True Teams Trading

ขอแนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อคัดกรองโรค และวางแผนการป้องกันและรักษาสุขภาพในอนาคตนะคะ
ขอบคุณ cr.RamaChannel

May all your dreams come true in 2024 !

โควิคระลอกใหม่มา อย่าลืมดูแลสุขภาพให้แข็งแรงไว้นะคะ
ด้วยความห่วงใย

ช่วงหน้าฝน อย่าลืมดูแลสุขภาพให้แข็งแรงนะคะ
มาดูยาที่ควรมีติดบ้านช่วงหน้าฝนกัน
🙏 ขอบคุณเครดิตข้อมูลดีๆค่ะ
ด้วยความห่วงใย

🥵 โรคผิวหนังที่ต้องระวังในหน้าร้อน

☀️ แสงแดดจ้ามาพร้อมกับอากาศร้อน ก่อให้เกิดโรคผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นตัว ฝ้า กระแดด ผดร้อน หรือเชื้อราที่ผิวหนัง

การป้องกัน ได้แก่ หลีกเลี่ยงการตากแดดเป็นเวลานาน ทาครีมกันแดดที่ใบหน้าและลำคอ สวมเสื้อผ้าที่ระบายเหงื่อและความร้อนได้ดี รวมทั้งอาบน้ำบ่อยขึ้นในช่วงหน้าร้อนค่ะ 😊

ด้วยความห่วงใย
สอบถามปรึกษา ข้อมูลสุขภาพได้ที่จุฬาฟาร์มาซี9 ค่ะ

Credit ขอบคุณข้อมูลดีๆ SiPH

🎉Happy Chinese New Year 2023 💵💰☘️❤️
💖ขอมอบคำอวยพรทั้งหมดนี้ให้ทุกคนนะคะ
✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨

新正如意 新年发财 (ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ) แปลว่า คิดหวังสิ่งใดขอให้สมหวังสมปรารถนาในปีใหม่นี้ มีแต่ความสุขมั่งคั่ง โชคดีร่ำรวยตลอดปี
(ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้* เป็นทางฝั่งจีนแต้จิ๋ว)
新年快樂 ( ซินเหนียนไคว้เล่อ) แปลว่า ขอให้มีความสุขในวันปีใหม่
恭贺新年 (กงเฮ่อซินเหนียน) แปลว่า สุขสันต์วันปีใหม่
恭喜发财 (กงซีฟาไฉ) แปลว่า ขอให้ร่ำรวย
日进斗金” (ยื่อจิ้นโต้วจิน) แปลว่า ขอให้มีชัยชนะและเงินทองไหลมาเทมาตลอดทั้งปีและตลอดไป
大吉大利 (ต้าจี๋ต้าลี่) แปลว่า ค้าขายเจริญรุ่งเรือง ได้กำไร
招财进宝 (เจาไฉจิ้นเป่า) แปลว่า เงินทองไหลมาเทมา ทรัพย์สมบัติไหลเข้าบ้าน
金玉满堂 (จินอวี้หม่านถัง) แปลว่า ร่ำรวยเงินทอง ทองหยกเต็มบ้าน
年年大赚钱 (เหนียนเหนียนต้าจ้วนเฉียน) แปลว่า ร่ำรวยมหาศาลขึ้นทุก ๆ ปี
年年有余 (เหนียนเหนียนโหย่วอวี๋) แปลว่า เหลือกินเหลือใช้ทุกปี
福寿万万年 (ฝูโซ่วว่านว่านเหนียน) แปลว่า อายุยืนยาวหมื่น ๆ ปี
龙马精神 ( หลงหม่าจินเสิน) แปลว่า ขอให้สุขภาพแข็งแรง
四季平安 ( ซื่อจี้ผิงอัน) แปลว่า ขอให้ปลอดภัยตลอดปี
祝你长寿 (จู้หนี่ฉางโส่ว) แปลว่า ขอให้คุณอายุยืนยาว
祝你健康 (จู้หนี่เจี้ยนคัง) แปลว่า ขอให้คุณสุขภาพดี
万事如意 (ว่านซื่อหรูอี้ ) แปลว่า ขอให้สำเร็จสมดั่งใจหมาย
家好运气 (เจียห่าวยวิ่นชี่) แปลว่า มีความโชคดีเข้าบ้าน
事事顺利 (ซื่อซื่อซุ่นลี่) แปลว่า ราบรื่นในทุก ๆ เรื่อง
一帆风顺 (อี้ฝานเฟิงซุ่น) แปลว่า ทุกอย่างราบรื่น
新正如意, 新年发财 (ซิงเจียหยู่อี่ ซิงนี้ฟาไฉ) แปลว่า คิดหวังสิ่งใดขอให้สมหวังสมปรารถนา สุขและร่ำรวยตลอดปี
新年快乐 (ซินเหนียนไคว่เล่อ) แปลว่า สวัสดีปีใหม่ / สุขสันต์วันปีใหม่
春节快乐 (ชุนเจี๋ยไคว่เล่อ) แปลว่า สุขสันต์วันตรุษจีน
万事如意 (บ่วงสื่อหยู่อี่) แปลว่า ขอให้สมหวังในทุก ๆ สิ่ง
诸事吉祥 (จูสื่อกิ๊กเซี้ยง) แปลว่า ขอให้มีความสิริมงคลในทุกเรื่อง
🎉💵💰☘️🎉

ทำไมใคร ๆ ถึงแนะนำนำให้รับประทานซิงค์ (Zinc) เป็นประจำ?

หลายคนที่ยังไม่รู้ว่า ซิงค์ (Zinc) หรือแร่ธาตุสังกะสี ไม่ได้มีดีแค่เรื่องความสวยความงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ซิงค์นั้นถือว่าเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญกับทุกระบบของร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า มีส่วนช่วยในการทำงานของเอ็นไซม์ต่างๆถึง 300 ชนิด และมีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย กระบวนการสังเคราะห์สารพันธุกรรม ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท ฮอร์โมน โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันที่ให้ทำงานได้อย่างปกติ ต่อต้านสิ่งแปลกปลอมให้ร่างกายได้ดีต่อเนื่องอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูล Mega

🎉Happy New Year 2023 🎉
All the best to you and your beloved family.

