หลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ/มุ่งชี้แนวทางการปฏิบัติธรรม
ทำงานเผยแพร่พระพุทธศาสนา Sriracha Branch No.0982
Savings account no. 982-0-00565-1
acc. name Phra Udom Atjanamanatsiri
เว็ปนี้ มุ่งให้ความรู้ในการปฏิบัติธรรมเพื่อ ชำระจิต
ให้สะอาด สว่าง สงบตามหลักแห่งมรรค
อุปสมบทที่วัดปาลิไลยวัน (หุบเขาฉลาก) ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
ปี พ.ศ.๒๕๓๐ พระครูวิสุทธิสังวร (ใช่ สุชีโว) เป็นพระอุปัชฌ์
อดีตเคยเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปาลิไลยวัน (หุบเขาฉลาก)
ลาออกปี ๔๕
ปัจจุบันเป็นประธานสงฆ์ของวัดป่าหนองเลง
งานที่ทำคือ ครูสอนปริยัติธรรม และพระกรรมวาจาจารย์ อดีตที่เคยทำคือกรรมการคุม สอบนักธ
การเจริญสติ รู้ปล่อยวางในอารมณ์ ไม่ยินดียินร้าย ในผัสสะคือโลก มีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย และธรรมารมณ์ จะทำให้จิตสงบนิ่งว่างเป็นกุศลธรรมอันเป็นบุญ จึงไม่นึกคิดปรุงแต่ง ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า การมีสติอยู่เสมอ จะทำให้มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ในการคิด ในการพูด ในการกระทำ เป็นอธิศิล อธิจิต อธิปัญญา
ผู้ปรารถนาในความสงบทางจิต จึงควรที่จะภาวนาไว้เสมอในจิตของตนว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." จะทำให้เกิดมีสัมปชัญญะคือความรู้ตัว มีสติ ถอนความยินดียินร้ายในโลกออกไปเสียได้ การมีสติอยู่เสมอ จะทำให้จิตสงบจากกิเลสกามทั้งหลาย และสงบจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย เข้าถึงความเป็นสมาธิฌาณ ได้โดยง่าย ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า "อริยมรรค มีองค์ ๘ ประการ คือข้อปฏิบัติที่พระตถาคตได้ตรัสรู้เองแล้วโดยเฉพาะ"
ผู้ปฏิบัติธรรมทั่งหลาย จึงควรยึดหลักแห่งอริยมรรค มีองค์ ๘ ประการนี้ เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ ในชีวิตประจำวันไว้ เพื่อให้จิตเข้าถึง ความสงบจากกิเลสกามทั้งหลาย และสงบจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย ก็จะทำให้จิตเข้าถึงสุญญะตะสมาธิได้ ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
การปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะปฏิบัติธรรมแนวไหน ๆ เป้าหมายสูงสุดก็คือนิพพาน ไม่ว่าผู้ปฏิบัติธรรมจะหวัง หรือไม่หวังผลก็ตาม สิ่งที่ได้ผลของมันก็นิพพาน เพราะผู้ปฏิบัติธรรม จะต้องฝึกจิตใจของตน ให้ละโลภะ โทสะ โมหะ ออกเสียจากใจ ผลของการละโลภะ โทสะ โมหะ ออกไปจะทำให้จิตใจค่อย ๆ เกิดความสงบสุข นิ่งว่างเย็น นี่คืออาการของนิพพาน ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
โอวาทปาฏิโมก มี ๓ อย่างคือ
๑.การไม่ทำบาปทั้งปวง คือการมีสติรู้ปล่อยวางในอารมณ์ ไม่ยินดียินร้ายใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย และใจอยู่เสมอ ความรู้สึกยินดียินร้าย จัดเป็นบาปอกุศลธรรม มีกามราคะโลภะโทสะโมหะครอบงำใจ ที่ทำให้ใจนึกคิดปรุงแต่ง จนกระทำผิดทางกาย.วาจา.และใจได้ ความยินดียินร้ายในขันธ์ ๕ ยังทำให้เกิดนิวรณ์กามฉันทะคือม่านกั้นแห่งความดีด้วย.
