นวชีวา คลินิกแพทย์แผนไทย
ตำแหน่งใกล้เคียง ธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพและความงาม
Johor Bahru
Kota Bharu, Muara Kelantan
57000
คลินิกแพทย์แผนไทยให้การรักษา บำบัด
ศูนย์การแพทย์แบบบูรณาการ รักษา บำบัด ฟื้นฟู แก้ไขปัญหาสุขภาพด้วยองค์ความรู้ทางการแพทย์ ให้บริการ ตรวจรักษา บำบัด ฟื้นฟู โรคทั่วไป โดยแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และให้บริการด้านกัญชาบำบัด
#น้ำกระสายยาแก้โรคต่างๆ
แก้ไข้ตัวร้อน เอาน้ำดอกไม้ละลายกิน
แก้หอบ เอาลูกประคำดีความต้มเอาน้ำละลายยากิน
แก้ร้อนในกระหายน้ำ เอารากบัวหลวง ต้มเอาน้ำละลายยากิน
แก้สวิงสวายครั่นเนื้อครั่นตัว ใช้น้ำซาวข้าวหรือน้ำจันทน์เทศ ละลายยากิน
แก้บิด เอาหัวกระทือ หัวไพล หรือหัวกระชายหมกไฟ ฝนเอาน้ำละลายยากิน
แก้ท้องเดิน ใช้เปลือกแคแดงและเปลือกมะเดื่อชุม ต้อมเอาน้ำละลายยากิน
ถ่ายไม่หยุด เอาทับทิมทั้ง 5 คือ ต้น ดอก ราก ลูก ใบ ต้นกับน้ำปูนใส เอาน้ำละลายยากิน
แก้เบื่ออาหาร หรือรับประทานอาหารไม่มีรส เอาเถาบอระเพ็ด ก้านสะเดา ลูกผักชี ต้มเอาน้ำ ละลายยากิน
แก้อาเจียน เอาลูกยอต้ม เอาน้ำ ละลายยากิน
แก้สะอึก เอรารากทรงบาดาล รากมะกล่ำเครือ รากมะอึก ต้มเอาน้ำละลายยากิน
แก้ขัดเบา เอาแก่นสน ไม้สัก สารส้ม เท่าๆ กัน ต้มเอาน้ำละลายยากิน
แก้นอนไม่หลับ เอารากชุมเห็ดไทย น้ำตาลกรวด ต้มเอาน้ำละลายยากิน
แก้ไข้สตรีมีครรภ์ ออกดำ ออกแดง เอาลูกผักชี ชะเอม บดเป็นผงละลายน้ำมะพร้าวอ่อนรุมไฟละลายยากิน
แก้กระษัย เบาแดง เอากาฝาก มะม่วงพรวน ต้มเอาน้ำละลายยากิน
ให้เจริญอาหาร เอาโกศหัวบัว ชะเอมเทศ ต้มเอาน้ำละลายยากิน
แก้ซางขึ้นปากคอเด็ก เอาดีงูเหลือม ละลายน้ำ เอาน้ำละลายยากิน
แก้ผิดสำแดง หรือแสลง เอาเหมือดคน พญามือเหล็ก รากมะปราง เปรี้ยว- มะปรางหวาน ฝนกับน้ำซาวข้าวละลายยากิน
แก้ไข้ ใจหงุดหงิด เอาหญ้าฝรั่นต้มเอาน้ำเป็นกระสาย
แก้น้ำลายเหนียว เอาเมล็ดเทียนดำห่อผ้า ต้มเอาน้ำละลายยากิน
ตัวอย่างน้ำกระสายยาที่หมอโบราณเคยใช้สืบเนื้อต่อกนมาและได้ผล หมอโบราณยังใช้กันมาทุกวันนี้ ท่านผู้อ่านที่สนใจจะใช้นำกระสายยาดังกล่าวนี้บ้างก็ได้ เพราะบางอย่างเป็นของหาง่ายทำใช้ได้ง่าย เพราะบางท่านก็มียาหอมประจำตัวอยู่แล้ว ถ้าได้น้ำกระสายยาที่ดี ตรงกับอาการที่เป็นก็จะได้ประโยชน์มากขึ้น โดยผู้เขียนยินดีและไม่สงวนสิทธ์
#ต้มยำบรรเทาไข้หวัด
ช่วงปลายฝนต้นหนาว ธาตุในร่างกายถูกกระทบจากธาตุภายนอกได้ง่าย ทำให้เป็นไข้หวัด ให้ไอ ได้ง่าย หากรักษาไม่หายจะกลายเป็น ริดสีดวงมองคร่อ (หวัดลงปอด) ตามสมุฏฐานทางแผนไทยกล่าวว่า “ไข้ในวสันตฤดู” (เดือน 9-10-11-12 ) เป็นไข้เพื่อลม ลมเป็นใหญ่กว่าโลหิต เสมหะทั้งปวง ไข้จากสาเหตุนี้เป็นไข้ที่สามารถรักษาด้วย “การวางยารสร้อน” ซึ่งต่างจากไข้อื่นๆ การรักษาด้วยการกินอาหารให้เป็นยา หรือ “ยาในครัว” ที่เหมาะสำหรับคนที่เป็นไข้หวัดในช่วงฤดูนี้
#ต้มยำรสเปรี้ยว เผ็ดร้อน เพิ่มหอมแดง หอมใหญ่ เหง้าขิง ข่า ตะไคร้ เป็นพิเศษ ปรุงสุกอุ่นๆ 1 ถ้วย กับข้าวสวย ช่วยแก้หวัด
สรรพคุณโดยรวมของต้มยำถ้วยนี้คือ รสเผ็ดร้อนช่วยขับลม กระจายลม เสริมไฟธาตุ สร้างความอบอุ่น เพิ่มภูมิต้านทานแก่ร่างกาย ช่วยขับเหงื่อ ขับเสมหะ
เมื่อวิเคราะห์เกี่ยวกับส่วนประกอบแต่ละชนิดของยาขนานนี้ ว่าสามารถช่วยหรือบรรเทาอาการหวัดได้อย่างไร ??