ขอให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตสำหรับคุณและครอบครัว ประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม
ร่ำรวยเงินทอง
สุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ
สวัสดีปีใหม่ 2566

การบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป คือต้นเหตุของกลุ่มโรค NCD’s ต่างๆ เช่น โรคหัวใจ ไขมันพอกตับ ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน
แต่ถ้าหากลดการบริโภคน้ำตาลลง แค่เพียง 14 วัน ความเปลี่ยนแปลงของสุขภาพและร่างกายจะเกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
ติดตามเคล็ดลับสุขภาพดีได้ที่นี่
ด้วยความห่วงใยค่ะ

ไอ เจ็บคอ มีไข้ น้ำมูกไหล
ตรวจแล้วขึ้น 2 ขีดไม่ต้องตกใจ
มีสิ่งเหล่านี้ติดบ้านเอาไว้เพื่อดูแลตัวเอง
สอบถามเภสัชกรแนะนำการดูแลสุขภาพได้ที่นี่ นะคะ
ด้วยความห่วงใย
🙏ขอบคุณข้อมูลจาก :
กระทรวงสาธารณสุข (moph.go.th), Mega

มาถูกทาง กินน้อยตายน้อยจากโควิด-19
รากฐานซึ่งนำมาถึงหลักการความเชื่อ จนกระทั่งถึงการประพฤติและปฏิบัติของการงดอาหาร เป็นระยะ หรือลดอาหาร จนกระทั่งถึงการกินเข้าใกล้มังสวิรัตินั้น มาจากการที่มีกลไกในการปรับการใช้พลังงานโดยเผาผลาญกลูโคสและไกลโคเจน จนกระทั่งถึงกระบวนการในการสร้างกลูโคส หมด แล้วปรับเปลี่ยนโหมดเป็นการสร้างคีโตน

ในขณะที่มีการผลิตคีโตนนั้น จะทำให้มีกรดไขมันซึ่งรวมถึงกรดไลโนลีอิก (linoleic acid) เพิ่มขึ้นในกระแสเลือด ทั้งนี้ กรดไลโนลีอิกนี้เองที่พิสูจน์แล้วในการทดลองรายงานในวารสาร Science ในปี 2020 ว่าจะไปจับกับโปรตีนหนาม สไปค์ของโควิดได้อย่างแน่นหนาและทำให้โควิดนั้นไปจับกับตัวรับในเซลล์ของมนุษย์คือ ACE2 ได้ลดลง ความสำคัญของตัวรับนี้คือเป็นตัวควบคุมการปรับเปลี่ยนให้กลไกเบี่ยงเบนเข้าหาระบบของการอักเสบหรือระบบที่ละลาย และต่อต้านการอักเสบ

การงดอาหารยังส่งผลป้องกันในระยะยาวจากผลกระทบที่เกิดจากการติดเชื้อ ทั้งนี้ อธิบายจากการที่มีโปรตีน galectin-3 เพิ่มขึ้นโดยไม่เกี่ยวข้องกับการที่จะผอมลงหรือไม่ก็ตาม โดยเป็นผลจากการศึกษาที่มีชื่อว่า WONDERFUL trial (Water only fasting interventional trial) โดยออกแบบการศึกษาทอดระยะเวลายาวหกเดือนและในแต่ละอาทิตย์จะมีหนึ่งวันที่กินแต่น้ำอย่างเดียวเท่านั้น

ตัว galectin-3 ที่ว่า ช่วยต่อสู้กับเชื้อโรคในช่วงที่มีการติดเชื้อในระยะเฉียบพลันโดยช่วยในระบบต่อต้านเชื้อโรคที่เป็นปราการด่านแรก innate immune system ทั้งผ่าน PRR และ DAMP และในระยะถัดมาหลังจากที่การติดเชื้อสงบไปแล้ว จะออกฤทธิ์ไปในทางสงบการอักเสบเรื้อรัง

การอักเสบเรื้อรังในร่างกายที่เป็นผลตามจากการติดเชื้อหรือที่เกิดขึ้นในโรคเมตาบอลิก เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจ หัวใจวายจะมีระดับของ galectin-3 สูงขึ้น

นอกจากบทบาทในเรื่องของการอักเสบดังกล่าว galectin-3 ยังสามารถจับติดกับเชื้อโรคหลายชนิดส่งสัญญาณไปยังระบบต่อสู้ด่านแรกและกระตุ้นเตือนยีนมนุษย์ให้สร้างโปรตีนที่มีผลสู้กับไวรัสได้โดยตรงรวมทั้งระงับยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ

การที่ทำการอดอาหารเป็นระยะเช่น inter mittent fasing ไม่กินอาหารอย่างน้อย 12 ถึง 14 ชั่วโมงต่อวัน มีรายงานแล้วว่าสามารถลดความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน และในคนไข้ที่ประพฤติปฏิบัติตัวในการลดงดอาหารอย่างต่อเนื่องมากกว่า 42 ปี จะมีชีวิตยืนยาวขึ้น และโอกาสที่จะเสี่ยงต่อหัวใจวายนั้นลดลงอย่างมากโดยที่ไม่ต้องถึงกับผอมก็ได้

ด้วยประโยชน์ดังที่ว่า ทำให้คณะผู้วิจัยทำการศึกษาระยะยาวที่ Salt Lake City, Utah USA ทั้งนี้ ผ่านระบบผู้ลงทะเบียน INSPIRE ในช่วงระยะเวลาของปี 2013 ถึง 2020 โดยขึ้นทะเบียนการวิจัย clinical trials NCT 02450006 และวิเคราะห์คนที่ติดเชื้อโควิดระหว่างเดือนมีนาคม 2020 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2021 เป็น Prospective longitudinal observational cohort

โดยประเมินการเสียชีวิตหรือการที่ต้องเข้าโรงพยาบาล และการติดเชื้อ

จำนวนประชากรที่ศึกษา 5,795 ราย อยู่ในระบบลงทะเบียนสวนตรวจเส้นเลือดหัวใจและอยู่ในระบบการติดตาม INSPIRE อย่างครบถ้วน พร้อมทั้งมีข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลสุขภาพ ความเสี่ยงของโรคต่างๆรวมทั้งโรคหัวใจและการตรวจเส้นเลือดทั้งหมด ในจำนวนนี้ 1,682 ราย หรือ 29% ได้รับการตรวจโควิดระหว่างวันที่ 16 มีนาคม 2020 และ 25 กุมภาพันธ์ 2021 และ 1,457 ราย ได้ผลลบ และ 225 ราย ได้ผลบวก คือมีการติดโควิด

เกณฑ์ของการเข้ากลุ่มอดอาหารเป็นระยะ (periodic fasting หรือ faster) คือต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยห้าปี และกลุ่ม non-faster คือไม่เคยปฏิบัติเลยหรือทำไม่ประจำหรือหยุดทำก่อนที่จะจบการศึกษา ดังนั้น มี 158 คนที่แม้จะมีการทำอดอาหารเป็นระยะมานานกว่าห้าปี แต่หยุดทำไป ไม่ได้นำรวมในการประเมินผลของการลดความเสี่ยงอาการหนักและการตาย