๒.การทำกุศลให้ถึงพร้อม คือการฝึกใจของตนให้มีสติ รู้ปล่อยวางในอารมณ์อยู่เสมอ ด้วยการพยายามภาวนาไว้เสมอว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." จะทำให้เกิดสติ รู้ปล่อยวางในอารมณ์ มีจิตเป็นกุศลธรรมอันเป็นบุญอยู่เสมอ ไม่เกิดกามราคะ ไม่เกิดโลภะ ไม่เกิดโทสะ ไม่เกิดโมหะ จัดเป็นผู้ถึงพร้อมในกุศล มีความสงบสุข เพราะไม่มีนิวรณ์ครอบงำใจ.
๓.การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ คือการหมั่นนั่งสมาธิอยู่เสมอ ด้วยการกำหนดรู้จิตว่าง (คือจิตไม่นึกคิดในเรื่องอดีตและอนาคต) เป็นเครื่องรู้ของจิต หรือการเพ่งดูจิตว่างเป็นอารมณ์ เป็นปัจจุบันธรรม หากมีการนึกคิดในเรื่องอดีตหรืออนาคตเกิดขึ้น ในระหว่างนั้น ก็ให้พิจารณาในจิตของตนว่า นี่คือจิตมาร ไม่ควรตามนึกคิดลบทิ้งไปเสียๆๆ ถ้าทำเช่นนี้อยู่เสมอในการนั่งสมาธิ จะทำให้จิตของเราค่อยๆ เกิดความสงบนิ่งว่างเป็นสมาธิ เป็นชั้นๆ คือฌาณที่๑.๒.๓.๔.ไป จนจิตตั้งมั่นในสุญญะตะสมาธิ หรืออนิมิตตะสมาธิ นี่คือวิธิการชำระจิตของตนให้ขาวรอบ ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
การเจริญสติรู้ปล่อยวางในอารมณ์ ช่วยให้มีจิตใจที่เเข้มแข็งไม่หวั่นไหว ต่อการรับรู้เรื่องราวต่างๆในโลก สื่อช่วนเชื่อต่างๆ ในโลกทุกวันนี้ มีแต่สิ่งยั่วยุที่ช่วนให้รัก ชักให้ใคร พาใจให้ไหลหลง ทำให้ใจเกิดความโลภ ความโกรธ ความหลงที่จิตอยู่ตลอดเวลา ที่ทำให้เกิดการนึกคิดปรุงแต่ง จนจิตฟุ้งซ่านเป็นทุกข์ ไม่อยากให้จิตใจของเราเป็นทุกข์ กับสิ่งยั่วยุในโลก
จะต้องฝึกจิตของเราให้มีสติ รู้ปล่อยวางในอารมณ์อยู่เสมอ ด้วยการฝึกภาวนาไว้ในใจอยู่เสมอว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." จะทำให้มีสติรู้ปล่อยวางในอารมณ์ การฝึกจิตให้มีสติอยู่เสมอ จะทำให้จิตของเราสงบจากกิเลสกามทั้งหลาย และสงบจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย ทำให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน อยู่เย็นเป็นสุขในโลกนี้ และโลกหน้าด้วย ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
การมีสติอยู่เสมอ ทำให้จิตของเราไม่เกิดการนึกคิดฟุ้งซ่าน เป็นทุกข์ จึงไม่ทำให้เกิดเป็นโรคซึมเศร้า แม้โรคมะเร็งก็ไม่กระจายไปทั่วร่างกายได้ ผู้มีสติอยู่เสมอมีจิตที่สงบนิ่งและเย็น ผู้มีสติมีจิตที่ไม่ส่งออก ไปยึดถือเรื่องใดๆในโลกมาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
ชาวพุทธจึงควรฝึกจิตของตน ให้มีสติไว้เสมอ ด้วยการภาวนาไว้ในจิตอยู่เสมอว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." จะทำให้มีสติรู้ปล่อยวางในอารมณ์ สติจึงเป็นยารักษาโรคทางจิตได้ดีที่สุด ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
อริยมรรคมีองค์ ๘ ในข้อที่ ๒ คือการดำริชอบ เป็นหัวข้อของการปฏิบัติจิตภาวนา มี ๓ หัวข้อในการดำริ ๑.เนกขัมมะสังกัปโป ดำริในการออกจากกาม คือไม่ให้จิตยินดียินร้าย ในการเห็นรูป.เสียง.กลิ่น.รส.สัมผัส.และธรรมารมณ์. ในข้อนี้จะทำให้จิตสงบแล้วจากกิเลสกามทั้งหลาย.
