการวาง goal (เป้าหมาย) แบบนี้ ไม่ถูกต้องแน่นอน

และไม่มีใครที่จะชนะได้ตลอดด้วยครับ!!!

ผมเคยพูดไปครั้งนึงแล้วว่าคนไทยชอบมอง winning เป็นหลัก แต่ไม่เข้าใจ develop จึงไม่เคย success ในตอนท้าย

อีกประเด็นที่ดอกเตอร์แนะนำมา คือการใช้คำพูดที่เหมาะสมพูดกับลูกครับ คำพูดบางคำคล้ายๆกันมาก ความหมายแทบไม่ต่างกัน แต่เด็กฟังแล้วให้ความรู้สึกต่างกันครับ

เช่น "ถ้าพ่อเป็นลูก พ่อจะทำแบบนี้..." คำพูดแบบนี้จะกดดันทำให้เด็กยิ่งรู้สึกผิด​

ลองเปลี่ยนเป็น​ "ถ้าเป็นพ่อนะ​ พ่อจะทำแบบนี้..." จะทำให้เด็กมองเห็นตัวเลือกอื่นๆ​ เป็นการสะท้อนให้เด็กเห็นข้อผิดพลาด

และสุดท้ายดอกเตอร์ฝากไว้ว่า "อย่าเปรียบเทียบเด็ก" ครับ การเปรียบเทียบเด็ก เก่ง กับ ไม่เก่ง เป็นการทำร้ายความรู้สึกของเด็กโดยตรง เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันไป

สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของความเป็นมนุษย์ คือความแตกต่างนี่แหละครับ เหมือนถ้าเราวัดคุณค่าของ "ปลา" ด้วยการปีนต้นไม้ ปลาตัวนั้นก็จะด้อยค่ามาก

เช่นเดียวกันกับการวัดคุณค่าของ "ลิง" ด้วยการว่ายน้ำ และทั้งปลาทั้งลิงจะไม่มีคุณค่าอะไรเลย

เราใช้อะไรวัดคุณค่าของลูกเราครับ