กลุ่มคนที่ศึกษาไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในกลุ่มที่เคร่งศาสนาที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ เพราะตัวแปรเหล่านี้ต้องนำมาควบรวมในการพิจารณา ด้วย พร้อมกับเชื้อชาติ รายได้เศรษฐานะ ระดับการศึกษา สภาพการแต่งงาน สภาพการจ้างงาน ชนิด และความเข้มข้นของการออกกำลังและแน่นอนรวมข้อมูลต้นทุนทางด้านสุขภาพทั้งหมดด้วย

กลุ่ม faster เป็น 35.6% ของกลุ่มศึกษาทั้งหมด (73 ในจำนวน 205 ราย) โดยได้ปฏิบัติสม่ำเสมอเป็นประจำเป็นอย่างน้อย 40.4+/- 20.6 ปี โดยยาวนานมากที่สุดคือ 81.9 ปี ตัวแปรทั้งหมด (co-variables) ได้นำมาพิจารณาโดยละเอียด อายุโดยเฉลี่ยของ กลุ่มอดและไม่อดคือ 63.1+/-14.8 และ 63.7+/-15.3 ปี และเป็นผู้หญิงในจำนวนใกล้เคียงกันประมาณ 35 ถึง 40% ความอ้วนผอมดัชนีมวลกายใกล้เคียงกัน คือ 30.4+/-8.2 และ 31.5+/-7.7

กลุ่มอด ไม่ดื่มเหล้า 89% เทียบกับ 61.4% ในกลุ่มไม่อด ทั้งสองกลุ่มมีความดันสูง ไขมันสูง เบาหวาน ใกล้เคียงกัน รวมทั้งตัวแปรสุขภาพอื่นๆทางหัวใจ เส้นเลือดอัมพฤกษ์ หัวใจวาย หัวใจเต้นระริก ภาวะสมองเสื่อม สุขภาพจิต โรคตับไต และทั้งสองกลุ่มพบว่า ในกลุ่มอดจะมีประวัติการสวนหัวใจใส่ขดลวดและเปลี่ยนเส้นเลือดหัวใจน้อยกว่าแต่ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ

ผลของการติดตามพบว่า ในจำนวน 205 รายที่ติดเชื้อโควิดกลุ่ม faster เข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต 11% ในขณะที่กลุ่ม non-faster สูงถึง 28.8% และการวิเคราะห์ทางสถิติจนกระทั่งถึง multivariable analyses ได้ผลตรงกัน คือประโยชน์ของการงดอาหารเป็นระยะจะได้ผลไม่ว่าอายุน้อยกว่าหรือมากกว่า 65 ปีก็ตาม แต่การงดอาหารไม่มีผลในการป้องกันการติดโควิดคือ 14.3% เทียบกับ 13%

การศึกษานี้มีความสำคัญตรงที่ ข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลก่อนที่จะมีการใช้วัคซีนโควิด

กลไกที่มีประโยชน์ในการงดอาหาร ไม่ว่าจะเป็น IF หรือกินแต่น้ำหนึ่งวันในเจ็ดวัน น่าจะมีกลไกในการควบคุมป้องกันการติดเชื้อที่ไม่ใช่แต่โควิด และก็ยังมีผลในการลดหรือบรรเทาการอักเสบที่มากเกินไป อันเกิดจากการติดเชื้อและที่เกิดต่อเนื่อง แม้การติดเชื้อนั้นจะสงบไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ระบบเซลล์จะทำการปรับตัวเพื่อให้มีชีวิตยาวนานขึ้นโดยใช้กลไก autophagy เหมือนกับ กบจำศีลหรือหมีจำถ้ำ ในฤดูน้ำแข็งโดยปรับให้ร่างกายมีการใช้พลังงานอย่างประหยัดมัธยัสถ์และระบายของเสียได้หมดจด และรีไซเคิลของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่

การศึกษานี้และผลของการศึกษาที่ผ่านมาทางระบาดวิทยาจากการติดตามระยะยาวรวมทั้งการศึกษาในหลอดทดลองในสัตว์ทดลองต่างยืนยันไปในทางเดียวกัน ของผลดีที่เกิดขึ้นต่อการป้องกันและลดความเสี่ยงความรุนแรงของโรคติดเชื้อและโรคไม่ติดเชื้อเรื้อรังต่างๆ หรือโรคเมตาบอลิก และการลดการอักเสบที่เกิดทอดยาวนานแม้ติดเชื้อสงบแล้วก็ตาม ที่เป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกกำลังประสบ คือลองโควิด การงดลดอาหารในลักษณะนี้ควรจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญอีกประการ โดยไม่ต้องใช้ยา

ข้อควรระวังของการงดอาหารเป็นระยะเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าในช่วงที่กินอาหารได้จะกินอย่างมโหฬาร ซึ่งอาจกลายเป็นมากกว่าที่เคยกินตามปกติด้วยซ้ำ และในช่วงที่ไม่กินต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มหวาน น้ำอัดลมใดๆ ไม่เช่นนั้นน่าจะเป็นการหลอกตัวเอง และไม่ประสบผลสำเร็จในที่สุดนะครับ

สุขภาพดีไม่มีโรคอยู่ที่การปฏิบัติตัว ไม่ใช่อยู่ที่เป็นโรคแล้วร้องหายา ซึ่งไม่มีทางที่จะกลับเป็นสภาพเดิมได้อีกต่อไป.
ขอบข้อมูล หมอดื้อ ค่ะ