๒.ดำริในการออกจากความพยาบาท อัปพยาปาทสังกัปโป คือการไม่ว่าร้ายใคร. ในข้อนี้จะทำให้จิตสงบแล้วจากอกุศลธรรมทั้งหลาย ที่เป็นนิวรณ์.
๓.ดำริในการไม่เบียดเบียน อวิหิงสาสังกัปโป คือไม่คิดร้ายใคร. ในข้อนี้ก็เช่นกัน ที่จะทำให้จิตสงบแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย.
สรุปแล้วก็คือการให้ภาวนาว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." การภาวนาไว้เสมอในใจคือการท่องไว้จนขึ้นใจ จะทำให้มีสติรู้ปล่อยวางในอารณ์ จิตจะค่อยๆ เกิดความสงบสุข นิ่งและเย็น เป็นกุศลธรรมอันเป็นบุญเกิดขึ้นในจิต ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
การปฏิบัติธรรม คือการเจริญสติ รู้ปล่อยวางในอารมณ์ ไม่ให้จิตเกิดเป็นอกุศลธรรมและกิเลสกาม. สิ่งที่ได้ในการเจริญสติ คือจิตที่เป็นกุศลธรรม ไม่มีราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เกิดขึ้นในจิต การมีจิตที่เป็นธรรม จะทำ จะพูด จะคิด ก็เป็นไปในธรรม คือมีอธิศีล มีอธิจิต และมีอธิปัญญา คอยควบคุมจิตไม่ให้ทำผิด จิตจึงไม่หลงในโลก มีความสงบสุข นิ่งและเย็น เป็นนิพพานทีละนิดๆ
การเจริญสติ จึงต้องมีการภาวนาไว้เสมอในใจว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." เพื่อให้ใจมีความรู้ตัวเป็นสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความยินดียินร้านในโลกออกไปเสียได้ ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
สมุทัยคือใจเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ที่ใจเป็นเหตุก็เพราะใจนึกคิดเองได้ตลอดเวลา(เพราะกิเลสตัญหา) สิ่งที่ใจนึกคิดก็คือเรื่องราวชีวิตของคนในโลกนี้ ที่เรียกว่าทุกขสัจจะ
มีเรื่องเกิดเป็นทุกข์. เรื่องแก่เป็นทุกข์. เรื่องเจ็บไข้เป็นทุกข์.เรื่องความตายเป็นทุกข์. เรื่องความโศกความร่ำไรรำพัน. ความไม่สบายกาย. ความไม่สบายใจ.ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์. มีความปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้น ๆ ก็เป็นทุกข์. คาวมประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์. ความพลัดพลากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์.