#พริกขี้หนู รสเผ็ดร้อน ขับลม แก้ไข้หวัด แก้ท้องอืด
#พริกไทย รสเผ็ดร้อน กระจายลม แก้ทองอืดท้องเพ้อ
#เหง้าขิง เหง้าข่า รสเผ็ดร้อน ขับลม กระจายลม
#ตะไคร้ รสปร่าหอม ขับลม แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ
#หัวหอม รสเผ็ดฉุน แก้ไข้เพื่อเสมหะ บำรุงธาตุ
#กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ
#ใบมะกรูด รสปร่าหอมร้อน ขม ขับลมในลำไส้
#มะนาว รสเปรี้ยว กัดเสมหะ แก้ไอ แก้เสมหะ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่แพทย์แผนไทยยังเน้นย้ำและให้ความสำคัญคือ ข้อห้าม ข้อควรระวังของคนไข้เช่น
-ห้ามอาบน้ำในช่วงที่มีไข้ หรือช่วงไข้เริ่มสร่าง
-ห้ามนวดขณะมีไข้
-ห้ามกินของเย็น ของมัน ของหมักดอง น้ำส้มสายชู
======================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#ยาประสะเจตพังคี
สรรพคุณ : แก้กษัยจุกเสียด ขับผายลม
วิธีทาน ก่อนอาหาร 15 นาที ครั้งละ 2 เม็ด เช้า และ เย็น
มีตัวยาทั้งหมด 16 ชนิด ผงยา รวม 66 กรัม
#รากเจตพังคี น้ำหนักมากที่สุด 33 กรัม
สรรพคุณ : แก้อาการท้องอืด จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ปวดกระเพาะอาหารขับลมชื้น เป็นยาทะลวงลมปราณ ช่วยคลายเส้น
#เหง้าข่า หนักรองลงมา 16 กรัม
สรรพคุณ : ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยย่อยอาหาร แก้ลมจุกเสียด กินแก้โรคข้อ
โรคหลอดลมอักเสบ เป็นยาแก้ไอ
#พริกไทยล่อน หนัก 2 กรัม
สรรพคุณ : ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร ขับลม แก้ลมอัมพฤกษ์
#เถาบอระเพ็ด หนัก 2 กรัม
สรรพคุณ : ช่วยเจริญอาหาร ช่วยย่อย บำรุงน้ำดี บำรุงไฟธาตุ
ข้อควรระวัง : ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะเอนไซม์ตับบกพร่อง หรือผู้ป่วยโรคตับ หรือ โรคไต
#รากระย่อม หนัก 2 กรัม
สรรพคุณ :ช่วยเจริญอาหาร ทำให้โลหิตปกติ แก้โลหิตเป็นพิษ ฟอกเลือด และตัวอื่นๆ เช่น ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ดอกกานพลู เนื้อสมอ
———————————————————
#ลดอาการจุกแน่น
-ทาน ยาหอม ก่อนอาหารเช้า และ เย็น 15 นาที
1/2 ช้อนชา + น้ำเปล่า 1/3 ของแก้ว
-ทาน ประสะเจตพังคี 2 เม็ดหลังอาหารเช้า และ เย็น 15 นาที
-ทาน ธรณีสัณฑะฆาต 3-4 เม็ด ก่อนนอน สัปดาห์ละสองวัน
================================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#ยาอายุวัฒนะ
เปรียบเสมือนยาที่ช่วยให้อายุยืนยาว ร่างกายแข็งแรง และคืนความเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง ในความเป็นจริงมนุษย์ย่อมแก่ไปตามวัย แต่ยาสมุนไพรบางชนิดก็มีสิ่งที่ช่วยต้านความเสื่อมชรา หรือที่เรียกว่าแอนตี้ออกซิแดนซ์ ทางการแพทย์อายุรเวทของอินเดีย ยาที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะเรียกว่า ระสายานะ (Rasayana) อายุรเวทมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือ การธำรง รักษาความมีสุขภาพดี ระสายานะ (Rasayana) ก็เป็นหนึ่งในการธำรง รักษาความมีสุขภาพดี ซึ่งระสายานะ (Rasayana) มาจากรากศัพท์ ดังนี้ Rasa - แปลว่า สารอาหาร, สาระสำคัญ Ayana - แปลว่า เคลื่อนไหว ดังนั้นคำว่า ระสายานะ (Rasayana) แปลว่า การเคลื่อนไหวของสารอาหาร หรือสาระสำคัญในร่างกาย โดยระสายานะ จะช่วย ชะลอความแก่, คืนความอ่อนเยาให้ร่างกาย, ดีต่อผิวพรรณและเสียง, เพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกายและภูมิต้านทานโรค, ทำให้ความจำดี และความคิดที่เหมือนเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง.ซึ่งในวันนี้จะขอยกตัวอย่างสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นรสายนะ นั่นก็คือ #มะขามป้อม
ทางการแพทย์แผนไทย น้ำจากผล มะขามป้อม ช่วยแก้ท้องเสีย ขับปัสสาวะ ผล ช่วย แก้ไอ ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ และในทางอายุรเวทก็จะเรียกว่า Amalaki (Phyllanthus embelica Linn.) มีคุณสมบัตืในการลดปิตตะ (Pitta hara), ลดตรีโทษที่กำเริบ (tridosha hara), ทำให้อายุยืน (vayasthapana),และดีต่อตา (chakshya) จึงมักใช้ลดเบาหวาน, แก้ไข้ , รักษาเลือดจาง , แก้หอบหืด , รักษาไอ ,แก้ตกขาว, ลดปวดประจำเดือน, แก้ปัสสาวะขัด
วิธีการรับประทาน:
#รสายนะ:กินผลมะขามป้อมสุกวันละ1-2 ผลทุกวัน
#โรคเบาหวาน: ใช้ผงของมะขามป้อม/น้ำคั้นจากลูกมะขามป้อม 1-2 ช้อนชา ผสมกับผงขมิ้นชัน รับประทาน
#ท้องผูก:น้ำคั้นมะขามป้อม 15 ml ผสมกับน้ำผึ้ง รับประทาน
======================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#ทานอะไรดีในแต่ละฤดู
ปัจจุบันฤดูกาลเปลี่ยนแปลงคลาดเคลื่อนไปมาก ในแต่ละภาคก็แตกต่างกัน อย่างเช่นในประเทศไทยของเรา หน้าร้อน อุณหภูมิสูงจนทำให้มีคนตาย หน้าฝน ปริมาณน้ำมากเกินทำให้เกิดภาวะน้ำท่วม และหน้าหนาว อุณหภูมิต่ำจนติดลบ ดังนั้นเราจึงต้องมีวิธีการดูแลตนเองให้สอดคล้องกับฤดูกาลที่เกิดขึ้น โดยมีวิธีการง่ายๆ ดังนี้
#ฤดูฝน