#จุฬาฟาร์มาซี9
🟢 ผู้สูงอายุเป็นวัยที่ต้องใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพมากเป็นพิเศษ เพราะผู้สูงอายุมักมีปัญหาทางด้านร่างกายและจิตใจ เนื่องมาจากสภาพร่างกายที่เสื่อมไปตามอายุ เราอาจจะสังเกตได้ว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะมีอาการเชื่องช้า อ่อนเพลีย น้ำหนักลดลง กล้ามเนื้ออ่อนแรงและลีบ ไม่ค่อยรับประทานอาหาร ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันน้อยลง มีภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง รวมทั้งฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้ยากกว่าคนวัยหนุ่มสาว
🟢 นอกจากความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายแล้ว ยังพบความแปรปรวนทางด้านจิตใจร่วมด้วย เช่น ย้ำคิดย้ำทำ ยึดติดกับความคิดของตัวเองเป็นหลัก ซึมเศร้า ขี้หงุดหงิด ขี้ระแวง วิตกกังวล เอาแต่ใจตนเอง หวาดระแวง และขี้น้อยใจ
🟢 สำหรับผู้ที่หายจากอาการเจ็บป่วย เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ RSV หรือแม้แต่โควิด-19 ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันลดลง มีอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า หรือผู้ที่เคยติดโควิด-19 ในบางรายอาจมีภาวะ Long COVID ตามมาเพราะในขณะที่ติดเชื้อโควิด-19 จะทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย จึงส่งผลให้อวัยวะต่างๆภายในร่างกายได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
.
🟢 ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุหรือผู้ที่หายจากอาการเจ็บป่วย สิ่งสำคัญคือการฟื้นฟูร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม เพื่อกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและมีความสุขอีกครั้งด้วยวิธีการปฎิบัติตัวที่กล่าวมาข้างต้น
🟢 นอกเหนือจากวิธีการปฎิบัติตัวที่กล่าวมาข้างต้นแล้วการเลือกรับประทานสารอาหารสำคัญอย่าง ‘โปรตีน’ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกาย ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและบำรุงสุขภาพให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม เพราะโปรตีนเป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารภูมิต้านทานในร่างกายช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนัง กระดูกและกล้ามเนื้อ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เมื่อร่างกายได้รับโปรตีนที่เพียงพอทั้งปริมาณและคุณภาพ ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยบ่อย และฟื้นฟูร่างกายหลังเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น
🟢 เวย์โปรตีนไอโซเลท เป็นโปรตีนคุณภาพสูงเหมาะสำหรับการดูแลผู้สูงอายุ เนื่องจากเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ดูดซึมได้ทันที ไม่ทำให้ท้องอืด สามารถช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอในการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ป้องกันภาวะกล้ามเนื้อลีบ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และช่วยฟื้นฟูร่างกายจากการเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น (ปกติผู้สูงอายุต้องได้รับโปรตีนประมาณ 1 กรัม/น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)/วัน )
🟢 และเวย์โปรตีนไอโซเลท ยังเหมาะสำหรับผู้ที่หายจากอาการเจ็บป่วย ผู้ที่ผ่าตัด หรือผู้ที่เจ็บป่วยบ่อย ก็สามารถเสริมเวย์โปรตีนไอโซเลท เพื่อช่วยเสริมสร้างส่วนต่าง ๆ และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยเสริมภูมิต้านทาน ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น และฟื้นฟูร่างกายจากความเจ็บป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก :
โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ ( https://shorturl.asia/BeKP1 )
ขอบคุณข้อมูล: Mega

✋🏻หยุดเรียกยาปฏิชีวนะ ว่ายาแก้อักเสบ

ยาปฏิชีวนะเป็นยาต้านแบคทีเรีย
ออกฤทธิ์ที่ตัวแบคทีเรีย

ยาแก้อักเสบคือยาที่บรรเทาอาการปวด บวม แดง ร้อน ออกฤทธิ์ที่ร่างกายมนุษย์

ยาปฏิชีวนะไม่มีฤทธิ์แก้อักเสบ
ยาแก้อักเสบไม่มีฤทธิ์ต่อแบคทีเรีย

การเรียกยาปฏิชีวนะว่าเป็นยาแก้อักเสบ จึงเป็นการเรียกที่ผิด และทำให้ประชาชนเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าเมื่อเจ็บคอ (คออักเสบ) ต้องกิน "ยาแก้อักเสบ" ซึ่งก็คือยาปฏิชีวนะ ทั้ง ๆ ที่คออักเสบส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดมีสาเหตุจากไวรัส ไม่ใช่แบคทีเรีย จึงไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะเมื่อเจ็บคอ แต่ควรกินยาทั่ว ๆ ไป เช่นพาราเซตามอล ฟ้าทะลายโจร เป็นต้น

ผู้เจ็บคอที่ควรกินยาปฏิชีวนะ ต้องมีอย่างน้อย 3 อาการดังต่อไปนี้
1. อาการไข้ วัดอุณหภูมิได้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
2. มีจุดขาวที่ต่อมทอนซิลหรือคอหอย
3. ไม่ไอ
4. ต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอโตและกดเจ็บ

ผู้เจ็บคอส่วนใหญ่เกือบทุกกรณีจะหา 3 ข้อข้างต้นได้ไม่ครบ เช่นคนที่เป็นโควิด ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัส ก็มักจะมีอาการเจ็บคอ กับมีไข้ แต่จะมีอาการไอร่วมด้วย ไม่มีจุดขาวในลำคอ และไม่มีต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณลำคอ
สรุปว่า หาได้เพียง 1 ข้อไม่ครบ 3 ข้อ แปลว่าไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะ

หยุดเรียกยาปฏิชีวนะ ว่ายาแก้อักเสบ

ขอบคุณข้อมูล สยส. สร้างเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
18 พย. 2565
ร่วมรณรงค์ในวาระ สัปดาห์รู้รักษ์ ตระหนักใช้ยาปฏิชีวนะ

✌️แคมเปญรณรงค์เพื่อการเข้าถึงวิตามินดี ของคนไทย
เดินสายบริจาควิตามินดี ให้หน่วยงาน องค์กรการแพทย์ต่างๆ
ได้มีโอกาสไปรณรงค์ที่
กรมแพทย์ทหารอากาศ มอบให้แก่บุคคลากรทางการแพทย์ค่ะ
วิตามินดี (Vitamin D) วิตามินที่จำเป็นและสำคัญกับคนทุกวัย โดยร่างกายคนเราสามารถสร้างวิตามินดีได้ด้วยตัวเองจากการสัมผัสแสงแดดแล้วเกิดปฏิกิริยาในร่างกาย ดึงเอาไขมันใต้ผิวหนังไปสร้างเป็นวิตามินดี 3 และได้รับจากการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินดี เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ธัญพืช เห็ด ไข่ และนม 🥚🥛🫘🍄🐟
🟢 จากผลการศึกษาปัญหาการขาดวิตามินดีในคนไทยโดยโรงพยาบาลรามาธิบดีพบว่า คนไทยถึง 45.2% มีระดับวิตามินดีไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองใหญ่ ที่มีพฤติกรรมอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ในตัวอาคารเป็นหลัก ไม่ค่อยได้ออกมาสัมผัสกับแสงแดด ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา เช่น โรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และยังเพิ่มโอกาสการเกิดภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย
🟢 การเสริมด้วยวิตามินดีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นของคนไทยในยุคปัจจุบัน ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินดี หรือผู้ที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายก็สามารถเสริมวิตามินดีได้ แต่การเลือกรับประทานวิตามินดีนั้น ควรเลือกเป็นวิตามินดี 3 (Vitamin D3) หรือ Cholescalciferol ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่สร้างขึ้นในร่างกายได้ตามธรรมชาติและมีความปลอดภัยต่อการรับประทาน ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการขาดวิตามินดี จึงจำเป็นต้องรับประทานในปริมาณ 5,000 IU ต่อวัน จึงจะสามารถเพิ่มระดับวิตามินดีในกระแสเลือดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอบคุณข้อมูล Mega