เรื่องทุกข์ที่มีอยู่ในโลกเรานี้ จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าใจของเรามีการฝึกสติไว้ การมีสติอยู่เสมอใจของจะไม่ไปเผือกเรื่องต่าง ๆ ของคนอื่นในโลกนี้เลย ฉะนั้น ไม่อยากให้ใจของเราเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ จึงควรภาวนาไว้เสมอว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." จะทำให้ใจของเรามีสติรู้ปล่อยวางในอารมณ์ มีความสงบสุขนิ่งและเย็น ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
กิเลสกาม คือความโลภ,ความโกรธ,ความหลง, เกิดจากความยินดียินร้าย.ความพอใจหรือไม่พอใจ.ความชอบใจหรือไม่ชอบใจ. ในเมื่อตาเห็นรูป. หูได้ยินเสียง. จมูกได้กลิ่น. ลิ้นได้รับรส. กายได้สัมผัสเย็นหรือร้อนอ่อนหรือแข็ง. ทำให้ใจเกิดนึกคิดปรุงแต่งฟุ้งซ่าน เป็นทุกข์ เพราะมีนิวรณ์
ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนมากไม่รู้ วิธีกำจัดกิเลสกามออกจากใจ จึงทำให้ใจไม่เกิดความสงบสุข ผู้ปฏิบัติธรรมหวังความสงบสุข จึงต้องฝึกจิตของตนให้มีสติไว้เสมอ ด้วยการภาวนาไว้เสมอว่า"ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." จะทำให้มีสติรู้ปล่อยวางในอารมณ์ ไม่เกิดกิเลสกาม และไม่เกิดนิวณ์ด้วย สติทำให้โลภะ โทสะ โมหะ เบาบางลงด้วย สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบเป็นไม่มี ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
คนเราอยู่อย่างมีสติ ดีกว่ามีทุกข์น้อย เพราะการมีสติทำให้จิตไม่ส่งออก ไม่ไปยินดียินร้ายเรื่องใดๆในโลก.ไม่ไปว่าร้ายใคร.ไม่ไปคิดร้ายใคร. ที่โลกวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะคนอยู่อย่างไม่มีสติ จิตจึงส่งออกไปเผือกเรื่องราวต่างๆในโลก ทุกข์จึงตามมาให้ผลในชีวิตอยู่เสมอ ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
ผู้มีความเพียรในการภาวนาอยู่เสมอ จะทำให้จิตสงบจากกิเลสกามทั้งหลาย และสงบจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย ถ้าตายในระหว่างที่มีสติอยู่ จะทำให้ไปเกิดในที่สุคติ คือโลกสวรรค์ ถ้าเราฝึกจิตของเราให้มีสติไปเลื่อย ๆ จนถึงที่สุดคือฌาณ ๔ จะทำให้เราไม่กลับมาเวียนว้ายตายเกิดอีกต่อไปได้
เราจึงควรฝึกจิตอยู่เสมอให้มีสติ ด้วยการภาวนาไว้เสมอว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." จะทำให้มีสติรู้ปล่อยวางในอารมณ์โลก มีความสงบสุขนิ่งและเย็น จะไม่เป็นหมันเปล่าที่ได้เกิดมาในชาตินี้ ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้,
ความเพียรเป็นกิจที่ควรทำในวันนี้ ใครเล่าจะรู้ว่าความตายอาจมีมาในวันพรุ่งนี้,