ช่วง 4 เดือนของฤดูฝนการเกิดโรคมักเกิดขึ้นเนื่องจากธาตุลมกำเริบหรือพิการ ดังนั้นการดุแลสุขภาพในหน้าฝน คือ ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีรสแสลงกับโรคลม เช่น รสเย็น รสเมาเบื่อ รสขม รสหอมเย็น อาหารย่อยยาก และควรรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดร้อน
อาหารที่เหมาะสาหรับฤดูฝน ได้แก่ น้าขิง เมี่ยงคา ผัดขี้เมา ผัดกะเพรา ต้มยา ต้มโคร่ง ส้มตา แกงเลียง ยาชนิดต่างๆ ทุเรียน ลาไย ลิ้นจี้ ละมุด เป็นต้น
#ฤดูร้อน
ความร้อนในช่วง 4 เดือนของฤดูร้อนจะส่งผลกระทบต่อ ธาตุไฟ และ ธาตุน้ำในร่างกาย ทำให้ ธาตุไฟกำเริบ คือ มีการเพิ่มกระบวนระบายความร้อน จึงดูแลธาตุไฟของตนเองโดยควบคุมเกี่ยวกับอุณหภูมิให้ร่างกายไม่ให้สูงมากขึ้น เช่น ไม่รับประทานอาหารรสร้อน หรือ รสมันมากเกินไป ไม่ทำงานหนักเกินกำลัง สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี ทำจิตใจให้สงบ รับประทานอาหารรส เย็น และ ขม นอกจากนี้ความร้อนยังส่งผลกระทบให้ธาตุน้าในร่างกายหย่อน ทำให้ ผิวแห้ง กระหายน้า จึงควรดื่มน้าอย่างน้อย 8 แก้ว/วัน
อาหารที่เหมาะสาหรับฤดูร้อน ได้แก่ ได้แก่น้าใบเตย น้าใบบัวบก ข้าวแช่ แกงจืดฟักเขียว แกงหน่อไม้ใบย่านาง สลัดผัก มะระทรงเครื่อง ถั่วเขียวต้ม แตงโม รากบัว ชมพู่ มะละกอ แตงไทย มะเขือเทศ สาลี่ แอปเปิล เป็นต้น
#ฤดูหนาว
ช่วง 4 เดือนนี้ มีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศทาให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน อาจเกิดการเจ็บป่วยได้ ส่วนใหญ่มักทำให้ธาตุน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิกัดเสมหะกำเริบ หย่อนหรือพิการได้ นอกจากเสมหะแล้ว ธาตุน้ำอื่นๆในร่างกายก็อาจกาเริบ หย่อน หรือพิการ ได้เช่นกัน เช่น ไขข้อ มันเหลว มันข้น เลือด โดยเฉพาะส่วนที่อยู่ใกล้ผิวหนังจะกระทบมากที่สุด
อาหารที่เหมาะสาหรับฤดูหนาว อาหารที่มีรสเผ็ดร้อนสามารถนามาปรุงเป็นอาหารฤดูหนาวได้ดี และควรเพิ่มอาหารดังนี้เข้าไปด้วย เช่น น้าขิง น้ามะขาม แกงส้มดอกแค แกงขี้เหล็ก แกงป่า สะเดาน้าปลาหวาน น้าพริก มะละกอ มะเขือเทศ ส้มต่างๆ มะนาว มะเฟือง เป็นต้น
ทั้งนี้การจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีได้นั้น ต้องมีการดูแลทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ ที่เรียกว่าการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และหลีกเลี่ยงมูลเหตุการณ์เกิดโรคทั้ง 8 ประการ ดังนี้ 1.การรับประทานอาหารแสลง หรือ อาหารไม่สะอาด 2.การอยู่ในอิริยาบถที่ผิดปกติ 3.ได้รับความร้อนและเย็น มากเกินไป 4.อดนอน อดข้าว อดน้า 5.กลั้นอุจจาระ ปัสสาวะ 6.ทางานเกินกาลัง 7.ความเศร้าโศกเสียใจ และ 8.โทสะ เพื่อการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ห่างไกลจากความเจ็บป่วยทั้งปวง
======================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#สมุนไพรบำรุงกระดูก
ผู้สูงอายุมักประสบปัญหาเกี่ยวกับโรคกระดูกพรุน เนื่องจากเซลล์ของกระดูกมีการสลายมากกว่าการสร้าง
โรคกระดูกพรุนพบในหญิงมากกว่าชายการสูญเสีย
แคลเชียมที่กระดูกทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง กระดูกหักง่ายการได้รับแคลเซี่ยมที่เพียงพอจะช่วยเพิ่มความแน่นของกระดูกดังนั้นผู้สูงอายุ ควรได้รับอาหารที่มี
แคลเชี่ยมเพียงพอประมาณวันละ 800 มิลลิกรัม แคเชี่ยมมีมากในน้ำนม ปลาป่น กุ้งแห้ง และผักใบเขียวที่มีปริมาณแคลเซียมสูงได้แก่ ใบยอ ใบช้าพลู ฝักมะขามอ่อน ยอดแค ผักกะเฉด และยอดสะเดา เป็นต้น
#ใบยอ มีแคลเซียมสูง (469-841 มก./100 ก.)
ใบใช้ประกอบอาหาร เช่นห่อหมก แกงอ่อม เป็นต้น
สรรพคุณทางยา : ใบอ่อนมีรสขม ใช้เป็นยาลดความร้อนในร่างกาย แก้ไข บำรุงธาตุ แก้ท้องร่วงในเด็กแก้เหงือกปวด บวม ปวดข้อ ค่ะ
#ช้าพลู
ใบช้าพลูนิยมใช้เป็นผักรับประทานกับเมี่ยงคำ ส้มตำ ข้าวยำ และใช้ทำแกงเลียง ในใบประกอบด้วยแคลเซียมในปริมาณสูง (601 มก./100 ก.)
สรรพคุณทางยา : ตำราไทยใช้ราก ใช้ใบช้าพลูเป็นยาขับลม ทั้งต้นใช้ใบขับเสมหะ รากและผลใช้รักษาบิด ใบมีรสเผ็ดเล็กน้อยใช้แก่ธาตุพิการ บำรุงธาตุ คุมเสมหะให้ปกติ แก้จุกเสียด
#มะขาม(ชื่ออื่นๆ : หมากแกง, ตะลูบ, ขาม)
ฝักมะขามอ่อนมีแคลเซียมสูง (429 มก./100 ก.)ทางด้าน อาหารใช้ยอดอ่อน ใบอ่อน ดอก ฝัก ฝักแก่ และอ่อนของ มะขาวเปรี้ยวเป็นอาหาร ยอดอ่อนใช้ปรุงแกง ดอกใช้ยำ ส่วนฝักอ่อนใช้ตำน้ำพริก
สรรพคุณทางยา : มะขามเปียกใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ แก้ไอ ขับเสมหะ ฝักอ่อนมีแคลเซียม และไวตามินสูง บำรุงกระดูก และช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
#แค (ชื่ออื่นๆ : แคบ้าน, แคแดง)
ยอดแคลเซียมสูง(395 มก./100 ก.) นิยมนำมาลวก เป็นผักจิ้มน้ำพริกดอกแคนิยมใช้ปรุงอาหาร เช่น แกงส้ม และใช้ลวกเป็นผักจิ้ม
สรรพคุณทางยา : ยอดอ่อนใช้รับประทานแก้ไข้หัวลม (ไข้ที่เกิดขึ้นเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง) เปลือกต้นมีรสขมฝาดใช้แก้ท้องเสีย น้ำต้มเปลือกใช้ล้างบาดแผล
#ผักกะเฉด
ใบและลำต้นที่แกะนวมออกแล้ว ใช้รับประทานเป็นผัก ใช้ปรุงเป็นอาหาร เช่น แกงส้ม และยำต่างๆ ต้นสดมีโปรตีนสูง (6.4ก./100 ก.) และมีแคลเซียมสูง (387 มก/100 ก.)