💪✌️แคมเปญรณรงค์เพื่อการเข้าถึงวิตามินดี ของคนไทย
เดินสายบริจาควิตามินดี ให้หน่วยงาน องค์กรการแพทย์ต่างๆ คราวนี้ไปรณรงค์ที่
สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี มีผู้อำนวยการ และบุคคลากรทางการแพทย์รับมอบค่ะ
วิตามินดี (Vitamin D) วิตามินที่จำเป็นและสำคัญกับคนทุกวัย โดยร่างกายคนเราสามารถสร้างวิตามินดีได้ด้วยตัวเองจากการสัมผัสแสงแดดแล้วเกิดปฏิกิริยาในร่างกาย ดึงเอาไขมันใต้ผิวหนังไปสร้างเป็นวิตามินดี 3 และได้รับจากการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินดี เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ธัญพืช เห็ด ไข่ และนม 🥚🥛🫘🍄🐟
🟢 จากผลการศึกษาปัญหาการขาดวิตามินดีในคนไทยโดยโรงพยาบาลรามาธิบดีพบว่า คนไทยถึง 45.2% มีระดับวิตามินดีไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองใหญ่ ที่มีพฤติกรรมอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ในตัวอาคารเป็นหลัก ไม่ค่อยได้ออกมาสัมผัสกับแสงแดด ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา เช่น โรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และยังเพิ่มโอกาสการเกิดภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย
🟢 การเสริมด้วยวิตามินดีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นของคนไทยในยุคปัจจุบัน ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินดี หรือผู้ที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายก็สามารถเสริมวิตามินดีได้ แต่การเลือกรับประทานวิตามินดีนั้น ควรเลือกเป็นวิตามินดี 3 (Vitamin D3) หรือ Cholescalciferol ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่สร้างขึ้นในร่างกายได้ตามธรรมชาติและมีความปลอดภัยต่อการรับประทาน ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการขาดวิตามินดี จึงจำเป็นต้องรับประทานในปริมาณ 5,000 IU ต่อวัน จึงจะสามารถเพิ่มระดับวิตามินดีในกระแสเลือดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอบคุณข้อมูล Mega

💪แคมเปญรณรงค์เพื่อการเข้าถึงวิตามินดี ของคนไทย
เดินสายบริจาควิตามินดี ให้หน่วยงาน องค์กรการแพทย์ต่างๆ คราวนี้ไปรณรงค์ที่
ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ โดยมี ผู้อำนวยการ และบุคคลากรทางการแพทย์รับมอบค่ะ
วิตามินดี (Vitamin D) วิตามินที่จำเป็นและสำคัญกับคนทุกวัย โดยร่างกายคนเราสามารถสร้างวิตามินดีได้ด้วยตัวเองจากการสัมผัสแสงแดดแล้วเกิดปฏิกิริยาในร่างกาย ดึงเอาไขมันใต้ผิวหนังไปสร้างเป็นวิตามินดี 3 และได้รับจากการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินดี เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ธัญพืช เห็ด ไข่ และนม 🥚🥛🫘🍄🐟
🟢 จากผลการศึกษาปัญหาการขาดวิตามินดีในคนไทยโดยโรงพยาบาลรามาธิบดีพบว่า คนไทยถึง 45.2% มีระดับวิตามินดีไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะคนที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ และตามหัวเมืองใหญ่ ที่มีพฤติกรรมอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ในตัวอาคารเป็นหลัก ไม่ค่อยได้ออกมาสัมผัสกับแสงแดด ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมา เช่น โรคกระดูกพรุน ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และยังเพิ่มโอกาสการเกิดภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย
🟢 การเสริมด้วยวิตามินดีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นของคนไทยในยุคปัจจุบัน ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินดี หรือผู้ที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายก็สามารถเสริมวิตามินดีได้ แต่การเลือกรับประทานวิตามินดีนั้น ควรเลือกเป็นวิตามินดี 3 (Vitamin D3) หรือ Cholescalciferol ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่สร้างขึ้นในร่างกายได้ตามธรรมชาติและมีความปลอดภัยต่อการรับประทาน ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการขาดวิตามินดี จึงจำเป็นต้องรับประทานในปริมาณ 5,000 IU ต่อวัน จึงจะสามารถเพิ่มระดับวิตามินดีในกระแสเลือดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอบคุณข้อมูล Mega

ช่วงนี้เดินสาย บริจาคมอบวิตามินดีแก่องค์กรต่างๆ ในแคมเปญส่งเสริมการเข้าถึงวิตามินดีของคนไทย ซึ่งจากสถิติพบว่าคนไทยมากกว่าครึ่งหนึ่ง ขาดวิตามินดี เพื่อให้คนไทยมีภูมิคุ้มกันรักษาโรค สุขภาพแข็งแรง
มอบวิตามินดีที่หน่วยแพทย์ แก่บุคลากรทางการแพทย์ ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์และคนไข้ เข้าถึงวิตามินดี เพื่อสุขภาพแข็งแรงนะคะ
#จุฬาฟาร์มาซี9 #สุขภาพดีไม่มีขาย