"นิพพานัง ปรมัง สุญญัง นิพพาน คือธรรมอันว่างอย่างยิ่ง" นิพพาน ไม่ใช้เรื่องที่จะให้ใครมาทำแทนกันได้ ผู้ปารถนาในนิพพาน จะต้องเป็นผู้ลงมือปฏิบัติเอง ด้วยการเจริญสติปัฎฐาน ๔ ตามในอริยมรรคมีองค์ ๘ จนรู้ปล่อยวางในอารมณ์ จนจิตตั้งมั่นในธรรมอันว่างอย่างยิ่ง จึงจะรู้เองเห็นเอง ยิ่งบอกว่านิพพานซื้อขายกันได้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเชื่อเด็ดขาด เพราะผู้เชื่อคือผู้มีมิจฉาทิฏฐิ ผู้สอนคือคนโง่ ผู้รับคำสอนคือคนที่โง่ยิ่งกว่า ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเล
การเจริญสติอยู่เสมอ คือการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน เราสามารถปฏิบัติธรรมได้ตลอดเวลา เพียงภาวนาอยู่ในใจไว้เสมอว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." เพื่อให้จิตของเรามีสัมปชัญญะคือความรู้ตัว จะทำให้มีสติคือระลึกได้ รู้ปล่อยวางในอารมณ์
การมีสติจะทำให้จิตของเราเป็นกุศลธรรมอันเป็นบุญเกิดขึ้น เพราะการมีสติ คือการละกิเลสกาม ละนิวรณ์ธรรมด้วย ทำให้ไม่เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง ผู้มีสติอยู่เสมอจะทำให้ไม่ทำบาป คือการไม่กระทำชั่ว การไม่พูดชั่ว การไม่คิดชั่ว
การมีสติอยู่เสมอจะทำให้ใจสงบสุข ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่เป็นทุกข์ ผู้ปารถนาความสงบสุข จึงควรฝึกจิตของตนให้มีสติอยู่เสมอ จะเป็นบุญอย่างยิงในชีวิตของตน ผู้รู้แล้วปฏิบัติธรรม จะไม่เป็นหมันปล่าว ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
โรคมะเร็ง ทำให้คนจิตตกเพราะความกลัว โรคจึงกระจายตัวเร็ว เราจึงควรฝึกจิตของเราให้มีสติ รู้ปล่อยวางในอารณ์อยู่เสมอ ๆ เพื่อให้จิตของเราสงบนิ่งไม่ฟุ้งซ่านไม่กลัว มีขันติ อดกลั้น อดทน ก่อนเป็นหรือเป็นอยู่ เพื่อไม่ให้จิตหวั่นไหว จิตไม่หวั่นไหว โรคก็ไม่กระจาย
ด้วยการภาวนาไว้ในใจของตนอยู่เสมอว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." การภาวนาอยู่เสมอจะทำให้มีสติ เกิดขึ้นได้เร็ว การมีสติ จะทำให้จิตของเราค่อย ๆ เกิดความสงบสุข อยู่ไม่ร้อน นอนไม่เป็นทุกข์ กับโรคร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราได้ ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
โรคมะเร็ง คือ โรคที่เกิดจากการมีเซลล์ผิดปกติในร่างกายและเซลล์เหล่านี้มีการเจริญเติบโตรวดเร็วเกินปกติ ร่างกายควบคุมไม่ได้ เซลล์เหล่านี้จึงเจริญลุกลามและแพร่กระจายทั่วร่างกาย ส่งผลให้เซลล์ปกติของเนื้อเยื่อ/ อวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลว ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด ได้แก่ ปอด ตับ สมอง ไต กระดูก เป็นต้น
การเจริญสติ ทำให้จิตไม่หวั่นไหว เซลล์มะเร็งไม่กระจาย ทำให้ร่างกายและใจสงบสุข มีขันติ อดกลั้นอดทนต่อเวทนาได้ดี เราจึงควรเจริญสติอยู่เสมอ ด้วยการภาวนาไว้ในใจของตนอยู่เสมอว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." จะทำให้เกิดสติ รู้ปล่อยวางในอารณ์ มีจิตใจที่สงบสุข อยู่ไม่ร้อน นอนไม่ทุกข์ได้ ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
นิพพานัง ปรมัง สุญญัง. นิพพาน คือธรรมอันว่างอย่างยิ่ง.