สรรพคุณทางยา : ผักกะเฉดมีรสเย็น ช่วยบรรเทาความร้อน ใช้ดับพิษร้อนถอนพิษไข้ ถอนพิษยาเบื่อเมา ช่วยบำรุงกระดูก เนื่องจากมีแคลเซียมค่อนมาก
======================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#ยาผสมเถาวัลย์เปรียง
เถาวัลย์เปรียง เป็นสมุนไพรที่แพทย์แผนไทยรู้จักกันดี
ปรากฏอยู่ในตำรายาแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในหลายคัมภีร์
เป็นสมุนไพรที่มีความถี่ในการใช้และปรากฏในตำรายาสูงมากชนิดหนึ่ง โดยใช้เถาเป็นส่วนประกอบในตำรับยาแก้กษัยแก้เหน็บชา ถ่ายเส้นเอ็น ถ่ายกษัย แก้เส้นเอ็นขอด แก้เมื่อยขบ ทำให้เส้นหย่อน แก้ปวด แก้ไข้ ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ แก้โรคบิด แก้โรคหวัด แก้ไอ ขับเสมหะ ถ่ายเสมหะลงสู่คูดทวาร ถ่ายอุจาระ บีบมดลูก หมอยาบางพื้นที่ใช้แก้อาการตกขาว คาดว่ามาจากฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของเถาวัลย์เปรียง ที่มีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้นกันจึงอาจจะเป็นกลไกที่ช่วยให้อาการตกขาวดีขึ้น
ต่อมามีการศึกษาวิจัย และยืนยันการใช้แก้ปวดกล้ามเนื้อ มีความปลอดภัยสูงผ่านการศึกษาวิจัยจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อตรวจสอบข้อมูลการศึกษาวิจัยก็พบว่า เถาวัลย์เปรียงมีฤทธิ์ลดการอักเสบ ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกในการใช้เป็นยาแก้ปวดเมื่อย
ต่อมามีงานวิชาการพบว่า เถาวัลย์เปรียงมีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเอดส์ ผู้ป่วยมะเร็ง หวัด ภูมิแพ้ และยังผ่านการทดลองทางคลินิกในการแก้ปวดจากเข่าเสื่อมเปรียบกับนาโปรเซน(ยาต้านการอักเสบแผนปัจจุบัน) แล้วพบว่าได้ผลไม่ต่างกัน และในการแก้ปวดหลังระดับเอว (low back pain) เปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบัน คือ ยาไดโคลฟีแนค ก็พบว่าได้ผลไม่ต่างกันอีกเช่นกัน แต่เถาวัลย์เปรียงมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
ปัจจุบัน แคปซูลเถาวัลย์เปรียงได้รับการบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2554
นอกจากฤทธิ์ในการแก้ปวด คลายกล้ามเนื้อได้เทียบเคียงกับกลุ่มยาคลายกล้ามเนื้อแผนปัจจุบัน หรือ กลุ่มยา N-saids และยังไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อกระเพาะอาหารลำไส้แล้ว เถาวัลย์เปรียง ยังใช้เป็นยาแก้กษัยของไทย ช่วยดูแลระบบทางเดินปัสสาวะ ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขุ่น ขัด ไม่คล่อง จึงได้ถูกนำมาใช้บรรเทาอาการในผู้ป่วยที่มีภาวะต่อมลูกหมากโต และยังมีฤทธิ์ลดอักเสบที่โดดเด่น สามารถช่วยลดอาการอักเสบของต่อมลูกหมากโตได้อีกด้วย
ข้อควรระวัง และอาการไม่พึงประสงค์
-ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
-ระวังการใช้ในผู้ป่วยที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารเนื่องจากเถาวัลย์เปรียงมีกลไกออกฤทธิ์เช่นเดียวกับยาแก้ปวดในกลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Nonsteroidal Anti-Inflammatory Drugs: NSAIDs) และการรับประทานเถาวัลย์เปรียงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร
อาการไม่พึงประสงค์ เช่น ปวดท้อง ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย คอแห้ง และใจสั่น
================================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#เรื่องสิวสิว
ทางการแพทย์แผนไทยมีแนวคิดว่า
#สิวเกิดจากปิตตะพิการ
ปิตตะ คือ ความร้อน เป็นสิ่งที่ให้ความอบอุ่นกับร่างกายความหิวความกระหาย ความเปล่งปลั่ง สดชื่น เมื่อกระทำโทษจะทำให้เกิดอาการหลาย ๆ รูปแบบ รวมถึงทำพิษให้โลหิตพิการ เกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดฝีหนอง หรือสิวหนองชนิดต่าง ๆ
แล้วจะมีวิธีรักษาได้อย่างไรได้บ้าง?
1. รับประทานสมุนไพรที่มีรสชาติขม เย็น หรือจืด ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาโรคทางปิตตะ สามารถระงับธาตุไฟในร่างกายได้ มีสรรพคุณในการระงับน้ำเหลืองเสียต่าง ๆ ที่ไหลออกจากร่างกายได้ แก้โลหิตพิการ เช่น บอระเพ็ด รากปลาไหลเผือก กระดอม ฯลฯ
2. ขับถ่ายทุกวัน การขับถ่ายไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะหรืออุจจาระ เป็นการนำความร้อนส่วนเกินออกจากร่างกาย ดังนั้นผู้ที่มีอาการท้องผูกบ่อย ๆ จะมีปัญหาความร้อนอยู่ภายใน ส่งผลให้เกิดสิวได้
3. นอนหลับให้เพียงพอ ร่ายกายของคนเราจะมีการฟื้นฟูสภาพร่างกาย คล้าย ๆ กับการชาร์ตแบตเตอร์รี่ร่างกาย โดยปกติคนเราจะหลับได้ดีในภาวะที่มืดสนิท โดยเฉพาะในช่วงสี่ทุ่ม-ตีสอง ถ้าเราได้หลับสนิทในช่วงเวลานี้ ร่างกายก็จะได้พักผ่อนและฟื้นฟูสภาพร่างกายได้เต็มที่
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 7-8 แก้ว แต่การดื่มน้ำทีเดียวครั้งละมาก ๆ เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะร่างกายเรามีการรักษาสมดุลของปริมาณน้ำ การดื่มน้ำมากเกินไปในแต่ละครั้งก็จะทำให้ร่างกายปัสสาวะบ่อยขึ้น ร่างกายขับน้ำออกโดยไม่ทันได้ดูดซึมเข้าร่างกายอย่างเต็มที่
5. ออกกำลังกาย ออกกำลังกายให้เหงื่อออกบ้าง เน้นการเดิน โยคะ หรือฤๅษีดัดตน เพราะไม่กระทบการเทือนต่อร่างกายมากเกินไป แพทย์แผนไทย ถือว่าร่างกายเป็นสิ่งที่ต้องทะนุถนอม
6. รักษาความสะอาดของผิวกาย ใบหน้า เสื้อผ้าและเครื่องใช้ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวและใบหน้าของตนเอง อย่าล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น
7. ปรับสภาพจิตใจ การปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ก็ช่วยปรับสภาวะปิตตะในร่างกายได้ เช่น การเล่นสนุกสนานกับเด็ก ๆ คุยกับเพื่อที่ถูกคอ ดมกลิ่นอาหารดีๆที่กำลังหุงต้ม พยายามรื่นเริงกับสิ่งที่ทำให้เบิกบานใจ
แม้จะมียาที่มีสรรพคุณดีเพียงใด การปฏิบัติตัวของเราก็สำคัญมากเช่นกัน การที่ปิตตะกระทำโทษนั้นตามโบราณบอกไว้ว่า เกิดจากการรับประทานของเผ็ดจัด รับประทานเกลือมาก อาหารไม่ย่อย ตากแดดมาก เสพกามคุณมาก กินอาหารบางอย่างที่เป็นพิษกับปิตตะเช่น นมข้น สุรา หรือของรสเปรี้ยว ดังนั้นอาหารหรือพฤติกรรมเหล่านี้จึงควรหลีกเลี่ยง ถ้าปฏิบัติได้ตามนี้เรื่องสิวก็จะไม่เป็นปัญหากับเราอีกต่อไป
======================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#ยาหอมเทพจิตร #ยาหอมทิพโอสถ
#ยาหอมนวโกฐ #ยาหอมอินทจักร
ใช้ต่างกันอย่างไร ????