ถึงแม้เรื่องการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะถูกบรรจุไว้ให้เป็นหนึ่งในวิธีการที่จะสุขภาพดี ร่วมกับการกินอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ การไม่สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ หรือการลดความเครียด แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังละเลยการดูแลสุขภาพด้วยการไม่ชอบ และไม่สนใจออกกำลังกาย จนเป็นสาเหตุให้มีปัญหาด้านสุขภาพ และโรคเรื้อรังตามมา
🟢 ในปี 2564 มีผลการสำรวจด้านสุขภาพของคนไทยที่ศึกษาร่วมกันระหว่างสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าการไม่สนใจและขาดการออกกำลังกาย รวมถึงการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราการเจ็บป่วยของคนไทยที่มีโรคเรื้อรังและโรคประจำตัวถึง 20.3% ซึ่งผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นว่า การขาดการออกกำลังกายส่งผลโดยตรงกับปัญหาสุขภาพอย่างชัดเจน
🟢 วิธีการออกำลังกายทำได้ตามความถนัด และความชอบของแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน แต่สำหรับบางคนที่เพิ่งจะเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง หรือยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นออกกำลังกายด้วยวิธีใด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำว่า “วิธีออกกำลังกายที่ดี และง่ายที่สุดก็คือ การเดิน”
🟢 นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว และผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพ Wellness We care Center กล่าวไว้ว่า “การเดินเบาๆ เพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจใกล้เคียงปกติ 30 นาที ทำ 5 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ต่อเนื่อง 3 เดือน เปรียบเทียบเท่ากับคนที่ออกกำลังกายระดับเหนื่อยหอบ พบว่าระดับออกซิเจนในร่างกายเพิ่มขึ้นและส่งผลให้เซลล์ในร่างกายทำงานได้อย่างสมบูรณ์ รวมไปถึงระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังได้”
🟢 การออกกำลังกาย คือหนึ่งในวิธีของการมีสุขภาพที่ดีซึ่งจำเป็นสำหรับทุกเพศ ทุกวัย หากใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นออกกำลังกายด้วยวิธีใด ‘การเดิน’ ก็ถือเป็นทางเลือกอันดับแรกที่จะทำให้สุขภาพของทุกคนดีขึ้นได้แต่สิ่งสำคัญก็คือ จะต้องทำอย่างเข้มข้น และต่อเนื่อง
ขอบคุณข้อมูลจาก :
1. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
2. นพ. สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว
Mega
#จุฬาฟาร์มาซี9

รู้หรือไม่? คนไทยเสียชีวิตจากโรคติดต่อไม่เรื้อรัง (NCDS) ชั่วโมงละ 37 คน
🟢 โรค NCDs คือกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จนก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาไม่ว่าจะเป็นการบริโภคอาหารที่มีพลังงานสูง รับประทานอาหารที่มีรสหวานจัด เค็มจัด อาหารที่มีไขมันสูง ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่เป็นประจำ รวมไปถึงความเครียด และมลพิษที่ต้องเจอในแต่ละวัน ทั้งหมดล้วนเป็นสาเหตุที่จะนำไปสู่กลุ่มโรคเรื้อรังดังกล่าวได้
🟢 จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก(WHO) พบว่าใน 10 ปีที่ผ่านมาคนไทยป่วยเป็นโรคในกลุ่ม NCDs ถึง 14 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 300,000 คนต่อปี คิดเป็นเสียชีวิตเฉลี่ยชั่วโมงละ 37 คน และมีแนวโน้มการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี ซึ่งส่วนใหญ่เสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี
🟢 แม้ว่าโรค NDCs จะไม่ใช่โรคอันตรายเฉียบพลัน แต่ก็เป็นโรคใกล้ตัวที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เพื่อลดโอกาสในการเกิดโรค เช่น เลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัด เค็มจัด และอาหารที่มีไขมันสูง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และไม่ลืมที่จะเข้าตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง เพราะหากตรวจพบโรคได้เร็วก็จะสามารถควบคุมโรคได้เร็ว นอกจากนี้การเสริมสารอาหารมีส่วนช่วยในการป้องกัน และฟื้นฟูอาการของโรคควบคู่ไปด้วยก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้เชียวชาญแนะนำโดยเฉพาะ “วิตามินอี (Vitamin E)” สารอาหารสำคัญที่มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ และช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกายอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย
🟢 แนะนำให้เลือกรับประทานวิตามินอีในรูปแบบ Mixed tocopherols ซึ่งเป็นวิตามินอีที่เลียนแบบธรรมชาติได้อย่างใกล้เคียง สามารถดูดซึมได้ดี และร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์และคุณค่าจากวิตามินอีได้อย่างเต็มที่
ขอบคุณข้อมูลจาก:
กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค
องค์กรอนามัยโลก (WHO)

👍👍👍

เทคนิคการดูแลสุขภาพดีด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน

เจาะใจEP.38 : นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ กับการมีสุขภาพดีได้ด้วยตัวเองจากการกินและการใช้ชีวิต [17 ก.ย. เจาะใจ เสาร์นี้ พบกับ นายแพทย์สันต์ ใจยอดศิลป์ กับเรื่องราวๆดีที่จะทำให้เรามีสุขภาพดีได้ด้วยตัวเองจากรู....

💪ดูแลตัวเองให้แข็งแรงเสมอ ภูมิคุ้มกันห้ามตก นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง การกินก็เป็นสิ่งสำคัญมากนะคะ
👍แชร์เคล็ด (ไม่) ลับ เทคนิคการเลือกซื้อวิตามินซี ให้ได้ประโยชน์สูงสุด 🧡🧡🧡
ด้วยความห่วงใย
ขอบคุณข้อมูล Mega Wecare

วิธีการเลือกซื้อ วิตามินซี | ห่างไกลโรคด้วยสารอาหาร By MEGA We care 6 วิธีเลือกซื้อวิตามินซีให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย ------------------------------------ 📌 สนใจข่าวสารสุขภาพเพิ่มเติมและสอบถ...

รู้หรือไม่? คนไทยกว่า 25 % อาจกำลังมีภาวะไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว
🟢 “ไขมันพอกตับ” คือ ภาวะที่มีไขมันเข้าไปสะสมในเซลล์ตับต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้ตับมีอาการอักเสบ ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่ดูแลรักษาจะทำให้กลายเป็น “ตับอักเสบเรื้อรัง” รุนแรงต่อเนื่อง และก่อให้เกิดเป็นพังผืดในตับ เซลล์ตับค่อยๆถูกทำลาย และไม่สามารถทำงานได้ตามปกติจนกลายเป็น “ตับแข็ง” และอาจนำไปสู่การเกิดเป็น “มะเร็งตับ” ในที่สุด
🟢 ดังนั้นถ้าตรวจพบภาวะไขมันพอกตับตั้งแต่ระยะแรกผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูสภาพตับเองได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เลี่ยงการรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น แป้ง ไขมัน น้ำตาล ควบคู่ไปกับการเสริมสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อตับ เช่น สารสกัดจากรากต้นแดนดีเลี่ยน สารสกัดแอปเปิ้ล บริเวอร์ยีสต์ เลซิติน และสารสกัดอีฟนิ่งพริมโรส ซึ่งในปัจจุบันได้มีการรวบรวมสารอาหารเหล่านี้เอาไว้ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรครบถ้วนที่มีประโยชน์ต่อตับ และมีส่วนช่วยในการบำรุงฟื้นฟูเซลล์ตับ ขจัดสารพิษออกจากตับ และส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของตับให้ดียิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูล Mega Wecare ค่ะ