กิจที่จะทำให้จิตเข้าถึงนิพพานได้ คือการฝึกจิตของตน ให้จิตตั้งมั่นในจิตว่าง ที่เรียกว่าสุญญะตะสมาธิให้ได้เสียก่อน จึงจะเข้าถึงพระนิพพานได้
กิจที่จะทำให้จิตตั้งมั่นในจิตว่างได้ คือการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ให้รู้ปล่อยวางในอารมณ์ ไม่ยินดียินร้าย.ไม่ว่าร้ายใคร.ไม่คิดร้ายใคร. ในการพิจารณาเห็นกายในกาย. ในการพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา. ในการพิจารณาเห็นจิตในจิต.ในการพิจารณาเห็นธัมในธัม. จนจิตเกิดความสงบนิ่ง ตั้งมั่นเป็นสุญญะตะสมาธิ ที่ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตนให้ได้เสียก่อน ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
การปล่อยจิตให้ไหลไปตามโลกคือผัสสะ จะทำให้จิตฟุ้งซ่านเป็นทุกข์ เพราะการขาดสติ ควรเจริญสติไว้อยู่เสมอ เพื่อความสงบสุขของตนเอง🙏🙏👌
อยากมีสติ ในการรู้ปล่อยวางอารมณ์ จะต้องมีการภาวนาไว้เสมอว่า ไม่ยินดียินร้าย.ไม่ว่าร้ายใคร.ไม่คิดร้ายใคร.จึงจะทำให้มีสติเกิดขึ้นได้
การฝึกจิตให้มีสติเป็นนาทีทองของชีวิต ในการจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้า สติทำให้รู้ปล่อยวางเรื่องต่างๆในโลกอย่างไม่ยินดียินร้ายใจจึงสงบสุข
โลกคือผัสสะ ความยินดียินร้ายในโลก ทำให้ใจของเราเกิดการนึกคิดปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา จึงควรฝึกใจของเราให้มีสติอยู่เสมอเพื่อความสงบสุข
การเจริญสติ ทำให้จิตของเราหมดจดจากเครื่องเศร้าหมอง ไม่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง มีแต่ความสะอาด สว่าง สงบ อยู่เย็นเป็นสุข 🙏🙏🙏
การมีสติไม่ยินดียินร้าย ในรูปขันธ์ ทำให้ไม่เกิดอุปาทานขันธ์ในขันธ์ ๕ ทำให้ใจนึกคิดน้อยลง ไม่เผือกเรื่องใดๆในโลกทำให้ใจมีความสงบสุข
การมีสติ ทำให้ใจสงบจากกิเลสกามทั้งหลาย และสงบจากธัมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย ไม่เกิดนิวรณ์คือกามฉันทะ ไม่เกิดความพยาบาท เข้าถึงสมาธิได้
การมีสติ ไม่ยินดียินร้าย.ไม่ว่าร้ายใคร.ไม่คิดร้ายใคร.ทำให้เกิดเนกขัมมะบารมี.และเมตตาบารมี เป็นบารมีเบื้องต้นของผู้ปฏิบัติธรรม🙏
การอ่านธัมมะเมื่อรู้แล้วควรนำไปปฏิบัติจริง ในชีวิตประจำวันเพื่อให้จิตของเราเข้าถึงธัม เพราะธัมมะช่วยให้จิตของเราสะอาดสว่างสงบสุข🙏
สังขาร คือการนึกคิด คนเรามีทุกข์ก็เพราะมีการนิกคิด หยุดการนึกคิดได้ ก็ไม่เป็นทุกข์ การหยุดการนึกคิดได้เรียกว่าวิสังขาร เป็นอาการของนิพพาน ควรทำให้แจ้งหรือรู้สึกอยู่เสมอ
สิ่งที่ทำให้ใจของเรานึกคิดอยู่เสมอ ก็คือความรู้สึกยินดียินร้าย ในผัสสะ คือรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย และธัมมารมณ์คืออารมณ์ที่เกิดกับใจ ถ้าเรามีสติ หยุดอารมณ์เหล่านี้ได้ ก็จะไม่เกิดการนึกคิด การมีสติ ทำให้ใจของเราเกิดความสงบนิ่ง รู้สิ่งที่เข้ามากระทบ เพียงสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย ใจจึงว่างจากการนึกคิด