คนส่วนใหญ่รู้จักเพียงแต่ชื่อของยาหอม และเข้าใจเพียงแต่ว่า ยาหอมเป็นยาคนแก่ ใช้แก้ลมวิงเวียน ผู้ที่ศึกษาองค์ความรู้การแพทย์แผนไทยทราบดีว่ายาหอมในคัมภีร์แพทย์แผนไทยมีจำนวนมากมายกว่า 300 ตำรับ ใช้ในโรคต่างๆ มากมาย และในการรักษาโรคของแพทย์แผนไทยสมัยโบราณนั้นจะมียาหอม พกติดตัวไว้ในล่วมยาสำหรับรักษาโรคยามฉุกเฉิน แล้วค่อยจ่ายยาต้มตามมาภายหลัง ถือได้ว่ายาหอมเป็นยาสำคัญทีเดียวในการแพทย์แผนไทย
ยาหอมตามหลักทฤษฎีการแพทย์แผนไทยก่อนว่า ยาหอม เป็นยาที่ใช้บำรุงหัวใจ ซึ่งในทางการแพทย์แผนไทยไม่ได้หมายถึงยากระตุ้นการทำงานหรือการปรับการเต้นของหัวใจ แต่หมายถึงยาปรับการทำงานของลมที่เคลื่อนไหวทั่วร่างกายมนุษย์ ซึ่งส่งผลต่อจิตใจ อารมณ์ความรู้สึก การหมุนเวียนของเลือด เรียกรวมกันว่า ลมกองละเอียด ยาหอมบางชนิดนอกจากใช้บำรุงหัวใจแล้ว ยังใช้สำหรับแก้ไขปัญหาที่เกิดจากลมกองหยาบ ซึ่งหมายถึง ลมที่อยู่ภายในทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการจุกเสียดอีกด้วย การตั้งตำรับยาหอมจึงต้องประกอบด้วยสมุนไพรจำนวนมาก เพื่อปรับการทำงานของธาตุลม ไฟ และน้ำ ให้เข้าสู่สมดุลย์ และการใช้ยาแต่เนิ่น ก็เป็นการป้องกันไม่ให้เสียสมดุลย์มากจนกระทบธาตุดิน และยากแก่การรักษา ในองค์ความรู้ของแพทย์แผนไทยนั้นยาหอมตั้งขึ้นเพื่อรักษาโรคที่เกี่ยวกับลม ที่มีความแตกต่างกันในรายละเอียด ประกอบด้วยสมุนไพรที่จำแนกได้เป็นกลุ่มดังนี้
#ยาหอมเทพจิตร ใช้แก้ลม บำรุงหัวใจ โดยผสมน้ำดอกไม้เทศ
เหมาะสำหรับ อาการลม วิงเวียน ซึ่งเกิดจากฤทธิ์ของตัวยารสร้อนหลายชนิด มีสรรพคุณแก้ลมวิงเวียน หน้ามืดตาลาย สวิงสวาย และ บำรุงหัวใจ ซึ่งหมายถึง บำรุงให้จิตใจรู้สึกแช่มชื่น เหมาะกับคนที่รู้สึกซึมเศร้า มีอารมณ์เศร้าหมอง ที่มักเกิดขึ้นในบางเวลา หรือคนสูงอายุที่รู้สึกเหงา เศร้า
#ยาหอมทิพโอสถ แก้ลมวิงเวียน ใช้น้ำดอกมะลิเป็นน้ำกระสายยา
นอกจากใช้แก้ลมวิงเวียน โดยละลายน้ำสุกหรือน้ำดอกไม้แล้ว ยังสามารถใช้ในสตรีที่มักมีความรู้สึกหงุดหงิดโกรธง่ายในช่วงก่อนมีประจำเดือน เนื่องจากเป็นผลกระทบของความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นในรอบเดือนและกระทบต่อจิตใจ การใช้ยาที่มีดอกไม้เป็นส่วนผสมจะลดผลกระทบของความร้อนดังกล่าวลง ทำให้จิตใจเย็นลง โดยไม่ทำให้โลหิตเย็น
#ยาหอมอินทจักร แก้คลื่นเหียนอาเจียนใช้น้ำลูกผักชี เป็นกระสายยา
ใช้ได้ดีในการแก้คลื่นไส้อาเจียนโดยละลายยากับน้ำลูกผักชี หรือเทียนดำต้ม หรือน้ำสุก นอกจากนี้ยาหอมอินทจักร สามารถใช้ในอาการหงุดหงิดกระวนวาย จิตใจไม่สงบ โบราณเรียกว่าลมบาดทะจิต ในรายงานการวิจัยพบว่ายาหอมอินทรจักร เพิ่มความแรงการบีบตัวของหัวใจ และ มีฤทธิ์เพิ่มความดันโลหิตเล็กน้อย ซึ่งน่าจะได้ผลดีต่ออาการเป็นลม และยังพบว่า ทำให้หลอดเลือดเล็กที่ไปเลี้ยงสมองขยายตัว และปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเพิ่มขึ้น ต้านการอาเจียน
#ยาหอมนวโกฐ แก้ลมปลายไข้ ใช้น้ำลูกผักชีต้มเป็นกระสายยา
โดดเด่นในการใช้แก้ลมปลายไข้ โดยผสมกับน้ำสุก ลมปลายไข้ หมายถึงอาการท้องอืด เฟ้อ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เกิดหลังจากหายไข้ ในระยะพักฟื้น ในรายงานการวิจัยพบว่ายาหอมนวโกฐเพิ่มความแรงการบีบตัวของหัวใจ และ เพิ่มความดันโลหิตเล็กน้อย ทำให้หลอดเลือดเล็กที่ไปเลี้ยงสมองขยายตัว และปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเพิ่มขึ้น ยาหอมนวโกฐมีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลางทำให้หลับสบาย และทำให้การหลั่งกรดลดลง และยับยั้งการหดตัวของลำไส้เล็ก แก้ปวดท้องได้ดี
#น้ำกระสายยา
นอกจากข้อบ่งใช้ที่แตกต่างกัน ของยาหอมทั้ง 4 ชนิด ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว การใช้ยาหอมละลายกับน้ำกระสายยา จะทำให้รักษาอาการต่างๆได้หลากหลายขึ้น ดังต่อไปนี้
-แก้ลมวิงเวียน ใช้ น้ำดอกไม้ หรือ น้ำสุก
-แก้ลมบาดทะจิต ใช้น้ำดอกมะลิ
-แก้คลื่นเหียนอาเจียน น้ำลูกผักชี หรือ เทียนดำต้ม หรือ น้ำสุก
-แก้ลมจุกเสียด น้ำขิงต้ม
-แก้ลมปลายไข้ น้ำสุก
-แก้ท้องเสีย น้ำต้มใบทับทิม หรือ น้ำต้มเหง้ากระทือเผาไฟ
ข้อแนะนำสำหรับการใช้ยาหอม
การใช้ยาหอมให้ได้ผล แม้จะเป็นชนิดเม็ด ควรนำมาละลายน้ำกระสายยา หรือน้ำอุ่น รับประทานขณะกำลังอุ่น เหมือนกับวิธีการเดิม เพราะการออกฤทธิ์ของน้ำมันหอมระเหยที่มีในยาหอมจะช่วยทำให้ยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น และออกฤทธิ์ผ่านประสาทรับกลิ่น และการดูดซึมผ่านกระเพาะอาหาร
ข้อควรระวังสำหรับการใช้ยาหอม