กระดูกพรุน โรคยอดฮิตของผู้สูงอายุ 👨‍🦳👩‍🦳
🟢 ประเทศไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์แบบ ภาวะกระดูกพรุนจึงพบได้เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้นอัตราการสลายกระดูกจะเริ่มมีมากกว่าอัตราการสร้างกระดูก ทำให้ความหนาแน่นของมวลกระดูกลดลง จึงเป็นสาเหตุของการเกิดโรคกระดูกพรุน โดยอาการส่วนใหญ่ที่สามารถสังเกตเห็นได้ เช่น อาการปวดตามบริเวณเอว หลัง ความสูงของร่างกายลดลง หลังโก่ง ไหล่งุ้ม เป็นต้น
#อันตรายจากโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ
🟢 ผู้สูงอายุที่ป่วยโรคกระดูกพรุนมีโอกาสเกิดกระดูกหักได้ง่ายกว่าคนทั่วไป หากเกิดอุบัติเหตุหรือได้รับการกระแทกเบาๆ อาจเสี่ยงกระดูกสะโพกแตก หัก หรือข้อสะโพกหลุด ในบางรายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย หากไม่ได้รับการดูแลรักษา หรือรักษาล่าช้า อาจเสี่ยงกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้เสียชีวิตได้
🟢 นอกจากโรคกระดูกพรุนที่เป็นภัยเงียบของผู้สูงอายุแล้ว อีกหนึ่งภัยเงียบที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นชินคือ หินปูนเกาะหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของผนังหลอดเลือดหัวใจหรือความเสื่อมโดยธรรมชาติจึงทำให้เกิดคราบ “หินปูน” หรือ “แคลเซียม” มาเกาะบริเวณภายในหลอดเลือด เมื่อเกิดการเกาะแน่นเป็นเวลานาน จะส่งผลให้หลอดเลือดแข็งตัว เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ ซึ่งเสี่ยงต่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดจากภาวะอุดตัน ในบางรายหากมีอาการรุนแรงอาจเกิดอาการเส้นเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน ส่งผลถึงขึ้นเสียชีวิตในที่สุด สำหรับผู้สูอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ สมองอุดตัน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน มักมีความเสี่ยงมากกว่าคนที่มีร่างกายปกติและสุขภาพแข็งแรง
🟢 ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทั้งโรคกระดูกพรุนและหินปูนเกาะหลอดเลือดหัวใจเป็นภัยเงียบของทุกคนโดยไม่รู้ตัว ซึ่งแนวทางการดูแลมวลกระดูกให้กระดูกแข็งแรง ไม่เปราะหักง่าย สามารถทำได้ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การเดิน กระโดดเชือก เต้นแอโรบิก หรือการรำมวยจีน จะช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง ,หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น กาแฟ น้ำอัดลม แอลกอฮอล์ ออกไปรับแสงแดดอ่อนๆ ในตอนเช้าหรือตอนเย็น วันละ10-15 นาที จะช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีได้ดีขึ้น และบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการโดยเฉพาะอาหารที่มีแคลเซียมสูงเช่น นม ชีส ปลาตัวเล็ก และผักใบสีเขียวเข้ม เป็นต้น
.
🟢 อีกหนึ่งวิธีที่สามารถป้องกันและรักษาโรคกระดูกพรุน รวมถึงป้องกันหินปูนเกาะหลอดเลือดหัวใจ คือการเสริมด้วยสารอาหารจากธรรมชาติสูตร StimuCal ที่ประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่าง Ossein-Hydroxyapatite Complex (OHC), Vitamin D3 และ Vitamin K2
#สารอาหารจากธรรมชาติสูตรStimuCal
1. Ossein-Hydroxyapatite Complex (OHC)
เป็นสารอาหารจากธรรมชาติ 100% ที่สกัดได้จากกระดูกวัว มีส่วนประกอบของแคลเซียม โปรตีน และฟอสฟอรัสที่ช่วยสร้างความหนาแน่นของเนื้อกระดูก ช่วยป้องกันรักษาโรคกระดูกพรุน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Vitamin D3 ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดี และช่วยเสริมการสร้างของกระดูก
3. Vitamin K2 ช่วยสร้างความแข็งแรงให้มวลกระดูกจากการสร้างโปรตีนที่มีชื่อว่า ออสทีโอแคลซิน (Osteocalcin) ซึ่งจะทำงานร่วมกับ Vitamin D3 ในการเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูก และยังลดการเกาะของแคลเซียมหรือหินปูนที่หลอดเลือดแดงที่ไปเกาะเนื้อเยื่อกระดูกได้ดีขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://shorturl.asia/taw71
https://shorturl.asia/JD76b
👉 คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ : https://shorturl.asia/RQqT7
ขอบคุณข้อมูล Mega Wecare

ในยุคปัจจุบันต้องพบเจอทั้งปัญหาโรคระบาด มลพิษรอบตัว รวมถึงสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป และความเสื่อมที่เพิ่มขึ้นตามอายุ ทำให้หลายคนตระหนักและเห็นความสำคัญในการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในวิธีการดูแลสุขภาพที่หลายคนไว้วางใจ คือ การเลือกใช้สมุนไพรธรรมชาติ เพราะมีความปลอดภัยและส่งผลดีต่อร่างกายในระยะยาว ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงสมุนไพรไทย แต่สมุนไพรจากต่างประเทศบางชนิดก็มีสรรพคุณทางยา และมีประสิทธิภาพเทียบเท่าสมุนไพรของไทยเช่นกัน

วันนี้จะพาทุกคนมาเรียนรู้ถึงเรื่องราวและสรรพคุณของสมุนไพรทั้งไทยและเทศแบบเจาะลึก เพื่อเป็นประโยชน์ในการนำไปใช้รักษาและบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

👍 4 สมุนไพรสำคัญ ตัวช่วยดูแลสุขภาพสำหรับคนยุคนี้
ฟ้าทะลายโจร
🎉สมุนไพรฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่ถูกบรรจุไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีสารสำคัญคือ สารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจ ลดการอักเสบ ลดไข้ และยังมีส่วนช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้อีกด้วย จากสรรพคุณที่กล่าวมาทำให้คนจำนวนมากหาซื้อสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเพื่อรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นหนึ่งโรคที่เกิดจากการติดเชื้อบริเวณทางเดินหายใจจนทำให้สินค้าขาดตลาดเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม แม้ฟ้าทะลายโจรจะเป็นพียงสมุนไพรแต่ก็ควรศึกษาก่อนรับประทาน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