อุบายที่จะทำให้เรามีสติ คือการภาวนาไว้เสมอว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." การมีสติอยู่เสมอ จึงเป็นการสร้างนิพพานให้กับใจวันละนิด ใจจึงเกิดความสงบนิ่งว่างเป็นสุขอย่างยิ่ง ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
นิวรณ์, นิวรณธรรม ธรรมที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุความดี,
สิ่งที่ขัดขวางจิตไม่ให้ก้าวหน้าในคุณธรรม มี ๕ อย่าง คือ
๑. กามฉันท์ พอใจในกามคุณ เกิดจากความยินดียินร้ายในผัสสะ
๒. พยาบาท คิดร้ายผู้อื่น ด้วยการคิดว่าร้ายใครๆ อยู่เสมอ
๓. ถีนมิทธะ ความหดหู่ซึมเซา
๔. อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านและรำคาญ เกิดจากการนึกคิดใน เรื่องอดีตและอนาคต อยู่เสมอ
๕. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ไม่เข้าใจในธรรม
การออกจากนิวรณ์ คือไม่ให้ครอบงำจิตของเราได้ด้วยการมีสติไว้เสมอ ด้วยการภาวนาไว้ในใจอยู่เสมอว่า "ไม่ยินดียินร้าย...ไม่ว่าร้ายใคร...ไม่คิดร้ายใคร..." การมีสติอยู่เสมอ จะทำให้ไม่เกิดนิวรณ์ครอบงำใจได้ และทำให้ใจเกิดความสงบสุข ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
ปุถุชน คือคนที่ยังมีกิเลสหนา, คนทั่วไป, ผู้ที่มิได้เป็นพระอริยบุคคล.
ยังมีใจที่ไม่สงบสุขเป็นสมุทัย เพราะความไม่มีสติในการรู้ปล่อยวางในอารมณ์ จึงทำให้ใจหลงนึกคิด ในเรื่องราวต่าง ๆ ของโลก สิ่งที่ทำให้ใจนึกคิดอยู่เสมอ คืออารมณ์ยินดียินร้ายในผัสสะ การฝึกใจให้มีสติอยู่เสมอ จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่คนเราควรฝึกไว้ เพื่อยกตนให้เป็นอริยบุคคล ผู้มีสติอยู่เสมอ จะรู้ปล่อยวางในอารณ์ ไม่ยินดียินร้าย.ไม่ว่าร้ายใคร.ไม่คิดร้ายใคร. ทำให้ใจสงบนิ่งและเย็น ไม่เกิดกิเลสกาม ไม่เกิดความโลภ ไม่เกิดความโกรธ ไม่เกิดความหลง เข้าถึงความเป็นอริยบุคคลได้ ดังนี้.
โดยหลวงพ่ออุดม มหาปุญโญ วัดป่าหนองเลง
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
เว็บไซต์
ที่อยู่
Si Racha
20110
Allianz Ayudhya สำนักงานปิ่นทอง ศรีราชา
Si Racha, 20230
เรารัก”ประ”กัน -วางแผนทางการเงิน กา?
KTCพี่เบิ้มชลบุรี 89/457 ม. 6 ต. บ่อวิน อ. ศรีราชา จ. ชลบุรี
Si Racha, 20230
อนุมัติภายใน 2ชม รับเงินทันที ไม่โอ?
165/31 หมู่ 10 ต. สุรศักดิ์ อ. ศรีราช
Si Racha, 20110
โครงการ Pro Manager หน่วยงาน Leader Group สาขาศรีรา?
Sriracha, Chonburi
Si Racha, 20110
寶來權證百萬挑戰賽冠軍 寶來權證百萬汽車得主 元大權證百萬大富翁 第一名 獲利 第二名、壓寶 第一名 八大券商合辦月獲利王、桂冠獎
สุขุมวิท
Si Racha, 20110
👩💻Financial Advisor (Full Time) บริษัท AIA ใบอนุญาตตัวแทน : 6501019010 เลขแนะนำผู้ลงทุน : 125369
Si Racha, 20230
D.AI.SY (Decentralized AI Trading System) เทรดอัฉริยะไร้ศูนย์?