ยาหอมไม่ใช่ยารักษาอาการโดยตรง แต่เป็นยาปรับสมดุลย์ธาตุโดยเริ่มจากธาตุลม เพื่อไปกระตุ้นการทำงานของน้ำ และไฟ ทำให้มีการไหลเวียนสะดวก เผาผลาญตามปกติ ซึ่งเป็นหลักวิธีคิดแบบองค์รวม การเลือกใช้ยาหอมให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรเลือกชนิดของยาหอมและน้ำกระสายยาให้ถูกกับอาการ ขนาดที่ใช้ใกล้เคียงกับน้ำหนักตัว และหากไม่สามารถซื้อหรือเก็บยาหอมหลายชนิดไว้ในตู้ยาประจำบ้าน ก็สามารถเลือกยาหอมประเภทกลางๆเช่น ยาหอมอินทจักร และใช้ร่วมกับน้ำกระสายยาตามที่ระบุ
================================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#การนวดประคบ
เป็นการนำลูกประคบสมุนไพรสดหรือสมุนไพรแห้ง นึ่งให้ร้อน และนำมาประคบตามส่วนต่างๆของร่างกาย ส่วนใหญ่มักนิยมประคบหลังจากการนวด การประคบสมุนไพรจะช่วยส่งเสริมการนวดไทยแบบราชสำนัก ให้ผลการรักษาดีขึ้น ทั้งจากตัวยาสมุนไพร และความร้อน
ประโยชน์ของการประคบสมุนไพร:-
-ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย
-ช่วยลดอาการบวม อักเสบของกล้ามเนื้อข้อต่อหลัง 24 - 48 ชั่วโมง
-ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
-ช่วยให้กล้ามเนื้อ พังผืด ยืดตัวออก
-ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
-ลดอาการปวด
===============================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#วสันตฤดู
ในช่วงฤดูฝนตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย เรียกฤดูกาลนี้ว่า วสันตฤดู สภาพอากาศจะเย็นและชื้น หากกระทบร่างกาย จะส่งผลให้ธาตุลมในร่างกายเสียสมดุลเกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่ดูแลสุขภาพไม่ดี และโรคที่มักเกิดได้บ่อย ได้แก่ อาการหวัด คัดจมูก ไอ จาม ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด ท้องเสีย วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ตาลาย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นต้น
ภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ใช้ป้องกันโรคในฤดูนี้ ก็คือการนำพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีรสเผ็ดร้อนมาปรุงอาหารเพื่อป้องกันโรค เพราะสมุนไพรรสเผ็ดร้อนจะกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวก ช่วยขับลม บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้วิงเวียนศีรษะได้ดี สมุนไพรที่แนะนำ ได้แก่ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบกะเพรา กระชาย แมงลัก สะระแหน่ ช้าพลู ขมิ้นขาว ขมิ้นชัน ผักชี โหระพา หอมแดง กระเทียม ใบมะกรูด พริกไทย เป็นต้น
แต่หากเกิดอาการหวัด คัดแน่นจมูก หรือภูมิแพ้อากาศ ทางการแพทย์แผนไทยก็มีวิธีแก้ง่าย ๆ ด้วยการรมไอน้ำ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากสามารถทำที่บ้านได้ด้วยตนเอง โดยการนำหอมแดง 3-4 หัว ทุบพอแหลก ใบมะขามและใบส้มป่อยอย่างละ 1 กำมือ ใส่กะละมังหรือหม้อที่ทนความร้อนแล้วเติมน้ำร้อนใส่พอท่วมสมุนไพร ปิดฝาหม้อไว้ 2-3 นาที ให้น้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพรส่งกลิ่นหอม จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ คลุมศีรษะ และเปิดฝาหม้อรมไอน้ำให้ทั่วใบหน้าสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ ประมาณ 5-10 นาที หรือกว่าไอน้ำจะหมด ทำช่วงเช้าเป็นระยะเวลา 4-5 วัน อาการคัดแน่นจมูกจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
================================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#ไอ
ฝุ่นก็เยอะ อากาศก็เย็น หลายๆคนคงมีอาการไอ ไอ ไอ ไอ !!!!
ศาสตร์การแพทย์แผนไทย แบ่งอาการไอออกเป็น 3 ประเภท
1.ไอร่วมกับมีไข้ คอแดงอักเสบ เป็นอาการไอที่เกิดจากปิตะ(ธาตุไฟ)เป็นเหตุ แพทย์แผนไทยจะใช้ยาสมุนไพรที่มีรสขมเปรี้ยว ในการรักษา
2.ไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ เป็นอาการไอที่เกิดจากวาตะ(ธาตุลม)เป็นเหตุแพทย์แผนไทย จะใช้สมุนไพรที่มรรสเผ็ดร้อน หวาน สุขุม(ไม่ขมไม่เย็นและไม่ร้อนจนเกินไป) ในการรักษา
3.ไอมีเสมหะ เสมหะสีขาวหรือใส มีอาการหนาว ครั่นเนื้อครั่นตัว ง่วงเหงาหาวนอน เป็นอาการไอที่เกิดจากเสมหะ(ธาตุน้ำ)เป็นเหตุ แพทย์แผนไทยจะใช้สมุนไพรรสเปรี้ยว ขม ในการรักษา
#ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติที่บรรเทาอาการไอ ได้แก่ #ยาแก้ไอผสมมะขามป้อม #ยาประสะมะแว้ง #ยาอำมฤควาที #ยาตรีผลาฯ
================================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#การรักษาสิวตามแนวทางการแพทย์แผนไทย
ในทางการแพทย์แผนไทยมีแนวคิดว่า สิวเกิดจากปิตตะพิการ
“ปิตตะคืออะไร”
ปิตตะ คือ ความร้อน เป็นสิ่งที่ให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ความหิวความกระหาย ความเปล่งปลั่ง สดชื่น เมื่อกระทำโทษจะทำให้เกิดอาการหลาย ๆ รูปแบบ รวมถึงทำพิษให้โลหิตพิการ เกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดฝีหนอง หรือสิวหนองชนิดต่าง ๆ
แล้วจะมีวิธีรักษาได้อย่างไรได้บ้าง?