สำหรับผู้ที่มีอาการหวัด เช่น ไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก สามารถรับประทานสมุนไพรฟ้าทะลายโจรให้ได้สารแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มิลลิกรัมต่อวันติดต่อกันไม่เกิน 3-5 วัน

สำหรับผู้ติดเชื้อโควิดที่อาการไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการ สามารถรับประทานสมุนไพรฟ้าทะลายให้ได้สารแอนโดรกราโฟไลด์ วันละ 180 มิลลิกรัมต่อวันติดต่อกันไม่เกิน 5 วัน แต่ต้องระวังการใช้ในหญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร และผู้ใช้ยาลดความดันและต้านเกล็ดเลือด

ปัจจุบันในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรหลากหลายยี่ห้อ ก่อนเลือกซื้อควรพิจารณาข้อมูลที่สำคัญให้ถี่ถ้วน โดยควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ฟ้าทลายโจรในรูปแบบแคปซูลที่เป็น ‘สารสกัด’ ดีกว่า ‘ผงบด’ เพราะจะให้ปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ ครบถ้วน และเข้มข้น ทำให้ไม่ต้องรับประทานครั้งละหลายเม็ด และยังมีผลข้างเคียงต่ำกว่า เมื่อเทียบกับแบบผงบด และที่สำคัญควรเลือกยี่ห้อที่มีมาตรฐาน ระบุปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ไว้อย่างชัดเจน และผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน GMP มาตรฐานยาระดับโลก เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย

🎉เอ็กไคนาเซีย
ในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือ COVID-19 เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อสมุนไพรชนิดนี้กันมาบ้างด้วยสรรพคุณทางยาที่สำคัญ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการักษาด้วยงานวิจัยเกือบ 300 ฉบับรวมถึงมีความปลอดภัย ในหญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เป็นต้น แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า เอ็กไคนาเซีย ถูกนำมาใช้เพื่อรักษาและป้องกันโรคติดต่อทางเดินหายใจที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะโรคหวัด มานานกว่า 100 ปี และเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในแถบทวีปยุโรปและอเมริกา

สมุนไพรเอ็กไคนาเซีย มีฤทธิ์ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวในการดักจับสิ่งแปลกปลอม เพิ่มการผลิตที-เซลล์ (T-Lymphocyte) เพื่อต่อสู้สิ่งแปลกปลอมมากขึ้น ช่วยลดความรุนแรง ระยะเวลาในการเป็นหวัด และยังลดความรุนแรงของอาการ ไอ เจ็บคอ คันคอ ได้ถึง 24% ซึ่งการเลือกใช้สมุนไพรเอ็กไคนาเซียแทนการใช้ยาปฎิชีวนะ จะช่วยลดการเกิดภาวะดื้อยาและลดผลข้างเคียงต่อการใช้ยา รวมถึงลดโอกาสที่ตับจะถูกทำลายเนื่องจากต้องทานยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน

🎉ขมิ้นชัน
หนึ่งสมุนไพรที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี และเป็นสมุนไพรที่ชาวเอเชียให้การยอมรับและได้รับการขนานนามว่าเป็น “Wonder of drugs” หรือมหัศจรรย์แห่งสมุนไพร เนื่องจากสารสำคัญในขมิ้นชันมีสรรพคุณในการป้องกันและรักษาโรคต่างๆมากมาย

สารสำคัญ เคอร์คูมินอยด์ (Curcuminoid) ในขมิ้นชัน มีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบจึงเป็นที่นิยมในการนำมาใช้เพื่อรักษาแผลในทางเดินอาหาร และลดอาการอักเสบของข้อ นอกจากนี้ขมิ้นชันยังช่วยเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ลดการจับตัวและการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส จึงช่วยลดโอกาสการติดเชื้อรุนแรง และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน อัลไซเมอร์ รวมถึงยังช่วยชะลอความเสื่อมที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายได้

ด้วยคุณประโยชน์นานัปการ ทำให้มีการนำเอาขมิ้นมาสกัดอยู่ในรูปแบบของไฟโตโซม ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายและรวดเร็วกว่ารูปแบบทั่วไป ส่งผลให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากสารสกัดขมิ้นชันอย่างเต็มประสิทธิภาพ

🎉น้ำมันกระเทียม
กระเทียม สมุนไพรคู่ครัวคนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี นอกจากจะนิยมนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงประกอบอาหารแล้ว หลายคนอาจยังไม่รู้ว่ากระเทียมได้ถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรคมานานกว่า 3,000 ปี เพราะกระเทียมอุดมไปด้วยสาระสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งมีแค่เฉพาะในกระเทียมเท่านั้น ไม่สามารถหาจากสมุนไพรชนิดอื่นได้

กระเทียมมีสารสำคัญ อัลลิซิน (Allicin) ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวให้เพิ่มขึ้น เมื่อเม็ดเลือดขาวมีจำนวนมากขึ้นก็สามารถช่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาได้ดี จึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงส่งผลให้อาการของผู้ที่เป็นหวัดและภูมิแพ้ลดลง นอกจากนี้น้ำมันกระเทียมยังช่วยลดระดับไขมันโคเลสเตอรอลรวมและไขมันโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL-cholesterol) โดยไขมันโคเลสเตอรอลเป็นสาเหตุหลักของการอุดตันของเส้นเลือด รวมทั้งยังมีส่วนช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ได้อีกด้วย

แม้จะมีประโยชน์มากแค่ไหน แต่การรับประทานกระเทียมสดอาจไม่สะดวก เพราะมีกลิ่นฉุน หากกินเยอะอาจทำให้มีกลิ่นปาก ซึ่งในปัจจุบันได้มี ‘น้ำมันกระเทียมสกัด’ อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ เพื่อให้รับประทานได้ง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังคงคุณค่าของสารสำคัญได้มากกว่ากระเทียมสดอีกด้วย

แม้สมุนไพรทั้ง 4 ชนิดที่กล่าวไปจะมีประโยชน์และสรรพคุณมากมายต่อร่างกาย แต่อย่าลืมว่าหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี คือการใส่ใจดูแลตัวอยู่เสมอ เพราะไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ล็อกดาวน์หรือคลายล็อกดาวน์ เรายังต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา ด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังอย่างเสมอ ควบคู่กับการใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพ ด้วยความห่วงใย

ขอบคุณข้อมูล Mega We care