1. รับประทานสมุนไพรที่มีรสชาติขม เย็น หรือจืด
ในทางการแพทย์แผนไทยอาหารและสมุนไพรรสขมเย็น หรือจืด มีคุณสมบัติในการรักษาโรคทางปิตตะ สามารถระงับธาตุไฟในร่างกายได้ มีสรรพคุณในการระงับน้ำเหลืองเสียต่าง ๆ ที่ไหลออกจากร่างกายได้ แก้โลหิตพิการ เช่น บอระเพ็ด รากปลาไหลเผือก กระดอม ฯลฯ
2. ขับถ่ายทุกวัน การขับถ่ายไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะหรืออุจจาระ เป็นการนำความร้อนส่วนเกินออกจากร่างกาย ดังนั้นผู้ที่มีอาการท้องผูกบ่อย ๆ จะมีปัญหาความร้อนอยู่ภายใน ส่งผลให้เกิดสิวได้ การขับถ่ายเป็นประจำทุกวันจึงช่วยให้ปิตตะของร่างกายสมดุล
3. นอนหลับให้เพียงพอ โดยปกติคนเราจะหลับได้ดีในภาวะที่มืดสนิท โดยเฉพาะในช่วงสี่ทุ่ม-ตีสอง ถ้าเราได้หลับสนิทในช่วงเวลานี้ ร่างกายก็จะได้พักผ่อนและฟื้นฟูสภาพร่างกายได้เต็มที่ สามารถกำจัดพิษในร่างกายได้สมบูรณ์ ทำให้ธาตุไฟในร่างกายไม่กำเริบ
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 7-8 แก้ว แต่หลายคนเข้าใจผิดมักจะดื่มน้ำทีเดียวครั้งละมาก ๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะร่างกายเรามีการรักษาสมดุลของปริมาณน้ำ การดื่มน้ำมากเกินไปในแต่ละครั้งก็จะทำให้ร่างกายปัสสาวะบ่อยขึ้น ร่างกายขับน้ำออกโดยไม่ทันได้ดูดซึมเข้าร่างกายอย่างเต็มที่
5. ออกกำลังกาย ออกกำลังกายให้เหงื่อออกบ้าง เน้นการเดิน โยคะ หรือฤๅษีดัดตน เพราะไม่กระทบการเทือนต่อร่างกายมากเกินไป แพทย์แผนไทย ถือว่าร่างกายเป็นสิ่งที่ต้องทะนุถนอม
6. รักษาความสะอาดของผิวกาย ใบหน้า เสื้อผ้าและเครื่องใช้ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวและใบหน้าของตนเอง อย่าล้างหน้าบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและขาดความชุ่มชื้น หมั่นซักทำความสะอาดเสื้อผ้า หมอน และที่นอน
7. ปรับสภาพจิตใจ การปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้ก็ช่วยปรับสภาวะปิตตะในร่างกายได้ เช่น การเล่นสนุกสนานกับเด็ก ๆ คุยกับเพื่อนที่ถูกคอ ดมกลิ่นอาหารดีๆที่กำลังหุงต้ม พยายามรื่นเริงกับสิ่งที่ทำให้เบิกบานใจ เช่น เครื่องแต่งกายสวยๆ ดอกไม้ อัญมณีต่างๆ อาบน้ำเย็นที่มีกลิ่นหอมชื่นใจ
แม้จะมียาที่มีสรรพคุณดีเพียงใด การปฏิบัติตัวของเราก็สำคัญมากเช่นกัน การที่ปิตตะกระทำโทษนั้นตามโบราณบอกไว้ว่า เกิดจากการรับประทานของเผ็ดจัด รับประทานเกลือมาก อาหารไม่ย่อย ตากแดดมาก เสพกามคุณมาก กินอาหารบางอย่างที่เป็นพิษกับปิตตะเช่น นมข้น สุรา หรือของรสเปรี้ยว ดังนั้นอาหารหรือพฤติกรรมเหล่านี้จึงควรหลีกเลี่ยง ถ้าปฏิบัติได้ตามนี้เรื่องสิวก็จะไม่เป็นปัญหากับเราอีกต่อไป
#ยาบัวบก
สรรพคุณทางยา :
- ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุ และวัย
- เป็นยาอายุวัฒนะ
- เสริมสร้างและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
- ต่อต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย,บำรุงรักษาสายตา
- ฟื้นฟูรอบดวงตา,บำรุงประสาท และสมองเหมือนใบแป๊ะก๊วย
- ทำให้ความจำดีขึ้น และทำให้สติปัญญาดีขึ้น,เพิ่มความจำในผู้สูงอายุ
- ชะลออาการโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ สตรีวัยทอง หรือโรคอัลไซเมอร์ หรืออาการหลงลืมระยะสั้นได้,เพิ่มไอคิว ความฉลาด และเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้
================================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#การปรับธาตุไฟในร่างกาย
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะปรับธาตุไฟในร่างกายในแต่ละกลุ่มด้วยยา อาหาร และสมุนไพร เพื่อรักษาสมดุลร่างกาย ลดอาการเจ็บป่วย ในช่วงการเปลี่ยนแปลงของฤดูร้อน
ปัญหาสุขภาพที่ตามมาเนื่องจากอากาศร้อน จะพบได้เช่นอาการ #ฮีทสโตรก #ผิวหนังแสบร้อนเกิดผื่นคัน มีอาการร้อนเป็นไข้จากความร้อนในร่างกายตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย และมีอาการ #ท้องร่วงท้องเสีย ที่เกิดจากอาหาร สิ่งเหล่านี้ แพทย์แผนไทยมักแนะนำให้ทำการปรับธาตุไฟในร่างกายไม่ให้เสียสมดุล เพราะศาสตร์แผนไทยนั้นในร่างกายมนุษย์เราเกี่ยวข้องกับธาตุไฟที่อาจก่อให้เกิดผลกับร่างกาย 4 ประเภท คือ
1. #ไฟสันตัปปัคคี หรือ ไฟอุ่นกาย จะทำให้เกิดการเป็น #ไข้ตัวร้อน #ผื่นที่ผิวหนัง #ผิวหนังอักเสบ ดังนั้นหากเป็นไข้ตัวร้อนไม่สบาย ให้ใช้ยาในกลุ่มยาแก้ไข้ เช่น #ยาจันทลีลา #ยาฟ้าทะลายโจร นอกจากนี้สามารถใช้ #ยาตรีผลา ช่วย #ขับเสมหะ #บรรเทาอาการไอ และ #ปรับสมดุลร่างกาย ส่วนอาการทางผิวหนัง หากเกิด #ผื่นที่ผิวหนัง #ผิวหนังอักเสบ ควรใช้ #คาลาไมน์พญายอ บรรเทาอาการผดผื่นคัน #ครีมใบบัวบก #บรรเทาอาการอักเสบ
2. #ไฟปริทัยหัคคี คือ ไฟที่ทำให้เกิดอาการร้อนระส่ำระส่าย #ร้อนอกร้อนใจ (หัวร้อน) ระงับหรือบรรเทาอาการด้วย กลุ่มยาหอม ได้แก่ #ยาหอมเทพจิตร #ยาหอมทิพย์โอสถ และ #ยาหอมแก้ลมวิงเวียน เป็นต้น
3. ไฟชิรณัคคี คือ ไฟที่ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม แก่คร่ำคร่า ซึ่งต้องปรับธาตุไฟชนิดนี้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉพาะช่วง 22.00 – 02.00 น. ต้องนอนให้หลับ และหลีกเลี่ยงอบายมุขทั้งปวง
4. #ไฟปริณามัคคี หรือไฟย่อย ทำให้เกิดอาการ #ผะอืดผะอม #ท้องอืด #ท้องเฟ้อ #อาหารไม่ย่อย #ลมดันขึ้นยอดอก หรือมักมี #อาการท้องเสีย จะใช้ #ยาธาตุบรรจบ ช่วย #ขับลมในลำไส้ #ปรับระบบทางเดินอาหารให้เป็นปกติ หรือ #ยาเหลืองปิดสมุทร ช่วย #บรรเทาอาการท้องเสีย ชนิดที่ไม่ได้เกิด จากการติดเชื้อ
การดูแลสุขภาพทั่ว ๆ ไป ในช่วงฤดูร้อน ให้ปรับธาตุในร่างกายด้วยการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรส ขม เย็น จืด เช่น #มะระ #ย่านาง #ขี้เหล็ก #บัวบก #บวบ #น้ำเต้า #ตำลึง ฯ ซึ่งสมุนไพรที่มีรสขม จืด เย็น จะมีฤทธิ์ #แก้ไข้ #ช่วยระบายความร้อน ภายในร่างกาย #ช่วยปรับสมดุลของธาตุไฟ ภายในร่างกายได้ เมนูอาหารที่แนะนำ ได้แก่ มะระทรงเครื่อง มะระผัดไข่ แกงขี้เหล็ก แกงเลียง
ทั้งนี้ ต้องลดความเผ็ดร้อนลง โดยเพิ่มผักรสเย็นจืด เช่น ใส่บวบ น้ำเต้า ตำลึงเพิ่มมากขึ้น น้ำสมุนไพรที่แนะนำ ได้แก่ น้ำใบบัวบก น้ำใบย่านาง น้ำใบเตย ชาดอกมะลิ น้ำแตงโม และน้ำเก๊กฮวย ผลไม้ที่ควรรับประทาน เช่น #แตงโม #แคนตาลูป #มะพร้าว #ชมพู่ #เสาวรส และ #ส้มเขียวหวาน เป็นต้น
================================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#รุของเสีย
"รุ" หมายถึงการขับออกซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในการบำบัดรักษาอาการเจ็บไข้ไม่สบาย เราแบ่งเป็นรุที่รูปกับรุที่นามคือกายกับใจนั่นเอง การรุทางรูปเราหมายถึงรุปลายอาการเช่น รุความร้อนจากไข้ รุของเสียจากลำไส้ใหญ่ที่ค้างเก่า รุเลือดประจำเดือนเสีย รุโลหิตหรือน้ำเหลืองที่เป็นพิษ รุลมที่ทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อ รุลมในเส้นเมื่อปวดเมื่อย อย่างนี้เป็นต้น
รุเพียงแค่ขับไม่ได้ล้างออก เพราะเราไม่ล้างๆไม่ได้ถ้าล้างจะออกหมดทั้งของเสียและของดี เครื่องยารุมักแทรกอยู่ในตำรับยาต่างๆ เช่น
#ธรณีสัณฑฆาตใส่ยาดำเพื่อให้ขับออกและใส่เครื่องยารสร้อนเพื่อขับลม
#ยาขม ในยาเขียวเพื่อขับความร้อนออก
รุจึงหมายเพียงเอาของเสียบางสิ่งออก คงบางสิ่งไว้ ถ้าล้างหมายเอาออกทั้งหมด ยกนัง คือระบบตับ ผลิตน้ำตาลและน้ำมันหากผลิตมากเกินจะรุส่วนเกินออก แต่ถ้ามีของเสียเกิดขึ้นในระบบ ตับก็จะล้างขับออกเสีย
================================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
#กระสายยาน้ำดอกไม้เทศ
กระสายยาน้ำดอกไม้เทศ มีรสเย็น หอม เหมาะกับโรคร้อนกระสับกระส่าย อ่อนเพลียไม่มีกำลัง และจะต้องคำนึงถึงเวลาที่รับประทานยาตามตำรับแพทย์แผนไทย (โบราณ) เพื่อให้การรักษานั้นได้ผล ดังต่อไปนี้
ยาม 2 เวลา 10.00 - 14.00 น. หรือ 22.00 - 02.00 น. โรคดีและโลหิต ต้องใช้น้ำกระสายยาที่มีรสขม เย็น เช่น #น้ำดอกไม้เทศ น้ำใบผักไห่
#น้ำดอกไม้เทศ ส่วนมากมาจากประเทศอิหร่านหรือซีเรีย เป็นน้ำมันดอกยี่สุ่น มักใช้เป็นน้ำกระสายยาสำหรับยาแก้อ่อนเพลีย ยาบำรุงกำลัง เพราะมีสรรพคุณแก้พิษไข้ แก้ร้อน แก้กระหาย แก้อ่อนเพลีย
================================================
ปรึกษาปัญหาสุขภาพ ฟรี !!
ให้คำปรึกษาและแนะนำโดยแพทย์แผนไทยและบุคลากรทางการแพทย์
ตอบคำถามสุขภาพตรงใจ ไขทุกปัญหาชัดเจน ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย
Inbox หรือ https://lin.ee/b6HvmGz
คลิกที่นี่เพื่อเป็นสมาชิก?
ประเภท
ติดต่อ ธุรกิจของเรา
เบอร์โทรศัพท์
เว็บไซต์
ที่อยู่
ชั้น 2 ตึกชาญอิสสระทาวเวอร์ 2 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเพทมหานคร
Bangkok
10310
เวลาทำการ
จันทร์ | 09:00 - 18:00 |
อังคาร | 09:00 - 18:00 |
พุธ | 09:00 - 18:00 |
พฤหัสบดี | 09:00 - 18:00 |
ศุกร์ | 09:00 - 18:00 |
เสาร์ | 09:00 - 18:00 |
อาทิตย์ | 09:00 - 18:00 |
ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถนนวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย
Bangkok, 10700
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล Website: https://ns.mahidol.ac.th
552/41
Bangkok, 55120
อย่าเชื่อ คำว่า โดนทิ้ง ของผู้หญิง อย่าเชื่อ คำว่า รักจริง ของผู้ชาย
รามคำแหง 190 มีนบุรี
Bangkok, 10510
ดี แคล พลัส ดี3 เสริมสร้างกระดูกและข้อต่อ โทร. 062 942 5224
Bangkok, 10310
ให้คำปรึกษาปัญหานมแม่ โดยนักกายภาพบำบัดวิชาชีพที่ดูแลเรื่องนมแม่มามากกว่า 7 ปี
Siriraj Hospital
Bangkok, 10700
ประชาสัมพันธ์งานที่เกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือดสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ไม่รับปรึกษาคนไข้
แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี
Bangkok, 10510
ดีบูนหรือดีบูเน่ สารอาหารสกัดจากธรรมชาติ ไม่มีสารสเตียรอยด์ ไม่มีผลข้างเคียง ลดอาการปวดเข่า ปวดข้อ ปวดกระดูก กระดูกทับเส้น หมอนรองกระดูกเสื่อมทับเส้นประสาท กระดูกพรุน รูมาตอยด์
หมู่บ้านชัยพฤกษ์ 2 ต. บางคูวัด
Bangkok, 12000
ร้านอาหารเสริมที่คัดมาแล้ว ได้ผล ป?